ฉู่เฉินมองภาพสถานที่เกิดเหตุบนสไลด์ก่อนจะพูดกับหลูติ้งไห่ว่า “คุณลุงหัวหน้าหลู ไม่ทราบว่าทางคุณมีรูปที่มีความละเอียดสูงไหมครับ?”“มีครับ!”หลูติ้งไห่กวักมือเรียกเสี่ยวลู่แล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวลู่ รีบเอารูปความละเอียดสูงรูปนั้นของนายมาให้คุณฉู่ดูสิ”เสี่ยวลู่แค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าหลู นี่ไม่เห็นจำเป็นเลยครับ อีกอย่างเขาไม่ได้เป็นสมาชิกทีมสืบสวนพิเศษของเรา การให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องดูข้อมูลตามใจชอบมันผิดระเบียบนะครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เฉินก็อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ดูท่าทางเขาเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่ต้อนรับเลยหลูติ้งไห่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เซียวเฟิงที่อยู่ทางด้านข้างก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “โอ๊ย สมัยนี้ใครๆ ก็ปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ได้หรือไง? แถมยังปราบอสูรน้ำอีก ฮ่า ๆๆ...”“อุ๊ย ขำจะตายอยู่แล้วจริง ๆ บางคนเคยเห็นอสูรน้ำมาก่อนไหมว่าหน้าตาเป็นยังไง?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา แม้แต่ชายในชุดทหารคนนั้นก็เผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา สีหน้าของหลูติ้งไห่ก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ในพริบตา ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ผู้บัญชาการเซียว จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะครับ การเข้าสู่วิถีเต๋าไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเริ่มก่อนหรือหล
“ฮึ!”เซียวเฟิงแค่นเสียงเย็นแล้วหันไปทางด้านข้างทันที ไม่แม้แต่จะมองฉู่เฉินสักแวบหนึ่ง“เสี่ยวฉู่ คุณ...อย่าถือสาเลยนะครับ เซียวเฟิงก็แค่พูดไม่คิด มาครับ รีบนั่งเถอะ”หลูติ้งไห่เว้นที่นั่งให้ฉู่เฉินด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนฉู่เฉินเอ่ยด้วยยิ้มบาง ๆ ว่า “ขอบคุณครับ หัวหน้าหลู ไม่เป็นไรหรอกครับ ใครให้วันนี้ผมออกจากบ้านโดยไม่ได้ดูปฏิทินโหราศาสตร์กันละ เพิ่งจะเข้ามาก็ทำให้หมากัดซะแล้ว แต่คุณวางใจได้ครับ ผมกัดหมาไม่ได้หรอก”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวเฟิงก็โกรธจนขาว ถลึงตาจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินอย่างเคียดแค้น คาดว่าหากไม่ใช่เพราะหลูติ้งไห่กับโจวอวี้หมิงอยู่ตรงนี้ เขาคงตบหน้าฉู่เฉินไปนานแล้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลูติ้งไห่ก็กระตุกหลายทีเช่นกันอย่างไรก็ตาม ใครใช้ให้เซียวเฟิงหาเรื่องก่อนละ เขาก็ยากจะพูดอะไรมากเหมือนกัน ดังนั้นเลยพูดกับเสี่ยวลู่ว่า “ยังไม่รีบเอารูปมาให้คุณฉู่ดูอีก!”เสี่ยวลู่หยิบภาพถ่ายอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะโยนใส่เบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ไม่สนใจเขา แต่ก้มหน้ามองภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุตรงหน้า “หัวหน้าหลู ศพพวกนี้มีลักษณะเฉพาะร่วมกันอย่างหนึ่ง คือตรงข้อมือหรื
เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา หลูติ้งไห่ก็ดูหวั่นใจเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่จับ? งะ...งั้นจะปล่อยให้มันทำร้ายคนต่อไปหรือไง?”“หัวหน้าหลู สามารถอพยพประชาชนรอบ ๆ ออกไปได้ อีกอย่างแจ้งเตือนชาวเมืองทั้งหมดผ่านทางสื่อว่า ห้ามไม่ให้อยู่ในพื้นที่เปลี่ยว ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องแล้วครับ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างแน่ใจมากไม่ว่าสิบกว่าคนนั้นหรือว่าคนเก็บสมุนไพร ล้วนเป็นเพราะเข้าไปในภูเขา พูดอีกอย่างคือทุกคนที่เข้าไปในขอบเขตการเคลื่อนไหวของผีดิบตัวนั้นถึงจะเจอเหตุไม่คาดฝันเข้า“คุณแม่งพูดบ้าอะไรกัน?”เซียวเฟิงตบโต๊ะดังปัง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา “ยังจะแจ้งทั้งเมืองผ่านสื่ออีก? คุณจะให้สื่อรายงานข่าวว่ายังไง? มีผีดิบโผล่ขึ้นรอบ ๆ เมืองเอกของมณฑล ดังนั้นขอให้ทุกคนอย่าออกจากบ้านเหรอ?” “แม่ง! ใครพาไอ้โง่แบบนี้เข้ามา!”ปัง!เซียวเฟิงเพิ่งจะพูดจบ หลูติ้งไห่ก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง กัดฟันกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเซียว! ผมหวังว่าคุณจะระวังคำพูดคำจาหน่อย! คุณฉู่คือคนที่ผมเชิญมา มีปัญหาอะไรหรือไง?”นี่...เซียวเฟิงหน้าซีด อ้ำอึ้งพักใหญ่แต่ไม่ได้พูดออกมาสักคำโจวอวี้หมิงถอนหายใจกล่าวว่า “ทุกคนเลิกเ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลูติ้งไห่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ฉู่เฉินก็หัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เกรงว่าเงินห้าสิบล้านนี้ คุณจะมีชีวิตได้รับ แต่คงไม่มีชีวิตได้ใช้หรอก”พอคำพูดนี้หลุดออกมา ทั่วทั้งห้องประชุมก็เงียบลงฉับพลันกู้รั่วเสวี่ยรีบดึงชายเสื้อของฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน นักพรตชิงซงเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองเอกของมณฑลนะ อย่าพูดเหลวไหลเด็ดขาด”นักพรตชิงซงคนนี้มีภูมิหลังอยู่บ้างจริง ๆ อีกทั้งค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองเอกประจำมณฑลด้วยบ้านของเศรษฐีและนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยล้วนเคยได้รับการตรวจดูฮวงจุ้ยจากนักพรตชิงซงด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ขอเพียงมีเหตุการณ์ประหลาดอะไรเกิดขึ้น คนแรกที่ชนชั้นสูงของเมืองเอกประจำมณฑลจะนึกถึงก็คือนักพรตชิงซงไม่อย่างนั้น เซียวเฟิงก็คงไม่พึ่งพานักพรตชิงซงมากขนาดนี้นักพรตชิงซงค่อย ๆ เชยตาขึ้นกวาดมองฉู่เฉิน กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกขึ้นตามหลายที ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชาว่า “สหายน้อยท่านนี้ ไม่ทราบว่าอาจารย์เป็นใคร มาจากสำนักใด?”เห็นได้ชัดว่านักพรตชิงซงตั้งใจจะตรวจสอบภูมิหลังฉู่เฉินให้เรียบร้อย ถึงอย่างไรสำหรับนักพรตชิงซงแล้ว การค้าขายครั้งน
แม้แต่โจวอวี้หมิงเองก็รู้สึกว่าวิธีการของฉู่เฉินนั้นระมัดระวังมากเกินไปหน่อยผีดิบเหินฟ้า ผีดิบโลหิตอะไร แค่เครื่องบินยิงปืนใหญ่เข้าไป ต่อให้มีผีดิบโลหิตจริง ๆ ก็ระเบิดมันจนเป็นละอองเลือดแล้ว“งั้นผู้อาวุโสชิงซงช่วยดูรูปพวกนี้หน่อยครับ นี่เป็นรอยฟันที่ผีดิบโลหิตหรือผีดิบเหินฟ้าทิ้งไว้หรือเปล่า?”หลูติงไห่ยื่นรูปใส่มือของชิงซง แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ชิงซงก็ลูบเคราพลางหัวเราะลั่น กวาดตามมองรูปถ่ายบนโต๊ะแล้วพูดว่า “หัวหน้าหลู อย่าโดนพวกคนนอกที่ไม่มีความรู้หลอกลวงสิครับ ผีดิบโลหิตผีดิบเหินฟ้าอะไรนั่นมีที่ไหนกัน?”“นี่ก็แค่ศพเดินได้ธรรมดาเท่านั้น ขอเพียงผมใช้ยันต์ปราบศพแผ่นเดียว ก็ทำให้มันกลายเป็นเลือดน้ำหนองได้แน่นอน”ชิงซงพูดจบก็คุยโม้โอ้อวดถึงความเก่งกาจจนน้ำลายกระเซ็น“นึกถึงปีนั้น ตอนที่ผมเพิ่งลงจากเขา ผ่านไปอำเภอเถิงก็เคยเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ผมมีเมตตาถึงได้ลงมือช่วยเหลือ ใช้แค่ยันต์ปราบศพเดินได้แผ่นเดียว ก็ทำให้ผีดิบตัวนั้นกลายเป็นหมอกเลือด”ฉู่เฉินฟังชิงซงคุยโวโอ้อวดความเก่งกาจอย่างสดใส ยิ่งพูดโม้ยิ่งเพ้อเจ้อ จนเขาแทบจะอดไม่ไหวหัวเราะออกมากู้ร
ในขณะที่ชิงซงใคร่ครวญอยู่ในใจว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรดี ทันใดนั้นเอง สมาชิกแก๊งมังกรคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องประชุมก่อนจะพูดกับพวกหลูติ้งไห่และเซียวเฟิงว่า “รายงาน!” “ระบุตำแหน่งของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้แล้วครับ!”อะไรนะ?!ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่พากันลุกขึ้นยืน โดยเฉพาะหลูติ้งไห่กับโจวอวี้หมิง สีหน้าดูตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย“อยู่ที่ไหน?” หลูติ้งไห่เอ่ยถามอย่างแทบอดทนรอไม่ไหวแล้ว“ยะ...อยู่ที่ทะเลสาบหย่งติ้งครับ”สมาชิกแก๊งมังกรคนนั้นพูดจบก็หยิบแท็บเล็ตออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดแผนที่แล้ว เขาก็ชี้ไปยังที่ถ้ำแห่งหนึ่งข้าง ๆ ทะเลสาบหย่งติ้งตรงชานเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองเอกประจำมณฑล ก่อนจะกล่าวว่า “อยู่ในถ้ำนี้ครับ” “พวกเราได้ส่งทีมไปก่อนอย่างลับ ๆ แล้วครับ บริเวณรอบด้านไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังหลับอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยครับ”“พวกเรากังวลว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ก็เลยไม่ได้บุ่มบ่ามเคลื่อนไหว แค่แจ้งกองทัพที่ประจำการให้กำหนดพื้นที่ภายในรัศมีห้าลี้ เป็นเขตหวงห้ามทางทหาร”หลังจากฟังรายงานจากสมาชิกแก๊งมังกรคนนั้นจบ หลูติ้งไห่ก็ถอนหายใ
“ต้องให้คุณลงมือหรือไง คุณจะกลัวอะไรนักหนา?”ฉู่เฉินสูดลมหายใจลึก คร้านจะอธิบายให้กับคนพวกนี้ฟัง เขาหันไปมองโจวอวี้หมิงแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ชีวิตของทหารกองทัพประจำการมีค่ามากแค่ไหนครับ จะหลงเชื่อคำพูดของตาแก่นี่ง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะครับ”“ถ้าเกิดผีดิบโลหิตบินออกมา จะต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างใหญ่หลวง ผู้บัญชาการกองทัพโจว...”โจวอวี้หมิงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็โบกมือแล้วพูดว่า “เสียวฉู่ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ว่าการเป็นคนต้องหัดมีนิสัยยอมถอยนะครับ”"การที่ฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการดื้อดึงยืนกรานความคิดตัวเอง นั่นจะไม่มีช่องว่างอะไรให้ก้าวหน้าได้ อีกอย่าง ผมคิดว่าคุณลองกราบท่านนักพรตชิงซงเป็นอาจารย์ได้นะครับ เรียนรู้วิชาเต๋าให้ดี ๆ วันหน้าจะได้ไม่อับอายขายหน้าอีก"อะไรนะ?ฉู่เฉินหรี่ตา มองโจวอวี้หมิงอย่างพิจารณาอยู่พักใหญ่ ถึงค่อยฝืนข่มกลั้นโทสะแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ขอโทษด้วยมาก ๆ ครับ ผมฉู่เฉินไม่สนใจเงินห้าสิบล้าน และไม่สนใจว่ามีชื่อเสียงอะไรหรือไม่”“สิ่งที่ผมสนใจคือชีวิตของทหารกองทัพประจำการ ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝั
คำพูดเรียบง่ายของฉู่เฉินทำเอาหลูติ้งไห่กับเสี่ยวลู่อึ้งไปกับคำถามแล้วยาบำรุงปราณขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในหมู่แวดวงชนชั้นสูงเมืองเอกของมณฑล เม็ดละยี่สิบห้าล้าน ซื้อขายกันอย่างซื่อสัตย์สุจริตไม่มีการหลอกลวงแม้แต่เด็กและคนชรา เงินห้าสิบล้านก็เท่ากับเงินที่คนอื่นขายยาบำรุงปราณสองเม็ด ซื้อชุดมาใส่ ไม่แพงเลยจริง ๆเมื่อนึกโยงอีกครั้ง เมื่อกี้เขาเข้าใจผิดคิดว่าฉู่เฉินพูดขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังจะชิงเงินรางวัลห้าสิบล้านนั้น ใบหน้าชราของหลูติ้งไห่ก็แดงขึ้นมาคนอย่างฉู่เฉินไม่ได้ต้องการเงินห้าสิบล้านนั้นจริง ๆ ต่อให้รวมเงินห้าสิบล้านของกองทัพประจำการเข้าไปด้วย ก็ยังไม่พอกับเงินที่เขาหาเงินได้ในหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ“คุณฉู่ ก่อนหน้านี้ต้องโทษผมที่มีตาหามีแววไม่ ขอให้คุณเห็นแก่หน้าของคุณหนูกู้ แล้วได้อย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะครับ”หลูติ้งไห่ขอโทษฉู่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็โบกมือให้เสี่ยวลู่แล้วพูดว่า “ยังไม่ออกไปอีก!”เสี่ยวลู่ไม่คาดคิดเลยว่าฉู่เฉินจะเป็นขาใหญ่ระดับแสนล้าน เวลานี้เขาตกใจกลัวจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมา ยังจะกล้าพูดอะไรออกมาที่ไหนกัน เขาก้มศีรษะวิ่งออกไปเหมือนหมาตัวหนึ่
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า