เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา หลูติ้งไห่ก็ดูหวั่นใจเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่จับ? งะ...งั้นจะปล่อยให้มันทำร้ายคนต่อไปหรือไง?”“หัวหน้าหลู สามารถอพยพประชาชนรอบ ๆ ออกไปได้ อีกอย่างแจ้งเตือนชาวเมืองทั้งหมดผ่านทางสื่อว่า ห้ามไม่ให้อยู่ในพื้นที่เปลี่ยว ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องแล้วครับ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างแน่ใจมากไม่ว่าสิบกว่าคนนั้นหรือว่าคนเก็บสมุนไพร ล้วนเป็นเพราะเข้าไปในภูเขา พูดอีกอย่างคือทุกคนที่เข้าไปในขอบเขตการเคลื่อนไหวของผีดิบตัวนั้นถึงจะเจอเหตุไม่คาดฝันเข้า“คุณแม่งพูดบ้าอะไรกัน?”เซียวเฟิงตบโต๊ะดังปัง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา “ยังจะแจ้งทั้งเมืองผ่านสื่ออีก? คุณจะให้สื่อรายงานข่าวว่ายังไง? มีผีดิบโผล่ขึ้นรอบ ๆ เมืองเอกของมณฑล ดังนั้นขอให้ทุกคนอย่าออกจากบ้านเหรอ?” “แม่ง! ใครพาไอ้โง่แบบนี้เข้ามา!”ปัง!เซียวเฟิงเพิ่งจะพูดจบ หลูติ้งไห่ก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง กัดฟันกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเซียว! ผมหวังว่าคุณจะระวังคำพูดคำจาหน่อย! คุณฉู่คือคนที่ผมเชิญมา มีปัญหาอะไรหรือไง?”นี่...เซียวเฟิงหน้าซีด อ้ำอึ้งพักใหญ่แต่ไม่ได้พูดออกมาสักคำโจวอวี้หมิงถอนหายใจกล่าวว่า “ทุกคนเลิกเ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลูติ้งไห่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ฉู่เฉินก็หัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เกรงว่าเงินห้าสิบล้านนี้ คุณจะมีชีวิตได้รับ แต่คงไม่มีชีวิตได้ใช้หรอก”พอคำพูดนี้หลุดออกมา ทั่วทั้งห้องประชุมก็เงียบลงฉับพลันกู้รั่วเสวี่ยรีบดึงชายเสื้อของฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน นักพรตชิงซงเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองเอกของมณฑลนะ อย่าพูดเหลวไหลเด็ดขาด”นักพรตชิงซงคนนี้มีภูมิหลังอยู่บ้างจริง ๆ อีกทั้งค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองเอกประจำมณฑลด้วยบ้านของเศรษฐีและนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยล้วนเคยได้รับการตรวจดูฮวงจุ้ยจากนักพรตชิงซงด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ขอเพียงมีเหตุการณ์ประหลาดอะไรเกิดขึ้น คนแรกที่ชนชั้นสูงของเมืองเอกประจำมณฑลจะนึกถึงก็คือนักพรตชิงซงไม่อย่างนั้น เซียวเฟิงก็คงไม่พึ่งพานักพรตชิงซงมากขนาดนี้นักพรตชิงซงค่อย ๆ เชยตาขึ้นกวาดมองฉู่เฉิน กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกขึ้นตามหลายที ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชาว่า “สหายน้อยท่านนี้ ไม่ทราบว่าอาจารย์เป็นใคร มาจากสำนักใด?”เห็นได้ชัดว่านักพรตชิงซงตั้งใจจะตรวจสอบภูมิหลังฉู่เฉินให้เรียบร้อย ถึงอย่างไรสำหรับนักพรตชิงซงแล้ว การค้าขายครั้งน
แม้แต่โจวอวี้หมิงเองก็รู้สึกว่าวิธีการของฉู่เฉินนั้นระมัดระวังมากเกินไปหน่อยผีดิบเหินฟ้า ผีดิบโลหิตอะไร แค่เครื่องบินยิงปืนใหญ่เข้าไป ต่อให้มีผีดิบโลหิตจริง ๆ ก็ระเบิดมันจนเป็นละอองเลือดแล้ว“งั้นผู้อาวุโสชิงซงช่วยดูรูปพวกนี้หน่อยครับ นี่เป็นรอยฟันที่ผีดิบโลหิตหรือผีดิบเหินฟ้าทิ้งไว้หรือเปล่า?”หลูติงไห่ยื่นรูปใส่มือของชิงซง แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ชิงซงก็ลูบเคราพลางหัวเราะลั่น กวาดตามมองรูปถ่ายบนโต๊ะแล้วพูดว่า “หัวหน้าหลู อย่าโดนพวกคนนอกที่ไม่มีความรู้หลอกลวงสิครับ ผีดิบโลหิตผีดิบเหินฟ้าอะไรนั่นมีที่ไหนกัน?”“นี่ก็แค่ศพเดินได้ธรรมดาเท่านั้น ขอเพียงผมใช้ยันต์ปราบศพแผ่นเดียว ก็ทำให้มันกลายเป็นเลือดน้ำหนองได้แน่นอน”ชิงซงพูดจบก็คุยโม้โอ้อวดถึงความเก่งกาจจนน้ำลายกระเซ็น“นึกถึงปีนั้น ตอนที่ผมเพิ่งลงจากเขา ผ่านไปอำเภอเถิงก็เคยเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ผมมีเมตตาถึงได้ลงมือช่วยเหลือ ใช้แค่ยันต์ปราบศพเดินได้แผ่นเดียว ก็ทำให้ผีดิบตัวนั้นกลายเป็นหมอกเลือด”ฉู่เฉินฟังชิงซงคุยโวโอ้อวดความเก่งกาจอย่างสดใส ยิ่งพูดโม้ยิ่งเพ้อเจ้อ จนเขาแทบจะอดไม่ไหวหัวเราะออกมากู้ร
ในขณะที่ชิงซงใคร่ครวญอยู่ในใจว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรดี ทันใดนั้นเอง สมาชิกแก๊งมังกรคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องประชุมก่อนจะพูดกับพวกหลูติ้งไห่และเซียวเฟิงว่า “รายงาน!” “ระบุตำแหน่งของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้แล้วครับ!”อะไรนะ?!ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่พากันลุกขึ้นยืน โดยเฉพาะหลูติ้งไห่กับโจวอวี้หมิง สีหน้าดูตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย“อยู่ที่ไหน?” หลูติ้งไห่เอ่ยถามอย่างแทบอดทนรอไม่ไหวแล้ว“ยะ...อยู่ที่ทะเลสาบหย่งติ้งครับ”สมาชิกแก๊งมังกรคนนั้นพูดจบก็หยิบแท็บเล็ตออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดแผนที่แล้ว เขาก็ชี้ไปยังที่ถ้ำแห่งหนึ่งข้าง ๆ ทะเลสาบหย่งติ้งตรงชานเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองเอกประจำมณฑล ก่อนจะกล่าวว่า “อยู่ในถ้ำนี้ครับ” “พวกเราได้ส่งทีมไปก่อนอย่างลับ ๆ แล้วครับ บริเวณรอบด้านไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังหลับอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยครับ”“พวกเรากังวลว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ก็เลยไม่ได้บุ่มบ่ามเคลื่อนไหว แค่แจ้งกองทัพที่ประจำการให้กำหนดพื้นที่ภายในรัศมีห้าลี้ เป็นเขตหวงห้ามทางทหาร”หลังจากฟังรายงานจากสมาชิกแก๊งมังกรคนนั้นจบ หลูติ้งไห่ก็ถอนหายใ
“ต้องให้คุณลงมือหรือไง คุณจะกลัวอะไรนักหนา?”ฉู่เฉินสูดลมหายใจลึก คร้านจะอธิบายให้กับคนพวกนี้ฟัง เขาหันไปมองโจวอวี้หมิงแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ชีวิตของทหารกองทัพประจำการมีค่ามากแค่ไหนครับ จะหลงเชื่อคำพูดของตาแก่นี่ง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะครับ”“ถ้าเกิดผีดิบโลหิตบินออกมา จะต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างใหญ่หลวง ผู้บัญชาการกองทัพโจว...”โจวอวี้หมิงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็โบกมือแล้วพูดว่า “เสียวฉู่ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ว่าการเป็นคนต้องหัดมีนิสัยยอมถอยนะครับ”"การที่ฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการดื้อดึงยืนกรานความคิดตัวเอง นั่นจะไม่มีช่องว่างอะไรให้ก้าวหน้าได้ อีกอย่าง ผมคิดว่าคุณลองกราบท่านนักพรตชิงซงเป็นอาจารย์ได้นะครับ เรียนรู้วิชาเต๋าให้ดี ๆ วันหน้าจะได้ไม่อับอายขายหน้าอีก"อะไรนะ?ฉู่เฉินหรี่ตา มองโจวอวี้หมิงอย่างพิจารณาอยู่พักใหญ่ ถึงค่อยฝืนข่มกลั้นโทสะแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ขอโทษด้วยมาก ๆ ครับ ผมฉู่เฉินไม่สนใจเงินห้าสิบล้าน และไม่สนใจว่ามีชื่อเสียงอะไรหรือไม่”“สิ่งที่ผมสนใจคือชีวิตของทหารกองทัพประจำการ ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝั
คำพูดเรียบง่ายของฉู่เฉินทำเอาหลูติ้งไห่กับเสี่ยวลู่อึ้งไปกับคำถามแล้วยาบำรุงปราณขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในหมู่แวดวงชนชั้นสูงเมืองเอกของมณฑล เม็ดละยี่สิบห้าล้าน ซื้อขายกันอย่างซื่อสัตย์สุจริตไม่มีการหลอกลวงแม้แต่เด็กและคนชรา เงินห้าสิบล้านก็เท่ากับเงินที่คนอื่นขายยาบำรุงปราณสองเม็ด ซื้อชุดมาใส่ ไม่แพงเลยจริง ๆเมื่อนึกโยงอีกครั้ง เมื่อกี้เขาเข้าใจผิดคิดว่าฉู่เฉินพูดขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังจะชิงเงินรางวัลห้าสิบล้านนั้น ใบหน้าชราของหลูติ้งไห่ก็แดงขึ้นมาคนอย่างฉู่เฉินไม่ได้ต้องการเงินห้าสิบล้านนั้นจริง ๆ ต่อให้รวมเงินห้าสิบล้านของกองทัพประจำการเข้าไปด้วย ก็ยังไม่พอกับเงินที่เขาหาเงินได้ในหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ“คุณฉู่ ก่อนหน้านี้ต้องโทษผมที่มีตาหามีแววไม่ ขอให้คุณเห็นแก่หน้าของคุณหนูกู้ แล้วได้อย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะครับ”หลูติ้งไห่ขอโทษฉู่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็โบกมือให้เสี่ยวลู่แล้วพูดว่า “ยังไม่ออกไปอีก!”เสี่ยวลู่ไม่คาดคิดเลยว่าฉู่เฉินจะเป็นขาใหญ่ระดับแสนล้าน เวลานี้เขาตกใจกลัวจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมา ยังจะกล้าพูดอะไรออกมาที่ไหนกัน เขาก้มศีรษะวิ่งออกไปเหมือนหมาตัวหนึ่
จนกระทั่งในห้องประชุมเหลือเพียงฉู่เฉินกับกู้รั่วเสวี่ยสองคน เกาหมิงหลายถึงได้เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เมื่อกี้ ติ้งไห่ได้เล่าคำพูดของคุณฉู่ให้ผมฟังหมดแล้ว”“ตามหลักแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ การปฏิบัติการคืนนี้จะต้องโดนยกเลิก”พอได้ยินแบบนี้ ฉู่เฉินก็พยักหน้าติดต่อกันการเผชิญหน้ากับผีดิบโลหิต วิธีที่ดีที่สุดก็คืออย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น รอจนรวบรวมกำลังได้มากพอแล้วค่อยกำจัดมันทีเดียวให้สิ้นซาก ถึงจะเป็นแผนการที่ดีที่สุดแต่เกาหมิงหลายกลับเอ่ยอย่างเปลี่ยนท่าทีว่า “แต่ว่าในฐานะพ่อแม่ ผมทำแบบนี้ไม่ได้”“ทำไมล่ะ?”ฉู่เฉินกับกู้รั่วเสวี่ยเอ่ยถามขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกันรู้อยู่แก่ใจว่าบนเขามีเสือ แต่ยังจะขึ้นเขาไปท่องเที่ยวอีกเหรอ?แต่ปัญหาคือ ตอนนี้สิ่งที่อยู่บนเขาไม่ใช่เสือ แต่เป็นผีดิบโลหิต!เกาหมิงหลายใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดว่า “เพื่อประชาชนครับ”“ประชากรในเมืองเอกของมณฑลมีมากกว่าสิบล้านคน ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าการออกคำสั่งห้ามจะสามารถห้ามไม่ให้ทุกคนเข้าไปใกล้ทะเลสาบหย่งติ้งได้ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ผมไม่อาจส่งคนไปเฝ้าตรงป
จนกระทั่งเกาหมิงหลายเดินไปไกลแล้ว หลูติ้งไห่จึงหันมากล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณมั่นใจแค่ไหน?”ในเวลานี้เกาหมิงหลายถึงขั้นมีความคาดหวังในตัวฉู่เฉินสูงมาก เห็นได้ชัดว่าหลูติ้งไห่ได้เดิมพันทั้งหมดกับฉู่เฉินแล้วพูดได้ว่าฉู่เฉินคนเดียวสามารถตัดสินความเป็นความตายของคนนับพันได้นาทีนี้อนาคตหลูติ้งไห่ได้ถูกผูกติดกับฉู่เฉินอย่างแน่นหนาแล้ว“ไม่มั่นใจครับ”ฉู่เฉินพูดอย่างจริงจังมาก“มะ…ไม่มั่นใจ?”หลูติ้งไห่ได้ยินคำพูดนั้นแล้วก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้“ใช่ คืนนี้จะสำเร็จหรือพ่ายแพ้ก็ได้แต่ลองทุ่มสุดตัวดูครับ”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าวเมื่อเห็นใบหน้าฉีกยิ้มของฉู่เฉิน หลูติ้งไห่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีจริงๆแต่นี่มันถึงชีวิตเชียวนะ ทำไมฉู่เฉินยังยิ้มออกมาได้?ที่จริงแล้วฉู่เฉินยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นผีดิบเหินฟ้าก็ตาม ขอแค่อวี้ลู่ลงมือให้ก็จะสามารถสะกดข่มได้ในชั่วพริบตาแต่ถ้าไม่ถึงสถานการณ์คับขันจริงๆ ฉู่เฉินจะไม่ใช่ไพ่ไม้ตายนี้เด็ดขาดอีกทั้งระหว่างฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ไม่ได้คบค้าสมาคมเชิงลึกอะไร จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะบอกเรื่องตัวตนของอวี้ลู่“คืนนี้ฉั
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่