ปรมาจารย์ข่งได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ่งออกแรงหนักขึ้นไปอีกทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงสูดหายใจหนักหน่วงของเขากับเซียวจี้กวาง และเสียงหอบหายใจของสาวสวยผมทองสองคนปัง!ในตอนนี้เอง ประตูห้องส่วนตัวพลันถูกคนเตะกระเด็น! ฟิ้ว!เซียวจี้กวางที่อยู่ใกล้หน้าประตูที่สุดรู้สึกได้ถึงลมกระโชกแรงพุ่งตรงมาทางตัวเอง เขาตกใจกลัวจนรีบพลิกตัวกลิ้งลงจากเตียงไปที่พื้นประตูไม้แท้บานนั้นพุ่งอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบเฉียดผ่านร่างสาวสวยผมทอง ไปหาปรมาจารย์ข่งที่กำลังยุ่งอยู่!“ใคร!”ทันทีที่ปรมาจารย์ข่งพูดจบ เวลาเดียวกันเขาก็ยกมือชี้นิ้วออกไป!“ตูม!”ประตูไม้แท้บานนั้นถูกพลังปราณที่เขาซัดออกมาระเบิดจนกลายเป็นเศษไม้กลางอากาศฉู่เฉินเอาสองมือล้วงกระเป๋า เดินจากหน้าประตูเข้ามาในห้องส่วนตัวพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆเซียวจี้กวางกับปรมาจารย์ข่งลุกขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน สาวสวยผมทองสองคนก็กรีดร้องเสียงแหลมติดต่อกันด้วยความตกใจกลัวกับฉากเมื่อกี้ ก่อนจะคว้าผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาแล้วเข้าไปซ่อนตัวในมุมตัวสั่นระริก"คุณเป็นใคร? ใครส่งคุณมา?"เซียวจี้กวงหรี่ตาจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต“คนที่จะมาเอาชีวิตคุณไง!”ฉู่เฉินยิ
“ผมขอเตือนคุณนะ ร่างกายคนเรามีกระดูกทั้งหมด 206 ชิ้น ผมมีความอดทนพอ สามารถหักมันได้ทีละชิ้นนะครับ”ฉู่เฉินปรายตาลงมองเซียวจี้กวางที่เหงื่อเย็น ๆ แตกพลั่กออกมาราวกับสายฝน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “นอกจากนี้ ผมรับรองได้เลยว่าจะให้คุณได้สัมผัสกระบวนการทั้งหมดโดยที่มีสติครบถ้วน”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจี้กวางก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด จ้องมองฉู่เฉินไม่วางตาแล้วพูดว่า “คะ...คุณมันบ้า! คุณมันปีศาจ! ตะ... ตระกูลเซียวของผมไม่มีวันปล่อย...”กร๊อบ!เสียงแตกหักดังขึ้นอีกครั้ง เซียวจี้กวางเจ็บจนเหมือนกับเขามองเห็นคุณย่าของตัวเองที่ไปสวรรค์แล้ว แต่เรื่องน่าแปลกคือ ครั้งนี้เขาไม่เพียงไม่ได้หมดสติ ตรงกันข้ามความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้สติของเขาแจ่มชัดมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าทุกเซลล์ทั่วทั้งร่างกายกำลังส่งสัญญาณความเจ็บปวดมาให้เขา“พี่ชาย... ไม่ ๆ คุณปู่! ผะ...ผมบอกแล้ว!”เมื่อเห็นฉู่เฉินเหยียบต้นขาของเขาอีกครั้ง เซียวจี้กวางก็ตกใจกลัวจนรีบคว้ากอดรองเท้าหนังของฉู่เฉินไว้ พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการวิงวอนว่า “เกาเซิ่งอี้ให้ผมหาหยกชิ้นหนึ่งจากบ้านแม่ลูกตระกูลหลิ่ว”“
“ผมคิดว่าคนแซ่เซียวไม่น่าจะจ้างคนระดับคุณไหวหรอก พูดมา ใครส่งคุณมา?”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง“เกาเซิ่งอี้! เป็นไอ้สารเลวเกาเซิ่งอี้!” “เกาเซิ่งอี้ไม่ได้แค่ต้องการฆ่าหลิ่วชิงเหอกับลูกสาวเท่านั้น แต่เขายังอยากฉวยโอกาสยึดอำนาจควบคุมฉู่ซื่อกรุ๊ปด้วย เท่าที่ผมรู้มา ผู้ก่อตั้งฉู่ซื่อกรุ๊ปเหมือนจะมีสมบัติตกทอดอยู่ชิ้นหนึ่ง”“เพราะว่าเกาเซิ่งอี้ใฝ่ฝันถึงสมบัติล้ำค่าที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา ถึงได้...ถึงได้จ้องฉู่ซื่อกรุ๊ปตาเป็นมัน นอกจากนี้ต้วนโส่วอี้ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของฉู่ซื่อกรุ๊ปก็ถูกเกาเซิ่งอี้ซื้อตัวไปแล้ว”“พวกเขาวางแผนจะปลดหลิ่วชิงเหอกับลูกสาวออกจากตำแหน่งในการประชุมผู้ถือหุ้นอีกสองวันข้างหน้า จากนั้นก็จะค้นหาสมบัติชิ้นนั้นของตระกูลฉู่ผ่านทางหุ่นเชิดที่สนับสนุน”“น้องชาย เรื่องที่ผมรู้ก็มีแค่นี้ เห็นแก่ที่ทุกคนเป็นคนวงการเดียวกัน ครั้งนี้คุณก็ไว้ชีวิตผมเถอะ ผมรับรองว่าจากนี้ไปผมไม่กล้าเข้าสู่ทางโลกอีกแน่นอน”ฉู่เฉินขมวดคิ้วมุ่นพลางมองข่งเลี่ยงแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นเป็นของตกทอดจากตระกูลฉู่เหรอ?” “ใช่แล้วครับ!”ข่งเล
ควบคุมสำนักอวี้ซือ?ข่งเลี่ยงเคยฝันถึง แต่มันจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อฉู่เฉินสามารถฆ่าบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดของสำนักอวี้ซือ แล้วก็ต้องกำจัดเจ้าสำนักเสียก่อน ปัญหาคือฉู่เฉินมีความสามารถขนาดนั้นเหรอ?“น้องชาย ขอเพียงคุณสามารถกำจัดเจ้าสำนักและผู้อาวุโสอีกหกคนได้ ผมมั่นใจว่าสามารถทำให้สำนักอวี้ซือยอมศิโรราบต่อคุณได้”ข่งเลี่ยงพูดด้วยความมั่นใจฉู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ดี ตอนนี้คุณสาบานมาว่าจะภักดีจนตาย”หา?ข่งเลี่ยงเงยหน้ามองฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบสาบานทันทีว่า “ผมข่งเลี่ยงขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อ...”“ฉู่เฉิน”ฉู่เฉินพูดชื่อของตัวเองออกมาอย่างเฉยชา“ผมข่งเลี่ยงขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อฉู่เฉินจนตาย หากผิดคำสาบาน ขอให้ฟ้าผ่า ไฟคลอก จมน้ำ ไม่ตายดี!”ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของข่งเลี่ยง ฉู่เฉินก็วาดยันต์ยื่นสัตย์สาบานกลางอากาศ แล้วชี้นิ้วออกไปประทับลงบนหว่างคิ้วของข่งเลี่ยงเปรี้ยง!ข่งเลี่ยงรู้สึกได้เพียงราวกับมีสายฟ้าฟาดในสมอง เหมือนมีสิ่งลึกลับบางอย่างเพิ่มขึ้นมาในร่างกาย ทำให้ข่งเลี่ยงตกใจกลัวจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาทั่วทั้งร่าง!ในฐานะผู้บำเพ็ญเพียรเหมือนกัน
“เธอถ่ายรูปหลิ่วชิงเหอแล้วส่งมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ หัวหน้าหลูต้องการสอบถามเกี่ยวกับคดี” ไม่รอให้หลิ่วหรูเยียนพูดจบ ฉู่เฉินขัดขึ้นทันทีหลิ่วหรูเยียนอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะพยักหน้าเอ่ยติดต่อกันว่า “ได้ ฉันจะส่งให้นายเดี๋ยวนี้”ไม่นานนัก ภาพถ่ายของหลิ่วชิงเหอที่มีจ้ำศพเต็มตัวก็ถูกส่งมาหลายใบฉู่เฉินทำการปรับภาพอย่างง่าย ๆ อีกครั้ง จากนั้นค่อยส่งให้หัวหน้าหลูแล้วพูดว่า “หัวหน้าหลู รบกวนคุณช่วยดูด้วยครับ รอยช้ำสีดำบนตัวหลิ่วชิงเหอพวกนี้ก็คือจ้ำศพ”หัวหน้าหลูพยักหน้าหนัก ๆ แล้วพูดว่า “คุณฉู่ ช่วยส่งหลักฐานที่คุณให้มาเมื่อกี้ให้ผมได้ไหมครับ? แล้ววันมะรืน...”ฉู่เฉินรีบทำมือบ่งบอกว่าให้เงียบเสียง แล้วมองกลุ่มตำรวจที่อยู่ด้านหลังหลูติ้งไห่แวบหนึ่งหลูติ้งไห่เข้าใจทันที แล้วโบกมือให้ทุกคนที่อยู่ด้านหลัง “พวกคุณออกไปรอกันให้หมด”“ครับ!”พวกตำรวจรีบถอยออกมาจากในห้องส่วนตัวหลังจากที่ฉู่เฉินแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครแอบฟัง เขาค่อยโน้มตัวกระซิบที่ข้างหูของหลูติ้งไห่หลูติ้งไห่ฟังแล้วก็พยักหน้าติดต่อกัน สุดท้ายค่อยก็ยกนิ้วโป้งให้ฉู่เฉิน “คุณฉู่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊จริง ๆ ฉลาดล้ำลึกมาก”“แต่ว่า ตระกู
ช่วงบ่ายวันนั้น ฉู่เฉินตั้งใจนำของว่างท้องถิ่นสิบกว่าอย่างกลับไปยังบ้านเก่าของตระกูลฉู่ พูดตามตรง ความสามารถของสำนักอวี้ซือไม่อาจดูแคลนได้จริง ๆ ตอนนี้ฉู่เฉินเองก็อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานชั้นแรกเท่านั้นต่อให้เป็นคนมุทะลุ เมื่อเผชิญหน้ากับสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานห้าคนก็เกินความสามารถที่จะทำได้อยู่บ้างเหมือนกันสถานการณ์ชักจะน่าปวดหัวนิดหน่อยแล้วสถานการณ์ที่ดีที่สุดก็คือพาอวี้ลู่แฝงตัวเข้าไปในสำนักอวี้ซือ กำจัดพวกยอดฝีมือในสำนักด้วยกัน จากนั้นค่อยยืมมือข่งเลี่ยงควบคุมสำนักอวี้ซือไว้ทั้งหมดว่ากันว่าพอติดค้างบุญคุณคนอื่นแล้วก็จะใจอ่อน ฉู่เฉินไม่ได้เตรียมแค่ของว่างท้องถิ่นให้อวี้ลู่เท่านั้น เขายังตั้งใจซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงรุ่นใหม่ทั้งหมดในห้างสรรพสินค้าของเมืองเอกประจำมณฑลกลับมาด้วย อวี้ลู่เห็นฉู่เฉินถือของกินอร่อย ๆ ไว้ในมือซ้าย ส่วนมือขวาก็ถือชุดสวย ๆ เธอก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากที่เธอรู้จักหมอตัวน้อยคนนี้ เขาไม่ใช่คนที่คอยเอาอกเอาใจโดยไม่มีเหตุผล“ของกินอร่อย ๆ กับชุดสวย ๆ เยอะขนาดนี้ พูดมาเถอะ มีเรื่องที่ต้องการให้ข้าช่วยเหลือใช่หรือเปล่า?”อวี้ลู่กินปูผัดเผ็ดไปด้วย เอ่ยพล
ระยะนี้คำชี้แนะจากอวี้ลู่ รวมถึงวิชาที่ฉู่เฉินมอบให้เธอ ความเร็วในการพัฒนาของอินซู่ซู่จึงรวดเร็วสุดขีด แต่เวลาครึ่งเดือนกว่าสั้น ๆ ก็บรรลุระดับฝึกปราณชั้นห้าแล้วห่างจากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติร่างกายแค่ก้าวเดียวเท่านั้นการเปลี่ยนแปลงของอินซู่ซู่อยู่ในสายตาของฉู่เฉินเช่นกัน ก่อนที่เขาจะนึกยินดีในใจของเพียงปรับเปลี่ยนสำเร็จ อินซู่ซู่ก็จะกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรที่ยอดเยี่ยมที่สุดจนกระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ฉู่เฉินถึงค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้ามาที่ลานบ้าน ทำการชี้แนะอินซู่ซู่อย่างละเอียด จากนั้นค่อยออกจากบ้านไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วเวลานี้ หลิ่วหรูเยียนที่รอคอยด้วยความกังวลใจให้ป้าอู๋จัดเตรียมอาหารและเหล้าไว้เรียบร้อยนานแล้ว เธออาบน้ำแต่งตัวไปพลาง รอการมาเยือนของฉู่เฉินไปพลางเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหลิ่วหรูเยียน ป้าอู๋ย่อมดีใจถ้าเกิดจากนี้ไปฉู่เฉินมา “เป็นแขก” ที่บ้านบ่อย ๆ ต่อให้ไม่อาจมอบความเมตตาได้อย่างทั่วถึง แต่ถ้าแม่น้ำสายใหญ่มีน้ำ ลำธารเล็ก ๆ ย่อมไม่เหือดแห้งให้ความชุ่มชื้นเป็นบางครั้งก็สามารถบรรเทาอาการคันของสาวใหญ่ที่เปลี่ยวเหงาอย่างเธอได้ “ป้าอู๋ ป้าคิดว่าชุดนี
เมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียนเดินลงมาจากชั้นสองอย่างช้า ๆ แม้แต่ป้าอู๋ก็อดตกตะลึงอยู่ตรงหน้าประตูไม่ได้วันนี้หลิ่วหรูเยียนแสดงความเย้ายวนและ “ความสะดวก” ออกมาได้ถึงขีดสุดจริง ๆทั่วทั้งตัวของเธอสวมเพียงชุดกระโปรงยาวโปร่งใสเท่านั้น ด้านในก็เปลือยเปล่าหมดมีเพียงลวดลายดอกกุหลาบสีแดงเพลิงดอกหนึ่งที่บดบังจุดอ่อนไหว แต่ยิ่งบังแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกอยากสำรวจของผู้ชายได้หน้าอกนูนเด่นกระชับและสะโพกอวบอิ่มส่ายเบา ๆ ขณะที่เดิน จนบางครั้งก็โผล่ออกมาจากขอบเขตที่ลวดลายกุหลาบบดบังไว้แม้แต่ฉู่เฉินเห็นแล้วก็ยังรู้สึกว่าเลือดลมสูบฉีดเล็กน้อย รองเท้าส้นสูงสีชมพูยิ่งขับให้เรียวขาสวยคู่นั้นดูเรียวยาวมากขึ้นนี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ฉู่เฉินหายดีที่หลิ่วหรูเยียนปรากฏตัวต่อหน้าฉู่เฉินโดยแต่งตัวใจกล้าและโป๊ขนาดนี้แต่ต้องพูดว่าไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือว่าหน้าตาของหลิ่วหรูเยียนล้วนงดงามอย่างยิ่งเมื่อจับคู่กับชุดที่เซ็กซี่แบบนี้อีก ช่างยั่วยวนใจมากจริง ๆ!“ฉู่เฉิน เชิญนั่งค่ะ”หลิ่วหรูเยียนยิ้มแย้ม ชี้ไปที่โต๊ะกลมทางด้านข้างซึ่งมีอาหารและเหล้าจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วฉู่เฉินสูดลมหายใจลึก อดทน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ