ที่จริงหลิ่วหรูเยียนผ่านกิจกรรมเสียเหงื่อมาแล้วเมื่อครู่ทำให้สร่างเมาตั้งแต่แรกแล้ว จึงรู้สึกประหม่าเมื่อได้ยินคำพูดสองแง่สองง่ามของฉู่เฉินนี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกตัวสนิทสนมกับฉู่เฉินก่อน แล้วดันถูกหลิ่วชิงเหอเห็นเข้าโดยเฉพาะท่าทางที่เธอนั่งบนตักของฉู่เฉินเมื่อสักครู่นี้ ช่างน่าอายเกินไปแล้วจริงๆ“แม่ ดีที่วันนี้ฉู่เฉินนำยาถอนพิษมา แม่เลยหายดีเหมือนเมื่อก่อนได้เร็วขนาดนี้”หลิ่วหรูเยียนรีบวิ่งเหยาะไปคล้องแขนหลิ่วชิงเหอและกล่าวแก้เขินหลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วสำรวจหลิ่วหรูเยียนที่สวมชุดซีทรูโดยเฉพาะรอยผ่าสูงตรงกระโปรงวับ ๆ แวม ๆถึงแม้เธอไม่อยากเห็นหลิ่วหรูเยียนทำตัวเหมือนเมื่อก่อนที่ตบหน้าฉู่เฉินอย่างไร้เหตุผลแม้จะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องก็ตาม แต่ก็ไม่อยากเห็นลูกสาวของตนถลำลึกเลยจริงๆฉู่เฉินเป็นที่กำบังหลบภัยชั่วคราวของพวกเธอสองแม่ลูกก็จริง แต่ในอนาคตต้องมีสักวันที่หลุดพ้นจากฉู่เฉิน ยิ่งกว่านั้นเธอก็ไม่อยากเห็นหลิ่วหรูเยียนแต่งงานกับฉู่เฉิน นั่นเป็นการผลักลูกสาวของเธอให้ตกลงไปในหลุมไฟไม่ใช่หรือ?ถึงยังไงก็ไม่ใช่เพราะตัวของฉู่เฉิน แต่ตระกูลฉู่ถูกจ้องเล่นงานจากกองกำลังมากมายตั้งแ
ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยวิเคราะห์จากคำพูดของเธอได้ไม่ยาก ก็คือกาเซิ่งอี้ไม่ไว้ใจหลิ่วชิงเหอนั้นเองด้วยเหตุนี้อย่างมากเธอก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ไม่สำคัญในกำมือของเกาเซิ่งอี้เท่านั้นเองโชคดีที่ยัยทึ่มหาหยกโลหิตกิเลนไม่เจอ ไม่อย่างนั้นในวินาทีที่เธอมอบหยกโลหิตกิเลนให้เกาเซิ่งอี้ก็จะกลายเป็นวันตายของพวกเธอสองคนแม่ลูก“เธอเคยเห็นหยกโลหิตกิเลนชิ้นนั้นไหม?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วถามพูดตามความจริงก็คือฉู่เฉินยังไม่รู้เลยว่าตระกูลฉู่มีสมบัติล่ำค่าชิ้นนี้ด้วยลองคิดดูแล้วสมบัติตระกูลฉู่ที่ข่งเลี่ยงหมายถึงก็คือหยกชิ้นนี้นี่เอง“เคยเห็น”หลิ่วชิงเหอพยักหน้าหนัก ๆ และกล่าว “ใหญ่ประมาณหนึ่งฝ่ามือ มีสีแดงทั้งก้อน ฉันเคยได้ยินแม่ของแกบอก คลับคล้ายคลับคลาว่าก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ก็จะแช่หยกโลหิตกิเลนในเหล้าสยงหวงทุกวัน”“จนกระทั่งสามเดือนต่อมาก็จะดื่มเป็นแก้วเล็กๆ ทุกวัน หลังจากตั้งครรภ์ลูกชายลูกสาวที่คลอดออกมาก็จะมีร่างกายเหนือคนธรรมดาทั่วไป”“ตอนแรกฉันยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่นอยู่เลย แต่หลังจากที่พ่อแม่แกหายตัวไป ฉันจึงค้นพบว่าแกมีกายาโอสถสวรรค์ นี่จึง…”หลิ่วชิงเหอพูดถึงตรงนี้แล้วก็ก้มหน้
อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องสอบปากคำของกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการเมืองเอกของมณฑล เซียวเฟิงจ้องมองเซียวจี้กวางที่บาดเจ็บสาหัสอย่างหน้าดำคร่ำเครียด แล้วหันหน้ามามองหลูติ้งไห่จากนั้นกล่าว “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดหลู นี่คุณหมายความว่าไง? ให้ผมมาดูคุณสอบปากคำอารองของผมเหรอะ?”หลูติ้งไห่ยิ้มและกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ผู้บัญชาการเซียวอย่าเข้าใจผิดไป เพราะคดีนี้เกี่ยวโยงไปถึงตระกูลเซียว ดังนั้น…”เพียะ!เซียวเฟิงตบโต๊ะรุนแรง ชี้ไปยังเซียวจี้กวางที่สลบอยู่และกล่าวว่า “หลูติ้งไห่ ผมขอบอกคุณเลยนะว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไร ต้องปล่อยอารองของผมเดี๋ยวนี้!”“ถ้าเขาเป็นอะไรไปแม้แต่เล็กน้อย ผมจะไม่ยอมจบกับคุณแน่!”เซียวจี้กวางในขณะนี้สภาพอนาถสุดขีด แขนขาหักไม่ว่า แถมกระดูกซี่โครงก็ยังหักหลายซี่ด้วย เลือดเปื้อนเต็มทั้งตัว แทบจะมองไม่เป็นร่างคนแล้วถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำหลายวันก่อนหน้านี้ เซียวเฟิงจึงถูกเตือนสถานหนักแล้วละก็ ต่อให้เขาพูดอะไรก็จะแย่งตัวกลับแก๊งมังกรให้ได้“ผู้บัญชาการเซียว พูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะครับ ผมปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น แถมหลักฐานมัดตัว ถ้าผมปล่อยเขาไปทั้งอย่างนี้ จะอธิบายกับคนที่แจ้งความได้ยังไง
ที่หลิ่วชิงเหอพูดเตือนฉู่เฉินอีกครั้ง ข้อแรกคือไม่อยากให้เกิดเหตุไม่คาดฝันกับฉู่เฉินจากใจจริง อีกข้อคือหอการค้าตะวันออกใหญ่ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกเลยจริงๆแค่กองกำลังตระกูลเซียวในเมืองเอกของมณฑลเพียงอย่างเดียวก็เทียบกับตระกูลใหญ่ในเจียงจงไม่ได้เลยแถมเธอยังยอมรับฉู่เฉินจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นฉู่เฉินเลือกเดินไปทางเดียวเหมือนกับพ่อแม่ของเขาฉู่เฉินหัวเราะเยาะขึ้นมา ยื่นมือกดแขนของหลิ่วชิงเหอ แนบหน้ากับหลิ่วชิงเหอแล้วพูดด้วยลมหายใจเร่าร้อน “ไม่ว่าใครที่กล้ามาแตะต้องตระกูลฉู่ของฉัน ต้องจ่ายค่าตอบแทน!”สิ้นเสียง ฉู่เฉินพลิกร่างกดร่างของหลิ่วชิงเหออีกครั้ง……อีกด้านหนึ่ง เซียวเฟิงกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลเซียวด้วยความโมโหพุ่งทะลักเซียวจี้กวางถูกกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการควบคุมตัวที่เมืองเอกของมณฑลนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย ถ้าหากคดีของเซียวจี้กวางเกี่ยวพันมาถึงตระกูลเซียว งั้นแม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการนี้ของเขาก็จะรักษาไว้ไม่อยู่แล้วน่ะสิ“พ่อบ้าน รีบไปแจ้งนายท่านใหญ่ และพ่อของผม อาสามอาสี่ให้รีบมาที่ห้องโถงเดี๋ยวนี้ แจ้งไปว่าเกิดเรื่องใหญ่กับตระกูลเซียวแล้ว!”เซียวเฟิงสั
ที่สนามฝึกซ้อมของกองทหารรักษาการณ์มณฑลเจียงในขณะนี้ มีหญิงสาวใบหน้างดงามตามสัดส่วนทองคำคนหนึ่งทุ่มชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหกเจ็ดคนในชั่วพริบตา“ไร้ค่า! มาอีกสิ!”หญิงสาวอายุน้อยที่ถึงแม้จะสวมเสื้อกั๊กยุทธวิธีธรรมดา แต่ยากที่จะซ่อนผิวขาวราวหิมะและรูปร่างสัดส่วนอันน่าภูมิใจได้ขายาวงามทั้งสองข้างนั้นมองดูเนียนละเอียดบอบบาง อ่อนนุ่มชุ่มชื้นราวกับลูกโป่งน้ำ แต่พอยกมือยกเท้าเท่านั้นแหละ กลับมีแรงห้าร้อยกิโลกรัม“ผู้นำเซียว พวกเราไม่ไหวแล้วจริงๆครับ…”แม้ว่าไม่ใช่การต่อสู้จริง แต่ทั้งหมัดทั้งเท้าของเซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทนไหวนั่นเป็นถึงผู้นำเขตทหารหนึ่งดาวซึ่งเป็นหนึ่งในห้าอันดับต้นๆ ของกองทหารรักษาการณ์มณฑลเจียงเชียวนะถ้าว่ากันตามคนธรรมดาทั่วไป นั่นคือยอดฝีมือขั้นหนึ่งระดับสร้างรากฐานเชียวนะ“ผู้นำเซียว ไม่งั้น…ให้ผู้นำหลัวมาสู้เป็นเพื่อนคุณเถอะครับ พวกเรา…ทนรับเท้าและกำปั้นของคุณไม่ไหวแล้วจริงๆ”ชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นแยกเขี้ยวยิงฟันกล่าวอย่างวิงวอน“เหอะ ไม่ต้องแล้ว!”เซียวเสวี่ยอิ๋งรับผ้าขนหนูจากเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งจากด้านข้างมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้นส่งเ
“เฮ้อ น้องสาว น้องก็น่าจะรู้ ตระกูลเซียวของพวกเราไม่ได้ทำงานถวายชีวิตให้เกาเซิ่งอี้ แต่เพื่อโลกแห่งการหยั่งรู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังเขาต่างหาก”“ถ้าไม่ใช่เพราะทรัพยากรจากเกาเซิ่งอี้ ตอนนี้น้องจะกลายเป็นผู้นำเขตทหารยศหนึ่งดาวที่อายุน้อยที่สุดได้เหรอ?”“ในบางครั้ง พวกอาเขาก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ยังไงก็ตามตระกูลเซียวของพวกเรายังยึดเส้นที่จะล้ำไม่ได้ เรื่องในวันนี้เห็นได้ชัดว่าไอ้หนูคนแซ่ฉู่กับหลูติ้งไห่สมรู้ร่วมคิดเล็งเป้ามาทางตระกูลเซียวของเรา!”ได้ยินแล้ว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เบื่อที่จะอธิบายอีกจึงกล่าวพร้อมโบกมือให้เซียวเฟิง “ช่างเถอะ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”หลูติ้งไห่มองผ่านหน้าต่างไกลออกไปอยู่ภายในห้องทำงานก็เห็นเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ห้าวหาญและดาวหนึ่งดวงที่ส่องแสงบนบ่าของเธอตามที่คาดไว้เลย!หลูติ้งไห่จึงรีบส่งข้อความไปหาฉู่เฉินก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นสั่งลูกน้องให้ไปพาสองพี่น้องเซียวเสวี่ยอิ๋งมายังห้องทำงานของตนในเวลาไม่นาน สองพี่น้องเซียวเฟิงและเซียวเสวี่ยอิ๋งก็ได้เดินเข้ามายังห้องทำงานของหลูติ้งไห่หลูติ้งไห่รีบลุกขึ้นเข้าไปกล่าวต้อนรับ “ผู้นำเซียว ดึกขนาดนี้แล้ว มายังสถานที่เล็ก
เซียวเสวี่ยอิ๋งไม่ทันได้กล่าวต่อ ฉู่เฉินก็กวาดตามองเซียวเฟิงและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกอะไร? ถ้าผมพูดไว้ไม่ผิดละก็ พวกคุณคงมาเพราะเซียวจี้กวางสินะ?”“ในเมื่อมาขอร้องขอคน ก็ต้องมีท่าทีให้เหมือนกับคนที่มาขอร้องหน่อยสิ”“ถ้าผมไม่ถอนคดี ต่อให้ฮ่องเต้สวรรค์ลงมาก็อย่าคิดที่จะพาตัวมันออกไปจากคุกได้”คำพูดของฉู่เฉินดังมากจนสามารถได้ยินได้ชัดเจนในทางเดินตำรวจที่เพิ่งออกเวรกะดึกต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์อยู่ที่หน้าประตูห้องของหลูติ้งไห่“คนนี้ใครกัน กล้าไม่เบานะ กล้าพูดกับผู้นำเขตเทพนักรบหญิงอันดับหนึ่งในมณฑลเจียงแบบนี้?”“ฉันว่าเจ้าหมอนี่คงต้องลำบากแล้วล่ะ ผู้นำเซียวมีชื่อเสียงเรื่องมือไม้หนักไม่ปรานีเชียวนะ ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จัดการเสิร์ฟด้วยหมัดและเท้า”“เร็วเข้า รีบเรียกรถพยาบาลมารอที่หน้าทางเข้าตึกก่อนเถอะ!”คนจำนวนไม่น้อยเห็นแล้วก็จำเซียวเสวี่ยอิ๋งได้ในทันที และต่างใช้สายตาเห็นใจมองไปยังฉู่เฉินรู้ไหมว่าแม้แต่หลูติ้งไห่ก็ยังต้องยิ้มต้อนรับเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเสวี่ยอิ๋งฉู่เฉินที่เป็นวัยรุ่นยี่สิบกว่าปี ทำไมถึงกล้าแสดงกิริยาโมโหใส่ผู้นำเซียวได้ล่ะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องตา
“แกอยากตายเหรอะ!”ยังไงหานหลิงก็เป็นถึงผู้ช่วยเซียวเสวี่ยอิ๋งเชียวนะ ปกติในตอนที่ประลองในกองทัพก็ไม่เคยเสียเปรียบใครแบบนี้มาก่อนต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เธอประมาทศัตรูเอง ดังนั้นจึงถูกคนแซ่ฉู่อาศัยจุดนี้!ยังไงก็ต้องกู้หน้ากลับมาให้ได้ ไม่งั้นจะเป็นการทำให้ผู้นำเซียวขายหน้าด้วยไม่ใช่เหรอ?ทันทีที่พูดจบ หานหลิงก็กระโดดขึ้นโน้มตัวไปข้างหน้าปล่อยหมัดเล็กๆ ของเธอผ่าอากาศโจมตีไปยังช่วงหน้าอกของฉู่เฉิน!ฉู่เฉินยิ้มเฉยเมย แม้ว่าหานหลิงจะมีพลังระดับประมาณฝึกปราณชั้นห้า บวกกับทักษะหมัดมวยแบบทหาร จึงเป็นที่รู้จักในด้านความว่องไวและรุนแรงหมัดนี้ของเธอเมื่อเผชิญหน้ากับคนระดับขั้นเดียวกันก็ยังเหนือกว่าแต่น่าเสียดายที่ในสายตาของฉู่เฉิน การต่อสู้หมัดมวยของเธอเป็นแบบมาตรฐานตามตำรา“คนสวย คุณอย่ารีบร้อนส่งนมสิ ที่ผมพูดเมื่อกี้คือดื่มนมนะ”ฉู่เฉินพูดหยอกเอินหานหลิง จากนั้นค่อยๆเอียงตัวหลบหมดที่มีพลังรุนแรงของหานหลิง ในระหว่างที่พลาดเป้า ฝ่ามือใหญ่ก็กางออกไปโดนหน้าอกของหานหลิงพอดีสัมผัสได้ถึงนุ่มเด้งดึ๋งกลางฝ่ามือขึ้นมาทันที“แตกต่างจากคนทั่วไปจริงด้วย”แม้แต่ฉู่เฉินยังชมหานหลิงไม่ขาดปากมื
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่