คำพูดนี้ของเซียวเฟิงไม่เพียงพูดกับพวกเจียงจงต้าว แต่ยังพูดกับฉู่เฉินด้วยก่อนที่ความจริงจะกระจ่าง เซียวเฟิงไม่มีทางเลือกข้างโดยง่ายเป็นอันขาดขณะที่เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที ในขณะที่ทุกคนยังคงรอคอยถานเฟย เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของนักพรตชิวสุ่ยพลันดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งราวกับเร่งเอาชีวิตเมื่อก้มหน้ามองหมายเลขที่โทรศัพท์เข้ามา เห็นว่าเป็นหัวหน้านักพรตชิวเฟิง นักพรตชิวสุ่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนจะรับสายแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องชิวเฟิง มีธุระอะไรรอให้ฉันกลับไปแล้วค่อยคุย!” “ศะ...ศิษย์พี่เจ้าสำนัก...กะ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”แม้จะมีสายโทรศัพท์กั้นไว้ แต่นักพรตชิวสุ่ยก็ยังรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังในน้ำเสียงของนักพรตชิวเฟิง“เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?” นักพรตชิวสุ่ยรู้สึกเหมือนหัวใจหนักอึ้ง รีบถามซักไซ้“ศิษย์พี่ ละ...ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานหลายสิบคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ล้อมสำนักเสวียนเทียนไว้แล้ว เอาแต่พูดว่ามาหาพวกเราเพื่อขอคำอธิบายครับ”“ตะ...แต่ผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่าพวกเราเคยล่วงเกินลัทธิศักดิ์สิทธิ์นะครับ”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ คำพูดของชิวเฟิงมีความรู้สึกเหมือ
หรือว่า...ตอนนี้เอง พวกเขาสองคนทำได้เพียงภาวนาในใจอย่างเงียบ ๆ ว่าถานเฟยไม่ได้มาเพราะเรื่องของฉู่เฉิน“ลมอะไร?”ถานเฟยเอ่ยพลางหัวเราะด้วยเสียงเย็นชา “ลมปีศาจไง!”เมื่อสิ้นเสียงพูด ถานเฟยก็ไม่สนใจพวกเซียวเฟิงเลย แต่เดินไปหาฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว“คุณฉู่ ต้องขออภัยจริง ๆ ที่สร้างความลำบากให้คุณมากขนาดนี้ ผมเป็นตัวแทนของหัวหน้าหลงขอกล่าวขอโทษคุณอย่างเป็นทางการครับ”ภายใต้สายตาตกตะลึงอย่างยิ่งของทุกคน ถานเฟยกลับโค้งตัวให้ฉู่เฉินสามครั้งติดกัน!เมื่อเจียงจงต้าวเห็นภาพนี้ ในใจพลันเย็นเยียบไปครึ่งหนึ่งดูเหมือนว่าแม้แต่ทองคำขนาดใหญ่สี่แท่งที่อยู่ในแขนเสื้อของเขาก็กลายเป็นเผือกร้อนมือแล้วนักพรตชิวสุ่ยเต๋ายิ่งตกใจกลัวจนเหงื่อแตกพลั่กเป็นสายฝน ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สั่นจนเป็นก้อนแล้วชิงซงก็ทรุดตัวลงไปบนเก้าอี้ทันที ไม่มีความกล้าแม้กระทั่งจะเงยหน้ามองฉู่เฉินสักแวบหนึ่ง ครั้งนี้เตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้วจริง ๆเดิมทีเขาแค่อยากรังแกงฉู่เฉินที่ไม่มีสำนักและคนหนุนหลัง แย่งชิงกระจกแปดทิศจากในมือของฉู่เฉินแต่คนอย่างฉู่เฉินจำเป็นต้องมีคนหนุนหลังด้วยเหรอ?ต้องมีสำนักด้วยเหรอ?ไม่จำเป็นเลย
“ผู้บัญชาการเซียวเป็นคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมมากครับ”ฉู่เฉินมองไปที่เซียวเฟิง แล้วเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจที่หวั่นวิตกของเซียวเฟิงก็โล่งใจในที่สุดถานเฟยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน จากนั้นถึงค่อยหันหน้าไปมองเจียงจงต้าวแล้วเอ่ยปากพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ตราบใดที่คุณฉู่ไม่ยอมให้อภัยคุณ ผมจะเป็นตัวแทนของแก๊งมังกรไปขอคำอธิบายจากประธานซูด้วยตัวเอง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจียงจงต้าวถึงกับมึนงงไปแล้วเพื่อที่จะดำรงตำแหน่งรองประธานนี้ ไม่รู้ว่าเขาเสียเงินไปมากเท่าไร ขอเส้นสายมามากเท่าไหร่จะให้ถูกปลดง่าย ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนกัน?เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงจงต้าวก็ไม่สนใจหน้าตาอะไรอีกแล้ว เขาโขกศีรษะพลางพูดกับฉู่เฉินว่า “คุณฉู่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมจริง ๆ”“ทั้งหมดเป็นเพราะคนของสำนักเสวียนเทียน โลภมากอยากได้สมบัติในมือของคุณถึงได้ส่งคนมาหาผม แถมยังบอกว่าคุณไม่มีสำนัก สามารถจัดการได้ตามใจชอบ ขอเพียงได้รับสมบัติในมือของคุณ พวกเขาจะมอบทองคำขนาดใหญ่ให้ผมปีละสองแท่ง”“ไม่เชื่อคุณก็ดูสิ นี่ก็คือของไอ้สารเลวชิวสุ่ยมอบให้ผม”เจียงจงต้าวพูดพลางหยิบทองคำขนาดใหญ่สี่แท่ง
ฉู่เฉินยิ้มอย่างเฉยชาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้หัวหน้าใหญ่ถานพูดไว้ไม่ใช่เหรอครับ? ว่าจะแจ้งประธานซู ผมคิดว่าประธานซูคงไม่เห็นแก่เรื่องส่วนตัวหรอกใช่ไหมครับ” หา?!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายของเจียงจงต้าวทรุดฮวบลงกับพื้นสองปีมานี้ เขารับสินบนมาไม่น้อย และไม่รู้ว่าทำเรื่องผิดศีลธรรมไปมากเท่าไหร่ ถ้าเกิดโดนสมาคมเสวียนเหมินปลดออกจากตำแหน่งจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็ย่ำแย่แล้ว“ได้ครับ งั้นผมจะทำตามที่คุณฉู่ว่า พอผมจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว จะไปรวมตัวกับคุณฉู่ที่วิลล่าเฟิ่งหมิงนะครับ” ถานเฟยกล่าวอย่างมีความนัยแอบแฝงฉู่เฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ก็ดีครับ มีเรื่องอะไรไว้ไปถึงที่วิลล่าเฟิ่งหมิงแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย” ฉู่เฉินกล่าวจบก็หิ้วนักพรตชิวสุ่ยเหมือนกับหิ้วลูกเจี๊ยบเดินออกจากอาคารสำนักงานของแก๊งมังกรชิงซงกำลังคิดจะแอบหนีไป ผลปรากฏว่าถูกเซียวเฟิงคว้าคอเสื้อไว้ ทำเอาชิงซงตกใจกลัวจนขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงไป“ผู้บัญชาการเซียว...” เซียวเฟิงหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นตามอำเภอใจ ดูถูกแก๊งมังกร วันนี้คุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น และใช้เวลาครึ่งชีวิตที่เหลือของคุณในคุกของ
“คุณฉู่ ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา!”นักพรตชิวสุ่ยคุกเข่าลงตรงหน้าฉู่เฉินดังตุบฉู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมเคยรับปากอะไรคุณด้วยเหรอ?”ซี้ด!นักพรตชิวสุ่ยกลืนน้ำลายแรง ๆ เพลิงโทสะสุมทรวงถึงขีดสุด “เรียกนักพรตน้อยตรงหน้าประตูพวกนั้นมา แล้วตามผมกลับไปบ้านเก่าของตระกูลฉู่” ฉู่เฉินตบไหล่นักพรตชิวสุ่ยเบา ๆ “นี่คุณ...” นักพรตชิวสุ่ยมองฉู่เฉินอย่างไม่เข้าใจ“ย้ายบ้าน”ฉู่เฉินกล่าวจบก็เดินออกจากถ้ำโดยไม่หันหน้ากลับมาเช่นกันเวรเอ๊ย!นักพรตชิวสุ่ยแทบจะกระอักเลือดออกมา นี่ฉู่เฉินไม่รอสักครู่หนึ่งเลยจริง ๆปัญหาคือทางฝั่งสำนักเสวียนเทียนยังคาราคาซังอยู่เลยตอนนี้นักพรตชิวสุ่ยร้อนใจเหมือนถูกไฟแผดเผานานแล้ว แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมาอีก รู้สึกแค่ว่าเหมือนตับไตไส้พุงใกล้จะถูกไฟเผาไหม้แล้วต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ได้แต่ทำตามด้วยความเชื่อฟังเท่านั้น.....บรรดาผู้หญิงที่กำลังรอข่าวของฉู่เฉินอย่างเงียบ ๆ ในบ้านเก่าตระกูลฉู่ เมื่อเห็นฉู่เฉินพานักพรตชิวสุ่ยกับนักพรตน้อยสี่ห้าคนเข้าบ้านมาด้วยกัน พวกเธอก็ลุกขึ้นมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจอินซู่ซู่วิ่งไปที่ห้องนอ
ฉู่เฉินทำให้อวี่ลู่โกรธจนเวียนหัวแล้ว บำเพ็ญเพียรอยู่ในแดนเซียนอย่างยากลำบากมากว่าพันปี เธอไม่เคยเจอคนที่หน้าหนาขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมดูเหมือนเธอติดหนี้บุญคุณฉู่เฉินอย่างใหญ่หลวงแทนล่ะ? ดูเหมือนเธอช่วยเหลือฉู่เฉินทุกอย่างเลยไม่ใช่เหรอนี่ทำให้เธอหงุดหงิดมาก และไม่เข้าใจมาก ๆเมื่อได้ยินว่าจะย้ายบ้าน อินซู่ซู่กับพี่น้องตระกูลต้วนกลับดีใจอย่างยิ่งบ้านเก่าของตระกูลฉู่ไม่ได้รับการซ่อมแซมมานานแล้วจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่ประตูใหญ่บานนี้ก็ถูกคนผลักจนล้มมาหลายครั้งแล้วภายใต้ความช่วยเหลือจากนักพรตชิวสุ่ยกับบรรดานักพรตน้อยของสำนักเสวียนเทียน ไม่นานก็เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะย้ายเข้าไปในวิลล่าเฟิ่งหมิงอย่างเอิกเกริกทันทีที่เข้าไปในประตู ความขุ่นเคืองในใจของอวี้ลู่เหมือนจะสลายหายไปทันทีพูดตามตรง สไตล์การตกแต่งแบบโบราณนี้เข้ากับรสนิยมของเธอมากจริง ๆ ที่สำคัญคือเครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยในบ้านก็มีครบครัน นี่สะดวกสบายมาก หลังจากนั้นก็เดินตามฉู่เฉินวนภายในถ้ำที่ภูเขาด้านหลัง เมื่อเธอเห็นน้ำพุสวรรค์เนตรมังกร นัยน์ตาอดส่องประกายขึ้นมาไม่ได้จุ๊บ!อวี้ลู่อดไม่ได้ที่จะกอ
“ใครกันนะ ทำเอาเสียอารมณ์เลย!”ต้วนหลิงเสวี่ยวักน้ำที่ขอบอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ พลางปลดกระดุมกี่เพ้าออกความขาวเนียนดุจหิมะเผยออกมาตรงหน้าฉู่เฉินเช่นนี้เอง โดยเฉพาะทรวงอกอวบอิ่ม ดูขาวเนียนนุ่มลื่นจริง ๆบางทีอาจเป็นเพราะปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฉู่เฉินถึงได้ประทานความเมตตาอย่างทั่วถึงมาโดยตลอด ความสามารถของต้วนหลิงเวยเพิ่มพรวดพราด แต่จนถึงตอนนี้ความสามารถของต้วนหลิงเสวี่ยกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนักตรงกันข้าม บางส่วนบนร่างกายยิ่งโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งนุ่มลื่นขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยฉู่เฉินกลืนน้ำลาย พยายามข่มใจใช้เคล็ดวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง แล้วก้มหน้ามองหน้าจอแวบหนึ่งเดิมทีเขายังนึกว่าเป็นถานเฟย แต่ก็พบว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นคนที่โทรศัพท์มา แววตาของฉู่เฉินอดเปล่งประกายไม่ได้เขามองอ่างอาบน้ำที่มีขนาดเท่าห้องอาบน้ำเล็ก ๆ ก่อนจะเลียริมฝีปาก กดรับสายแล้วพูดว่า “นี่เพิ่งแยกจากกันไม่กี่วัน เธอคงไม่ได้คิดถึงกันอีกแล้วใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นถึงค่อยเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ฉู่เฉิน นายยังจำเรื่องประชุมบอร์ดบริหารที่ฉันเคยบอ
เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือนักพรตชิวสุ่ยที่ช่วยย้ายบ้านเมื่อตอนกลางวัน ต้วนหลิงเวยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมถึงเป็นคุณ?”นักพรตชิวสุ่ยรีบทำหน้ายิ้มแย้มให้ แล้วกวักมือเรียกนักพรตเด็กหลายคนที่อยู่ด้านหลัง นักพรตเด็กสิบกว่าคนที่แบกถุงกระสอบก็เดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“คุณหนูท่านนี้ หลายวันก่อนรู้ว่าคุณฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ มาแสดงความห่วงใยไม่ได้เลย นี่เป็นสมุนไพรร้อยปีที่เก็บรักษาไว้ในคลังยาของสำนักเสวียนเทียนเรา ตั้งใจนำมามอบให้คุณฉู่โดยเฉพาะครับ” นักพรตชิวสุ่ยกล่าวจบก็ยังชะเง้อคอ มองเข้าไปในวิลล่าเฟิ่งหมิงแวบหนึ่ง“มองอะไร!”ต้วนหลิงเวยถลึงดวงตางาม เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ทิ้งสมุนไพรไว้ คุณไปได้แล้ว รบกวนการพักผ่อนของนายท่าน ระวังหัวของคุณไว้ด้วยละ!”เดิมทีต้วนหลิงเวยข่มกลั้นเพลิงตัณหาไว้ในใจอยู่แล้ว เมื่อเห็นดวงตาสองข้างของนักพรตชิวสุ่ยกวาดมองไปทั่วก็ยิ่งเดือดดาล เธอหิ้วถุงกระสอบบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะหันกายเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเงาหลังอันอ่อนช้อยให้นักพรตชิวสุ่ยเมื่อโดนปิดประตูไม่ต้อนรับแขก นักพรตชิวสุ่ยก็ได้แต่จากไปด้วยความอับอายแต่เขาเ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่