ในบ่ายวันนั้น ฉู่เฉินก็ถูกพาไปถึงหน้าประตูของสำนักชิงอวิ๋นสำนักชิงอวิ๋นได้ก่อตั้งมานานกว่าร้อยปีแล้ว และในสายตาของผู้บำเพ็ญพรตธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ราวกับทวยเทพในช่วงเกือบหนึ่งร้อยปีนี้ สำนักชิงอวิ๋นมีผู้มีความสามารถมากมายปรากฏตัวขึ้น และยังเคยมีผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณอีกด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้สำนักชิงอวิ๋น ดูมีความลึกลับมากขึ้นไปอีกและในช่วงที่ฉู่เฉินเดินมาถึงตีนเขา ทั้งสำนักชิงอวิ๋น ก็ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นจำนวนไม่น้อยต่างถือกระบี่จ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธ“คนแซ่ฉู่กล้าจริงๆ ““ครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงก็จะต้องล้างแค้นให้ศิษย์พี่ใหญ่ให้ได้”เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารของเหล่าศิษย์สำนักชิงอวิ๋น ฉู่เฉินกลับไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย เงยหน้ามองไปยังยอดเขาหลักด้านหลังสำนักชิงอวิ๋น“เจ้าหนุ่มนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ “บรรดาผู้เฒ่าในสำนักชิงอวิ๋น ยืนอยู่กลางเชิงเขา ใช้สายตาพิจารณามองไปที่ฉู่เฉินอย่าพูดว่าฉู่เฉินเป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระจากโลกมนุษย์ แม้แต่เจ้าแห่งขุนเขาหรือเจ้าสำนักของภูเขาสือว่าน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่น ก็ยากที่จะรักษาความสงบได้เช่นเดียวกับฉู่เฉิ
ฉู่เฉินมองไปยังธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มจางว่า “หากได้นอนหลับยาวอยู่ที่นี่ ชีวิตนี้จะต้องการสิ่งใดอีก”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็มองไปยังภูเขาเขียวขจีและน้ำใสสะอาดโดยรอบ ต้องยอมรับว่าสภาพแวดล้อมของสำนักชิงอวิ๋นนั้นดีจริงๆ แม้กระทั่งในอากาศยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์แบบนี้ ในโลกมนุษย์แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วโดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่หน้าประตูสำนักที่สูงเสียดฟ้า แค่ดูต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ที่หลายคนก็โอบไม่รอบ อายุต้นไม้อย่างน้อยก็หนึ่งร้อยปีขึ้นแล้ว“คุณฉู่ช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง”ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋เดินไปตามทางเดินหินสู่ยอดเขากับฉู่เฉิน พลางกล่าวเยาะเย้ยไปด้วย“ที่นี่มีทั้งภูเขาเขียวขจีและน้ำใสสะอาด แล้วมีอะไรที่ต้องคิดมากอีกล่ะครับ?”ฉู่เฉินเดินทอดน่องไปพลาง มองไปรอบๆ ไปพลาง ราวกับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นไร้ตัวตนภาพนี้ทำให้เหล่าศิษย์สำนักชิงอวิ๋นที่เห็นต่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟฉู่เฉินคนนี้มันไม่ได้เสียสติธรรมดาแล้ว ทำตัวราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นยังไงอย่างนั้นแม้แต่ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเอง เมื่อเห็นท่าทีโอหังของฉ
ฉู่เฉินยิ้มบาง กล่าวว่า “เชิญเจ้าสำนักก่อนเลยครับ”ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นยิ้มอย่างสงบ ก้าวเข้าไปในห้องด้านข้างทันที แต่ในขณะที่เขาก้าวข้ามธรณีประตูนั้นเอง ฉู่เฉินก็เห็นชัดเจนว่าอากาศรอบข้างพลันเกิดระลอกคลื่นเหมือนคลื่นน้ำฉู่เฉินเอาสองมือไพล่หลัง เดินตามหลังธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นด้วยฝีเท้าที่มั่นคง และก้าวข้ามธรณีประตูไปเหมือนกันตูม!ฉู่เฉินรู้สึกเพียงมีเสียงดังขึ้นในหัว จากนั้นพลังวิญญาณทั่วร่างก็ราวกับถูกผนึกไว้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อยเมื่อเห็นฉู่เฉินติดกับแล้ว เหล่าศิษย์สำนักชิงอวิ๋นจำนวนไม่น้อยก็รีบกดด้ามกระบี่ไว้ มองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่าพวกเขาอดทนมาตลอดทางแล้ว ในที่สุดก็หลอกฉู่เฉินเข้ามาในหอหลิงซวีได้สำเร็จ หลายคนอดใจไม่ไหวอยากจะชักกระบี่ออกมาแล่ฉู่เฉินให้เป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้หอหลิงซวีเป็นสถานที่ลึกลับที่ปรมาจารย์หลายรุ่นก่อนของสำนักชิงอวิ๋นทิ้งไว้ สถานที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกพลังด้วยยันต์อันทรงพลัง แม้แต่ผู้มีพลังระดับควบแก่นแท้ ถ้าเข้ามาในหอหลิงซวีก็ไม่ต่างจากคนธรรมดานับประสาอะไรกับฉู่เฉิน?สามารถกล่าวได้ว่าเกือบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ห
ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงศิษย์สำนักชิงอวิ๋นที่กำลังคืบคลานเข้ามาจากด้านหลัง ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นพลางเอ่ยว่า “ทำไมครับ พวกคุณสำนักชิงอวิ๋นทำได้แค่เรื่องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้งั้นเหรอ?”ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่นแล้วกล่าวว่า “ด้วยสภาพของคุณตอนนี้ คิดว่าพวกเราสำนักชิงอวิ๋นยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่อีกเหรอ?”“ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้ามาเพียงลำพัง มาตามนัดงั้นเหรอ คุณคิดว่าสำนักชิงอวิ๋นของผมเป็นที่แบบไหนกัน? คุณอยากมาก็มา อยากไปก็ไป?”“อย่าว่าแต่คุณเลย ไม่ว่าเจ้าสำนักที่อยู่รอบนอกของภูเขาสือว่านคนไหน ก็ไม่กล้าทำตัวดูหมิ่นสำนักชิงอวิ๋นของผมอย่างคุณหรอก!”สิ้นเสียง สีหน้าของธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ยิ่งเย็นเยือกลง เห็นชัดว่ารู้สึกมั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว“คุณแน่ใจเหรอ? ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นจะทรงพลัง จะสามารถรับมือได้กับทั้งโลกแห่งการหยั่งรู้ได้จริงเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเบา แล้วเอ่ยออกมาอย่างเฉยเมย “อย่าว่าแต่สำนักชิงอวิ๋นเล็กๆ ของคุณเลย แม้แต่คนของวังว่านเจี้ยนจะร่วมมือกับคุณด้วย ผมก็ไม่เคยสนใจพวกคุณเลย”“อีกเดี๋ยว คุณก็จะรู้ถึงความทรงพลัง
ตามกฎของโลกแห่งการหยั่งรู้ สำนักรอบนอกสี่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจทำการเข่นฆ่าที่โลกมนุษย์ธรรมดาได้ตามอำเภอใจ ส่วนยอดฝีมือระดับทารกวิญญาณในเขตศูนย์กลางก็ไม่อาจก้าวเข้ามาในสำนักรอบนอกได้ตามอำเภอใจเช่นเดียวกันแต่เทพสังหารเหมือนกัน แม้ว่าเขาอยู่สำนักว่านเซียน แต่ว่าระดับพลังกลับถูกกดให้อยู่ขั้นสูงสุดของระดับควบแก่นแท้มาโดยตลอดหากเทพสังหารลงมือ ต่อให้เป็นพวกระดับสูงของโลกแห่งการหยั่งรู้ก็ไม่อาจพูดอะไรได้เช่นกันตลอดเวลาที่ผ่านมา สำนักว่านเซียนเองก็เฝ้าติดตามที่อยู่ของหยกโลหิตกิเลน เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา ตระกูลฉู่ซ่อนหยกโลหิตกิเลนไว้อย่างลึกลับสุดขีด สำนักว่านเซียนส่งคนไปที่โลกมนุษย์ธรรมดาหลายครั้ง แต่ก็หาหยกโลหิตกิเลนไม่เจอเลยทว่าครั้งนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปว่าฉู่เฉินผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลฉู่ถูก “เชิญ” ไปที่สำนักชิงอวิ๋นพร้อมกับหยกโลหิตกิเลน สำนักว่านเซียนยังจะทนไหวได้ที่ไหนกัน?ในสายตาของสำนักว่านเซียน สำนักชิงอวิ๋นอะไร วังเทียนเจี้ยนอะไร ก็เป็นเพียงตัวตนที่เหมือนกับมดปลวกเท่านั้นหากหยกโลหิตกิเลนตกอยู่ในมือมดปลวกพวกนี้ก็เท่ากับปล่อยให้ของดี ๆ ถูกทำลายไม่ใช่หรือไง? ด้วยเ
เวลานี้ฉู่เฉินที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในหอหลิงซวีคล้ายกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ยังคงดูเหมือนเข้าสู่สมาธิอย่างแท้จริง ฉากนี้ทำให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเดือดดาลมากยิ่งขึ้น!“คนแซ่ฉู่ คะ...คุณกล้ารังแกสำนักชิงอวิ๋นของผมแบบนี้ ไม่กลัวว่า...”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นใช้วิชาส่งเสียงต่อว่าฉู่เฉินอย่างเกรี้ยวกราด แต่เพิ่งจะพูดได้ครึ่งเดียว ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ทำตัวเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “โกรธมากเลยเหรอครับ? อยากอ้อนวอนให้ผมออกไปใช่หรือเปล่า?” ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเอ่ยพลางกัดฟันกรอดว่า “คนแซ่ฉู่ วันนี้ถือว่าคุณโชคดี ผมจะไม่เอาสืบหาเอาความชั่วคราว ตอนนี้คุณไปได้แล้ว”ตอนนี้เขากลัวแล้วจริง ๆคำว่าเปิดศึกของเทพสังหารเมื่อครู่นี้ไม่ใช่การหลอกลวงสำนักชิงอวิ๋นไม่อาจต้านทานการบุกโจมตีของเทพสังหารกับลูกศิษย์สำนักว่านเซียนได้อย่างแน่นอนเพื่อสำนักชิงอวิ๋น และเพื่อตัวเขาเอง ทำได้เพียงพักการล้างแค้นให้คุณชายเซียวเหยาเอาไว้ก่อน “ผมจำได้ว่าเมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ใครบอกผมว่าเข้าง่ายออกยากกันนะ? ใครอยากให้ผมอยู่ที่นี่ตลอดกาล?”
วินาทีต่อมา เทพสังหารตวัดขวานศึกในมือผ่านอากาศ พุ่งตรงลงมาบนศีรษะของท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นขวานนี้คล้ายกับมีพลังที่สามารถผ่าภูผาได้เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าสังหารมาถึงแล้ว ปราณแท้รอบกายท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพลันพุ่งพล่าน กระบี่ยาวในมือปล่อยรัศมีแสงงดงามหมื่นสาย ตวัดกระบี่ออกไปเต็มแรงรับขวานศึกของเทพสังหารขวานศึกฟาดฟัน กระบี่ยาวผ่าอากาศ! เคร้ง!แม้ว่าท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นออกแรงอย่างสุดกำลัง แต่เขายังคงโดนขวานของเทพสังหารกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วพรวด!ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา เขากระเด็นออกไปสิบเมตร ก่อนจะร่วงกระแทกลงมาบนบันไดหินอย่างหนักหน่วง บันไดหินเหล็กโดนกระแทกจนเป็นหลุมลึก พลังแตกต่างกันมากเกินไป เทพสังหารไม่ใช่คนที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นสามารถต่อกรได้เลยหากไม่ใช่เพราะยังมีลมปราณน่าสะพรึงกลัวหลายสายในฝูงชนพุ่งเป้ามาที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ขวานนี้เพียงพอที่จะส่งเขาไปสู่ปรโลกแล้ว“หยกโลหิตกิเลนไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักว่านเซียนของพวกคุณเลย พวกคุณปล้นกันชัด ๆ! ตะ...ต่อให้ผมตายก็ไม่ยอม!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพยายา
“ฉู่เฉิน คุณคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของผมถึงตายเลยหรือไง!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกัดฟันกรอด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง!ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาที่ฉู่เฉินก่อขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะฉู่เฉินฆ่าลูกศิษย์ของเขา เขาจะเล่นงานฉู่เฉินหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?และตอนนี้ฉู่เฉินชักนำหายนะร้ายแรงมา แต่อยากให้เขาคุกเข่าอ้อนวอนเหรอ?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็เป็นเจ้าสำนัก อย่าว่าแต่ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำเลย แค่เขาคุกเข่าต่อหน้าลูกศิษย์หลายร้อยคนของสำนักชิงอวิ๋น อนาคตเขายังมีหน้าไปปกครองสำนักชิงอวิ๋นได้อย่างไร? “คุณก็เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมพูดจาเหมือนเด็กที่ยังฟันไม่ขึ้นล่ะ? เห็นชัด ๆ ว่าคุณเป็นคนเชิญผมมา คุณอยากจะฆ่าผมให้ตาย คุณคิดว่าผมยังใส่ใจเรื่องเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของพวกคุณอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ เอ่ยด้วยใบหน้าดูแคลนถึงอย่างไรข้าวของที่ถูกทำลายตอนนี้ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของฉู่เฉิน ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ครั้งนี้ ฉู่เฉินอยากให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเข้าใจหลักการที่ว่าเชิญเทพง่าย แต่ส
“คุณแสร้งเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อคืนคุณยังดูฝืนใจอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? เพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งวัน เปลี่ยนเยอะเกินไปหน่อยมั้ง”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็ค่อยๆ ผลักหลิงเสวี่ยออกและมองสำรวจเธอด้วยสายตาพิจารณา“ฉันแค่อยากจะยืนยันเรื่องหนึ่ง”หลิงเสวี่ยเม้มริมฝีปากสีแดง แต่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ในพริบตาเดียวก็ฉีกกางเกงของฉู่เฉินออกอย่างรวดเร็วคล่องแคล่วถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานฉู่เฉินได้ทดลองขับเองแล้ว ส่วนใหญ่คงคิดว่าหลิงเสวี่ยเป็นคนที่ชำนาญไม่รอให้ฉู่เฉินเอ่ยปาก โทรศัพท์มือถือข้างตัวก็ดังขึ้น เมื่อก้มมองลงไปก็เห็นว่าเป็นสายจากหลินเยว่หรู ฉู่เฉินดึงกางเกงที่ถูกหลิงเสวี่ยฉีกออก ก่อนเดินไปยังอีกด้านหนึ่งแล้วรับโทรศัพท์“คุณฉู่ ฉันอยู่ห้องข้างๆ ห้องคุณนี่เอง เดี๋ยวฉันส่งหมายเลขห้องให้คุณนะคะ”ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงหอบหายใจเย้ายวนของหลินเยว่หรูดังมาจากอีกฝั่งซี้ด!ฉู่เฉินสามารถสัมผัสถึงไฟปรารถนาของหลินเยว่หรูผ่านทางสายโทรศัพท์ได้ติ๊ง!วินาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เป็นข้อความจากหลินเยว่หรูที่มีแค่หมายเลขห้องง่ายๆ หมายเลขเดียวฉู่เฉินเก็บโทรศัพท์ ดึงกางเกง
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ลั่วหัวเอ๋อร์อาบน้ำอุ่นแล้ว นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวและนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการขอความช่วยเหลือจากฉู่เฉินดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณตาหลินเจิ้งไท่ทันทีอย่ามองว่าโลกแห่งการหยั่งรู้จะเป็นโลกนอกอาณาเขต แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น ปลายสายก็มีเสียงหนักแน่นของหลินเจิ้งไท่ดังขึ้น “หัวเอ๋อร์ใช่ไหม?”“คุณตา หนูเองค่ะ”ลั่วหัวเอ๋อร์ตอบรับ แล้วจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วให้หลินเจิ้งไท่ฟังอย่างละเอียดสุดท้ายเธอก็กล่าวกับหลินเจิ้งไท่ว่า “คุณตาคะ หนูเป็นห่วงว่าคนแซ่ฉู่ที่แม่เรียกมาอาจจะแก้ปัญหาของตระกูลลั่วไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้หนูกับแม่จะหนีออกมาแล้ว แต่น้องชายของหนูก็ยังพักรักษาตัวอยู่ในบ้านค่ะ”“อีกอย่าง ก็ไม่สามารถปล่อยให้พ่อของหนูเป็นอะไรไปได้ ไม่งั้นคุณตาก็มาที่นี่ด้วยตัวเองได้ไหมคะ?”หลินเจิ้งไท่อีกฝั่งเงียบไปนาน จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “หัวเอ๋อร์ หลานคิดมากไปแล้ว มีคุณฉู่อยู่ เขาเก่งกว่าตาของหลานมากนัก แต่...”หลินเจิ้งไท่เล็กน้อย ก่อนจะกล่
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย