ร่างสูงใหญ่ของคนเป็นพ่อส่งยิ้มเขินๆ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเด็กหญิงตัวน้อย..มือหนาหยาบยื่นถุงใส่พวงมาลัยสำหรับใช้ไหว้พ่อมาให้..ดวงตาคู่สวยของคนเป็นลูกเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย.. ดีใจ..ประหลาดใจ..สงสัย..ก่อนจะส่งคำถามแผ่วเบา
"คะ...คุณมาได้ไง"
"นั่งรถมากับม๊ะม๊าหนูนั่นแหละ"ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเปื้อนยิ้ม..ช่างผิดจากวันแรกที่เธอเจอที่โรงพยาบาล
"แล้วม๊ะม๊าละคะ"
"วนหาที่จอดรถอยู่ ม๊ะม๊ากลัวจะสาย..เลยให้ฉันมาหาหนูก่อน"
ก่อนที่คนเป็นลูกจะทันได้ถามอะไรเพิ่ม ร่างอวบอ้วนในชุดข้าราชการครูก็เดินเข้ามาหา
"คุณพ่อ ของคุณหญิงดารินเหรอคะ"น้ำเสียงคนเป็นคุณครูประจำชั้นตั้งคำถามตื่นเต้น
แล้วเมื่อชายหนุ่มหันมายิ้มละไมให้..ใบหน้าวัยสี่สิบกว่าของคนเป็นครูประจำชั้นขึ้นสี..ถ้าเธอจำไม่ผิด พ่อของเด็กน้อยเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
"ใช่ครับ..ผมเป็นพ่อที่หายตัวไปของดารินครับ"ชายหนุ่มรับคำทันที เรียกเสียงฮือฮารอบข้างไม่น้อย
เด็กหญิงปรายพันแสงหน้าซีดทันที..ปมที่เคยใช้ล้อคู่แข่งคนสวยมาตลอดสิบปี..จบกันวันนี้..แถมคุณพ่อของเพื่อนทั้งหล่อเหลา หุ่นดีราวกับดารานักแสดงไม่มีผิด..ช่างต่างจากพ่อของเธอที่อ้วนราวกับหมู..เด็กน้อยนึกเหยียดบุพการีในใจ
"ดาริน ครูดีใจด้วยนะ"คนเป็นครูยิ้มปลื้มปริ่ม..ดีใจแทนลูกศิษย์..สำหรับครูแล้ว..ดารินเป็นเด็กนิสัยดี..มีน้ำใจ..เรียนเก่ง..เป็นที่รักของครูและนักเรียนแทบทุกคน..ลูกศิษย์ตัวน้อยยิ้มรับอ่อนๆ
"คุณพ่อคะ เดี๋ยวรบกวนไปเข้าแถวรอทางนู้นทีนะคะ"คุณครูผายมือไปมุมโถงที่กำลังมีผู้ปกครองเข้าแถวรอ..ก่อนจะทยอยนั่งเก้าอี้ที่จัดเว้นระยะ เพื่อทำกิจกรรม รามิลพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มหล่อเหลาชวนละลายใจไปให้ สาวใหญ่อดใจเต้นตึกตักไม่ได้
ตอนที่อันธิยามาถึงหลังจากหาที่จอดรถได้เรียบร้อยแล้วนั้น..ภาพที่เห็นถึงกับทำให้ยิ้มทั้งน้ำตา..มันคือภาพที่น้องดารินมอบพวงมาลัยให้คุณพ่อ และกราบแทบตัก..ดวงตาคู่สวยของคนเป็นสามีเต็มไปด้วยความอ่อนโยน..ในขณะที่คนเป็นลูกตัวสั่นเล็กน้อย
สำหรับบ้านอื่นภาพนี้คงเห็นเจนตา..แต่สำหรับครอบครัวเธอ..ที่เคยสูญเสียหัวหน้าครอบครัว..มันเป็นภาพที่ชวนซาบซึ้งเกินจะบรรยาย...คนที่เคยสูญเสียถึงจะเข้าใจคนที่สูญเสียด้วยกันนั้น..คงไม่ได้กล่าวเกินจริงนัก
วันนี้โรงเรียนก็ประกาศหยุดเรียนครึ่งวัน คนเป็นแม่จึงชักชวนคุณพ่อคุณลูก ไปกินมื้อกลางวัน และไอศกรีมที่ห้าง เดิมลูกสาวตัวน้อยยังคงลังเล เพราะไม่อยากให้ม๊ะม๊าเสียเงิน
"นานๆทีไปเถอะ"คนเป็นพ่อสนับสนุน เลยได้ยิ้มหวานจากลูกสาวคนสวยเป็นของตอบแทน
รถเก๋งคันน้อยของครอบครัวเล็กๆ มาถึงห้างประจำจังหวัด เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เด็กหญิงดารินมือหนึ่งจูงมือม๊ะม๊า..อีกมือจูงมือป๊ะป๋า..ความรู้สึกลางๆ ครั้งหนึ่งในวัยเด็กเธอก็เคยทำแบบนี้ แต่ภาพในวันนี้ตอกย้ำให้ภาพนั้นชัดเจนขึ้น
ดวงตาคู่สวยของคนเป็นลูกระยิบระยับเต็มไปด้วยความสุข..คนเป็นแม่เองก็มีความสุขตามไปด้วย
ไอศกรีมมะนาววันนั้น..สำหรับเด็กหญิงดารินแล้ว..เป็นไอศกรีมที่อร่อยที่สุดในโลก
ขากลับคนเป็นสามีขอร้อง ให้ยัยตัวแสบขับรถวนดูโรงแรม และคอนโดรอบๆ ชานเมืองเขตที่อาศัยอยู่ ดวงตาคมคู่สวยแวววาวครุ่นคิด...อันธิยามองกลับอย่างสงสัย แต่ก็ยอมทำตาม
"ส่วนใหญ่คนที่เช่าคอนโด จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาอยู่ในไทยสั้นๆจ๊ะ หรืออีกทีก็คนกรุงซื้อไว้สำหรับพักผ่อนวันหยุด"คนตัวเล็กอธิบายเรียบเรื่อย รามิลมองรอบๆอย่างสนใจ แค่โซนที่ขับผ่าน..คอนโดก็ผุดเป็นสิบแห่ง
'ที่ไหนมีคน..ที่นั้นมีอำนาจซื้อ'
คนตัวโตคิดในใจ เขาจะต้องเจอลู่ทางทำให้ครอบครัวเล็กๆ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายให้ได้!
กว่าทุกคนจะกลับถึงบ้านเกือบบ่ายสามโมง เจ้าหญิงของบ้านเจอยายยายล้างผัก..เตรียมหมู ไก่ สัตว์ทะเล..เพื่อรับออเดอร์ช่วงเย็น
"วันนี้แม่ทำแกงไตปลาของโปรดมิลด้วยนะลูก"น้ำเสียงคนพูดใจดี ร่างอวบอ้วนผิวขาวนั่งเด็ดผักอยู่โต๊ะสารพัดประโยชน์ เด็กหญิงตัวน้อยเดินไปล้างมือในห้องน้ำ ก่อนจะมาช่วย
รามิลเดินไปโต๊ะคอมประจำบ้าน มือหนาหยาบเปิดเครื่อง..ทั้งยังล็อกอินผ่านบาวเซอร์โบรกเกอร์ที่ภรรยาสมัครไว้ให้ คนตัวโตจัดการฝากหลักประกันเข้าไปในระบบ
อันธิยาเดินมาดูข้างหลัง..ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความอ่อนโยน..พร้อมให้ความช่วยเหลือถ้ามีการร้องขอ
"สงสัยอะไรถามอัญได้นะพี่"น้ำเสียงใสของคนเป็นเมีย..ส่งผลให้คนตัวโตหันมายิ้มให้
"ค่ะ แบน"
แต่ไอ้ต้าวพี่ข้างบ้านยังก้มหน้าก้มตาศึกษาต่อเอง..อันธิยาเลือกไปหยิบโน๊ตบุ๊คอีกเครื่อง มาลงบัญชีรายรับรายจ่ายของบ้าน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง..เป็นบรรยากาศเรียบง่าย..ชวนให้สงบ
"ไอ้มิล!!"
"หือ"
เขาเงยหน้าจากแป้นพิมพ์ หันไปมองเพื่อนร่างท้วม กับเพื่อนร่างผอม ดวงตาคมหันไปมองนาฬิกาข้างผนังมันชี้เวลา 16.55น. ตลาดหุ้นบ้านเราพึ่งปิดได้ไม่นาน
ตอนนี้คนเป็นเมียอยู่ในครัวเตรียมรับออเดอร์เย็น ส่วนลูกสาวคนสวยนั่งทำการบ้านข้างบนห้องนอน แม่ยายอยู่หลังบ้านเริ่มเก็บผ้าลูกค้า เตรียมรีดเหมือนทุกวัน
เขาจึงนั่งอยู่คนเดียว ดวงตาคมมองเพื่อนอย่างว่างเปล่า..คนร่างท้วมผิวขาวอมแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ คนนี้เขาเคยเจอ 'ไอ้วิน' หรือวิญญู เพื่อนของเขานั่นเอง แต่ร่างผอมสูง..หัวล้าน อยู่ในเสื้อกางเกงบอล คนนี้เขาไม่รู้จัก
"ทำไมมองแบบนี้วะไอ้มิล"คนร่างท้วมทัก
'ทำไมอายุเท่ากัน แต่ไอ้เดือนเกษตรถึงยังหล่อวะ'
"อื่อ"
ไอ้คนหน้ามึนตอบสั้นๆ คนร่างผอมสูงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"เห้ย ไอ้มิลจริงด้วย!! มึงยังไม่ตาย"น้ำเสียงคนพูดดีใจปนตื่นเต้น
ไม่พูดเปล่า..มือของคนเป็นเพื่อนเดินเข้ามาตบบ่า เจ้าของบ้านเบี่ยงตัวเล็กน้อยด้วยความถือตัว..ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย เพื่อนตัวผอมใส่แว่นนิ่วหน้าทันที
"หรือมึงจำกูไม่ได้!!"
"อื่อ"
"กูไง..จูนผู้หล่อเหลา..แก๊งหนุ่มหล่อคณะเกษตร"ไอ้เพื่อนตัวผอม ไม่พูดเปล่าร่างในชุดบอลมานั่งฝั่งตรงข้าม..ดวงตาคมหรี่มองหัวจรดเท้า..แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
'เพื่อนเขาเคยหล่อด้วยเหรอ?'
เหมือนไอ้เพื่อนตัวแสบจะเข้าใจความหมายในแววตา หน้ามันขึ้นสีทันที ก่อนจะกระแอมไอ
"มึงไม่ต้องมามองแบบนี้เลย..ตอนหนุ่มๆกูก็เคยหล่อนะเว้ย..เป็นหนึ่งในสามเทพเลยนะ สาวๆจีบให้รึ่ม..ถึงตอนนี้หัวกูจะล้านไปบ้างก็เหอะ"
"อ้อ"คนตัวโตรับคำส่งๆ
"มึงพูดไปมันก็จำไม่ได้หรอก"ไอ้วิน..เดินเอาเบียร์เกือบครึ่งโหลวางบนโต๊ะ ร่างอวบท้วมทรุดตัวนั่งไม่ห่างกัน
"มึงจำไม่ได้จริงดิ..เลิกเรียนมึงยังมานั่งกินเหล้าที่ห้องกูทุกวันเลย"
"แล้วเมียมึงก็ไปตามทุกวัน"ไอ้วินเสริมอารมณ์ดี เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนตัวผอมไม่น้อย..พวกเขายังจำเด็กน้อยในชุดนักเรียนมัธยม..ตัวเล็กๆแบบเธอแต่แรงเยอะไม่น้อย เธอแบกไอ้เพื่อนตัวโตกลับห้องแทบทุกวัน
พอเริ่มระลึกถึงพฤติกรรมที่ไม่น่าจดจำ..เจ้าของบ้านเริ่มมีสีหน้าไม่ดี
"ฉันขี้เมาขนาดนั้นเลย?"น้ำเสียงแทนตัวเองค่อนข้างสุภาพ แกมห่างเหิน..วิญญูผู้ขี้เหล้า..และอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ..เริ่มเล่า
"สมัยก่อนมึงดื่มทุกวัน พวกกูชวนมึงก็ไม่เคยปฎิเสธ..ส่วนใหญ่ก็กินห้องไอ้จูนนั่นแหละ..แถมมึงอะคอโคตรอ่อนเลย"
"ว่าละก็เปรี้ยวปาก วันนี้พวกกูซื้อเบียร์มาด้วย ตั้งวงกินหมูกะทะกันนะ"ร่างผอมสูงเสริม ไอ้วินไม่สนสีหน้าคนเป็นเพื่อน..เลือกที่จะไปขออนุญาตเจ้าชีวิตตัวจริง..ที่กำลังรับออร์เดอร์อยู่หลังบ้าน
"น้องอัญ เย็นนี้พวกพี่ขอตั้งวงกินหมูกะทะ ดื่มเบียร์ได้มั้ยจ๊ะ"
"จัดไปพี่"เสียงใสตะโกนอย่างอารมณ์ดี
คนตัวโตเม้มปากแน่น..ไม่ถงไม่ถามเขาสักคำว่าอยากตั้งวงมั้ย..ที่สำคัญมันเป็นเรื่องปกติใช่มั้ย..ที่เมียอยากให้ผัวตั้งวง? ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มกลุ้ม..เขาชักเข้าใจความรู้สึกลูกสาวตัวน้อยแล้ว
ณ ศาลาทรงจีน หลังตึกเป่ยวันนั้นเป็นเสาร์เช้าเด็กหญิงดารินนั่งมองดูบ่อบัวที่กำลังบานสะพรั่ง มีผีเสื้อตัวน้อยบินวนรอบ...ในมือมีจดหมายที่คนเป็นทวดเขียนให้..ตั้งแต่วันที่ได้รับมันมา..เธอเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะเปิดมันขึ้นมาอ่าน..ส่วนหนึ่งเธอไม่อยากจะยอมรับว่า หนึ่งในบุคคลที่เธอเคารพรักมากที่สุดในชีวิต..ท่านได้เสียไปแล้วมือน้อยขาวผ่องสั่นเล็กน้อย..เธอสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจแกะซองจดหมายออกมาอ่าน‘ถึง จินเยว่..จินจินน้อยของเหล่ากงวันที่จินจินน้อยได้รับจดหมายฉบับนี้ เหล่ากงคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว..เหล่ากงรู้ว่าจินจินเองก็คงจะเสียใจไม่น้อย แต่เหล่ากงอยากจะบอกจินจินว่าการลาจากอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทุกคนล้วนหนีมันไม่พ้น เหมือนที่จินจินเองสูญเสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เหล่ากงก็ยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า..เหลนของเหล่ากงเป็นเด็กที่เข้มแข็ง จินจินจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนถ้าจะมีเรื่องไหนที่เหล่ากงเสียดายมากที่สุด ก็คงเป็นเพราะเราได้ใช้เวลาด้วยกันน้อยเกินไป มันมีหลายสิ่งที่เหล่ากงอยากเล่าให้หนูฟัง อยากดูการเติบโตของหนู อยากอยู่ถึงวันที่หนูมีคู่ชีวิต มีลูก แต่ไม้ใกล้ฝ
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน..กลางทะเลระหว่างหมู่เกาะกับผืนแผ่นดินใหญ่ร่างผอมสูงค่อยๆ จมลงไปในน้ำทะเล มันทั้งมืดลึก และหนาวเหน็บ เสียงพายุพัดรุนแรงค่อยๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท จิตใต้สำนึกพยายามบอกตัวเองให้ว่ายขึ้นไปเหนือน้ำให้ได้ ‘เมียกับลูกน้อย’ยังรอเขาอยู่..แต่..ถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งตามประสาลูกทะเลมากแค่ไหนก็ตาม.. ณ เวลานี้...ตอนนี้ เรี่ยวแรงกับค่อยๆ หายไป..และพรากลมหายใจของการดิ้นรนครั้งสุดท้ายไปพร้อมกันด้วยรามิลมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว...ท้องฟ้าดำมืดเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าฉายแสงสดใส ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก...โชคดีเขารอดมาได้‘ให้มาตายตอนอายุแค่ยี่สิบสองมันจะใจร้ายไปหน่อยมั้ย!!’ไอ้ต้าวอดีตเดือนเกษตรคิดอย่างอารมณ์ดี แต่พอคิดได้ว่า..เมื่อวานวันเกิดยัยตัวเล็ก..เขากลับบ้านไม่ทัน..แม่เสือตัวจ้อยคงโกรธเขาเป็นแน่ แถมลูกสาวตัวน้อยถ้าไม่ใช่เขากล่อมนอน..ไม่รู้ว่ายัยหนูน้อยจะยอมนอนมั้ยนะคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน พร้อมสะบัดทรายที่อยู่ตามขากางเกงออกดวงตาคมคู่สวยหันซ้ายแลขวา..สำรวจรอบๆ ไม่รู้ว่าน้ำทะเลพัดเขามาถึงไหน..หมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเองก็ไม่คุ้นเคยเอาเ
ปิดเทอมฤดูร้อนวนมาอีกครั้ง รอบนี้ครอบครัวเล็กๆ ของอันธิยานัดกันไปเที่ยวทะเลทางใต้ โดยภากรเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดหาที่พัก เรือยอชต์สุดหรู นอกจากนี้ยังมีสมาชิกคนใหม่อยู่ในพุงยัยแบนสะท้านโลก..ตอนชายหนุ่มเห็นผลตรวจครั้งแรก...ความรู้สึกอิ่มเอมฟองฟูขึ้นเต็มหัวใจ..ดวงตาคมมองหน้าท้องแบนราบของไอ้ต้าวตัวเล็ก..เขานึกประหลาดใจเหลือเกินว่าข้างในพุงเล็กๆ นั้นจะมีเด็กน้อยอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันเด็กหญิงดารินยิ้มแก้มบานแทบทั้งวัน เธอลากป๊ะป๋ากับม๊ะม๊า ไปหาซื้อเสื้อผ้า..ข้าวของเครื่องใช้..ของเล่นให้น้องน้อยตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ทั้งยังลงมือจัดห้องนอนเล็กให้น้องเอง เพราะห้องเดิมที่คนเป็นแม่ตั้งใจแต่งให้ลูกคนที่สอง กลับยกให้เด็กชายคีรีตัวแสบไปนานแล้ว เด็กหญิงเลือกโทนสีเขียว ซึ่งเป็นสีกลาง ทั้งยังขอห้องด้านล่างที่แต่เดิมเป็นห้องว่างไว้ทำ kid room เพิ่มอีกต่างหากแต่พอทำไปทำมา ก็พึ่งนึกได้...ถ้ามีน้องตอนนี้ เธอกับเด็กน้อยอายุจะห่างเกินหนึ่งรอบ...น้องสุดที่รักของเธอจะเหงา เหมือนที่เธอเคยเหงาในสมัยวัยเยาว์มั้ยนะ? เมื่อสมองของคนเป็นพี่สาวคนโตคิดได้..ใบหน้าสวยหวานแฝงแววเจ้าเล่ห์..วิธีที่เธอนึกออกคงต้องกดดันให้ป๊ะ
พอผ่านเรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้นไป ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ก็กลับกลายมามีความสุขเหมือนดั่งเก่า เพิ่มเติมคงจะเป็นการหวงแหนช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากยิ่งขึ้น..สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องคราวนี้ คือภากรไม่ต้องทำงานหนัก..เขามีความสุขกับการมีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น..ส่วนใหญ่ชายหนุ่มเลือกจะทำงานที่บ้าน เด็กชายคีรียังคงตามติดเด็กหญิงดารินไม่เปลี่ยน ส่วนเด็กหญิงดารินกลับชอบหนีไปเล่นกับแก๊งพี่ไค พี่ปาลมากกว่า ไม่ว่าจะพูด หรือแกล้งทำตัวใจร้ายไอ้ต้าวเพื่อนชายก็ยังคงติดหนึบราวกับว่ากลัวเธอจะหายไป เล่นเอาจินจินน้อยของเหล่ากงแทบกุมขมับทุกวันในขณะที่คนเป็นแม่กำลังวางแผนกับลูกชายกำมะลอสุดที่รัก ว่าจะไปเรียกร้องพ่อแม่ฝ่ายชายให้มารับผิดชอบ 'หมั้นหมาย' กันไว้ก่อนดีมั้ย? ผู้ชายดีๆ ถ้าไม่รีบจับจองตั้งแต่ต้นๆ เด็กผู้หญิงคนอื่นก็จ้องจะคาบไปกินนะซิ ซึ่งเด็กชายคีรีย่อมเห็นด้วย แววตาสองชั้นดีใจจนปิดไม่มิด แต่คนหนึ่งผู้ใหญ่ คนหนึ่งเด็ก...ยังคิดแผนไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรดี ในส่วนของฝั่งครอบครัวคีรีนั้นไม่ติดปัญหาอะไร เพราะคุณหมอกินรี มักจะตามใจลูกๆ อยู่แล้ว ขณะพี่ไคเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นทุกเดือน แม่ของเขายังไม่ว่าอ
ทนายประจำบ้านยังคงอ่านพินัยกรรมไปเรื่อยๆ สรุปได้ว่า บ้านรองเองก็ได้บริษัทประกันภัย...ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่อันดับสองของตระกูล และถ้าเป็นธุรกิจที่บริหารให้ดีสามารถต่อยอดได้หลายอย่าง ลูกชายคนที่สองมองหน้าคนในครอบครัวด้วยความตกใจไม่แพ้กันส่วนลูกสาวคนสุดท้องได้เงินสดมูลค่าหลายพันล้าน...ชวนให้บรรดาญาติห่างๆ อิจฉาไม่น้อยคฤหาสน์หลังใหญ่มอบให้กับอดิศัยลูกชายคนโต โดยมีหน้าที่ต้องดูแลมารดาจนสิ้นอายุขัย...ส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ย่อยนั้นถูกเซ็นมอบที่ดินเป็นของลูกๆ หลานๆ นานแล้ว ในขณะที่หลานชายคนโต ที่แต่เดิมคาดว่าจะได้ทรัพย์สมบัติมากที่สุด กับได้เพียงจำนวนหุ้นหลักสิบ ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในธุรกิจต่างๆ กันไป หลายคนส่งรอยยิ้มแสดงความเห็นใจมาให้ แต่ใครจะรู้ว่าภากรดีใจมากแค่...อะไรจะดีเท่ากับการไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ได้ส่วนแบ่งกันเล่า!!!ถ้าจะมีคนรู้ทัน ก็คงมีแต่ลูกสาวคนสวยที่เธอหันมายิ้มมุมปาก พร้อมทั้งยั่กคิ้วให้หนึ่งที แน่ละ...ป๊ะป๋าต้องขอบคุณเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในคนที่เกลี้ยกล่อมเหล่ากง....ในเครือบริษัทมหาชนนั้น เดิมมีการวางรากฐานที่ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือผู้บริหารโง่เง่า อีโ
คุณวันชายหัวหน้าทนายประจำตระกูลอยู่ในชุดสูทสีเทา บุคลิกเคร่งขรึม..เขาอายุราวๆ ห้าสิบกว่า แต่เดิมเขาคือ เด็กในอุปการะของท่านเจ้าสัวธงชัยนั้นเอง ชายวัยเกษียณขยับแว่นตากลมสีใสเล็กน้อย ก่อนจะเดินมายืนด้านหน้า ในมือมีเอกสารพินัยกรรม..ทุกคนในห้องเงียบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย"ฮะแฮ่ม...ทุกท่านในตระกูลมากันคบทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ?"ทนายพูดพร้อมกวาดตา เช็กจำนวนคน ที่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้จัดทำไว้ พอเห็นว่าผู้มีสิทธิ์คบตามจำนวน จึงพยักหน้าก่อนจะอ่านเอกสารในมือต่อ"เอาละครับ วันนี้ผมจะมาประกาศพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้ทำไว้ อย่างแรกผมอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่า..นี้คือวัตถุประสงค์ของผู้ตาย และเป็นความตั้งใจแน่วแน่ ผมก็หวังว่าทุกคนจะเคารพในการตัดสินใจของท่านเจ้าสัว""...""ถ้าพร้อมแล้ว...ผมขอเริ่มเลยนะครับ""...""ข้าพเจ้า นายธงชัย กิตติวรชัยกุล ในขณะทำพินัยกรรมข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามีสติสัมปชัญญะปกติดี โดยเมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมให้แบ่งทรัพย์สินต่างๆ ของข้าพเจ้าให้บุคคลดังต่อไปนี้ในส่วนของบริษัท..ข้าพเจ้าขอแบ่งแยกบริษัทออกเป็นดังนี้ ธุรกิจในเครือร้านสะดวกซื้อ..หุ้น 60%ที่ข้าพเจ้าถืออย