ตกเย็นภรรยาตัวน้อย..พาคุณสามีตัวโตไปฝึกขี่รถมอเตอร์ไซต์ ขาไปให้เขาซ้อนท้ายเช่นเดิม..มือหนาหยาบโอบเอวแน่งน้อย..ลมทะเลตีหน้าเขาและเธอ..เป้าหมายคือลานเปล่าในโรงเรียนประถม
บรรยากาศช่วงเย็นค่อนข้างอบอ้าว..ตอนไปถึงโรงเรียนเหลือเพียงคุณลุงยาม เช่นเคยพอคุณลุงเห็นว่าเป็นเด็กเก่าก็อนุญาตให้เข้าไปใช้สถานที่ชั่วคราวได้
อันธิยาจอดรถไม่ไกลจากร่มไม้ ร่างบอบบางพยายามช่วยทบทวนความทรงจำ..พร้อมอธิบายให้พี่ชายข้างบ้านฟัง..ถึงตำแหน่งต่างๆบนรถมอเตอร์ไซต์
รามิลพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
อาจเพราะเคยขี่มาก่อน..รอบเดียวคนตัวโตก็ทำได้เลย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสุกใส..รอยยิ้มน่ารักถูกส่งมาให้
"สงสัยคนสอนจะเก่ง"ไอ้ต้าวตัวเล็กเริ่มชมตัวเองอุบอิบ เมื่อเห็นคุณสามีขับวนไปวนมาได้หลายรอบ..สักพักก็มาจอดตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเปื้อนรอยยิ้ม
'ผัวฉันหล่อเกินกว่าใคร'
สายตาที่ยัยตัวแสบส่งมาให้..ทำรามิลขนลุกซู่ ใบหูคนตัวโตขึ้นสีอย่างอดไม่ได้ เขามั่นใจว่าตัวเขาในอดีตไม่ใช่คน 'ขี้อาย' แต่..พอโดนสาวจีบทุกวันก็พาเขินไม่น้อย..เขาเสมองทางอื่น
"พี่ว่า..พี่น่าจะเคยขี่มาก่อนนะ"เสียงเข้มแหบพร่า ร่างบอบบางนั่งบนเก้าอี้หิน เท้าแกว่งไปมา..วันนี้เธอมัดผมเป็นหางม้าง่ายๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงไร้เครื่องสำอาง..เสียงใส เช่นเดียวกับดวงตาใสกระจ่างสีน้ำตาล อธิบายให้เขาฟังอย่างอารมณ์ดี
"แต่ก่อนยังไม่มีรถใหญ่ เราก็ขี่มอเตอร์ไซต์ค่ะ..พี่มิลขี่ไปเรียนในเมืองตั้งแต่มอสี่..ตอนที่อัญเข้าเรียนโรงเรียนหญิงล้วน ที่ติดกับโรงเรียนพี่..พี่ขี่ให้หนูซ้อนทั้งขาไปทั้งขากลับ"
"อื่ม"
'เราสองคนดูจะมีความทรงจำร่วมกันเยอะเหลือเกิน'
เขาอยากจำได้เร็วๆ อยาก'จำ' ช่วงเวลาดีๆที่เคยมีให้กัน
"วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ น้องอายเองน่าจะกลับแล้ว"
เธอพูดทั้งเตรียมจะเป็นคนขี่เอง..ชายหนุ่มทำได้แต่เพียงซ้อนท้าย ขากลับท้องฟ้าเริ่มย้อมเป็นสีส้ม...กลิ่นไอทะเล..เข้มข้นพัดพาชวนให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
'เขารู้..เขาชอบทะเล และเขาชอบเวลานี้ที่สุด'
รถถูกจอดไว้หน้าบ้าน หญิงสาวถอดหมวกกันน็อคสีชมพูไว้ที่แฮนด์รถ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงเล็กน้อย..ยัยตัวเล็กส่งคำพูด..ที่ทำให้เขาสตั้นเล็กน้อย
"เออ พี่มิล..อัญลืมบอกไป..พรุ่งนี้วันพ่อนะ"
"..."
เช้าวันต่อมา
หลังจากวิ่งออกกำลังกาย คนเป็นพ่อรอลูกสาวเป็นคนเอยพูดก่อน..แต่จนแล้วจนรอด..เด็กหญิงดารินก็ยังไม่เล่า เด็กน้อยกินข้าวเสร็จ..ล้างถ้วยชามเก็บเรียบร้อยเหมือนทุกๆวัน
พอรถสองแถวสีแดง จอดตรงข้ามบ้าน เด็กน้อยก็หันมาไหว้ พร้อมโบกมือหย็อยๆ ก่อนกระโดดขึ้นรถด้วยความเชี่ยวชาญ รามิลถอนหายใจอย่างกลุ้มใจ
'เมื่อไรลูกจะยอมรับเขาสักทีนะ'
"พี่มิลคะ อัญรบกวนเอาโจ๊กไปให้ลุงป๋อง กับยายคำหน่อยได้มั้ยคะ"เสียงใสๆสั่งการ เธอเคยพาเขาไปหลายรอบแล้ว..สำหรับเขาแล้ว..เมียเขาเป็นคนใจดีที่สุดใน 'โลก'
"โอเค"
"จำได้ใช่มั้ยคะว่าหลังไหน"หญิงสาวชะเง้อหน้าออกมา ใบหน้าจิ้มลิ้มชื้นเหงื่อ..ดวงตาสีน้ำตาลมีความกังวล..ถ้าคุณสามีไม่รีเควสอยากฝึกขี่รถ..เธอคงไม่ยอมให้ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากให้เขาทำเป็นคงต้องปล่อยบ้าง รามิลยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ
เด็กหญิงดารินถึงโรงเรียน..เข้าแถวเคารพธงชาติเหมือนที่ทำมาทุกวัน ทำเหมือนเดิมตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมปลาย จะมีข้อแตกต่างแค่เพราะวันนี้คือ 'วันพ่อ'
นักเรียนหลายๆคน ทั้งคึกคักทั้งตื่นเต้น..เว้นแต่นักเรียน 'ดีเด่น' อย่างเธอ..ก็แค่ 'วันพ่อ' ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน
ที่นั่งของหัวหน้าห้องคนสวยอยู่ริมหน้าต่าง..เธอเท้าคางนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง บุคลิกงามสง่า..เพราะบุคลิกบางอย่างของเด็กหญิงทำให้เพื่อนๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองยังเกรงใจ
ช่วงเช้าโรงเรียนจะกักตัวผู้ปกครองไว้ที่โถงประชุมใหญ่ ก่อนจะประกาศเรียกเสียงตามสายทยอยให้แต่ละระดับชั้นเข้าไปไหว้พ่อ
"อาย วันนี้ป๊ะป๋าอายมามั้ย"สายไหม เด็กหญิงอวบอ้วนเพื่อนสายกินกระซิบถาม เช้าวันนี้เธอมาโรงเรียนกับครอบครัว แตกต่างจากทุกวันที่มาโรงเรียนกับเพื่อนข้างบ้าน
"ไม่อะ ฉันไม่ได้บอกที่บ้าน"น้ำเสียงคนพูดราบเรียบราวกับวันนี้ไม่ใช่วันสำคัญอะไร ดวงตาตี่เล็กของคนเป็นเพื่อนมองมาแบบไม่เข้าใจ..บางทีเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเพื่อนรักเท่าไร
พอถึงเวลา เสียงประกาศตามสายเรียกชั้นประถม6/1 หัวหน้าห้องคนสวยลุกขึ้นยืน พร้อมต้อนเพื่อนๆ ให้เรียงแถวและเดินนำเข้าหอประชุมทันที
ที่โถงประชุมมีน้องๆระดับต่ำชั้นกว่ากำลังทำกิจกรรมกันอยู่ ชั้นประถมจึงต้องเข้าแถวรอ..ห้องหนึ่งของเด็กหญิงดารินตั้งแถวริมซ้ายสุด..ไม่นานนักก็มีเด็กหญิงถักเปียสองข้างใส่แว่นตาหนาเต๊อะมายืนต่อแถวฝั่งขวามือ..คือเด็กห้องสองนั้นเอง
พอดารินเห็นว่าเป็นใคร..เธอเมินทันที เด็กหญิงปรายพันแสง สำรวจใบหน้าสวยหวานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความอิจฉา..หัวหน้าห้องสองเบ้ปากทันที
"นึกว่าใคร หัวหน้าห้องหนึ่งคนที่ไม่มีพ่อนั่นเอง"คู่แข่งแย่งที่หนึ่งของสายชั้นเริ่มแขวะเสียงซื่อ แต่เน้นคำว่า 'พ่อ'หนักมาก
ทั้งสองเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล ยันจวบจนจะจบประถม..บ้านปรายพันแสงเป็นเด็กในเมือง แต่บ้านของดาริน อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก..ฐานะของทั้งสองครอบครัวต่างกันลิบลับ..คนนึงเป็นลูกร้านทอง อีกคนเป็นลูกร้านซักรีดธรรมดา
สำหรับปรายพันแสง..เธอเกลียดหัวหน้าห้องหนึ่งคนสวยจับใจ..เพราะดารินทำให้เธอโดนที่บ้านดุ เหตุผลเพราะที่1 ของสายชั้นถูกแย่งไป!!
เธอโดนบังคับให้เรียนพิเศษทุกวัน..ไม่เว้นวันเสาร์อาทิตย์..แต่คะแนนก็ยังแพ้ยัยบ้านนอกหน้าสวย..ถ้าให้แข่งอย่างอื่นเธอก็สู้เพื่อนสมัยอนุบาลไม่ได้สักอย่าง..ไม่ว่ากีฬา ศิลปะ ความนิยม แม้แต่เรื่องเรียน!
เว้นแต่วันพ่อของทุกปี...ที่เธอยังสามารถล้อและแขวะ 'คนไม่มีพ่อ' ให้ช้ำใจเล่น
แต่..เด็กหญิงดารินก็ ไม่ใช่ผู้ที่ชอบให้ใครเอาเปรียบ แม้แต่คำพูดเธอก็ไม่ยอม คนสวยหันขวับทันที
"เธอว่าใครห๊ะ ยัยแว่นสี่ตา"
"ว่าเธอไง ยัยคนไม่มีพ่อ"
"..."
"ไม่มีพ่อไม่พอ ยังหน้าด้านนำกิจกรรม..ถ้ามีสำนึกซะนิดฉันว่าควรให้รองหัวหน้านำไม่ดีกว่าเหรอ"
"เธอนี้สันดานแก้ยังไงก็แก้ไม่หายสักทีนะ..หน้าตาขี้เหร่ นิสัยยังแย่อีก"
"เธอว่าใครขี้เหร่ห๊ะ"หัวหน้าห้องสองอารมณ์ชักขึ้น...เด็กหญิงคนสวยยิ้มเย้ยทันที..ในเมื่อยัยเด็กขี้เหร่ห้องสองกล้าเอา 'ปม' เธอมาล้อ..ทำไมเธอจะจี้ 'ปม' กลับไปไม่ได้ละ
"ฉันก็ว่าเธอนั่นแหละ..จะบอกอะไรนะ ถึงฉันไม่มีพ่อให้ไหว้ทุกปี..แต่ฉันก็ได้รับการสั่งการสอนมาอย่างดี...ฉันไม่เคยระรานคนอื่นก่อน.. แต่เธอละ พ่อแม่มีครบ..เขาไม่เคยสอนเธอเลยเหรอ..ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด?"
เมื่อได้ด่ายัยตัวแสบก็รัวไม่ยั้ง..แทบจะเรียกเสียงปรบมือจากเด็กห้อง1 ที่ยืนแอบฟัง ปรายพันแสงหน้าซีดลงทันที..อ้าปากเหมือนจะด่ากลับแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อ
"ปรายพอเถอะ อย่าต่อล้อต่อเถียงกับอายเลย"รองหัวหน้าห้องสองห้ามก่อนเรื่องราวจะปานปลาย..ทั้งสามคนเคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อน..อิงหันไปยิ้มเหยๆ ให้กับอดีตเพื่อนเก่า
"ขอโทษทีนะอาย..ปรายมันไม่ตั้งใจหรอก"เสียงคนพูดแผ่วเบา อิงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับใคร ดารินถอนหายใจอย่างเซ็งๆ คร้านจะสนทนากับเด็กน้อยพวกนี้
เสียงแตกตื่นของผู้ปกครอง..และบรรดาคุณครูสาว..แทบจะเรียกความสนใจจากห้องโถงประชุมแห่งนั้นได้ทันที
"หุ้ยยย โคตรหล่อเลย..พ่อใครกันนะ"
"ดาราใหม่หรือเปล่าอะแก หุ่นแซ่บมาก"
"หรือคุณครูที่มาใหม่..ฉันไปขอเบอร์ดีมั้ย"
เสียงดังเซ็งแซ่ของผู้คน..ทำเด็กหญิงดาริน กับเด็กๆห้อง 1และห้อง2 หันไปดูด้วย..เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่..ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่เหมือนเธอเป๊ะดวงตาคู่สวยของหัวหน้าห้อง1เบิกกว้าง..ก่อนจะหลุดอุทาน
"ป๊ะป๋า!!!!"
ณ ศาลาทรงจีน หลังตึกเป่ยวันนั้นเป็นเสาร์เช้าเด็กหญิงดารินนั่งมองดูบ่อบัวที่กำลังบานสะพรั่ง มีผีเสื้อตัวน้อยบินวนรอบ...ในมือมีจดหมายที่คนเป็นทวดเขียนให้..ตั้งแต่วันที่ได้รับมันมา..เธอเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะเปิดมันขึ้นมาอ่าน..ส่วนหนึ่งเธอไม่อยากจะยอมรับว่า หนึ่งในบุคคลที่เธอเคารพรักมากที่สุดในชีวิต..ท่านได้เสียไปแล้วมือน้อยขาวผ่องสั่นเล็กน้อย..เธอสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจแกะซองจดหมายออกมาอ่าน‘ถึง จินเยว่..จินจินน้อยของเหล่ากงวันที่จินจินน้อยได้รับจดหมายฉบับนี้ เหล่ากงคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว..เหล่ากงรู้ว่าจินจินเองก็คงจะเสียใจไม่น้อย แต่เหล่ากงอยากจะบอกจินจินว่าการลาจากอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทุกคนล้วนหนีมันไม่พ้น เหมือนที่จินจินเองสูญเสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เหล่ากงก็ยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า..เหลนของเหล่ากงเป็นเด็กที่เข้มแข็ง จินจินจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนถ้าจะมีเรื่องไหนที่เหล่ากงเสียดายมากที่สุด ก็คงเป็นเพราะเราได้ใช้เวลาด้วยกันน้อยเกินไป มันมีหลายสิ่งที่เหล่ากงอยากเล่าให้หนูฟัง อยากดูการเติบโตของหนู อยากอยู่ถึงวันที่หนูมีคู่ชีวิต มีลูก แต่ไม้ใกล้ฝ
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน..กลางทะเลระหว่างหมู่เกาะกับผืนแผ่นดินใหญ่ร่างผอมสูงค่อยๆ จมลงไปในน้ำทะเล มันทั้งมืดลึก และหนาวเหน็บ เสียงพายุพัดรุนแรงค่อยๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท จิตใต้สำนึกพยายามบอกตัวเองให้ว่ายขึ้นไปเหนือน้ำให้ได้ ‘เมียกับลูกน้อย’ยังรอเขาอยู่..แต่..ถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งตามประสาลูกทะเลมากแค่ไหนก็ตาม.. ณ เวลานี้...ตอนนี้ เรี่ยวแรงกับค่อยๆ หายไป..และพรากลมหายใจของการดิ้นรนครั้งสุดท้ายไปพร้อมกันด้วยรามิลมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว...ท้องฟ้าดำมืดเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าฉายแสงสดใส ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก...โชคดีเขารอดมาได้‘ให้มาตายตอนอายุแค่ยี่สิบสองมันจะใจร้ายไปหน่อยมั้ย!!’ไอ้ต้าวอดีตเดือนเกษตรคิดอย่างอารมณ์ดี แต่พอคิดได้ว่า..เมื่อวานวันเกิดยัยตัวเล็ก..เขากลับบ้านไม่ทัน..แม่เสือตัวจ้อยคงโกรธเขาเป็นแน่ แถมลูกสาวตัวน้อยถ้าไม่ใช่เขากล่อมนอน..ไม่รู้ว่ายัยหนูน้อยจะยอมนอนมั้ยนะคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน พร้อมสะบัดทรายที่อยู่ตามขากางเกงออกดวงตาคมคู่สวยหันซ้ายแลขวา..สำรวจรอบๆ ไม่รู้ว่าน้ำทะเลพัดเขามาถึงไหน..หมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเองก็ไม่คุ้นเคยเอาเ
ปิดเทอมฤดูร้อนวนมาอีกครั้ง รอบนี้ครอบครัวเล็กๆ ของอันธิยานัดกันไปเที่ยวทะเลทางใต้ โดยภากรเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดหาที่พัก เรือยอชต์สุดหรู นอกจากนี้ยังมีสมาชิกคนใหม่อยู่ในพุงยัยแบนสะท้านโลก..ตอนชายหนุ่มเห็นผลตรวจครั้งแรก...ความรู้สึกอิ่มเอมฟองฟูขึ้นเต็มหัวใจ..ดวงตาคมมองหน้าท้องแบนราบของไอ้ต้าวตัวเล็ก..เขานึกประหลาดใจเหลือเกินว่าข้างในพุงเล็กๆ นั้นจะมีเด็กน้อยอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันเด็กหญิงดารินยิ้มแก้มบานแทบทั้งวัน เธอลากป๊ะป๋ากับม๊ะม๊า ไปหาซื้อเสื้อผ้า..ข้าวของเครื่องใช้..ของเล่นให้น้องน้อยตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ทั้งยังลงมือจัดห้องนอนเล็กให้น้องเอง เพราะห้องเดิมที่คนเป็นแม่ตั้งใจแต่งให้ลูกคนที่สอง กลับยกให้เด็กชายคีรีตัวแสบไปนานแล้ว เด็กหญิงเลือกโทนสีเขียว ซึ่งเป็นสีกลาง ทั้งยังขอห้องด้านล่างที่แต่เดิมเป็นห้องว่างไว้ทำ kid room เพิ่มอีกต่างหากแต่พอทำไปทำมา ก็พึ่งนึกได้...ถ้ามีน้องตอนนี้ เธอกับเด็กน้อยอายุจะห่างเกินหนึ่งรอบ...น้องสุดที่รักของเธอจะเหงา เหมือนที่เธอเคยเหงาในสมัยวัยเยาว์มั้ยนะ? เมื่อสมองของคนเป็นพี่สาวคนโตคิดได้..ใบหน้าสวยหวานแฝงแววเจ้าเล่ห์..วิธีที่เธอนึกออกคงต้องกดดันให้ป๊ะ
พอผ่านเรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้นไป ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ก็กลับกลายมามีความสุขเหมือนดั่งเก่า เพิ่มเติมคงจะเป็นการหวงแหนช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากยิ่งขึ้น..สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องคราวนี้ คือภากรไม่ต้องทำงานหนัก..เขามีความสุขกับการมีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น..ส่วนใหญ่ชายหนุ่มเลือกจะทำงานที่บ้าน เด็กชายคีรียังคงตามติดเด็กหญิงดารินไม่เปลี่ยน ส่วนเด็กหญิงดารินกลับชอบหนีไปเล่นกับแก๊งพี่ไค พี่ปาลมากกว่า ไม่ว่าจะพูด หรือแกล้งทำตัวใจร้ายไอ้ต้าวเพื่อนชายก็ยังคงติดหนึบราวกับว่ากลัวเธอจะหายไป เล่นเอาจินจินน้อยของเหล่ากงแทบกุมขมับทุกวันในขณะที่คนเป็นแม่กำลังวางแผนกับลูกชายกำมะลอสุดที่รัก ว่าจะไปเรียกร้องพ่อแม่ฝ่ายชายให้มารับผิดชอบ 'หมั้นหมาย' กันไว้ก่อนดีมั้ย? ผู้ชายดีๆ ถ้าไม่รีบจับจองตั้งแต่ต้นๆ เด็กผู้หญิงคนอื่นก็จ้องจะคาบไปกินนะซิ ซึ่งเด็กชายคีรีย่อมเห็นด้วย แววตาสองชั้นดีใจจนปิดไม่มิด แต่คนหนึ่งผู้ใหญ่ คนหนึ่งเด็ก...ยังคิดแผนไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรดี ในส่วนของฝั่งครอบครัวคีรีนั้นไม่ติดปัญหาอะไร เพราะคุณหมอกินรี มักจะตามใจลูกๆ อยู่แล้ว ขณะพี่ไคเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นทุกเดือน แม่ของเขายังไม่ว่าอ
ทนายประจำบ้านยังคงอ่านพินัยกรรมไปเรื่อยๆ สรุปได้ว่า บ้านรองเองก็ได้บริษัทประกันภัย...ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่อันดับสองของตระกูล และถ้าเป็นธุรกิจที่บริหารให้ดีสามารถต่อยอดได้หลายอย่าง ลูกชายคนที่สองมองหน้าคนในครอบครัวด้วยความตกใจไม่แพ้กันส่วนลูกสาวคนสุดท้องได้เงินสดมูลค่าหลายพันล้าน...ชวนให้บรรดาญาติห่างๆ อิจฉาไม่น้อยคฤหาสน์หลังใหญ่มอบให้กับอดิศัยลูกชายคนโต โดยมีหน้าที่ต้องดูแลมารดาจนสิ้นอายุขัย...ส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ย่อยนั้นถูกเซ็นมอบที่ดินเป็นของลูกๆ หลานๆ นานแล้ว ในขณะที่หลานชายคนโต ที่แต่เดิมคาดว่าจะได้ทรัพย์สมบัติมากที่สุด กับได้เพียงจำนวนหุ้นหลักสิบ ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในธุรกิจต่างๆ กันไป หลายคนส่งรอยยิ้มแสดงความเห็นใจมาให้ แต่ใครจะรู้ว่าภากรดีใจมากแค่...อะไรจะดีเท่ากับการไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ได้ส่วนแบ่งกันเล่า!!!ถ้าจะมีคนรู้ทัน ก็คงมีแต่ลูกสาวคนสวยที่เธอหันมายิ้มมุมปาก พร้อมทั้งยั่กคิ้วให้หนึ่งที แน่ละ...ป๊ะป๋าต้องขอบคุณเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในคนที่เกลี้ยกล่อมเหล่ากง....ในเครือบริษัทมหาชนนั้น เดิมมีการวางรากฐานที่ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือผู้บริหารโง่เง่า อีโ
คุณวันชายหัวหน้าทนายประจำตระกูลอยู่ในชุดสูทสีเทา บุคลิกเคร่งขรึม..เขาอายุราวๆ ห้าสิบกว่า แต่เดิมเขาคือ เด็กในอุปการะของท่านเจ้าสัวธงชัยนั้นเอง ชายวัยเกษียณขยับแว่นตากลมสีใสเล็กน้อย ก่อนจะเดินมายืนด้านหน้า ในมือมีเอกสารพินัยกรรม..ทุกคนในห้องเงียบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย"ฮะแฮ่ม...ทุกท่านในตระกูลมากันคบทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ?"ทนายพูดพร้อมกวาดตา เช็กจำนวนคน ที่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้จัดทำไว้ พอเห็นว่าผู้มีสิทธิ์คบตามจำนวน จึงพยักหน้าก่อนจะอ่านเอกสารในมือต่อ"เอาละครับ วันนี้ผมจะมาประกาศพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้ทำไว้ อย่างแรกผมอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่า..นี้คือวัตถุประสงค์ของผู้ตาย และเป็นความตั้งใจแน่วแน่ ผมก็หวังว่าทุกคนจะเคารพในการตัดสินใจของท่านเจ้าสัว""...""ถ้าพร้อมแล้ว...ผมขอเริ่มเลยนะครับ""...""ข้าพเจ้า นายธงชัย กิตติวรชัยกุล ในขณะทำพินัยกรรมข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามีสติสัมปชัญญะปกติดี โดยเมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมให้แบ่งทรัพย์สินต่างๆ ของข้าพเจ้าให้บุคคลดังต่อไปนี้ในส่วนของบริษัท..ข้าพเจ้าขอแบ่งแยกบริษัทออกเป็นดังนี้ ธุรกิจในเครือร้านสะดวกซื้อ..หุ้น 60%ที่ข้าพเจ้าถืออย