สานฝันด้วยกัน..บนริมฝั่งแอตแลนติก --------------------------------------สุธนเดินทางพร้อมคนึงนิจซึ่งตั้งท้องได้เกือบสามเดือนครึ่ง สาวน้อยท้องแรกแทบมองไม่ออกว่าเธอกำลังมีเด็กอยู่ในครรภ์“เอ้าทำไมไม่ใส่เดรสหลวมๆ” ผู้กำกับหนุ่มใหญ่บ่นเธอเรื่องการแต่งตัว“คุณพ่อคะ...นิจท้องไม่โตเลย เหมือนคนมีหน้าท้องแค่นั้น นี่ยังใส่กางเกงยีนส์หลวมนิดๆ ได้อยู่เลย”------------ณ เมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษสุธนหรี่ตามองรูปร่างสาวน้อย เธอเป็นสาวบอบบางมาก ทำให้พรางรูปร่างได้ดี และช่วงระยะแรกเธอไม่มีอาการของคนท้องที่เรียกกันว่า morning sickness“ที่รัก...ไม่ใช่เป็นหาดทราย นี่เป็นหินกรวด เราเอาเสื่อยางไปปูนอนดูดาวริมหาดกัน” เธอถูกเปลี่ยนคำเรียกให้ดูแสนหวาน เขาขอร้องให้เธอเรียกเขาว่า darling หรือสามีที่รัก น่าจะเหมาะสมมากกว่าคำเดิมที่เรียกกันอยู่ทุกวัน“คุณพ่อ...อุ๊ย ขอโทษ...คุณสามีที่รัก นิจไม่ได้เป็นอะไรนะคะ เสื้อผ้าเราก็หนาพอไม่ให้หินตำได้หรอกค่ะ”“น่า...ผมถือไปเอง”ตอนใต้ของอังกฤษอากาศกำลังเย็นสบาย เขาและเธอใส่เสื้อผ้าบางออกมารับลมเย็นพัดจากทะเล เพื่อสูดโอโซนเข้าเต็มปอดทำให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งส่งผลดีต
สานฝันด้วยกัน...ท่ามกลางราตรีประดับดาว---------------------------------------------คนึงนิจลาออกจากงานหลังจากกลับมาได้หนึ่งสัปดาห์ด้วยเหตุผลการดูแลครอบครัว น้อยหน่าแจ้งว่าสำนักงานใหญ่ส่งบอสฝรั่งคนใหม่มาแทนมาร์คุส และเสนอให้กลับไปเริ่มทำงานได้อีกครั้งถ้าเธอพร้อมแต่ทว่าเธออยากใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับเขา สุธนยังอยู่ในช่วงระยะพักฟื้นที่บ้านของแม่สุภา ย่างเข้าเดือนที่สามสภาพร่างกายของเขาเริ่มคืนกลับมาฟิตเหมือนเดิม ชายหนุ่มขอลาพักราชการเพิ่มอีกหนึ่งเดือน“ขอบใจมาก...ที่ดูแลผมจนหายดี” คนึงนิจสุขใจที่มีส่วนทำให้เขาฟื้นตัวเร็วขึ้น เธอพาเขานั่งรถเข็นชมท้องทุ่งรอบบ้านแม่ของเขาทุกเช้าเย็น มาบัดนี้สภาพร่างกายของเขาแข็งแรงฟิตจนได้ที่...กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ“เดือนหน้า...เราไปอังกฤษกันนะ” เขายังไม่ลืมสัญญา“ไป Brighton ผมชอบทะเล” เขาเคยบอกเธอว่าอยากใช้เวลาโรแมนติกกับท้องทะเล อยากให้ลูกมาเกิดที่นั่น“คุณพ่อคะ...นี่เกือบสามเดือนแล้ว คงหมดสิทธิ์ล่ะค่ะ”“ไม่เป็นไร...ผมทำได้ ไม่ต้องกังวล” เขาอมยิ้มมองหน้าเธอ“คืนนี้ ขอนอนดูดาวตรงระเบียงห้อง บอกทวีให้มายกเตียงเสริมไปวางที” สาวน้อยกุลีกุจอโทรไปบอกญาติผู้
ใจจะขาดแย่แล้ว ...ขอให้ฟื้นขึ้นมากอดคนที่รออยู่ ---------------------------------------------------ทันทีที่เครื่องบินแลนดิ้งสนามบินช่วงสายของวันใหม่ คนึงนิจรีบเช่ารถพร้อมโชเฟอร์ตรงไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองสุพรรณบุรีสาวน้อยหน้าตายับยู่ทั้งซีดเซียวไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มถามอย่างลนลาน ทันทีที่เธอเห็นป้าสำเนียง“ป้าคะ...ผู้กำกับเป็นยังไงบ้างคะ เป็นยังไงบ้างป้า!!!”“อาการยังไม่ดีขึ้น...หลวงตาเพิ่งกลับไป” เธอเดินตามป้าสำเนียงไปยังห้องไอซียูอย่างหวั่นใจน้ำตาของเธอร่วงเป็นสายทันทีที่ป้าสำเนียงพยักหน้าให้ตามเข้าไปดูอาการ หญิงสาวมองไปที่เตียงคนไข้ แม่สุภานั่งฟุบหน้าอยู่ข้างเตียงลูกชาย“แม่คะ...นิจอยู่นี่แล้วค่ะ” เธอเดินเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ของสุธนแม่ของชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้มากอดหญิงสาว แล้วโน้มตัวลงไปบอกลูกชายเบาๆ“สุธน... หนูนิจ กลับมาแล้วลูก...”“คุณพ่อคะ...นิจปลอดภัยนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยนิจไว้” เธอก้มลงไปกระซิบบอกเขาข้างหูทั้งสามคนจำต้องเดินออกมาจากห้องคนไข้ พยาบาลกำลังตรวจสอบระบบการรักษาของชายหนุ่มตามแพทย์สั่งอยู่เป็นระยะ เขายังอยู่ในขั้นวิกฤตต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา“หลวงตาว่ายังไ
คนที่เคยน่ารัก...กลับกลายเป็นคนร้าย ---------------------------------------มาร์คุสหัวเราะเสียงดังลั่น“Oh…oh amazing! ตื่นเต้นที่สุด ผมนึกว่าจะขอมากกว่านั้น” เขาพูดยังไม่ทันจบ โถมตัวเข้ากอดรัดฟัดสาวน้อยหน้าหวานผิวสีน้ำผึ้ง เธอคนนี้เป็นสเปกสาวเอเชียที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด“บอสคะ...ฟังนิจยังไม่ทันจบเลย” เธอดิ้นจนหลุดออกมาจากวงแขนของเขา“ผมให้สองล้านเลย ไม่ต้องพูดมากเสียเวลา ผมอยากให้จบๆ ไป” เขาหรี่ตามองเธออย่างกับเป็นเหยื่อที่กำลังถูกขย้ำ“ไม่ใช่ค่ะ...นิจขอ หนึ่งล้าน...ดอลลาร์!!!” เสียงเน้นคำสุดท้ายทำมาร์คุสตาโตด้วยความโมโหสุดขีด เขาขว้างเสื้อสูทที่กำลังถอดออกใส่หน้าเธออย่างแรง“No patience!!! ความอดทนผมหมดไปแล้ว”เขาเดินเข้ามาใกล้ตรงที่คนึงนิจนั่งรออยู่ กำลังจะโน้มตัวลงมาเพื่ออุ้มเธอเข้าไปห้องนอนด้านใน“บอสคะ นิจขออย่างหนึ่ง จะให้เท่าไหร่ นิจไม่เกี่ยง ขออย่างเดียวให้เกียรติกันหน่อย นิจอยากดื่มไวน์ฉลองกัน อยากเมาก่อน...จะได้ทำใจได้” เธอตัดสินใจเพื่อความสบายใจของฝรั่งคนนี้“ดีมาก ขอผมโทรไปสั่ง room service นิจเข้าไปอาบน้ำรอผมก่อน”คนึงนิจรู้ดีว่าเขาคงอยากมึนๆ ไปกับเธอ บอสของเธอชอบให้เธอฝันไ
คุณค่าของคนไม่ได้ถูกตีราคาด้วยมายาแห่งเงินตรา------------------------คนึงนิจตกใจตื่นขึ้นมาช่วงใกล้สว่าง เธอสังหรณ์ใจสั่นว่าสุธนอาจไม่รอดในครั้งนี้ เธอมีความเชื่อตั้งแต่สมัยยังเด็ก ยายเธอเคยเล่าว่าการเสี่ยงทายถามเรื่องเดือดร้อน ให้เราตั้งจิตอธิษฐานขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เธอมีสิ่งเดียวที่สามารถนำมาใช้ได้คือ สร้อยคอลูกประคำทำด้วยเม็ดน้ำตาของพระศิวะ ซึ่งหลวงตาที่สุธนเคารพมอบให้มา เพื่อความสบายใจก่อนไปทำงานวันนี้ เธอจึงอยากถามความเป็นความตายของเขาคนึงนิจตั้งจิตกำสร้อยประคำแล้วขอผลลัพธ์การเสี่ยงทาย“หากคุณพ่ออาการดีขึ้น ขอให้เม็ดลูกประคำร้อนขึ้นที่ฝ่ามือ” เธอพร่ำถามคำถามอยู่นานเกือบ 10 นาที เม็ดลูกประคำไม่ตอบสนอง“หากคุณพ่อยังอาการไม่ดีขึ้น ขอให้ฝ่ามือร้อนจากเม็ดลูกประคำ” แค่ไม่ถึงอึดใจ ผลตอบสนองทันที คนึงนิจมือสั่นใจเต้นแรงเป็นห่วงอาการของสุธน เสียงสะอื้นจากกลางอกดังขึ้นทันทีเธอส่งข้อความไปที่แช็ตของเดฟ เขาตอบกลับมาว่าวันนี้เป็นเวรของ ‘เครก’ เดฟเขียนตอบกลับมาอีกว่าหน่วยสืบสวนกลางที่นี่ทราบแล้ว สุธนถูกลอบสังหารด้วยมูลเหตุของการสืบจับคนร้ายในขบวนการมาเฟียออนไลน์ก่อนเตรียมตัวไปทำงานเธอสวด
ฝ่ายหนึ่งอาการสาหัสปางตาย ฝ่ายหนึ่งถูกคุมคาม------------------------เมื่อเสียงรถบรรทุกดังไกลออกไปแล้ว จ่าแดงจึงรีบวิ่งออกจากแอ่งตมที่เป็นโพรงแคบๆ ใกล้ริมบึงที่มีบัวหลวงขึ้นอยู่เต็ม หากมองไกลๆ ในความมืดเหมือนปลักเลนเป็นหย่อมเป็นหย่อม ทำให้กลุ่มมือสังหารไม่ทันได้สังเกตลูกน้องของสุธนกระโดดข้ามคันนาถลามายังรถกระบะ ก้มมองหาเจ้านายไปรอบคันรถ เขาคิดว่าตอนนี้ชายหนุ่มน่าจะอาการสาหัสจนไม่ได้ยินเสียงเรียกชายกลางคนผู้นี้หน้าตาเต็มไปด้วยโคลนกระวนกระวายใจร้อนรุ่มกลัวว่าสุธนจะถูกลูกกระสุนจนเสียชีวิต เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้รถที่กำลังแล่นบนถนนมองเห็น โชคดีว่ารถกระบะคันนี้หยุดข้างทางทันที ชายหนุ่มสองคนกระโจนลงคันนาแล้ววิ่งรี่ตรงมายังรถกระบะที่จ่าแดงกำลังมองหาร่างคนบาดเจ็บ หนุ่มฉกรรจ์ทั้งคู่ช่วยจ่าแดงยกรถเอียงไปด้านหนึ่ง จึงเห็นร่างชายหนุ่มนอนจมโคลนเปื้อนเลือดแดงฉาน ยังโชคดีที่หนึ่งหนุ่มรู้จักเพื่อนอาสาของหน่วยกู้ภัย จึงโทรเข้าไปหาหน่วยที่ใกล้ที่สุดมาช่วยนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลร่างของสุธนถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉินที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เขาถูกกระสุนปืนอาก้าถึงสิบนัด ลูกกระสุนนัดหนึ่งเข้าจุดสำคัญต