เช้าที่แสนสดใสสำหรับใครหลายคนแต่สำหรับอันนาเธอเดินลงมาด้วยท่าทีสังกะตายเธออาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดลำลองที่ดูเรียบร้อย
อันนาเดินลงบันไดมาสอดส่องสายตาหาร่างสูงของมาร์คัสเธอไม่อยากเจอเขาเลยและดูเหมือนว่ามาร์คัสหน้าจะเข้าไปที่ห้องทำงานตั้งแต่เช้า อันนาเดินลงมาอย่างเงียบเชียบเธอเห็นเพียงป้าแม่บ้านป้าสมศรีที่เป็นคนที่ใจดีที่สุดในบ้านนี้และดูแลเธอตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้สอบถามเธอทุกอย่างว่าอยากกินอะไรหรืออยากทานอะไรเตรียมเสื้อดีๆไว้ให้เธอมากมาย "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนูอันนา ป้าเตรียมอาหารเช้าเอาไว้แล้ว คุณหนูอันนาทานอาหารก่อนนะคะ" ป้าสมศรียิ้ม แล้วบอกกับอันนาด้วยท่าทีใจดีและมีเมตตา พลันให้อันนานึกถึงแม่ที่ตายจากไป "อรุณสวัสดิ์ค่ะป้าสมศรี" อันนายิ้มเล็กน้อยในแววตาดูเศร้าสร้อยแสดงออกบนใบหน้าของอันนาอย่างชัดเจน ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยอันนาก็เดินกลับขึ้นไปบนห้อง เธอเริ่มสำรวจห้องที่กว้างใหญ่ห้องนี้มันดูเคว้งคว้างสำหรับเธอเหลือเกิน มีทุกอย่างที่สะดวกสบายครบครันแม้กระทั่งคนคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน แต่หัวใจของอันนามันว่างเปล่า อันนาหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ ขึ้นมาอ่าน เธอไม่อยากออกไปจากห้องนอน ไม่อยากพบเจอกับมาร์คัส เธอทำกิจกรรมต่าง ๆ ในห้องอย่างเงียบ ๆ มันก็ดีกว่าให้เธอจะต้องไปเจอกับคนใจร้ายที่ใช้คำพูดคอยทำร้ายจิตใจของเธอตลอดเวลา แต่ดูเหมือนความสงบของเธอกำลังจะหมดลงซะแล้วเมื่อป้าสมศรีมาเคาะประตูห้องของเธอพร้อมกับเตรียมชุดเดรสสีแดงเพลิงดูสวยสง่าเดินมาในห้องของเธอ "ขออนุญาตนะคะคุณหนูอันนา นายท่านให้ป้าเอาชุดมาให้คุณหนู" ป้าสมศรีพูดแล้วเว้นวรรคไว้เล็กน้อย "ชุดอะไรคะป้า แล้วอันนาจะต้องใส่ไปไหน" อันนารู้สึกงวยงงเล็กน้อยเธอมองไปที่ชุดที่สวยเรียบหรูต่อให้รวมเงินทั้งเดือนก็คงซื้อชุดนี้ไม่ได้ "นายท่านสั่งว่า เย็นวันนี้จะมารับคุณหนูอันนาไปงานกับนายท่าน ให้คุณหนูเตรียมตัวให้พร้อมค่ะ ป้าไม่ทราบว่านายท่านจะพาคุณหนูอันนาไปไหนค่ะ" ป้าสมศรีบอกกับอันนา "อันนาไม่ไปได้ไหมคะป้า" อันนาหันมาถามป้าสมศรีทั้งที่เธอก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจว่าไม่มีทางที่จะปฏิเสธคนอย่างมาร์คัสได้ "ป้าก็อยากจะช่วยคุณหนูนะคะ แต่ป้าว่าคุณหนูอย่าเสี่ยงเลยค่ะ ไม่งั้นคุณหนูอาจจะโดนเล่นงานหนักกว่าที่เคยโดนก็ได้นะคะ" ป้าสมศรีรู้ว่าอันนาเจออะไรมา และรู้สึกสังเวชใจกับสิ่งที่เธอได้พบเจอ ป้าสมศรีรู้ว่าอันนาเป็นเด็กดี เพราะกิริยามารยาทในการพูดจาแตกต่างจากเด็กทั่วไปในสมัยนี้ อันนาจำใจรับชุดมาถือไว้ในมืออย่างเลื่อนลอย ความรู้สึกสิ้นหวังเริ่มกัดกินหัวใจอีกครั้ง เธอถูกบีบให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เธอเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ ไม่มีทางเลือก ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ "ฉันจะต้องทนไปถึงเมื่อไหร่กัน" อันนา บ่นพึมพัมกับตัวเอง โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์เสาร์อาทิตย์นี้เธอใช้เวลาเพียงสองวันอยู่บ้านสุดหรูหราคฤหาสน์มูลค่าประเมินไม่ได้ สำหรับอันนามันคือกรงทองกรงที่ไม่มีวันหนีพ้น เมื่อใกล้ถึงเวลา อันนาก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสสีแดงเพลิงตัวนั้น มันเป็นชุดที่สวยงามจับตา แต่ก็เผยให้เห็นสัดส่วนของเธอได้อย่างชัดเจน ป้าสมศรีช่วยเธอแต่งหน้าทำผมเล็กน้อย อันนาในชุดแดงดูสวยคมและเย้ายวนอย่างที่เธอไม่เคยเห็นตัวเองมาก่อน แต่ในแววตาของเธอยังคงมีความว่างเปล่าและเศร้าสร้อยซ่อนอยู่ "ป้าคะ หนูไม่ชินกับชุดนี้เลยค่ะ ใส่ยังไงก็ไม่ชิน" อันนาหันมาบอกป้าสมศรีด้วยท่าทีที่ไม่อยากจะไป ป้าสมศรีส่งยิ้มให้อันนาเล็กน้อยแล้วพูดว่า"คุณหนูอันนาสวยมากค่ะ นายท่านถึงได้ชอบคุณหนูอันนาไงคะ" ป้าสมศรีบอกว่ามาร์คัสชอบอันนายิ่งทำให้อันนาคิดว่าเป็นไปไม่ได้เพราะมาร์คัสหยาบกระด้างเกินกว่าที่จะรักใครได้ "ไม่จริงหรอกค่ะป้า นายท่านของป้าใจร้ายมาก.!"อันนาหันมาบอกกับป้าสมศรีกระแทกเสียงปนไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อพูดถึงมาร์คัสนายท่านที่รักของป้าสมศรี "จริง ๆ นายท่านไม่ใช่คนใจร้ายหรอกค่ะคุณหนู แต่ในท่านเป็นคนที่ใจดีและอ่อนโยนเอาไว้วันหนึ่ง คุณหนูพังทลายกำแพงในใจของนายท่านได้ คุณหนูจะรู้อีกด้านหนึ่งที่นายท่านไม่เคยให้ใครได้เห็น" ป้าสมศรีที่เห็นมาคัสมาตั้งแต่แรกเกิดจนโตเป็นหนุ่มแล้วในวัยสี่สิบกะรัต เธอเปรียบเสมือนมารดาคนที่สองของมาร์คัสที่มาคัสรักและเคารพ มาร์คัสยืนรออันนาอยู่ที่โถงทางเดินชั้นล่าง เมื่อเห็นอันนาเดินลงมาจากบันได สายตาของเขาก็เบิกกว้างเล็กน้อย มีประกายบางอย่างวาบผ่านในดวงตาคู่คมนั้น เพียงชั่วครู่เดียว ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะกลับมาเรียบเฉยดังเดิม "สวย" มาร์คัสเอ่ยขึ้นสั้นๆ แต่เป็นคำชมที่ทำให้หัวใจอันนาเต้นแปลก ๆ เธอไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เดินเข้าไปหาเขาอย่างเงียบ ๆ เมื่อมาถึงงานเลี้ยง อันนาได้พบกับผู้คนมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นนักธุรกิจและผู้มีอิทธิพล มาร์คัสจับมือของเธอไว้ตลอดเวลา ราวกับจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นของเขา "ทำไมมือถึงเย็นขนาดนี้อันนา" มาร์คัสที่จับมือของอันนาเอาไว้ก็กระซิบถาม "อันนาตื่นเต้นค่ะ" อันนาเธอก็พูดไปตามตรงเพราะเธอต้องพบกับผู้คนมากมายที่แต่งตัวหรูหราดูแพงไปหมดเธอรู้สึกว่าเธอเป็นอีกาในฝูงหงส์ สายตาของคนในงานที่มองมาที่เธอมีทั้งความสงสัยใคร่รู้ ความอิจฉาและความปรารถนาที่อยากจะทำความรู้จักผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของมาเฟียหนุ่มที่ทรงอิทธิพลในเวลานี้ สวัสดีครับคุณมาร์คัสผู้ชายคนนี้ที่ดูคุ้นหน้าเขาคือเดวิดลีที่เพิ่งจะโดนแหกหน้าไปเมื่อวานแต่ก็ยังหน้าด้านหน้าทนเข้ามาทักทายมาร์คัสด้วยท่าทีหยิ่งผยอง มาร์คัสเลือกที่จะเดินผ่านไปไม่แม้แต่จะชายตาหันกลับไปมองเขาทำราวกับว่าเดวิดเป็นขยะหรือสิ่งไร้ค่าที่ไม่ควรค่าในการต้องกลับไปเสวนาด้วยมาร์คัสจูงมือของอันนาแล้วเดินผ่านเดวิดไป "อย่าหันกลับไปมองมันเป็นอันขาดไม่งั้นมีเรื่องแน่.!"มาร์คัสพูดกับอันนาเบาๆ อันนาพยายามทำตัวให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามยิ้มตอบรับเมื่อมีใครยื่นมือมาทักทาย แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนถูกจองจำก็ตาม ในมุมหนึ่งของงาน อันนาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอสวยจัด รูปร่างดี และมีรังสีบางอย่างที่บอกว่าเธอไม่ธรรมดา ผู้หญิงคนนั้นสบตาอันนาด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร อันนารู้ได้ทันทีว่านี่คือ คลอเดีย คู่ควงของมาร์คัส และเป็นนางแบบสาวสวยที่ถูกกล่าวถึงในวงสังคม คลอเดียเดินตรงเข้ามาหามาร์คัสและอันนา เธอไม่ได้มองอันนาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับโอบแขนมาร์คัสอย่างสนิทสนม "มาร์คัสคะ ทำไมไม่บอกคลอเดียเลยว่าจะมางานนี้" คลอเดียพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนจะหันมามองอันนาด้วยสายตาเย็นชา "แล้วนี่ใครคะ มาร์คัส?"คลอเดียหันมาถามมาร์คัส และเดินไปควงแขนมาคัดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในที่สาธารณะ แต่เธอกำลังทำผิดกฎกติกาที่เขาเคยวางเอาไว้คลอเดีย ตั้งใจประกาศและเรียกสื่อมวลชนนักข่าวมาทำข่าวเธอ มาร์คัสไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เขาหันมามองอันนาด้วยสายตาที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เต็มไปด้วยความนัย "เธอคือ...ผู้หญิงคนใหม่ของฉัน" คำพูดของมาร์คัสไม่เพียงแต่สร้างความตกใจให้กับคลอเดียเท่านั้น แต่ยังทำให้อันนารู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดกลางอก เธอไม่ได้เป็นแค่ "คนของเขา" แต่ถูกประกาศให้เป็น "ผู้หญิงคนใหม่ของเขา" อย่างโจ่งแจ้ง มันเป็นการตอกย้ำสถานะของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความริษยาและแรงกดดันจากคนรอบข้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และเหมือนศัตรูเบอร์ 1 ของเธอได้ปรากฏตัวแล้วคลอเดียมาร์คัสยังคงไม่หยุด เขาก้มหน้าลงดูดดุนติ่งเสียวของเธออย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังลิ้มรสของหวานที่ถูกใจ ร่างกายของอันนาบิดเร่าไปมาด้วยความทรมานปนสุข เธอเกร็งไปทั้งตัว มือทั้งสองข้างจิกผ้าปูที่นอนแน่นในที่สุด เมื่อความเสียวซ่านมาถึงขีดสุด ร่างกายของอันนาก็กระตุกเกร็งเกร็งไปทั้งตัวก่อนจะปลดปล่อยธารน้ำหวานออกมาเลอะหน้าของมาร์คัส ราวกับเป็นการบ่งบอกถึงจุดสูงสุดของความต้องการมาร์คัสเงยหน้าขึ้นจากกลีบกุหลาบที่บอบช้ำ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยธารน้ำหวานนั้น เขายกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ ดวงตาคมกริบจ้องมองอันนาที่นอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ยังไม่มอดดับ"หวาน..." มาร์คัสเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาลุกโชนกว่าที่เคย "เธอทำให้ฉัคลั่ง อันนา"มาร์คัสไม่รอให้อันนาได้พักหายใจ เขาประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดูดกลืนทุกเสียงครวญครางและหอบหายใจของเธอ ความดิบเถื่อนและความเร่าร้อนของเขาไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย มือหนาข้างหนึ่งรวบร่างบอบบางของเธอให้แนบชิดกับกายแกร่ง อีกข้างหนึ่งจับเรียวขาของเธอให้ยกพาดบ่าอย่างไม่รีบร้อน"อื้อออ...!" อันนา
ผ้าถูกถอดทิ้งกรองลงบนพื้นเหลือเพียงกางเกงที่สวมใส่หน้าอกอวบอิ่มดูเย้ายวนเหมือนเชื้อเชิญให้มาร์คัสมาสัมผัสและเชยชมแอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบกระทบกายของอันนา แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเย็นตามอุณหภูมิห้องเลยความเร่าร้อนที่ได้รับมาจากผู้ชายตรงหน้าทำให้อันนาล่องลอยเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัววนอยู่ในท้องมันทั้งสุขและเสียวในเวลาเดียวกันเหมือนมีไฟฟ้าโลดแล่นช็อตแปล๊บ ๆ ภายในร่างกายที่ร้อนระอุ อันนาทั้งกลัวและอยากจะหนีไปแต่แรงอารมณ์ของอันนาที่ถูกถ่ายทอดมานั้นมันทำให้เธอตกเป็นทาสของมาร์คัสในเวลานี้"ฮืม ...เด็กดี ..หวาน" มาร์คัสพูดเสียงเบาๆเอยชมอันนามันทำให้อันนารู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าว"พอแล้วได้ไหมคะ..อ้าส์" อันนาที่เสียวกระสันจนครางส่งเสียงเย้ายวนออกมา ปากบอกให้พอ แต่พอโดนมาร์คัสหยอกเย้ายอดประทุมเธอก็แอ่นอกให้เขาอย่างเต็มใจร่างกายกับปากของเธอมันช่างตรงข้ามกันทุกระเบียบนิ้ว"หึ!" มาร์คัสเปล่งเสียงเย้ยหยันในลำคอออกมา เขาถูกอกถูกใจที่อันนาผู้หญิงที่เขาเลือกตอบสนองไวต่อความต้องการของเขา"เธอนี่มันร่าน! ฮืม..." สองมือหนาลูบไล้ผิวขาวเนียน จากสันหลังลงมาที่เอวคอดแล้วเลื่อนมาที่สะโพกงอน มาร์คัสบีบเค้นจนขึ้นเ
หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยมาคัสก็บอกให้อันนาเดินตามเขาไปที่ห้องทำงานคำพูดที่แสนเย็นชาการกระทำที่หยาบกระด้างเหมือนกับหินทุบลงพื้นมันทำให้อันนารู้สึกเกรงกลัวมาขัดขึ้นทุกวัน"ค่ะคุณมาร์คัส มีอะไรหรือเปล่าคะ" อันนารวบรวมความกล้าหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ถามมาคัดออกไปตรงๆ"เซ็นซะ เอกสารที่เธอควรต้องเซ็น"มาร์คัสไม่อธิบายอะไรให้กับอันนาฟันแต่บอกให้อันนาเซ็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของเธออันนาหยิบเอกสารขึ้นมาตั้งใจจะอ่านให้จบแต่มาร์คัสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า "ไม่ต้องอ่านหรอก เอกสารเซ็นหนังสือสมรสของเราสองคน..!" มาร์คัสที่พูดจาเย็นชาไม่ได้สนใจอาการสีหน้าตกใจของอันนาเลย"แต่ว่าอันนายังไม่ได้ตกลงนะคะ" อันนาหันมาพูดกับมาร์คัสเพราะเธอรู้สึกไม่เป็นธรรมเหมือนโดนมัดมือชก"ไม่จำเป็นต้องตกลง เพราะชีวิตของเธอเป็นของฉัน ทุกตารางนิ้วในร่างกายเธอตอนนี้เป็นของฉัน!" อันนาเธอรู้สึกมือเหงื่อออกจนชุ่มทั้งตื่นเต้นทั้งโมโหอยากจะเอามือไปข่วนหน้าคนที่เย็นชายังมาร์คัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"ลงชื่อของเธอลงในหนังสือสัญญาสมรสนี้ให้เรียบร้อยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"มาร์คัสไม่ได้อธิบายอะไรทั้งสิ้น คำว่าดีขึ้นดี
อันนาที่แบกเรื่องหนักมามากมายหลังจากผ่านงานที่ไปกับมาร์คัส เธอหลับจนไม่ได้สติจวบจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ดวงตาที่หนักอึ้งของเธอค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยเสียงแอร์มอนิเตอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบแต่ทำไมร่างกายของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอันนาลืมตาขึ้น พร้อมกับมองเห็นฝ้าเพดานที่ขาวสะอาดตา และมันไม่ใช่ห้องที่เธอเคยอยู่มันคือห้องที่เธอเสียตัวเป็นคืนแรก อันนาตกใจจนเบิกตากว้างพยายามรวบรวมสติแต่เธอกลับรู้สึกหนักอึ้งบริเวณเอวของเธอมีมือหนากอดรัดเอาไว้อันนาพลิกไปมองใบหน้าที่คมเข้มดูดีและหล่อเหลา แม้ในเวลาที่หลับสนิทก็ยังดูหน้าหลงไหล อันนาจ้องหน้าของมาร์คัสเหมือนกับต้องมนต์สะกดอีกครั้งอันนาพยายามจะขยับออกหนีอย่างเงียบๆเพื่อกลับไปที่ห้องของเธอแต่เธอยิ่งขยับมาร์คัสก็จะขยับและกอดเธอแน่นขึ้น และเธอลองขยับอีกครั้ง มาคัสก็ยิ่งกอดเอวของเธอแน่นเข้าไปอีกอันนาจ้องไปที่หน้าของคนที่กำลังนอนหลับสนิทเธอพลันคิดว่ามาคัสหลับจริงๆหรือเปล่าและดวงตาคมกริบของมาร์คัสก็ลืมขึ้นแล้วจ้องไปที่ดวงตาของอันนาเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน"ตื่นแล้วหรอ" มาร์คัสถามอันนาด้วยถ้อยคำที่ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าสองวันแรก"อันนารู้สึกตกใจที่เห็นมาร์คัส
มาร์คัสยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์ ที่จ้องมองเดวิดนั้นดำมืดและลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่แฝงด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว หรือตวาดก้อง แต่ความเงียบของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงใด ๆเดวิดที่เห็นปฏิกิริยาของมาร์คัสกลับยิ่งได้ใจ เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และต้องการจะตอกย้ำชัยชนะของตนเอง"ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณมาร์คัส หรือว่าเรื่องจริงมันน่าอายเกินไปที่จะยอมรับ" เดวิดพูดยิ้มๆ "ผู้หญิงของผมคงไม่มีประวัติฉาวโฉ่แบบนี้หรอกครับ...ผมเลือก.."พลั่ก!ยังไม่ทันที่เดวิดจะพูดจบ ร่างของเขาก็ล้มกระเด็นลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เสียงของเนื้อที่ปะทะกับกำปั้นดังสนั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสเป็นคนต่อยเขา!จนเลือดกลบปากและฟันหักไปหนึ่งซีกทุกคนในงานถึงกับผวาถอยหลังไปคนละก้าว ไม่มีใครคาดคิดว่ามาร์คัสจะระเบิดอารมณ์ออกมากลางงานเลี้ยงสำคัญแบบนี้ มาร์คัสเดินเข้าไปหาเดวิดที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
คำประกาศของมาร์คัสกลางงานเลี้ยงทำให้บรรยากาศรอบตัวอันนาหนาวเย็นยะเยือก แววตาของคลอเดียแข็งกร้าวขึ้นทันที ความไม่พอใจและริษยาฉายชัดในดวงตาคู่นั้น เธอมองอันนาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมินค่า ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน"ผู้หญิงคนใหม่เหรอคะมาร์คัส?" คลอเดียพูดด้วยน้ำเสียงยียวน "คลอเดียไม่เห็นจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลยนี่คะ หรือว่ามาร์คัสแอบเก็บไว้เงียบๆ แล้วเพิ่งจะเอาออกมาโชว์วันนี้เป็นวันแรก?" เธอเน้นคำว่า "เก็บไว้" และ "โชว์" อย่างจงใจ ราวกับจะตอกย้ำสถานะของอันนาว่าเป็นเพียงสิ่งของที่ผู้ชายอยากมาร์คัสเก็บเอาไว้ในตู้โชว์วันนี้ก็แค่งัดขึ้นมาเพื่อปัดฝุ่นมาร์คัสไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่จ้องมองคลอเดียด้วยสายตาเย็นชา ทำให้คลอเดียต้องสงบปากสงบคำลงเล็กน้อย เธอกำลังทำผิดกฎของฉันนะคอลเดียมาร์คัสตอบเสียงเรียบนิ่งและยังคงเย็นชากับคลอเดียราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน"โถ่มาร์คัสคะ อย่าเย็นชากับคลอเดียนักเลยคลอเดียคิดถึงมาร์คัสนะคะ แล้วนี่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ" คลอเดียหันหน้าเอียงคอมองไปที่อันนาที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายของเธอ คลอเดียไม่ยอมที่จะเสียแหล่งเงินแหล่งทองของเธอ ให้กับผู้หญ