เมื่อเอาชนะใจของเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ได้แล้ว เรื่องต่างๆ ที่เซิ่งฟางจะทำก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา ช่วงบ่ายของเมื่อวาน มีชาวบ้านวิ่งมาตีกลองร้องทุกข์เซิ่งฟางในฐานะที่เป็นนายอำเภอคนใหม่ แน่นอนว่าย่อมต้องตัดสินคดีความอย่างยุติธรรม ชาวบ้านเหล่านั้นเองก็ไม่คิดว่า นายอำเภอในตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นเซิ่งฟางเขายังคิดว่าเซิ่งฟางจะเป็นเหมือนกันกับนายอำเภอคนเก่า ที่จะคิดค่าตัดสินคดีจากพวกเขาแต่กลับไม่คิดเลยว่า เซิ่งฟางจะไม่คิดเงินพวกเขาแม้แต่อีแปะเดียว ก็ตัดสินคดีให้พวกเขาจนเสร็จทัศนคติที่ชาวบ้านเหล่านั้นมีต่อเซิ่งฟาง ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเซิ่งฟางแล้ว เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้มองคนผิดไปเจี่ยนอันอันพูดกับเซิ่งฟางออกมา “พี่เซิ่งทำได้ดีมาก”“คิดว่าภายหน้าชาวบ้านเหล่านี้ จะต้องค่อยๆ เปลี่ยนความเป็นศัตรูที่มีต่อท่าน”เซิ่งฟางส่ายศีรษะออกมา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ความโกรธแค้นที่ชาวบ้านมีต่อข้านั้นได้ฝังรากลึกแล้ว คิดอยากจะเปลี่ยนความคิดของพวกเขา เกรงว่าคงจะยากยิ่ง”เจี่ยนอันอันพูดแนะนำออกมา “เรื่องในปีนั้นเดิมก็ไม่
เจี่ยนอันอันช่วยทายาให้กับฉู่จวินสิง แล้วพันผ้าพันแผลให้นางเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าฉู่จวินสิงมองมายังนางโดยไม่หันเหสายตาไปที่ใด ในสายตายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่ามองข้าเช่นนี้ มันรู้สึกแปลกๆ”เจี่ยนอันอันพูดออกมา แล้วหันหน้าไปอีกด้านหนึ่งฉู่จวินสิงจับใบหน้าของเจี่ยนอันอัน แล้วบีบบังคับให้นางมองสบสายตาของเขา“รอจนเมื่อมือของข้าหายดีแล้ว เจ้าก็สามารถกราบไว้ฟ้าดินแต่งงานกับข้าได้แล้ว”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงพูดถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ทันใดนั้นใบหน้าเล็กๆ ของนางก็แดงก่ำขึ้น“ข้ายังไม่ทันได้เตรียมพร้อมแต่งงานกับท่านเลย”เจี่ยนอันอันพูดออกมา แล้วก้มหน้าลงทว่าใบหน้าของนาง ยังคงถูกมือของฉู่จวินสิงจับเอาไว้นางจึงทำได้เพียงแค่เลื่อนสายตาไปที่อื่นในใจของฉู่จวินสิงรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่เพียงแต่พูดถึงเรื่องแต่งงานกับเจี่ยนอันอันครั้งเดียวเท่านั้นเจี่ยนอันอันมักจะใช้เหตุผลต่างๆ มาเอาชนะเขาฉู่จวินสิงพูดออกมาอย่างร้อนรนเล็กน้อย “ก่อนหน้านั้นไม่ใช่ว่าเจ้าตอบตกลงข้าแล้วหรือ ว่าจะแต่งงานกับข้า”“ทำไมตอนนี้ถึงได้พูดว่ายังไม่ทันได้เตรียมพร้อมกัน?”เจี
เช้าวันถัดมาในตอนที่ตื่นขึ้น เจี่ยนอันอันก็มีรอยคล้ำใต้ตาขนาดใหญ่นางเดินออกมาจากห้อง ก็มองเห็นฉู่จวินสิงที่กำลังยืนอยู่ด้านนอก“ทำไมท่านถึงได้ตื่นขึ้นเช้าขนาดนี้?” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น ก่อนจะหาวออกมาฟอดใหญ่นางไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน จนถึงตอนนี้ยังคงง่วงนอนมากฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ถามออกมาเสียงอ่อนโยน “เมื่อคืนนี้นอนหลับดีหรือไม่?”“ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย” เจี่ยนอันอันมุ่ยปากออกมา แล้วเริ่มหาวออกมาอีกครั้งดวงตาของฉู่จวินสิงมาพร้อมกับรอยยิ้ม ในใจคิดว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีเขาอยู่ เจี่ยนอันอันเกรงว่าก็คงจะนอนไม่หลับและก็เป็นในเวลานี้ที่เซิ่งฟางเดินเข้ามาเขามองเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ตรงประตู ก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข “ทั้งสองท่านตื่นขึ้นมาแล้ว ดีเลยไปกินมื้อเช้ากันเถิด”ในตอนที่กินอาหารกันเสร็จ เจี่ยนอันอันก็ถามเซิ่งฟางออกมาว่า เด็กรับใช้ทั้งสิบกว่าคนเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง?เซิ่งฟางคีบอาหารเข้าปากไป เคี้ยวไปพลางพร้อมกับพูดออกมา “ข้าลงโทษโบยพวกเขาไปแปดสิบไม้”“พวกเขาแต่ละคนอดทนกันได้ยังไม่ถึงสามสิบไม้ ต่างก็พากันสิ้นลมหายใจไป”หลังจากที่ทั้งสามคนกิ
ภาพฉากที่พวกเขาจับมือกัน ถูกทุกคนเห็นกันหมดฮูหยินใหญ่มีความสุขมากเสียยิ่งกว่าใคร ลูกชายคนเล็กของนางไม่เพียงแต่รู้แจ้งแล้ว ยังรู้จักเริ่มเข้าหาก่อนดูเหมือนว่าวันดีของพวกเขาทั้งสองคนคงจะใกล้เข้ามาแล้วในตอนที่ทั้งสองคนนั่งลงแล้ว ฉู่อันเจ๋อก็พูดออกมาอย่างติดตลกว่า “พี่รอง ท่านกับพี่สะใภ้รองสนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนี้”“อีกไม่นานไม่ใช่ว่าข้าก็ใกล้จะได้ดื่มเหล้ามงคลของพวกท่านแล้วใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดของฉู่อันเจ๋อทำให้เขินเสียจนต้องก้มหน้าลงอย่าได้มองว่าเวลานางกระทำเรื่องราวต่างๆ นั้นเฉียบขาด ทว่าเมื่อเป็นเรื่องระหว่างชายหญิงแล้ว นางกลับดูเขินอายเสียยิ่งกว่าใครฉู่จวินสิงไม่ได้สนใจฉู่อันเจ๋อ เขาคีบชิ้นเนื้อขึ้นมา แล้ววางลงไปในชามของเจี่ยนอันอัน“กินเนื้อ อย่าสนใจเขา”เจี่ยนอันอันหยิบชามและตะเกียบขึ้นมา รีบกินข้าวเข้าไปรอจนเมื่อนางกินข้าวเสร็จแล้ว ก็คิดจะออกไปนางเหลือบมองไปยังฉู่จื่อซี ก็เห็นว่าเขากำลังนั่งกินข้าวในชามอย่างเงียบๆสองวันมานี้วุ่นวายอยู่กับเรื่องของชาวบ้าน นางลืมเรื่องที่จะแก้พิษให้ฉู่จื่อซีไปเสียแล้วเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็รีบว่าไปห้องครัว
เจี่ยนอันอันนั่งลง ไม่รู้ว่าฟางอิ๋งท้ายที่สุดแล้วอยากจะพูดอะไรกับนางฟางอิ๋งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อันอันคิดดีแล้วหรือที่จะแต่งงานกับจวินสิง?”ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ทุกคนกำลังพูดคุยกันเรื่องที่พวกนางกำลังจะแต่งงานกันอยู่ในลานเรือนนางพยักหน้าอย่างเขินอาย “คิดดีแล้วเจ้าค่ะ”ฟางอิ๋งดึงมือของเจี่ยนอันอันมา อย่างรู้สึกตื่นเต้น“อันอันเป็นคนจิตใจดีมาก ไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจที่ครอบครัวเราตอนนี้เปลี่ยนมาตกต่ำยากจน แล้วยังช่วยกำจัดพิษในร่างกายของข้าอีก”“ข้าที่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ เดิมทีควรจะมอบเครื่องประดับอะไรให้เจ้าเพื่อเป็นสินสอดของเจ้า”“ทว่าเมื่อออกมาจากจวนเยียนอ๋อง พวกเราไม่ได้นำอะไรติดตัวออกมาด้วย ข้าช่างรู้สึกละอายใจจริงๆ”ฟางอิ๋งพูดก็รู้สึกละอายใจ น้ำตาก็ไหลคลอขึ้นมาเจี่ยนอันอันเมื่อเห็น ก็รีบพูดปลอบโยนออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่อย่าพูดคำพูดเห็นเป็นคนนอกเช่นนี้”“เรื่องสินสอดข้ามีวิธีการ ท่านเพียงแต่รอดื่มเหล้ามงคลก็พอ”ในตอนที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นั้น ฉู่จวินหลุนก็บังคับรถเข็นเข้ามาเขามายังเบื้องหน้าของทั้งสองคน สายตาจ้องมองไปยังเจี่ยนอันอันอย่างลึกซึ้งเจี่ยนอัน
“จวินสิงเคยพูดว่าเขาเคยมอบถุงเฉียนคุนที่สามารถใส่ทุกอย่างได้ให้กับเจ้า”“บนโลกนี้มีของล้ำค่าเช่นนี้อยู่จริงอย่างนั้นหรือ?”“และต่อให้มี เกรงว่าก็คงไม่มีทางที่จะมอบถุงเฉียนคุนนี้ให้กับเจ้าก่อนหรอกกระมัง”เจี่ยนอันอันตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงนางไม่คิดเลยว่า ฉู่จวินหลุนจะไม่เชื่อในเรื่องของถุงเฉียนคุนมาโดยตลอดนางคิดว่าเรื่องนี้สามารถหลอกทุกคนได้แล้วเพราะอย่างไรแล้วในตอนนั้นฉู่จวินหลุนเองก็ไม่เคยตั้งคำถามมาก่อนเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันตกตะลึงไปฉู่จวินหลุนก็พูดออกมาต่อว่า “จากที่ข้าเข้าใจจวินสิงแล้ว เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อน”“แม้แต่งานแต่งงานนี้ก็เป็นฮ่องแต้ที่ประทานงานอภิเษกนี้ให้ ในตอนนั้นหลังจากที่ฉู่จวินสิงรู้เรื่องนี้แล้วเขาก็คัดค้านอย่างรุนแรง”“แล้วเขาจะไปพบกับเจ้าก่อนแต่งงานได้อย่างไรกัน?”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดนี้ทำจนพูดไม่ออกในใจนางลอบคิดว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่จะปิดบังฉู่จวินหลุนได้จริงๆและก็เป็นในตอนนี้ที่ฉู่จวินสิงเดินเข้ามาเขาลอบฟังคำพูดของฉู่จวินหลุนอยู่ด้านนอกประตูแล้วในใจรู้ว่าเจี่ยนอันอันตอนนี้จะต้องลำบากเป็นอย่างมากฉู่จวินสิงดึงมือของเจี่ยนอันอันมา ส
ฉู่จวินหลุนมองไปยังทั้งสองคนที่ประตู คิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อยของเขาก็ค่อยๆ คลายลงถึงแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ใช่คนจากโลกใบนี้ แต่นางก็ไม่เคยทำเรื่องที่ทำร้ายครอบครัวของเขามาก่อนนอกจากนี้แล้วทั้งสองคนในตอนนี้ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกสองวันก็จะกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกันแล้วและด้วยฉู่จวินสิงที่ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อน ยังรักใคร่เจี่ยนอันอันได้เช่นนี้นั่นก็แสดงว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนที่น่าเชื่อถือได้เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ ในที่สุดฉู่จวินหลุนก็พุดออกมา “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าก็ยอมรับเจ้าเป็นน้องสะใภ้แล้ว”ในใจของเจี่ยนอันอันยินดีขึ้นมา เช่นนี้ก็หมายความว่าฉู่จวินหลุนยอมรับตัวตนของนางแล้วนางเผยยิ้มยิงฟันให้ฉู่จวินหลุน “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ยอมรับข้า”ฉู่จวินหลุนพยักหน้า แล้วถามออกมาอีก “เรื่องนี้ยังมีใครที่รู้อีกบ้าง?”เจี่ยนอันอันคิดก็ยังไม่ทันได้คิด ก็หลุดพูดออกมา “ยังมีฉู่อันเจ๋อที่รู้เรื่องนี้”ฉู่จวินหลุนเข้าใจขึ้นมาทันที ไม่น่าแปลกที่เมื่อวันนั้นที่ซ่างชิวทำประตูเรือนเสร็จแล้วนั้น ฉู่อันเจ๋อถึงได้ช่วยพวกเขาโกหกปิดบังที่แท้ก็เป็นเพราะว่าในตอนนั้นเขาก็รู้เรื่องแล้วและก็เ
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องครัว เดินก้าวใหญ่มุ่งไปยังห้องของฉู่จื่อซีเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่าร่างของทั้งสองคนไม่แยกห่างกันเลยพวกนางต่างก็พากับปิดปากลอบยิ้มออกมาพวกนางยังไม่เคยพบฉู่จวินสิงที่ชอบแนบชิดกับใครสักคนมาก่อนเลยจริงๆหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มยาไปแล้ว เจี่ยนอันอันก็มอบลูกกวาดให้เขาเม็ดหนึ่งหลังจากที่ฉู่จื่อซีกินลูกกวาดไปแล้ว เขาก็ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างอ่อนหวานในใจของเจี่ยนอันอันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะว่าสองวันมานี้ทำการรักษาล่าช้าไป เกรงว่าตอนนี้ฉู่จื่อซีก็คงจะพูดได้นานแล้วเด็กคนนี้อายุยังน้อยๆ ยังต้องดื่มยาขมอีกสามวันเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด “สองวันมานี้ต้องโทษข้าที่วุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่น ทำให้ปรุงยาให้จื่อซีล่าช้าไป”“แล้วยังทำให้จื่อซีต้องทนทรมานดื่มยาขมๆ อีกสามวัน พิษในร่างกายของเขาถึงจะถูกกำจัดออกไปจนหมด”ฟางอิ๋งเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็รีบพูดปลอบโยนออกมา “อันอันอย่าพูดเช่นนี้ ขอเพียงแค่สามารถทำให้จื่อซีพูดออกมาได้”“อย่าได้พูดถึงว่าจะดื่มยาขมๆ อีกสามวัน ต่อให้จะต้องดื่มอีกสามปีพวกเราก็รอได้”เจี่ยนอันอันยิ้มให้ฟาง
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร