LOGINหญิงสาวต้องการมีชีวิตรอดในโลกนิยายที่เคยอ่าน นอกจากขโมยดวงผู้อื่น ยังต้องสวมบทคุณหนูชาเขียวตัวแม่ เพื่อเปลี่ยนโชคชะตาแสนน้ำเน่าและบัดซบของตน เอาละ พระเอก พระรองจงรีบถอยห่าง ตัวร้ายทรราชเท่านั้นที่นางจะยอมเสี่ยงตายผูกวาสนาด้วย
View Moreเมื่อไหร่หยวนชิงอี้จะสวมบทนางเอกเสียที
อาจจะยังน้า....
เพราะนางยังต้อง ขโมยดวงโฉมงามอันดับหนึ่ง
หักอกพระเอก
เขี่ยพระรองทิ้ง
วางแผนพลีกายให้ตัวร้าย
ผู้เป็นลาสบอสและศัตรูคู่แค้น!
**********
“ถ้าเจ็บจงรีบบอกข้า...”
หญิงสาวยิ้ม รอยยิ้มนางดึงดูดเขาเหลือเกิน แต่สิ่งที่นางเอ่ยทำให้อ๋าวเซียวเหรินทึ่งจัด
“คำพูดนี้ สมควรเป็นข้าที่ถามท่านมากกว่า หากเจ็บ... จงรีบบอกให้ข้าหยุด และเตือนไว้ก่อน สตรีเช่นข้าหากพึงใจสิ่งใดแล้ว จะไม่ยอมทิ้งขว้างให้หลุดมือ ท่านจะเป็นสมบัติให้ชิงอี้เชยชมตลอดไป”
หยวนชิงอี้บอกจบก็เผยอริมฝีปากขึ้น เชื้อเชิญให้ชายหนุ่มส่งสัมผัสเร่าร้อนเข้าสู่เรือนกายงดงาม
“สตรีเก่งกล้าเกินงามก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”
นางไม่ตอบ หากขยับตัวเข้าหาเขาอย่างพึงพอใจ...
*************************
รถม้าคันเล็กของตระกูลหยวนที่ล่วงหน้ามาก่อนจอดนิ่งสนิท จู่ๆ คันขับหายตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ สายลมหอบใหญ่พัดผ่านหลายต่อหลายครั้ง เกิดเสียงหวีดหวิวชวนให้วังเวงยิ่ง
พอเสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นสาวใช้ชะโงกหน้าออกมามองด้านนอก เพื่อดูความเคลื่อนไหว นางจึงเกิดความครั่นคร้ามใจ อนิจจานางควรเชื่อสัญชาติญาณตนให้มากกว่านี้ ก่อนออกเดินทางไปเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน ฝ่ายคุณหนูห้าหยวนซูซูให้ทางเลือกนางกับผู้เป็นเจ้านายแล้ว จากน้ำเสียงสีหน้าสตรีผู้นั้น บอกใบ้ให้รู้ว่าหยวนชิงอี้ไม่ควรติดตามไปยังจวนหลักของตระกูลหยวน
และเหตุการณ์ก่อนออกเดินทาง เป็นดังนี้
“แต่เดิมน้องแปด ก็อยู่เรือนนอกอย่างเรียบง่าย และโชคร้ายที่เมืองนั้นเกิดโรคระบาด จนต้องไปอาศัยสำนักนางชีเป็นการชั่วคราว ชีวิตไม่ได้ดี ลำบากอยู่บ้าง แต่เจ้าก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
ครั้นกลับมา เจ้าก็ทำให้ทุกอย่างที่ข้าเคยมีสูญสิ้น ยามนี้ยังจะตามไปเมืองหลวงอีก น้องแปด หัดใช้สมองกลวงๆ ลองคิดให้ดีกว่านี้สักหน่อยเถิด” หยวนซูซูแสดงเจตนาของตน และท่าทางนางจงใจตัดขาดหยวนชิงอี้อย่างไม่ใยดี
ฝ่ายหยวนชิงอี้ยังสับสนต่อหลายสิ่ง อีกทั้งร่างกายนางต้องพิษ จึงได้แต่รับฟังด้วยความอ่อนแรง
“ดูเหมือนน้องแปดจะเดินทางไกลไม่สะดวกเสียแล้ว ข้อเสนอของพี่ใยไม่รับฟัง”
หยวนชิงอี้รีบปฏิเสธ และรวบรวมพลังเท่าที่จะพอมีตอบอีกฝ่าย“ข้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวนับแต่จำความได้ การเดินทางไกลครั้งนี้ เพื่อพบท่านลุงและท่านย่าใหญ่ คือจุดประสงค์ที่ข้าต้องการ”
“เฮอะ เจ้ากล่าวมาทั้งหมด คิดดีแล้วใช่หรือไม่... เพราะข้าจำได้ว่า นับแต่ก้าวข้ามาเหยียบเรืองรองตระกูลหยวน เจ้าก็นำหายนะมาสู่ทุกคน” เมื่อกล่าวจบ หยวนก็เชิดหน้าสูง และไม่อยากมองอีกฝ่าย ใจนางแหลกสลายไปก่อนหน้านี้ นั่นเป็นเพราะครอบครัวที่รักสูญเสียไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่ว่าต้นสายปลายเหตุมาจากสิ่งใด แต่หยวนซูซูปักใจเชื่อว่า ไออัปมงคลที่โอบคลุมร่างหยวนชิงอี้ คือความโชคร้ายและส่งผลให้หยวนซูซูต้องอยู่ในสถานการณ์ตกต่ำถึงที่สุด
“เมื่อมั่นใจว่า จะเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมข้า เจ้าจงรู้ไว้ว่า มีอันตรายรออยู่รอบด้าน และข้าไม่ใช่คนเก่งกล้าที่จะปกป้องน้องแปดได้ นับจากนี้ แล้วแต่วาสนาเจ้าเถอะหยวนชิงอี้”
และนั่นคือสิ่งที่หยวนซูซูบอกกับลูกพี่ลูกน้องตน โดยในภายหลัง ฝ่ายนั้นได้ให้คนของตน วางแผนจัดการหยวนชิงอี้เพื่อไม่ให้นางได้ร่วมเดินทางไปพร้อมขบวนตระกูลหยวนสำเร็จ
“คุณหนู จะออกไปข้างนอกอีกหรือขอรับ” ชิงหลานบ่าวรับใช้ที่ติดตามเขามาตั้งแต่อายุสิบหก ตอนนี้เขาได้เติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาดี และยังช่วยเหลืองานนางได้มาก โดยเฉพาะการเป็นหัวขโมย และป่าวประกาศเรื่องวิญญาณเจ้าสาวจากหอแดง “เหยื่อของข้าปรากฏตัวแล้ว และเขาคงช่วยให้เรามีโอกาสแก้แค้นคนชั่วตระกูลหลี่” “แต่พวกมัน ไม่ได้อยู่ที่ฝูหานแล้ว อีกอย่างตอนนี้พวกฝอหลินก็คอยจับตาดูเราตลอด มันอาจเป็นอันตรายต่อคุณหนูได้” “มีสิ่งใดน่ากลัวเท่ากับต้องนอนรอความตายอีกเล่าชิงหลาน ให้ข้าได้ออกไปเลือกเจ้าบ่าวด้วยตนเองเถิด อย่างน้อยครั้งนี้บุรุษผู้นั้นก็ดูใช้ได้ อีกทั้งเขาเป็นถึงบัณฑิต คงมีความน่าเชื่อถือมากกว่าพวกอันธพาล หรือเหล่าคุณชายปัญญาทึบ” “เช่นนั้น บ่าวจะคอยดูต้นทางให้ และช่วยเหลือคุณหนูอยู่ห่างๆ ถ้าเกิดเรื่องร้าย จะได้รับมือทัน” ชิงหลานกล่าว และใช้นิ้วยาวๆ ของเขาสีจมูก อาการเช่นนั้นมันเกิดขึ้นจากที่หลายวันก่อนถูกหลานสาวตัวดีของตาเฒ่าเกาทำร้าย ด้วยการซัดเข็มพิษใส่เขา และมันทำให้บวมแดงราวกับถูกผึ้งต่อย กว่าจะหายเขาต้องเสียเงินซื้อยามากินมิน้อย “เจ้าเองก็ต้องระวัง อย่
แต่สุดท้ายไม่รู้เกิดอะไรขึ้น นางกลับมาตายในชุดเจ้าสาว” ชายคนดังกล่าวอาศัยอยู่ในเมืองนี้ และขายเครื่องประดับสตรี จึงรู้เรื่องมิน้อย “คนตายไปแล้ว เจ้าหน้าที่ติดประกาศเพื่อการใด” เสียงหนึ่งถามขึ้น “เจ้ามันโง่ ประกาศนี้ติดอยู่ทุกเดือน ทางการเขาต้องการตามหาญาติของนางอย่างไรเล่า ให้พาดวงวิญญาณแม่นางรั่วจื่อกลับบ้านเกิด คนหนุ่มจะได้ไม่ต้องสังเวยชีวิตให้แก่วิญญาณผีตนนี้อีก เจ้าลืมไปแล้วหรือ วันมะรืนเป็นเทศกาลขนมกระดูกขาว” “วิญญาณ!”อู๋หยางจีได้ยินเช่นนั้นก็ฉงน ‘รั่วจื่อ’ ที่ชาวบ้านเอ่ยถึงนั้น ใช่เจ้าของรองเท้าสีแดงที่เขาเก็บได้หรือไม่ “พี่ชาย พวกท่านกล่าวถึงสตรีในรูปภาพนี้ นางเป็นผู้ใดกัน” บัณฑิตหนุ่มเอ่ยถาม และคนที่คุยกันอยู่ก็หันมามองเขา มองอย่างพินิจ เจ้าของร้านขายเครื่องประดับสตรีมองอู๋หยางจีอย่างประเมิน “ท่าทางเจ้าคงเป็นคนเมืองอื่น” “ถูกต้อง ข้ามาที่ฝูหานเพื่อสอบเข้ารับราชการที่หอตรวจการ” “อ๋อ... เป็นเจ้านั่นเอง ที่คนพูดกันว่า ไปพักข้างหอแดงนั่น!” เสียงหญิงวัยชราเอ่ยขึ้น จากนั้นก็มีการซุบซิบอย่างไม่เกรงใจอู๋หยางจี
และถึงเสียงของคนที่แอบมากินเขายามดึกสงัดคืนนี้จะเบากว่าเหตุการณ์ในอดีต ทว่าแรงดูด และขบเม้มของนาง ดูเหมือนจะร้อนแรงกว่าทุกครั้งที่เขาเคยได้รับการปรนเปรอจากสตรีคนอื่น นางครางเสียงหวาน และเขาสนองนางด้วยการทำให้แก่นกายตนผงาดรอนางครอบครอง จากสองมือ หนึ่งริมฝีปากอุ่นๆ นางก็เคลื่อนไหวร่างกายอรชร สักพักอู๋หยางจีต้องเกิดความเสียวกระสันหนักหน่วง นางขึ้นไปอยู่บนตัวเขา อยู่ในท่าสุนัขด้วยการหันบั้นท้ายกับจุดหอมหวานมาใกล้ชิดใบหน้าเขา ยามนั้นอู๋หยางจีกลัวเหลือเกินว่าเขาจะแกล้งหลับได้ไม่แนบเนียน ด้วยแอ่งเนื้อนางแม้จะมีเสื้อผ้าปกปิด แต่มันบาง บางจนเขาเห็นรูปร่างแจ่มชัด นางดูดและโลมเลียความแข็งขันเขาอย่างถึงอกถึงใจ และมินานก็กดบั้นท้ายของตัวเองลง ตั้งใจให้มันถูไถใบหน้าหล่อเหลาของอู๋หยางจี ชายหนุ่มรับรู้ความต้องการนาง แต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายจับพิรุธได้ เขาขยับตัวเล็กน้อย เพียงเท่านั้นจมูกโด่งๆ ก็ได้กลิ่นหวานจากกลีบบุปผาอันเร่าร้อน เสียงครางดังไม่หยุด และนางออกแรงอย่างตั้งใจที่จะให้เขาสูดดมความสาวที่ล้นแน่นในเรือนกายงดงาม “แรงขึ้นอีกนิด” นางบอ
ชายหนุ่มครางเสียงต่ำแหบพร่า ถึงเขาจะนอนนิ่งๆ แต่การถูกอีกร่างกดทับเอาไว้ และละเลงเรียวลิ้น กับเรือนกายก็เป็นสิ่งที่เขายากอดกลั้นความเสียวกระสันเอาไว้ได้ เขาปล่อยใจให้อีกฝ่ายล่อลวง เรือนกายหนุ่มถูกร่างนุ่มนิ่มเล่นสนุกด้วยทุกซอกทุกมุม อู๋หยางจีไม่เคยตกเป็นทาสใครเช่นนี้ แต่เขาจำยอมแต่โดยดี กระทั่งกลีบบุปผาฉ่ำหวานทาบทับกับปลายแท่งหยก เขาก็สะท้านไปทั้งร่าง การเย้าหยอกของคนปริศนาทำให้อู๋หยางจีคำรามเตือน อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าว เขาหวิวไหวมากจนเกร็ง และอีกฝ่ายย่อมเป็นสตรี สตรีที่นิยมลักลอบกินบุรุษเสียด้วย... อู๋หยางจี พยายามลืมตามองผู้ที่ทำเรื่องเหลวไหลกับร่างกายเขา แต่ดูเหมือนหนังตาจะหนักลงเรื่อยๆ ผิดกับแก่นกายเขาที่แข็งค้าง มันปวดรุนแรงกระทั่งเขารับรู้ได้ว่ามีมือคู่หนึ่งกำลังปลุกปล้ำมัน เขาส่งเสียงประท้วงหากมันไม่พ้นลำคอ นอกจากสองมือที่ปล้ำความแข็งขันของเขาแล้ว ทั้งปลายลิ้น กับริมฝีปากของนางก็ทั้งเม้ม ทั้งดูดโลมเลียจนเขาแทบขาดใจ ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในความฝันเร่าร้อน แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง แน่นอนเขาไม่ได้ถูกผีอำ หากสิ่งที่กระตุ้นแท่งหยกลำอวบขอ











