คริมาไม่รู้ว่าเธอพาร่างกายอันบอบช้ำของเธอมาถึงบ้านได้อย่างไร เมื่อมาถึงห้องนอนหญิงสาวก็ปิดประตู ล้มตัวนอนลงบนเตียงแคบ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทาไปทั้งตัว เธอผล็อยหลับไปทั้งที่น้ำตายังไหลอาบหน้า
“วดี” สุชาดาเรียกบุตรสาวคนที่สองที่กำลังนอนกระดิกเท้าบนโซฟาในห้องรับแขกพร้อมกับมือที่ถือโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา “เรียกทำไมแม่” สุชาวดีทำน้ำเสียงหงุดหงิดที่โดนก่อกวนเวลาที่เธอกำลังเล่นเกมอยู่ “ไปดูยัยครีมให้แม่ทีสิ..ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรหรือเปล่า มันกลับมาก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง งานบ้านมันยังไม่ได้ทำเลย เดี๋ยวพ่อแกก็จะกลับมาแล้วเนี่ย” สุชาดาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เพราะงานบ้านทุกอย่างคริมาต้องเป็นคนทำให้เสร็จก่อนที่สามีของเธอจะกลับมา และยกความดีความชอบให้กับลูกสาวทั้งสองคนของเธอที่ตัวจริงขี้เกียจตัวเป็นขน “แม่ก็ไปดูมันเองสิ หนูเล่นเกมอยู่ ไม่ว่าง” “แกนั่นแหละไปดู แม่ทำกับข้าวอยู่แกไม่เห็นหรือยังไง” “เออๆ ไปดูให้ก็ได้” จากนั้นสุชาวดีก็เดินไปที่ห้องเก็บของ เธอเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของห้อง สุชาวดีเห็นคริมานอนหลับอยู่บนเตียง กำลังจะปลุกแต่สายตาของเธอเหลือบไปเห็นถุงบางอย่างวางอยู่บนโต๊ะ ด้วยความมือไว สุชาวดีรีบคว้าถุงมาและเปิดดูว่ามันคืออะไร ยาบำรุงครรภ์! นี่ยัยครีมท้องเหรอ…แกเสร็จฉันแน่ยัยครีม พ่อเอาแกตายแน่ๆ คิดได้ดังนั้นสุชาวดีก็ถือถุงยาเดินออกไปจากห้องด้วยกลัวว่าคริมาจะตื่นขึ้นมาเห็น “ยัยครีมมันไม่สบายอ่ะแม่ ให้มันนอนพักไปเถอะ เดี๋ยววดีทำงานบ้านให้เอง” สุชาวดีพูดออกมาพร้อมกับยิ้มเยาะอยู่ในใจ “ใครกันแน่ที่ไม่สบาย แกหรือเปล่า ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะทำงานบ้าน..วันนี้ผีเข้าหรือยังไง จะทำแทนยัยครีมมันอ่ะ” “โถ่แม่..ก็ยัยครีมมันไม่สบาย วดีแค่สงสารก็เลยจะช่วยทำแทนแค่นั้นเอง” “เออๆ งั้นก็รีบไปทำให้เสร็จ อ้อ! ทำให้สะอาดด้วยล่ะ” “รู้แล้วน่า” หลังจากที่วิวัฒน์ บิดาของคริมากลับมาถึงบ้าน ชายสูงวัยถามหาลูกสาวเนื่องจากไม่เห็นหญิงสาวมาทานข้าวเย็นร่วมกัน “แล้วนี่ยัยครีมไปไหน ทำไมไม่มากินข้าว?” “ยัยครีมไม่สบายค่ะ พี่วัฒน์ นอนอยู่ในห้อง” “งั้นเราก็กินกันเลย ไม่ต้องรอยัยครีมหรอก” จากนั้นทุกคนก็รับประทานอาหารเย็นเสร็จ ผู้เป็นประมุขของบ้านเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “มีใครไปดูยัยครีมบ้างหรือเปล่าว่าป่วยเป็นอะไร?” “วดีรู้ค่ะคุณพ่อ ว่ายัยครีมเป็นอะไร” “แล้วสรุปยัยครีมเป็นอะไร?” “นี่ค่ะคุณพ่อ ดูเอาเองเถอะค่ะ” พูดจบสุชาวดีก็ยื่นถุงยาที่เอามาจากห้องนอนของคริมาให้ผู้เป็นพ่อเลี้ยง ชายสูงวัยเปิดดูถึงกับตกใจ ทันใดนั้นความโกรธก็ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง วิวัฒน์ ลุกเดินไปที่ห้องของคริมาทันที เขาผลักประตูออกไปเห็นลูกสาวนอนหลับอยู่ สามแม่ลูกก็เดินตามมา ก่อนที่สุชาดาจะเอ่ยถามขึ้น “พี่วัฒน์มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมต้องโกรธยันครีมขนาดนี้ด้วย” วิวัฒน์ไม่ตอบแต่เดินไปกระชากตัวคริมาให้ลุกขึ้น “ตื่นเดี๋ยวนี้เลย นังลูกไม่รักดี” “โอ้ย! พ่อ อะไรกันคะ” “อะไรงั้นเหรอ..นี่ไง” วิวัฒน์พูดพร้อมกับโยนถุงยาใส่หน้าลูกสาว คริมาหน้าเสีย นี่มันยาบำรุงครรภ์ที่เธอพึ่งได้มาจากโรงพยาบาลนี่นา “ฉันส่งแกไปเรียน ไม่ใช่ส่งแกไปมีผัว” วิวัฒน์ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พ่อ..ครีมขอโทษค่ะ ครีมขอโทษ ครีมผิดไปแล้ว” หญิงสาวสะอื้นไห้พูดออกมาด้วยน้ำตา “ใคร? ไอ้ผู้ชายที่มันทำแกท้องมันเป็นใคร?” วิวัฒน์ถามออกมาด้วยความโมโห “ไม่รู้ค่ะ..ครีมไม่รู้” คริมาส่ายหัวก่อนจะตอบออกไป เธอจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด “นี่แกมั่วจนไม่รู้ว่าท้องกับใครเลยเหรอ?” “ฮือ..ฮือ..พ่อจะด่าจะว่าครีมยังไงก็ได้ ครีมขอโทษที่ทำให้พ่อผิดหวัง” คริมาก้มกราบเท้าของบิดาด้วยน้ำตานองหน้า วิวัฒน์ขยับเท้าหนีก่อนจะพูดประโยคที่เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของหญิงสาวออกมา “ในเมื่อแกไม่รักดี ท้องไม่มีพ่อ ทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้า แกออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ ต่อไปนี้ฉันจะถือว่าแกไม่ใช่ลูกของฉันอีกต่อไป แล้วแกก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ” สิ้นเสียงของวิวัฒน์ สามแม่ลูกมองหน้ากันต่างก็พากันยิ้มสะใจ ก่อนที่สุชาดาจะแสร้งพูดขึ้นมา “พี่วัฒน์ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ค่อยพูดค่อยจากัน” “พี่เย็นไม่ไหวแล้วสุ ดูลูกสาวพี่มันทำงามหน้าขนาดนี้ อุตส่าห์ส่งไปเรียนมหาลัยดีๆ พี่คงทนเห็นหน้ามันไม่ได้อีกแล้ว” “ฮือ..พ่ออย่าไล่หนูเลยนะคะ ถ้าพ่อไล่หนู แล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหน?” คริมาร้องไห้จนตัวสั่น เธอเกาะขาผู้เป็นบิดา ตอนนี้เธอไม่มีที่ไป เรียนก็ยังไม่จบ ไหนจะท้องอีก เธอจำเป็นต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้ไปก่อน “ถ้าแกจะอยู่ที่นี่แกก็ต้องเอาเด็กออก” สิ้นเสียงของบิดา คริมาเงยหน้ามองบิดาด้วยสายตาที่เจ็บปวดรวดร้าว นี่บิดาของเธอจะให้เธอทำแท้งอย่างนั้นหรือ.. “ไม่ค่ะ ครีมทำไม่ได้ ถึงยังไงเค้าก็เป็นลูกของครีม” “แล้วแกจะปล่อยให้มันเกิดมาประจานแกกับฉันงั้นเหรอ..คนอื่นเค้าจะคิดยังไงที่ลูกสาวข้าราชการครูที่มีหน้ามีตาอย่างฉันท้องไม่มีพ่อ แกจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” “ครีมขอร้องนะพ่อ..อย่าให้ครีมทำแท้งเลย ครีมทำไม่ได้ค่ะ ครีมจะเลี้ยงดูเค้าเอง พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ครีมจะหางานทำ” “ถ้าแกยืนยันว่าจะเก็บไอ้มารหัวขนนี่ไว้..งั้นแกก็ไปจากที่นี่ซะ! แล้วฉันกับแกก็ตัดขาดกัน” “พ่อ! ฮือ..ฮือ..” คริมาร้องไห้ออกมาจนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด วันนี้เธอเจอเรื่องที่ต้องเสียใจถึงสองครั้ง หัวใจของเธอมันแทบจะขาดใจตายเสียตรงนี้ให้ได้ แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน เธอไม่รู้จักใครเลย เพื่อนก็ไม่มี “แกรีบเก็บเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ..ถ้าฉันลงมาแล้วยังเห็นแกฉันจะตีแกให้ตายเลย ไม่เชื่อก็คอยดู” พูดจบวิวัฒน์ก็เดินขึ้นบันไดไปทันที ส่วนสามแม่ลูกก็หัวเราะชอบใจที่คริมาถูกไล่ออกจากบ้าน “สมน้ำหน้าคนท้องไม่มีพ่อ” เป็นเสียงล้อเลียนของสุชาวดี “เราไปกันเถอะลูก ต่อไปนี้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ก็จะตกเป็นของเรา” สุชาดาพูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจออกมา จากนั้นสามแม่ลูกก็พากับเดินจากไป ปล่อยให้ คริมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นคนเดียว คริมาปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะลุกไปเก็บเสื้อผ้าและเอกสารส่วนตัว จบแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว หญิงสาวกดดูเงินในบัญชีที่เธอแอบเก็บสะสมไว้มีอยู่หมื่นนิดๆ คงจะพอให้เธอหาที่อยู่ใหม่ได้ คริมาถือกระเป๋าเดินออกมาจากบ้านก่อนจะหันหลังกลับมามองบ้านที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิด บ้านที่เมื่อก่อนมีแต่ความรักความอบอุ่นให้แก่เธอ แต่หลังจากที่มารดาเสียชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไป ดีเหมือนกันถึงเธอไม่ไปจากบ้านนี้วันนี้ วันหน้าเธอก็ต้องไปอยู่ดี เพราะเธอทนอยู่กับสามแม่ลูกไม่ไหวจริงๆ สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าสองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ