“ฉันไปเอายามาให้นะ กินเลยจะได้ไม่ลืม” เวนิสาว่าแล้วลุกไปหยิบยาแก้ไข้ในตู้ยาที่มีอยู่ในครัว เธอวางมันลงข้างแก้วน้ำของรวีกานต์ เจ้าตัวไม่หือไม่อือ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำเหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งของมวลอากาศ แต่เธอไม่ท้อหรอกนะ รวีกานต์ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น หล่อนโกรธใครได้ไม่นานหรอก
เวนิสากลับมาสนใจมื้อค่ำของตัวเอง หัวคิ้วมนๆ ได้ขมวดมุ่นยามก้มมองถ้วยโจ๊กแล้วเห็นกระเทียมเจียวปะปนอยู่
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนี่นา”
“ฉันหยิบใส่เองแหละ จำได้ว่าหล่อนเจียวใส่กระปุกทิ้งไว้ เคยบอกว่าชอบไม่ใช่หรือยะ” เจ๊หวานท้วง
เวนิสากะพริบตาปริบๆ ตักโจ๊กมาชิมแล้วต้องรีบเอามือปิดปาก “อุ๊บ!”
ทุกคนที่โต๊ะอาหารหันมองเวนิสาเป็นตาเดียว เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงการหมุนวนของบางอย่างในช่องท้อง
“อะไร หล่อนเป็นอะไรยะ!” เจ๊หวานท้วง
“อุ๊บ!
ครืด!
เวนิสาลุกพรวดขึ้นมา ขาเก้าอี้ครูดพื้นเสียงดังลั่น ทุกต่างตกใจเพราะจู่ๆ เวนิสาก็วิ่งเข้าครัวแล้วอาเจียนยกใหญ่ “อุ๊บ! โอ้กกก...”
“เลิกทำเป็นห่วงฉันซะที! ไม่ต้องมาเสแสร้ง! ยังไงคนที่เขาสนใจก็ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นแก แกคนเดียว เป็นแกมาตั้งแต่ต้น เป็นเพราะแก!”รวีกานต์ร้องว่าเพื่อนรัก น้ำตารินมาเป็นสายเวนิสาทำใจดีเข้าสู้“ฉะ...ฉัน ฉันจะลงไปดูว่ามีขนมเค้กในตู้เย็นไหม แกเคยบอกว่าถ้าอารมณ์ไม่ดี กินอะไรหวานๆ แล้วจะหาย” เสพูดไปเรื่องอื่น น้ำตาไหลมาคลอในสองเบ้า ตั้งท่าจะหันหลังลงข้างล่างอีกรอบหนึ่งหมับ!ข้อมือน้อยถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ของผู้ชายตัวโต“นั่งลง เธอเหนื่อยแล้ว” ศศินไม่เอ่ยเปล่าๆ แต่ลุกขึ้นแล้วดันร่างเวนิสาลงนั่งแทนที่ของตน รวีกานต์ขยับกายหนีไปชิดขอบเตียงอีกฝั่ง สองตาของหล่อนยังมองมายังมือเขาที่จับข้อมือเวนิสาอยู่เวนิสารู้สึกดีที่ศศินทำเหมือนห่วงใย แต่คงดีกว่านี้ถ้าไม่ได้อยู่ในสายตาของเพื่อนรัก รวีกานต์คงปวดใจ การเห็นเขาห่วงใยเธอคงเหมือนมีดคมๆ ที่กำลังกรีดหัวใจหล่อนแม่ดาวพระศุกร์แกะมือศศินออกอย่างสุภาพ ขยับออกไปยืนพิงร่างกับตู้เสื้อผ้าหลังน้อยของรวีกานต์“พวกเราน่าจะเปิดอกคุยกันดีไหม” เขาเป็นฝ่ายเอ่ย
บ้านหลังน้อยของสามสาวร่างของรวีกานต์ถูกผ่อนลงบนเตียงอย่างเบามือ ศศินไม่ยอมให้หล่อนทำงานต่อ เจ้ากี้เจ้าการพาหล่อนมาส่งบ้านทั้งที่เจ้าตัวปฏิเสธ บ่ายนี้เจ๊หวานไม่อยู่บ้าน แต่เวนิสาอยู่ หล่อนอยู่หน้าบ้านพอดีตอนที่เขาพารวีกานต์ลงรถมา“เป็นอะไรไปคะ เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลย”เวนิสาถามคนที่พาเพื่อนรักมาส่ง รวีกานต์รีบพลิกกายหันหลังให้เธอ ราวกับไม่อยากมองหน้า เธอได้แต่พ่นลมหายใจออกมาอย่างปลดปลง“ไม่รู้สิ ตอนกินข้าวก็ดีๆ อยู่เลย”“กินข้าว...ด้วยกันหรือคะ” ถามออกไปเพราะอดใจไม่ได้ รวีกานต์ได้ทีก็หันกลับมา“ใช่...บอสทำข้าวกล่องมาให้ อร่อยมาก” แม่แสงตะวันยามเที่ยง สาดแสงแรงร้อนลงมาเผาไหม้เพื่อนรักของตัวเอง อยากให้เวนิสาเจ็บปวดบ้าง จะได้รู้ว่าการถูกหักหลังจากคนที่รักมันเป็นอย่างไร“งั้นเหรอ ก็...ดีแล้ว” ตอบเพื่อนแล้วฝืนยิ้มกระจ่าง ในดวงตามีหยาดละอองน้ำตาขึ้นมารำไร “แล้วเธออยากได้อะไรไหม เป็นลมไม่ใช่เหรอ” ถามด้วยห่วงใย อีกฝ่ายยิ้มเยาะกลับมา“ก็...ถ้าได้น้ำปั่นเย็นๆ ค
“ไม่นะ! ฉันไม่ตรวจ” เวนิสาส่ายหน้าพรืด“กลัวละสิ”“ยิ่งกว่ากลัวอีก เจ๊! ฉันท้องไม่ได้นะ ท้องตอนนี้ยัยตะวันฆ่าฉันแน่ๆ”“แล้วไง มีลูกนะไม่ใช่ท้องผูก ถ่ายแล้วพุงจะได้ยุบ ถ้าท้องจริงๆ ยังไงซะวันหนึ่งก็ต้องมีคนรู้ สู้ตรวจๆ ไปให้รู้แน่ หล่อนจะได้ดูแลตัวเอง”“เฮ้ย...ไม่เอา ไม่ตรวจ ฉันกลัว ไปแล้วนะ ไม่กินละข้าว กินไม่ลง ไปแล้วเจ๊”แล้วเวนิสาก็ลากกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นชั้นสอง ไม่สนคำแนะนำของเจ๊หวาน ยอมรับว่าหัวใจยังไม่เข้มแข็งพอ สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ได้แต่ภาวนาต่อสวรรค์ ว่าอย่าได้ท้องเลย อย่า!____________หนึ่งเดือนผ่านไป ณ คฤหาสน์ศิวเศขรศศินนอนหงอยอยู่บนเตียง หนึ่งเดือนมาแล้วที่บรรยากาศในห้องนอนเขามิต่างจากป่าช้า มันเงียบจนวังเวง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ร่างเงาของเวนิสา หล่อนเคยนอนอยู่บนโซฟาตัวนั้น บ้างก็ลงมานอนเกลือกกลิ้งบนพื้นพรมเสียงหัวเราะของหล่อนเหมือนยังดังแว่วให้ได้ยิน เสียงกระซิบของหล่อนยามอยู่บนตัวเขาก็เช่นกัน พอหล่อนไม่อยู่ หลายๆ อย่างก
“ถ้าตะวันหายแล้ว พี่คงไม่ไปที่บ้าน เรา...คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ อย่านอนดึก อย่าป่วย อย่าลืม...กินข้าวเช้าด้วยนะ”ศศินยืนฟังคำสั่งลาจนตัวชา อะไรกันล่ะ เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าว่าหล่อนสารพัด หล่อนกลับมาบอกให้เขาดูแลตัวเองเนี่ยนะ“อือ...” เอ่ยได้เท่านั้นแล้วยืนตัวแข็งเป็นหุ่นต่อไปเวนิสารออยู่ชั่วนาที พอเขาไม่พูดอะไรออกมาก็ตัดใจขึ้นรถเสีย“เธอ...ก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองด้วยนะ...”ศศินพึมพำอยู่ข้างรถที่กำลังเคลื่อนออกไป ชายสูงวัยที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตรงบันไดหน้าบ้านถึงกับส่ายหน้าระอา พอบุตรชายเดินเข้ามาหา ก็อดไม่ได้ ต้องพูดอะไรสักหน่อย“ทิฐิมันกินไม่ได้นะศศิน แกจะแบกไว้ให้หนักทำไม หนูวีน่ะ แกง้อนิดง้อหน่อยขี้คร้านจะตามกลับมา แกก็...”“พูดไร้สาระอะไรพ่อ ลูกสะใภ้พ่อก็ไม่ใช่ ยัยนั่นน่ะ เข้ามาป่วนชีวิตผมจนยุ่งเหยิงไปหมด เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เถอะครับ”“เฮ้อ...อะไรของแก”“อะไรของพ่อละครับ แล้วทำไมมาคุยกับผมแบบนี้ ผมโกรธอยู่นะ ไม่หายโกรธง่ายๆ ด
[15]หนึ่งหยดน้ำตา___________ในเวลาที่มารดายังยุ่งอยู่กับการขึ้นโรงขึ้นศาล เวนิสาก็ง่วนอยู่กับงานบริหารห้าง V&V เช้าไปห้าง สายหน่อยลงมาดูร้านเบเกอรี่ ตกค่ำรีบกลับบ้านไปดูแลรวีกานต์ แม่แสงตะวันยามเช้ายังโกรธเคืองเธออยู่ ไม่ยอมสบตา ไม่มองหน้า ไม่พูดกับเธอ เวนิสาได้แต่ใช้ความอดทน เพราะหวังว่าสักวันเพื่อนจะยอมให้อภัย เวลานี้การอธิบายความจริงกลายเป็นสิ่งไม่ถูกไม่ควรไปแล้ว หากรวีกานต์อยากเข้าใจว่าทั้งหมดคือความผิดของเธอคนเดียว เธอก็จะรับเอาอย่างเต็มใจ อย่างไรเสียมารดาที่เคารพก็ทำทุกอย่างไปเพราะรักเธอ เพราะอยากให้เธอมีความสุข เธอ...คงทำร้ายท่านไม่ลงคฤหาสน์ศิวเศขรยังคงเงียบเชียบอย่างที่เป็นมา เธอก้าวเข้าไปในบ้านช้าๆ เหลียวมองไปทั่วๆ จดจำทุกส่วนที่เคยเห็นจนชินตา ต่อไปนี้เธอคงไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ ความสัมพันธ์อันปวดร้าวทำให้เธอละอายใจเกินกว่าจะมาพบเจอเจ้าบ้านทั้งสอง“หนูวี! มาแล้วหรือลูก มาๆ เข้ามานั่งก่อน” ท่านวศินรีบกวักมือเรียกเมื่อเห็นเวนิสาเดินเข้ามา
“ฉันไปเอายามาให้นะ กินเลยจะได้ไม่ลืม” เวนิสาว่าแล้วลุกไปหยิบยาแก้ไข้ในตู้ยาที่มีอยู่ในครัว เธอวางมันลงข้างแก้วน้ำของรวีกานต์ เจ้าตัวไม่หือไม่อือ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำเหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งของมวลอากาศ แต่เธอไม่ท้อหรอกนะ รวีกานต์ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น หล่อนโกรธใครได้ไม่นานหรอกเวนิสากลับมาสนใจมื้อค่ำของตัวเอง หัวคิ้วมนๆ ได้ขมวดมุ่นยามก้มมองถ้วยโจ๊กแล้วเห็นกระเทียมเจียวปะปนอยู่“เมื่อกี้ฉันไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนี่นา”“ฉันหยิบใส่เองแหละ จำได้ว่าหล่อนเจียวใส่กระปุกทิ้งไว้ เคยบอกว่าชอบไม่ใช่หรือยะ” เจ๊หวานท้วงเวนิสากะพริบตาปริบๆ ตักโจ๊กมาชิมแล้วต้องรีบเอามือปิดปาก “อุ๊บ!”ทุกคนที่โต๊ะอาหารหันมองเวนิสาเป็นตาเดียว เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงการหมุนวนของบางอย่างในช่องท้อง“อะไร หล่อนเป็นอะไรยะ!” เจ๊หวานท้วง“อุ๊บ!ครืด!เวนิสาลุกพรวดขึ้นมา ขาเก้าอี้ครูดพื้นเสียงดังลั่น ทุกต่างตกใจเพราะจู่ๆ เวนิสาก็วิ่งเข้าครัวแล้วอาเจียนยกใหญ่ “อุ๊บ! โอ้กกก...”