[2]
จูบนี้ที่รอคอย
_______________
หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าขึ้นแขวน ปากก็บ่นพึมพำให้พรพ่อยอดดวงใจของรวีกานต์ ก็จริงที่เธอเองก็ปลื้มเขาไม่น้อย แต่พอได้ยินวาจาคมกริบปานใบมีดนั้น ก็ชักจะปลื้มไม่ลง ทีกับคนอื่นทำมาดนิ่งสุขุม ติดเย็นชาด้วยซ้ำ ทีกับเธอนี่พร้อมจะเผากันให้ตายด้วยวาจานั่น น่าโมโห!
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยก็ไม่รู้ น่าหงุดหงิดจริงๆ” เขาบ่นอย่างระอา
“นี่! มีเซ็กซ์กับฉันนี่มันไม่น่ารื่นเริงใจเลยหรือไง ฉันไม่ดีตรงไหนฮะ!”
เวนิสามีเคือง เขาพูดอย่างกับเธอหน้าตาน่าเกลียดจนกอดไม่ลง
ศศินไม่พูด มองหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ใช่...เวนิสาเป็นคนสวย หุ่นดี สมบูรณ์แบบเลยล่ะ และด้วยความสมบูรณ์แบบเกินไปมันทำให้เขาหงุดหงิด หล่อนคงมีหนุ่มๆ ดาหน้ามาจีบเป็นขบวน ทำไมไม่เลือกสักคนในกลุ่มคนพวกนั้น ทำไมต้องเป็นเขาด้วยก็ไม่รู้
“ฉันไม่มีอารมณ์ ไปอาบน้ำแล้วนอนซะ”
เวนิสาเบะปากใส่ ภารกิจทำลูกเพื่อความอยู่รอดจะไปรอดไหม คืนแรกก็กัดกันเป็นหมาแล้ว
ศศินปรายหางตามองแม่สาวขาสวยเดินเข้าห้องน้ำ แอบผ่อนลมหายใจ แล้วเอามือตบอกถี่ๆ ใจเต้นแรงแปลกๆ ยามได้ยินเสียงลมหายใจของเวนิสา หล่อนสามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้เพียงแค่อยู่ใกล้กันในห้องหับอันมิดชิดเช่นนี้
“อา...ใจเต้นรัวอีกแล้ว ยัยบ้านั่นทำอะไรกับฉันกันนี่”
เขาส่ายหัวแรงๆ แล้วเดินออกจากห้องแต่งตัวมาหยุดยังเตียงนุ่ม หยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อ กล่อมให้ตัวเองง่วงไปด้วย
สิบนาทีผ่านไปกลิ่นหอมของอะไรบางอย่างก็โชยเข้าจมูกมา ศศินหลับตาพริ้ม สูดเอากลิ่นหอมนั้นอย่างฉงน เสียงฝีเท้าใครบางคนเดินมาทางนี้ เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ร่างของเวนิสายืนอยู่ห่างออกไป หล่อนอยู่ในชุดนอนสุดเซ็กซี่ เว้าหน้าผ่าหลังโชว์เนื้อหนังมังสา และอย่าเรียกมันว่าชุดเลย เรียกว่าเศษผ้ามุ้งน่าจะเหมาะกว่า
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ โธ่เอ๊ย...ฉันบอกแม่แล้วว่าพี่ไม่ชอบแนวนี้”
เวนิสาทำหน้าเซ็ง นั่งลงยังเก้าอี้บุนวมตัวยาวที่ตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ไม่ห่างจากเตียงของศศินมากนัก เธอก้มมองหน้าอกคับบีอย่างงอนๆ มันถูกซ่อนไว้ใต้ชุดนอนสีแดงตัวบางอย่างหมิ่นเหม่ ทว่าศศินกลับแค่มองมาแล้วไม่พูดอะไรสักคำ
“ถ้าใส่ชุดนั้นนอนคงได้เป็นปอดบวมตาย” เขาประชดแล้วกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ดวงตาคมกล้าลวนลามร่างบางโดยที่เวนิสาไม่มีวันรู้
“เชอะ! เสียอารมณ์ ฉันอุตส่าห์ใส่มาอ่อยพี่นะเนี่ย” ว่าแล้วกรีดนิ้วลากยาวตั้งแต่น่องเรียวขึ้นมาถึงโคนขาอ่อน แอบแหวกชายชุดให้เผยต้นขาขาวๆ ให้ศศินได้ตาโต ทว่าเขาเพียงแค่มองมา ยิ้มแห้งๆ ส่งให้แล้วเลื่อนสายตาไปอ่านหนังสือต่อ “โอเค...ไม่เล่นก็ได้ พี่คงเป็นกามตายด้านละมั้ง”
“นี่! พูดดีๆ หน่อย ถ้าไม่อยากร้องขอชีวิตทีหลัง”
“หือ? นี่ขู่ฉันเหรอ ฉันไม่กลัวหรอกนะจะบอกให้ พี่จัดมาเลยเถอะ ตอนนี้บอกเลยว่ากลัวตายมากกว่า” บอกเขาราวกับเรื่องความเป็นความตายเป็นเรื่องตลก เอกสารที่ทางโรงพยาบาลออกให้ ยืนยันชัดเจนว่าเนื้อร้ายที่เธอเป็น ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีสองทางในการรักษา ผ่าตัดหรือว่ามีลูก และเธอก็ถูกมารดาที่รักข่มขืนใจให้เลือกอย่างหลัง มันดูบ้าๆ ละนะ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอไม่คิดจะแต่งงาน (ถ้าเจ้าบ่าวไม่ใช่ศศิน) และมารดาก็อยากมีหลาน และที่สำคัญกว่านั้น เธอจะหายจากโรคนี้โดยไม่ต้องผ่าตัดให้เกิดความเสี่ยง แต่มารดาที่รักคงลืมกระมังว่าความเจ็บปวดการจากคลอดบุตรเป็นความเจ็บปวดที่เสี่ยงที่สุดที่มนุษย์ผู้หญิงทุกคนอาจต้องพบเจอ
หนังสือในมือศศินถูกพับลงอย่างเซ็งๆ ไม่อยากฟังเรื่องหดหู่ของเวนิสามากนัก หล่อนลุกจากไปเมื่อค่อนขอดเขาจบ และกลับออกมาอีกครั้งในชุดนอนแบบกางเกงขาสั้นผ้านิ่มๆ กับเสื้อแขนห้าส่วนที่แสนจะมิดชิด ดูน่ารักน่าทะนุถนอม
หัวใจของศศินกลับมาเต้นในระดับปกติ อย่างน้อยเนื้อนวลของยัยตัวแสบก็ถูกซ่อนไว้อย่างดิบดีแล้ว
“พี่? แล้ว...ที่นอนฉันล่ะ” ถามแล้วยิ้มซื่อๆ มองที่นอนข้างเขาตาปริบๆ
ศศินไม่ได้คลี่ยิ้ม คว้าหมอนได้ก็โยนใส่สิ่งแปลกปลอมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว
ฟึ่บ!
“เฮ้ย! อะไรกัน ทำไมชอบใช้ความรุนแรงนะ”
“ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ เธอนอนตรงนั้น อย่าได้คิดเข้ามาใกล้เตียงฉันเชียว”
“แต่คุณลุงบอกให้เรานอนด้วยกันนะ” คนสวยมีเคือง
“อย่าเอาพ่อฉันมาอ้าง ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ฉัน ถ้าฉันไม่ต้องการ ต่อให้เธอแก้ผ้ามา อ่อย ฉันก็ไม่เอา”
“อา...แรง! นั่นปากหรือกรรไกรโรง’บาลเนี่ย อยากให้ยัยตะวันมาได้ยินจริงๆ” เวนิสาค่อนขอด มองคนที่นอนบนเตียงอย่างเคืองๆ นั่นเตียงคิงส์ไซซ์นะ แบ่งให้เธอนอนสักครึ่งเมตรมันจะตายหรือไง
“นี่! หยุดนินทาฉันแล้วนอนซะ”
“รู้ได้ไงว่านินทา เป็นผีเหรอ”
“ไร้สาระ เธอนี่มีดีแค่หน้าตาจริงๆ”
“นี่! จะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะ!”
“โอย...น่ารำคาญจริงๆ ง่วงจะแย่แล้ว ถ้าเธอยังกวนประสาทฉันละก็เชิญไปนอนในอ่างอาบน้ำเลย!”
คำขู่ของเขาทำให้เวนิสาต้องรีบล้มกายลงนอน ขัดใจกับความกว้างของเก้าอี้ที่มีอย่างจำกัด เธอชอบที่นอนกว้างๆ นางสาวเวนิสาคนงามไม่ใช่กุลสตรีที่นอนอย่างสงบเสงี่ยม การที่เขาให้เธอนอนบนเก้าอี้ตัวนี้เลยถือว่าท้าทายความสามารถมาก!
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่