ริมฝีปากแม่คนงามเริ่มโค้งลงอย่างขัดใจ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ไหนๆ ก็ผิดไปแล้ว งั้นก็ผิดให้มันสุดๆ ไปเลยเถอะ
“แก้ผ้า!”
“หา?” ตาคมๆ ของศศินเบิกโต สองมือรีบดึงผ้านวมขึ้นปิดอก
“ฉันบอกให้แก้ผ้า โอ๊ย...น่าหงุดหงิดชะมัด มาจิ้มกันเถอะ จิ้มให้มันเหงื่อออก จะได้นอนหลับสบาย” ส่งสายตาหื่นกามให้คนที่ทำหน้าเหวออยู่ข้างๆ อีกฝ่ายมองเธอราวกับสัตว์ประหลาด
“จิ้มกะผีน่ะสิ ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันจะนอน!”
“แน่นะ!”
“แน่!”
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เสื้อนอน กางเกงนอน ตามด้วยชุดชั้นใน หลุดออกจากร่างของเวนิสา กายเปล่าเปลือยแผ่อยู่กลางเตียงอล่างฉ่าง แต่เจ้าตัวทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเอานิ้วม้วนผมเล่น ในขณะที่ศศินมองมาตาแทบถลน ขนาดนอนคนละที่เวนิสายังทำให้เขามีอารมณ์ได้ แล้วนี่เล่นมาแก้ผ้าล่อนจ้อนนอนอยู่ข้างกันเลยเนี่ยนะ!
“ไม่ๆๆ วันนี้ไม่ใช่วันไข่ตกของเธอ เราจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น เราจะทำก็ต่อเมื่อมีความจำเป็น” อธิบายรัวๆ แล้วหลับตาปี๋ หันหน้าหนีเวนิสาแต่โดนมือหล่อนดึงกลับมา หล่อนลุกมาค
เสียงดนตรีแบบน่ารักสดใสดังมาจากเวทีเล็กๆ กลางสวน ผู้คนมากกว่ายี่สิบชีวิตกำลังยืนรับชมพร้อมรอยยิ้ม นักดนตรีวัยรุ่นราวหกเจ็ดคนกำลังเล่นสดอยู่บนเวที เสียงปรบมือดังขึ้นทุกครั้งเมื่อเสียงเพลงจบลง ก๊วนของรวีกานต์มาถึงในตอนที่เพลงจบพอดี ต่างจอดจักรยานไว้ใต้ร่มไม้แล้วนั่งบนอานของมันเพื่อรับชมดนตรี“ปวดฉี่อ่า ไปหาที่ฉี่ก่อนจะแก” เจ๊หวานว่า ปากบอกจะไปฉี่ แต่ตามองไปยังกลุ่มหนุ่มๆ ที่ยืนฟังดนตรีอยู่ไม่ไกลรวีกานต์รู้ทัน “ไปฉี่หรือจะไปอ่อยผู้ชาย ตอบ!”“ไปฉี่ แต่ถ้าอ่อยผู้ชายได้ ฉันก็เอา ไปนะ” ว่าแล้วทิ้งจักรยานให้เป็นภาระคนที่ยังอยู่ ส่วนตัวเองก็เดินเฉียดกลุ่มหนุ่มๆ เพื่อไปห้องน้ำ ยิ้มหวานให้พวกเขาในขณะที่หนุ่มๆ เหล่านั้นได้แต่ทำหน้าขยาด“เจ๊หวานนี่จริงๆ เลย อ่อยไปทั่ว” เวนิสาค่อนขอด มองตามเจ๊คนสวยแล้วอมยิ้มบ้าง “แหม...หนุ่มๆ กลุ่มนั้นมีแต่คนหน้าตาดีแฮะ หน้าเด็กอย่างกับเด็ก ม.ปลายเลย”รวีกานต์ส่ายหน้าระอา“เก็บอาการหน่อย ตรงนี้มีผู้ชายเหลือตั้งคนนะยัยวี”เพื่อนสา
[9]เสี้ยวใจที่ให้มา_______________หนุ่มสาวมาพร้อมกันที่ริมบึงใหญ่ แดดยังแรงแต่ร่มไม้สองข้างทางช่วยบังมิให้ร้อนมากนัก ทุกคนทักทายและทำความรู้จักเพื่อนใหม่พอหอมปากหอมคอ รวีกานต์ไม่ได้สงสัยในตัวบิ๊กบอสกับเพื่อนสาว ต่างกับเจ๊หวานที่จับตาดูท่าทีของเวนิสาและศศินไม่วางตา“ดีจังเลยนะคะ บอสรู้จักยัยวีด้วย” รวีกานต์ท้วง“อ่าครับ คือ...พ่อผมสนิทกับคุณแม่ของคุณวีน่ะ”“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” รวีกานต์ว่าแล้วยิ้ม หันไปมองเพื่อนสาวอย่างค้นคว้า สงสัยตงิดๆ ว่าทำไมเวนิสาถึงไม่บอกเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก เจ้าตัวบอกเพียงแค่ว่ามารดาของหล่อนนั้นรู้จักบ้านศิวเขศรเฉยๆเวนิสายิ้มเจื่อนๆ ขยับหมวกปีกกว้างบนศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี“เราก็แนะนำตัวกันแล้ว เริ่มปั่นจักรยานดีไหมคะ ปั่นไปรอบบึงสักรอบแล้วค่อยไปหยุดดูดนตรี น่าจะใช้เวลาสักชั่วโมง”เจ๊หวานแนะ เวนิสาเห็นด้วย เธอหันไปจับจองจักรยานคันเดียวกับเจ๊หวาน“เจ
คนสวยรีบปล่อยแต่โดยดี มันลืมตัวนี่นา เธอทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่มีสิทธิ์โกรธเคืองเขากับรวีกานต์ด้วยซ้ำ พวกเขาสนิทกันเร็วเหลือเกิน แน่ล่ะ รวีกานต์เข้าสังคมเก่ง หล่อนคุยสนุกจะตาย ผู้ชายคนไหนก็ชอบหล่อนทั้งนั้น“ขอโทษค่ะ เสื้อเปียกหมดแล้ว”เธอมองรอยเปียกบนเสื้อแล้วขยับกายจะผละจากอ้อมแขน แต่ศศินกลับขืนกายเอาไว้ ไม่ยอมให้เธอหลุดออกมา“เมื่อคืนนอนน้อยไม่ใช่เหรอ หลับสิ ตอนบ่ายไปปั่นจักรยานเดี๋ยวไม่มีแรงนะ”คำแนะเหมือนห่วงใย ทำเอาเวนิสาต้องคลี่ยิ้มสมเพชตัวเอง แต่เอาเถอะ ความห่วงใยย่อมดีกว่าความเกลียดชังอยู่แล้ว“ก็ปล่อยสิคะ จะได้ไปนอนอีกฝั่ง”“นอนเถอะน่า อยากกอดฉันแทบทุกวินาทีไม่ใช่เหรอ เอาสิ กอดเลย วันนี้ฉันใจดี ให้กอดฟรีเลยเอ้า”“แหม...จะได้ไปเที่ยวกับตะวันเลยอารมณ์ดีสินะ น่าหมั่นไส้”คนถูกแขวะไม่ปฏิเสธ เชิญหล่อนคิดเองเออเองเสียให้พอ ผิดบ้างถูกบ้างก็ช่างหล่อนเถิด เขาไม่สนสักนิด“อืม...กอดพี่นี่มีขายไหมนะ อยากซื้อกลับบ้านจัง”หลับตาพริ้มแล้วเอ่ยออกมาอย่าง
เวนิสาเงียบไปเมื่อได้ฟัง มันก็จริงละนะที่เขาพูด แต่เธอพยายามไม่นึกถึงมัน และแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เธอเอาแต่ทำตามความฝันของตัวเอง ไม่เคยเหลียวแลมารดา ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าท่านทำงานหนักหรือเปล่า“แม่เธอ...ขายบริษัทหมดแล้ว เหลือแค่ห้าง V&V เหมือนว่าท่านจะโดนโกงนะ ต้องหาเงินมาใช้หนี้แทนอะไรทำนองนั้น”ปากกาในมือเวนิสาหล่นลงบนโต๊ะ เธอหันมองศศินอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ฉันได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันน่ะ แม่เธออาจโดนฟ้องถ้าใช้หนี้ไม่ทัน ท่านไว้ใจคนในบริษัทมากเกินไป ตอนนี้...ท่านคงกำลังวิ่งเต้นหาเงินใช้หนี้อยู่”“จริงหรือคะ ทำไมแม่ไม่เคยบอกอะไรฉันเลยล่ะ”“บอกแล้วเธอจะช่วยอะไรได้ล่ะ ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำ นอกจากหาเงินมาใช้หนี้ ก็คือบริหารห้าง V&V ให้ดีที่สุด อย่างน้อยมันก็ทำให้ท่านไม่ดูแย่ในวันที่ธุรกิจตัวอื่นๆ หลุดมือไป ห้างนั้นน่ะ ลูกค้าเยอะที่สุดในประเทศแล้ว”เวนิสาเริ่มหนักใจ ทำไมเธอไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ มารดาตั้งใจปกปิดหรือว่าเป็นเธอเองที่ไม่ยอมใส่ใจ“งานบริหารนี่ยากมากไหมคะพี่”
ริมฝีปากแม่คนงามเริ่มโค้งลงอย่างขัดใจ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ไหนๆ ก็ผิดไปแล้ว งั้นก็ผิดให้มันสุดๆ ไปเลยเถอะ“แก้ผ้า!”“หา?” ตาคมๆ ของศศินเบิกโต สองมือรีบดึงผ้านวมขึ้นปิดอก“ฉันบอกให้แก้ผ้า โอ๊ย...น่าหงุดหงิดชะมัด มาจิ้มกันเถอะ จิ้มให้มันเหงื่อออก จะได้นอนหลับสบาย” ส่งสายตาหื่นกามให้คนที่ทำหน้าเหวออยู่ข้างๆ อีกฝ่ายมองเธอราวกับสัตว์ประหลาด“จิ้มกะผีน่ะสิ ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันจะนอน!”“แน่นะ!”“แน่!”ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!เสื้อนอน กางเกงนอน ตามด้วยชุดชั้นใน หลุดออกจากร่างของเวนิสา กายเปล่าเปลือยแผ่อยู่กลางเตียงอล่างฉ่าง แต่เจ้าตัวทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเอานิ้วม้วนผมเล่น ในขณะที่ศศินมองมาตาแทบถลน ขนาดนอนคนละที่เวนิสายังทำให้เขามีอารมณ์ได้ แล้วนี่เล่นมาแก้ผ้าล่อนจ้อนนอนอยู่ข้างกันเลยเนี่ยนะ!“ไม่ๆๆ วันนี้ไม่ใช่วันไข่ตกของเธอ เราจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น เราจะทำก็ต่อเมื่อมีความจำเป็น” อธิบายรัวๆ แล้วหลับตาปี๋ หันหน้าหนีเวนิสาแต่โดนมือหล่อนดึงกลับมา หล่อนลุกมาค
มือบางตบเบาๆ บนอกอุ่น ตบไปตบมาก็ผล็อยหลับไปในท่าที่มือยังวางบนอกเขา ศศินยังไม่ได้หลับแต่อย่างใด เขาขยับเข้าหาไออุ่นจากคนที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้านวม และก่อนที่จะหลับไปจริงๆ เสื้อคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้ง สองแขนโอบเอาร่างเปลือยของเวนิสามากอด ขยับใบหน้าเข้าหาใบหน้าน้อย แล้วจู่ๆ ท่ามกลางความมืดมิดไร้แสงสว่าง ริมฝีปากเขาก็ชนเข้ากับริมฝีปากของหล่อน ร่างทั้งร่างไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงริมฝีปากที่ขยับน้อยๆ เพื่องับเอาริมฝีปากนุ่มอุ่นของเวนิสามาขบเม้มเบาๆ จุมพิตสะกิดทรวงจึงบังเกิดขึ้นในนาทีนั้น ในนาทีที่เวนิสายังหลับใหล ในนาทีที่ศศินไม่รู้ว่าแอบขโมยจุมพิตแม่สาวขี้เซาไปได้อย่างไร“อา...อะไรกันนี่ ทำไมฉันต้องจูบเธอด้วยนะ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกผิดที่แอบจูบด้วยล่ะ เฮ้อ...เธอทำอะไรกับฉันกันนะแม่ตัวดี”_____________หนึ่งเดือนผ่านไปสถานการณ์โดยรวมระหว่างศศินกับเวนิสายังปกติดี ยังมีเรื่องอีโรติกเกิดขึ้นบ้างอาทิตย์ละสองสามหน แม้พยายามหักห้ามใจแต่ทั้งสองเหมือนน้ำมันกับไฟที่เข้าใกล้กันทีไรเป็นได้เผากันจนมอดไหม้ทุกที ในความสัมพันธ์อั