มือบางตบเบาๆ บนอกอุ่น ตบไปตบมาก็ผล็อยหลับไปในท่าที่มือยังวางบนอกเขา ศศินยังไม่ได้หลับแต่อย่างใด เขาขยับเข้าหาไออุ่นจากคนที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้านวม และก่อนที่จะหลับไปจริงๆ เสื้อคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้ง สองแขนโอบเอาร่างเปลือยของเวนิสามากอด ขยับใบหน้าเข้าหาใบหน้าน้อย แล้วจู่ๆ ท่ามกลางความมืดมิดไร้แสงสว่าง ริมฝีปากเขาก็ชนเข้ากับริมฝีปากของหล่อน ร่างทั้งร่างไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงริมฝีปากที่ขยับน้อยๆ เพื่องับเอาริมฝีปากนุ่มอุ่นของเวนิสามาขบเม้มเบาๆ จุมพิตสะกิดทรวงจึงบังเกิดขึ้นในนาทีนั้น ในนาทีที่เวนิสายังหลับใหล ในนาทีที่ศศินไม่รู้ว่าแอบขโมยจุมพิตแม่สาวขี้เซาไปได้อย่างไร
“อา...อะไรกันนี่ ทำไมฉันต้องจูบเธอด้วยนะ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกผิดที่แอบจูบด้วยล่ะ เฮ้อ...เธอทำอะไรกับฉันกันนะแม่ตัวดี”
_____________
หนึ่งเดือนผ่านไป
สถานการณ์โดยรวมระหว่างศศินกับเวนิสายังปกติดี ยังมีเรื่องอีโรติกเกิดขึ้นบ้างอาทิตย์ละสองสามหน แม้พยายามหักห้ามใจแต่ทั้งสองเหมือนน้ำมันกับไฟที่เข้าใกล้กันทีไรเป็นได้เผากันจนมอดไหม้ทุกที ในความสัมพันธ์อั
เวนิสาเงียบไปเมื่อได้ฟัง มันก็จริงละนะที่เขาพูด แต่เธอพยายามไม่นึกถึงมัน และแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เธอเอาแต่ทำตามความฝันของตัวเอง ไม่เคยเหลียวแลมารดา ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าท่านทำงานหนักหรือเปล่า“แม่เธอ...ขายบริษัทหมดแล้ว เหลือแค่ห้าง V&V เหมือนว่าท่านจะโดนโกงนะ ต้องหาเงินมาใช้หนี้แทนอะไรทำนองนั้น”ปากกาในมือเวนิสาหล่นลงบนโต๊ะ เธอหันมองศศินอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ฉันได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันน่ะ แม่เธออาจโดนฟ้องถ้าใช้หนี้ไม่ทัน ท่านไว้ใจคนในบริษัทมากเกินไป ตอนนี้...ท่านคงกำลังวิ่งเต้นหาเงินใช้หนี้อยู่”“จริงหรือคะ ทำไมแม่ไม่เคยบอกอะไรฉันเลยล่ะ”“บอกแล้วเธอจะช่วยอะไรได้ล่ะ ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำ นอกจากหาเงินมาใช้หนี้ ก็คือบริหารห้าง V&V ให้ดีที่สุด อย่างน้อยมันก็ทำให้ท่านไม่ดูแย่ในวันที่ธุรกิจตัวอื่นๆ หลุดมือไป ห้างนั้นน่ะ ลูกค้าเยอะที่สุดในประเทศแล้ว”เวนิสาเริ่มหนักใจ ทำไมเธอไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ มารดาตั้งใจปกปิดหรือว่าเป็นเธอเองที่ไม่ยอมใส่ใจ“งานบริหารนี่ยากมากไหมคะพี่”
ริมฝีปากแม่คนงามเริ่มโค้งลงอย่างขัดใจ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ไหนๆ ก็ผิดไปแล้ว งั้นก็ผิดให้มันสุดๆ ไปเลยเถอะ“แก้ผ้า!”“หา?” ตาคมๆ ของศศินเบิกโต สองมือรีบดึงผ้านวมขึ้นปิดอก“ฉันบอกให้แก้ผ้า โอ๊ย...น่าหงุดหงิดชะมัด มาจิ้มกันเถอะ จิ้มให้มันเหงื่อออก จะได้นอนหลับสบาย” ส่งสายตาหื่นกามให้คนที่ทำหน้าเหวออยู่ข้างๆ อีกฝ่ายมองเธอราวกับสัตว์ประหลาด“จิ้มกะผีน่ะสิ ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันจะนอน!”“แน่นะ!”“แน่!”ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!เสื้อนอน กางเกงนอน ตามด้วยชุดชั้นใน หลุดออกจากร่างของเวนิสา กายเปล่าเปลือยแผ่อยู่กลางเตียงอล่างฉ่าง แต่เจ้าตัวทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเอานิ้วม้วนผมเล่น ในขณะที่ศศินมองมาตาแทบถลน ขนาดนอนคนละที่เวนิสายังทำให้เขามีอารมณ์ได้ แล้วนี่เล่นมาแก้ผ้าล่อนจ้อนนอนอยู่ข้างกันเลยเนี่ยนะ!“ไม่ๆๆ วันนี้ไม่ใช่วันไข่ตกของเธอ เราจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น เราจะทำก็ต่อเมื่อมีความจำเป็น” อธิบายรัวๆ แล้วหลับตาปี๋ หันหน้าหนีเวนิสาแต่โดนมือหล่อนดึงกลับมา หล่อนลุกมาค
มือบางตบเบาๆ บนอกอุ่น ตบไปตบมาก็ผล็อยหลับไปในท่าที่มือยังวางบนอกเขา ศศินยังไม่ได้หลับแต่อย่างใด เขาขยับเข้าหาไออุ่นจากคนที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้านวม และก่อนที่จะหลับไปจริงๆ เสื้อคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้ง สองแขนโอบเอาร่างเปลือยของเวนิสามากอด ขยับใบหน้าเข้าหาใบหน้าน้อย แล้วจู่ๆ ท่ามกลางความมืดมิดไร้แสงสว่าง ริมฝีปากเขาก็ชนเข้ากับริมฝีปากของหล่อน ร่างทั้งร่างไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงริมฝีปากที่ขยับน้อยๆ เพื่องับเอาริมฝีปากนุ่มอุ่นของเวนิสามาขบเม้มเบาๆ จุมพิตสะกิดทรวงจึงบังเกิดขึ้นในนาทีนั้น ในนาทีที่เวนิสายังหลับใหล ในนาทีที่ศศินไม่รู้ว่าแอบขโมยจุมพิตแม่สาวขี้เซาไปได้อย่างไร“อา...อะไรกันนี่ ทำไมฉันต้องจูบเธอด้วยนะ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกผิดที่แอบจูบด้วยล่ะ เฮ้อ...เธอทำอะไรกับฉันกันนะแม่ตัวดี”_____________หนึ่งเดือนผ่านไปสถานการณ์โดยรวมระหว่างศศินกับเวนิสายังปกติดี ยังมีเรื่องอีโรติกเกิดขึ้นบ้างอาทิตย์ละสองสามหน แม้พยายามหักห้ามใจแต่ทั้งสองเหมือนน้ำมันกับไฟที่เข้าใกล้กันทีไรเป็นได้เผากันจนมอดไหม้ทุกที ในความสัมพันธ์อั
[8]ปวดใจ_________จุมพิตอ่อนหวานกำลังทะยานสู่ความเร่าร้อน ริมฝีปากนุ่มอุ่นประกบกันแนบแน่น ดื่มด่ำในรสจุมพิตอย่างดูดดื่ม ปลายเท้าของสองร่างเริ่มขยับเข้ามาภายในห้องโดยอัตโนมัติ ประตูกระจกบานหนาถูกศศินเลื่อนปิดเพียงกึ่งเดียว ลมเย็นจากภายนอกพัดเข้ามาไม่ขาด ชุดสวยของเวนิสาเลื่อนหลุดจากร่างพร้อมกับเสื้อเชิ้ตของศศิน ต่างฝ่ายต่างช่วยกันปลดเปลื้องอาภรณ์อันแสนเกะกะ ดวงตาสองคู่สานสบอย่างรู้ใจ กายเนื้อแนบชิดอย่างสนิทเสน่หา ก่อนที่ร่างอรชรจะถูกดันให้นอนหงายบนเตียงกว้าง โดยที่ศศินคร่อมทับอยู่เบื้องบนเสียงหายใจเพิ่มระดับความรุนแรง กายแกร่งแห่งชายเติบใหญ่ขึ้นพร้อมกับความอุ่นร้อน“นี่เป็น...วิธีการปลอบของพี่...หรือคะ”“อืม...”“จะดีเหรอ”“ต้องลองดู ถึงจะรู้...”“ถอนตัวทันไหมคะ”“ทัน...แต่ฉันไม่ยอมหรอก เราสองคนมาไกลเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว”แล้วศศินก็ซุกใบหน้าเข้าหาซอกคอขาวผ่อง สูดดมและพรมจูบบนผิวเนื้อนาง ทุ
หนึ่งชั่วโมงให้หลังสองศรีพี่น้องจากไปเมื่อมื้อค่ำผ่านพ้น ศศินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกจากเก้าอี้มานั่งยองๆ ลงข้างโต๊ะ เขาเปิดผ้าคลุมโต๊ะขึ้นช้าๆ เวนิสานั่งอยู่ข้างใน สีหน้าหล่อนไม่ได้รื่นรมย์นัก อาจเพราะเมื่อยที่ต้องนั่งแบบนั้นอยู่เป็นชั่วโมง หรือไม่ก็...อาจเพราะคำพูดของปานรพี“ออกมาไหม หรือจะอยู่ในนั้น”คนถูกถามหันมามอง มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่ข้อเท้า มันถูกเหน็บกินจนชา กระดิกไม่ได้ แต่ที่อาการหนักกว่าคือหัวใจ มันเจ็บยิ่งกว่าการเป็นเหน็บเสียอีก“วีนัส...”“ขอ...ห้านาที เหน็บกินเท้าน่ะ” บอกเขาแล้วยิ้มเนือยๆ ทว่าศศินไม่ให้ตามที่เธอร้องขอ เขาลุกยืนแล้วดึงโต๊ะออกไป เกิดเสียงขาโต๊ะครูดพื้นเรียกสายตาคนมอง แต่เขาไม่สน ก่อนจะย่อกายอุ้มเธอขึ้นสู่วงแขน ไม่แคร์สายตาผู้คนรอบข้าง ดวงตาเขามีแววเอื้ออาทรที่เธอโหยหา ความเย็นชาของเขากำลังละลายหรือ มันถูกทำให้จางหายด้วยไออุ่นจากความเอื้ออาทรใช่ไหม“ทำอะไรคะ ไม่อายหรือไง”“ให้เธอต้องนั่งอยู่ใต้โต๊ะต่างหาก ที่ฉันควรต้องอาย”เหมือนมีไออุ่นพร่า
“หนาวมากค่ะ แต่อยากสวยต้องอดทน”“เฮอะ...บ้าบอ” ปากบอกว่าบ้าบอแต่ถอดสูทที่สวมอยู่ไปคลุมร่างให้สาวเจ้า“เอ๊ะพี่!”“อยู่เฉยๆ เถอะน่า คนมองใหญ่แล้ว”“ก็ฉันสวย!”“เธอโป๊ต่างหาก!”เวนิสาทำหน้าเบื่อโลก อุตส่าห์แต่งสวยมาโชว์ อดเลย...“สั่งอาหารสิ รีบกินรีบกลับ” เขาแนะเสียงห้วนแล้วเรียกบริกรมารับออเดอร์หญิงสาวสั่งอาหารแบบขอไปที ไม่ทันได้เลือกจานที่อยากกินเพราะอีกฝ่ายรีบสั่งให้เสร็จๆ ในระหว่างที่รออาหาร เวนิสาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องอาหารแสนโรแมนติก ดวงไฟเหนือหัวส่องแสงสีนวลอบอุ่น เสริมบรรยากาศให้แสนหวานด้วยเชิงเทียนบนโต๊ะที่กำลังส่องสว่าง ร้านหรูเชียว มีเชิงเทียนและอาหารแพงๆ มันสมบูรณ์แบบละนะ หากไม่มีมารมาผจญ“เฮ้ย! สองพี่น้องมหาภัย!” เวนิสาตาแทบถลนเมื่อมองไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินเข้าประตูมา เธอแลหาที่หลบในขณะที่ศศินทำอะไรไม่ถูก“เธอลุกไปสิ เดี๋ยวสองคนนั้นก็รู้หรอกว่าเรามาด้วยกัน” เขาว่า“แล้วจะให้