นัยน์ตาคมมองนางที่เดินจากไปอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปใกล้สหายและคุณหนูเหอเพื่ออาสาจ่ายเงินค่าน้ำมันหอมเอง
ดูเหมือนการเจรจากับคุณหนูเหอจะไม่ใช่เรื่องยากอันใด และเมื่อแสดงความจริงใจอีกฝ่ายก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือทันที อาจเพราะเขาพึงใจน้องสาวของสหายมานานหลายปี เขาจึงมีโอกาสได้รับรู้ถึงความชื่นชอบของนางจึงเอ่ยปากชวนนางไปร้านขายภาพวาดแล้วคิดจะซื้อภาพที่นางชอบให้ด้วย
“น่าเสียดายนะเจ้าคะที่ซือซือไม่มาด้วย”
“ก่อนหน้านี้คุณหนูเหอไม่ค่อยได้ออกจากจวน การตะลอนไปหลายที่ในหนึ่งวันอาจจะทำให้นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกินไปก็ได้”
“ที่ท่านกล่าวมาก็ถูกต้องไม่น้อย พี่หล
“พี่หลี่จุน!” นางเรียกชื่อเขาเสียงหลง ใบหูนางแดงก่ำขึ้นในทันทีพร้อมกับดวงหน้าหวานที่เห่อร้อนอย่างไม่เคยเป็น “มีอันใด เรียกข้าเสียงหวานเชียว” เผยหลี่จุนกล่าวพลางก้มมองสตรีที่ตนโอบกอดอยู่ด้วยแววตาพราวระยับ “ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” “ไม่อยากปล่อย” “ท่าน!” จุ๊บ! จุ๊บ! เขากดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง เต้าหู้ของสตรีที่ตนพึงใจหอมหวานยิ่งนัก “พี่หลี่จุน ท่านกินสิ่งใดผิดสำแดงมาหรือไม่” “ข้ากลืน
“อร่อยจริง ๆ ด้วย ไม่หวานเกินไป ดียิ่งนัก” เจียงเซียวเล่อกล่าวกับสหายก่อนจะต้องตกใจเมื่อสหายของพี่ชายจับยึดมือนางเอาไว้แล้วกัดเซาปิ่งกิน “พี่เห็นด้วยกันเซียวเล่อ” “พี่หลี่จุนท่าน!” ใบหน้าและหูของคุณหนูเจียงเห่อร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับไม่กล้าสบตากับเหอซือซือและพี่ชาย คนผู้นี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว กล้าหยอกเย้านางต่อหน้าพี่รอง “กำลังโอ้อวดอยู่หรืออย่างไร” เจียงเซวียนกล่าวอย่างรู้สึกหมั่นไส้ “...” ส่วนคุณหนูเหอก็ได้แต่อมยิ้มแล้วกินเซ่าปิ่งของตนต่อไป “ข้าโอ้อวดที่ใดกัน ข้าก็แค่กำลังเกี้ยว
“ยังไม่ได้เป็นอันใดกันก็เข้าข้างแล้ว” คุณชายรองเจียงกล่าวก่อนจะรีบเดินตามสองสาวไป คนเยอะเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้พวกนางคาดสายตา หลังจากนั้นบุรุษทั้งสองก็คอยดูแลและจ่ายตำลึงให้สตรีทั้งสองอย่างไม่อิดออด เจียงเซวียนก็ไม่ได้พยายามยื้อแย่งหรือหยอกเย้าสหายของน้องสาวอีก ทำให้เจียงเซียงเล่อไม่ได้หมั่นไส้พี่ชายอีก “ซือซือข้าอยากปลดทุกข์” คุณหนูเจียงกระซิบบอกสหายเสียงเบา “เช่นนั้นเรารีบกลับโรงเตี๊ยมกันเถิด” “คงไม่ทัน ข้าคงทนไม่ไหว” เมื่อเห็นสีหน้าของสหาย นางจึงตัดสินใจหันไปกล่าวกับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกาย “พี่เซวียนเจ้าคะเราเข
13 เหตุใดระหว่างเราถึงไม่เหมือนเดิม เจียงเซวียนกวาดสายตามองหาร่างบอบบางของสตรีในดวงใจไปทั่วด้วยความรู้สึกร้อนรน ในใจก็ภาวนาว่าขอให้พบเจอนางอยู่ที่ใดสักแห่งในโรงเตี๊ยม เขาถือวิสาสะเปิดห้องส่วนตัวทุกห้องอย่างเสียมารยาทด้วยความหวังว่าจะพบตัวสตรีในดวงใจ แต่ยิ่งค้นหา ความหวังของเขาก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ‘ไม่เจอ! ซือซือหายไปที่ใด’ เมื่อหาจนทั่วชั้นสองแล้วไม่เจอเขาจึงเดินลงไปด้านล่างด้วยความรู้สึกใจคอไม่ดี “พี่รอง เจอซือซือหรือไม่” เจียงเซียวเล่อที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกันเอ่ยถาม “ไม่เจอ” “ข้าไปถามผู้ดูแลมาแล้ว โรงเตี๊ยมนี้ทางเข้าออกมีทางเดียว แม้แต่พวกพ่อครัวหรือเสี่ยวเอ้อก็ยังต้องเข้าออกทางประตูด้านหน้าเช่นกัน” เป็นท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาเอ่ย “เซียวเล่อห้องปลดทุกข์ไปทางไหน” คุณชายรองเจียงเอ่ยถามน้องสาว “ข้าจะนำทางไปเองเจ้าค่ะ” ยามนี้นางรู้สึกผิดต่อสหายยิ่งนัก หากนา
“เป็นมันจริง ๆ ที่กล้าลักพาตัวสตรีของข้าไป” คุณชายรองจวนแม่ทัพบูรพาสบถออกมาอย่างมีโทสะ เกรงว่าที่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนคงคิดจะแย่งนางไปจากเขาสินะ “ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ว่าโหวซื่อจื่อที่เป็นถึงขุนนางใหญ่ จะมาลักพาตัวสหายของข้าให้เสื่อมเสียไปทำไม” เท่าที่นางเคยได้ยิน คนผู้นั้นเป็นบุรุษรูปงามที่เก่งกาจ ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องสตรี ประวัติขาวสะอาด ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้นกับสหายของนางเลย “ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว เกรงว่าการกระทำของหลวนโหวซื่อจื่อผู้นั้นจะกลายเป็นเรื่องหนี้รักใช่หรือไม่” สิ้นเสียงของเผยหลี่จุน เขาก็ตวัดสายตามองอีกฝ่าย ‘อย่างไรเรื่องนี้ข้าต้องถามเอากับซือซือให้ได้’ เจียงเซียวเล่อคิด แม้ในตอนแรกจะไม่อยากให้พี่ชายมาหลอกล่อสหายแต่หากคิดดูดี ๆ แล้ว การได้เหอซือซือมาเป็นพี่สะใภ้ย่อมดีกว่าสตรีดอกบัวขาวที่ดีแต่ลอบกัดผู้อื่น “พี่รอง ท่านรีบควบม้าตามไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านต้องรีบช่วยซือซือมาให้ได้นะเจ้าคะ ข้าอยากได้นางมาเป็นพี่สะใภ้รอง” “ได้! หลี่จุนข้าฝากเซียวเล่อด้วย” “อืม! เจ้ารีบไปช่วยคุ
‘ข้าควรต้องระแวงท่านตั้งแต่ที่สั่งให้คนไปจับตัวข้ามาแล้ว’ “รถม้าคันนี้กำลังจะวิ่งไปที่ใดเจ้าคะ” “พี่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวง ยามนี้เราสองคนจึงกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อสนทนากันเสร็จแล้วพี่จะพาเจ้าไปส่งที่จวนเหออย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน พี่สัญญา” เขาชี้แจงให้นางฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางหวาดกลัวของนางที่มีต่อเขาก็ตาม หากรถม้าคันนี้กำลังวิ่งไปยังเมืองหลวงจริง เช่นนั้นขอเพียงนางทำตัวว่าง่ายไม่ต่อต้าน คนผู้นี้อาจจะพานางไปส่งที่จวนอย่างปลอดภัยกระมัง “แต่หากเจ้าไม่ยอมสนทนากับพี่จนกระจ่างแจ้งแก่ใจ พี่คงต้องเชิญเจ้าไปสนทนากันต่อที่จวนของพี่อีกสักเล็กน้อย” กล่าวจบมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มบาง
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
‘ข้าว่าแล้วแท้จริงสองคนนี้ไม่ถูกกัน มิเช่นนั้นคุณหนูเหอคงไม่แสร้งตกใจจนผลักคุณหนูเหรินล้มเช่นนี้’ คุณหนูผู้หนึ่งกล่าว ‘ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคุณหนูเหอที่ผิด สตรีดีงามเช่นคุณหนูเหรินหรือจะทำร้ายผู้อื่น วันนั้นข้ายังเห็นนางเอาตัวเข้าบังคุณหนูเติ้งเพื่อช่วยเหลือจากการโดนแส้ฟาด’ เป็นสตรีคนหนึ่งป้องปากสนทนากับสหาย ‘ข้าเห็นด้วยกันเจ้า คุณเหอต้องริษยาที่คุณหนูเหรินงดงามและมีชื่อเสียงดีงามเป็นที่หมายปองของบุรุษมากกว่าตนเป็นแน่’ “นี่พวกเจ้า!” จูเฉ่าเหมยตั้งใจจะหันไปตวาดใส่พวกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ตัดสินผู้อื่นแล้ว แต่สหายเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะมือเป็นเชิงห้าม “ช่างเถิดอย่าได้สนใจเลย เราไปกันเถิด” นางหมดอารมณ์จะชมสวนแล้ว แต่ในขณะที่นางกำลังหมุนตัวจะพาสหายเดินจากไป
“คุณหนูเจียงหรือ ใช่บุตรสาวแม่ทัพเจียงหรือไม่” มิใช่ว่ามีคุณหนูอยากเข้าหามากมายหรือ เพื่อใช้เป็นสะพานทอดไปหาพี่ชายคนรองที่มีแต่สตรีหมายปอง “ถูกแล้ว เล่อเล่อนางน่ารักและเป็นสหายที่ดีมาก” “หากคุณหนูเจียงไม่รังเกียจข้าที่เป็นบุตรสาวพ่อค้า ข้าย่อมยินดีที่จะเป็นสหายกับนาง” “ดียิ่ง” นางยิ้มก่อนจะรีบวางจอกชาลงทันที เพราะสนทนากันอย่างเพลิดเพลินจึงลืมตัวหยิบจอกชาขึ้นมาและเกือบจะจิบมันเข้าไปแล้ว “ซือซือ ข้ามองหาเจ้าตั้งนานแท้จริงเจ้ามาหลบอยู่ที่นี่เอง” สตรีดีงามผู้มีรอยยิ้มอ่อนหวานเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากทักทายนาง ‘ตามหาข้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่’ นางคิดก่อนจะปรายตามองฝั่งบุร
‘เขาดูหลงใหลข้าเช่นนี้ดีไม่น้อย’ แค่นางกอดขาเขาให้แน่น เพียงเท่านี้ทางรอดของนางก็สว่างไสวแล้ว หลังจากคืนนั้นคุณชายรองเจียงก็ไม่ว่างมาปีนเข้าเรือนคุณหนูเหออีก มีเพียงจดหมายถามไถ่และเล่าเรื่องราวที่กำลังทำอยู่ให้นางทราบพร้อมทั้งส่งของปลอมประโลมที่ทำให้นางต้องคิดถึงเขาเป็นเครื่องประดับล้ำค่าและน้ำมันหอมสลับกันไปจนถึงวันที่มีการจัดงานเลี้ยงในวังหลวง ว่าด้วยงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ของฮองเฮา ไม่ต่างจากงานเลือกคู่ดูตัวเท่าใดนัก เพราะมีคุณชายคุณหนูวัยออกเรือนเข้าร่วมมากมาย แต่ละคนนั้นแต่ตัวงดงามจนเรียกได้ว่าแย่งชิงความโดดเด่นจากดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในสวน ‘งานเลี้ยงที่ไม่มีเล่อเล่อช่างน่าเบื่อหน่าย’ เหอซือซือลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เห็นสหายว่าติดพ
17 พบเจอสหายคนใหม่ แม้จะมีเวลาเพียงหนึ่งเค่อก่อนจะถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับองค์รัชทายาท เจียงเซวียนก็ยังแวะเวียนมาจวนตระกูลเหอและปีนหน้าต่างเข้าเรือนคุณหนูของจวนหวังจะได้สนทนากันสักสองสามประโยคให้ชื่นใจก็ยังดี “ซือซือ เจ้ามานั่งรอพี่หรือ” วันนี้เขาอารมณ์ดี
ก็อย่างที่เคยบอก มารยาดอกบัวขาวมีแต่บุรุษที่โง่เขลาเท่านั้นแหละที่มองไม่ออก จะมาเทียบมารยาชั้นครูเช่นนางได้อย่างไร ด้านคุณหนูเหรินที่วันนี้ได้รับคำเชิญจากหลวนโหวซื่อจื่อ ให้มาพบที่จวนโหว ได้แต่สะกดกลั้นความไม่พอใจในท่าทางของสตรีที่ตนเคยมองว่าเป็นเบี้ยล่างมาตลอด ก่อนจะยิ้มให้ดูอ่อนหวานที่สุดแล้วเดินเข้าจวนโหว “พี่จิ้นฝานรอข้านานหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างเพ่งพิศ แม้จะรูปงามน้อยกว่าคุณชายรองเจียง แต่ทว่าฮูหยินโหวซื่อจื่อนั้นมีศักดิ์สูงกว่า หรือนางจะเปลี่ยนใจมาล่อลวงบุรุษผู้นี้ดี ในอดีตความสัมพันธ์ก็ดีงาม หากนางต้องการสานสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องยาก “เจ้ามาแล้วหรือ” โหวซื่อจื่อถามด้วยน้ำเสียงอ่อ
“คุณชายฮุ่ย ข้าเข้าใจนะเจ้าคะ ว่าตัวข้านั้นน่ารักน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอมไม่แปลกที่ท่านจะหวั่นไหวและอยากตอบแทนบุญคุณด้วยร่างกาย แต่ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่ายามนี้ตัวข้านั้นมีบุรุษที่พึงใจแล้ว และเขาก็พึงใจข้า อีกไม่นานเราสองตระกูลก็คงจะได้เกี่ยวดองกัน ดังนั้นข้าไม่อาจตอบรับการตอบแทนบุญคุณของท่านได้จริง ๆ เจ้าค่ะ” คำพูดของนางคล้ายของหนักที่กดศีรษะของอีกฝ่ายให้ก้มหัวลงเรื่อย ๆ ในขณะที่นางกอดอกกล่าววาจาด้วยท่าทางมั่นใจ แม้เขาจะมีมัดกล้ามที่แน่นน่าสัมผัสไม่น้อย แต่ก็ชะตาชีวิตเขาก็สู้ลูกรักของสวรรค์อย่างเจียงเซวียนไม่ได้ และต่อให้นางมีโอกาสได้เลือกใหม่อีกครั้งนางก็ยินดีจะเลือกพ่อค้าเช่นพี่ชายของสหายมากกว่าหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรอย่างเขาที่มีหน้าที่จะต้องปกป้องผู้สูงศักดิ์ก่อนปกป้องตนเองและครอบครัว เหตุใดนางถึงรู้น่ะหรือ ว่าฮุ่ยหลานซีคนนี้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร ก็นางเห็นหยกพกประจำตำแหน่งของเขาอย่างไรเล่า
‘ขอเพียงท่านตอบตกลง ข้าสามารถทำให้ท่านคู่ควรกับข้าได้’ ‘ข้ามิบังอาจ และหากท่านจำไม่ผิดข้าปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับท่านมาโดยตลอด ดังนั้นเลิกป่าวประกาศว่าข้าเป็นคนรักของท่านได้แล้ว และหยุดระรานผู้อื่นด้วย’ ‘เจียงเซวียนแม้ท่านจะใจร้ายกับข้า แต่ข้าก็ยังรักท่าน พวกเจ้าจงจำเอาไว้ นอกจากข้าไม่มีใครคู่ควรกับเขา หากยังมีสตรีใดกล้ามองเขา ข้าจะควักลูกตามันออกมาให้หมด’ กล่าวจบเหลียงจิ่วเม่ยก็ก้มเก็บแส้แล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมออกไปทันที ‘คุณหนูเติ้งท่านปลอดภัยดีหรือไม่’ สตรีผู้งดงามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา ‘ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูเหรินที่ช่วยเหลือ’ เติ้งจูหลี่ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคุณหนูที่แทบ
16 เสี้ยนจู่แห่งแดนเหนือผู้ร้ายกาจ วันนี้ย่านการค้ายังคงคึกคักและมีคนออกมาจับจ่ายซื้อของมากเช่นเดิม อาจเพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ที่ถูกจัดขึ้นโดยฮองเฮา จึงมีคุณชายและคุณหนูที่ถูกเชิญเข้าร่วมต่างออกมาซื้ออาภรณ์และเครื่องประดับใหม่ “สือหลิวเจ้านั่งลงเถิด” “จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู” “จะให้ข้านั่งกินคนเดียวโดยมีเจ้ายืนมอง ข้าจะกินลงได้อย่างไร มิสู้เจ้านั่งกินด้วยกัน ข้าจะได้เจริญอาหารขึ้น” “แต่ว่ามันไม่เหมาะสม” “หากเจ้าไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับข้า เช่นนั้นก็กลับจวนไปก่อน ข้าจะนั่งจิบชากินขนมคนเดียวเงียบ ๆ” “...” “ว่าอย่างไร หากไม่นั่งก็รีบกลับจวนไปซะ” “บ่าวนั่งก็ได้เจ้าค่ะ” สือหลิวบอกเสียงอ่อน “ดีมาก” ต้องให้เอ่ยวาจาร้ายกาจก่อนถึงจะยอมใช่หรือไม่ เมื่อสาวใช้ยอมนั่งร่วมโต๊ะแล้วนางก็หยิบขนมแล
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่