หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จครูซก็กลับไปพักที่โรงแรมเพื่อเดินทางกลับไทยในช่วงเช้ามืดทันที การมาครั้งนี้เขาไม่ได้บอกใครแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง บอกคนรักแค่ว่าต้องมาเคลียร์งานเท่านั้น ที่เลือกไม่บอกความจริงคนรักเพราะเขาเห็นว่าไม่จำเป็นอะไร เธอเองก็กำลังท้องกำลังไส้กลัวว่าจะเครียดไปเสียเปล่า อีกอย่างเรื่องมิลินฮันน่าเองก็ไม่รู้เรื่อง
ตึกตึก..
“ลุก” เสียงทุ้มเอ่ยกับคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง มือหนากระชากผ้าห่มออกจากตัวทำหญิงสาวที่นอนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมอง
“อื้อ คะ..คุณนำทัพ”
“ฉันไม่ได้จ่ายเงินเพื่อให้เธอมานอน” เขารู้สึกว่าอีกคนทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่กับจำนวนเงินที่เสียไป
“ละ ลินไม่ไหว” ร่างไร้เรี่ยวแรงค่อย ๆ ประคองตัวลุกนั่ง มือสั่นเทาพนมไหว้เพื่อขอให้เขาเห็นใจ
มิลิน หญิงสาววัย 22 ปี มีนิสัยส่วนตัว ยิ้มง่าย อ่อนหวานและเงียบขรึมในบางครั้ง เหมือนจะเข้าถึงง่ายแต่ก็ไม่.. เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ชีวิตเธอพลิกผันกลายมาเป็นนางบำเรอให้กับผู้ชายใจร้าย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ชีวิตเธอก็ไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น ทุกคนรอบตัวต่างบีบบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่ได้อยากจะทำเลยสักนิด ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่อยู่กับปีศาจร้ายคนนี้ เธอไม่เคยได้รับความอ่อนโยนหรือเห็นใจจากเขาเลยแม้แต่น้อย นำทัพปฏิบัติกับเธอราวกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ยามที่เขาต้องการไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไหร่ห้ามขัดเขาเด็ดขาด ต้องยอมเท่านั้น ใครจะคิดว่าคนที่หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้กับเธอจะกลายเป็นคนทำลายชีวิตเธอด้วยมือของเขาเอง..
“ไม่ไหวงั้นเหรอ หึหึ”
หมับ! มือหนาเลื่อนไปจับเข้าที่ใบหน้าแดงฝาดพร้อมกับออกแรงบีบทำเอาหญิงสาวรู้สึกเจ็บเหมือนกระดูกจะแหลกคามือจนน้ำตาไหล สายตาที่เขามองเธอมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเวทนา จะมีสักครั้งไหมที่เขาจะอ่อนโยนกับเธอ
“อึก!” ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ ปิดลง ปล่อยให้เขากระทำตามใจชอบจนกว่าจะพอใจ
“อยากนอนแบบไม่ตื่นไหมล่ะ” ประโยคถัดมาของอีกคนทำหญิงสาวลืมตาขึ้นมอง เขาจะทำมันจริง ๆ ใช่ไหม ช่วยลงมือตอนนี้เลยได้หรือเปล่า เพราะต่อให้อยู่ไปทุกคนก็มองเธอเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น ไม่เคยมีใครสนใจความรู้สึกของเธออยู่แล้วนี่ ได้โปรดทำมันสักที เธอไม่ไหวแล้ว..
“ได้โปรด..ฮึก~”
“อะไรกันมิลิน ฉันยังได้ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปเลยนะ เธอจะทิ้งฉันไปแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเย็นก้มกระซิบข้างหูชวนขนลุก เขายังไม่พอใจกับสิ่งที่ได้สักเท่าไหร่ เธอต้องทนอยู่ให้เขาเสพสุขกับร่างกายนี้จนกว่าจะพอใจ ใครมันจะปล่อยให้อาหารชิ้นโปรดหายไปล่ะ
“ฮึก!”
“น้ำตามันทำให้เธอดูสวยเป็นพิเศษเลยสาวน้อย” เขามองน้ำตาที่อาบใบหน้าคนตัวเล็ก ยิ่งเธอร้องมากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกชอบ
“..อึก”
“ฉันหิวแล้ว” หน้าที่ทำอาหารให้เขากินเป็นของเธอ แค่เธอเท่านั้น...
“วะ วันนี้ลินขอพักได้ไหมคะ” เธอรู้สึกปวดหัวเหมือนจะไม่สบาย กลัวว่าจะทำอาหารให้เขาไม่อร่อยแล้วเดี๋ยวจะถูกลงโทษอีก
“ถ้าฉันไม่อนุญาตล่ะ”
“....”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบพวกพูดไม่รู้เรื่อง”
“....”
“ถ้าฉันไม่ได้กินข้าว รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ต่อให้บ้านเขาจะมีแม่บ้านอยู่เต็มไปหมดเขาก็ไม่ต้องการ เพราะคนที่ต้องการมีแค่เธอ
“ค่ะ อึก!” สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถขัดคำสั่งเขาได้ ทุกคนอาจจะมองว่าเธอโง่ที่ไม่ยอมหนีไป ทำไมต้องทนอยู่กับคนใจร้ายแบบนี้ ลองมาเป็นเธอแล้วจะรู้ว่าทุกอย่างที่พูดมามันไม่ง่ายเลยสักนิด ไม่ว่าจะหนีเป็นหรือหนีตายเธอก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาผู้ชายคนนี้ไปได้เลย เขามันยิ่งกว่าซาตานเสียอีก
“หึหึ เลี้ยงให้เชื่องแบบนี้สิถึงจะน่ารักหน่อย” เขายอมปล่อยมือออกจากใบหน้าของเธอ ร่างสูงขยับถอยห่างออกไปสองก้าว สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาว ดูว่าเธอจะขยับตัวลงจากเตียงได้ตอนไหน
ครืน ครืน
ซึ่งในขณะนั้นเอง.. มือถือคนตัวเล็กที่วางอยู่หัวเตียงก็มีเสียงเรียกเข้า นำทัพเหลือบมองไปยังมือถือนั้นสีหน้าเรียบนิ่ง เขามองดูปฏิกิริยาของอีกคนว่าจะจัดการกับเจ้าของสายนั้นยังไง
“รับสิ รับแล้วเปิดเสียงให้ฉันได้ยิน”
เอาจริงนะ แอบกลัวอินำทัพมากเด้อ นางดูจริตจนน่ากลัวอะ สู้เขาค่ะมิลินคนเก่ง
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่