LOGIN“....” ผมนั่งมองยัยผู้หญิงอวดดีที่มันกำลังนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม เธอเอาแต่หลบสายตาเหมือนว่ากลัวผมนักหนา ทั้งที่ความเป็นจริงแม่งพยศใส่ผมอยู่ตลอดเวลา เห็นมิลินกลัวผมแบบนั้นแต่ก็มีบางมุมที่เธอก็ดื้อใส่ผมเหมือนกัน บางครั้งก็เหมือนจะรู้จักเธอดีแต่ก็ไม่ใช่ เธอเป็นคนที่ค่อนข้างคาดเดาอารมณ์ได้ยากเหมือนกัน
“วันนี้ลินทำเมนูที่คุณนำทัพอยากทานค่ะ”
“แล้วไหนของเธอ”
“ลินยังไม่หิวค่ะ”
"ทำไม"
"คือว่า.."
"นั่งลง"
"ลินไม่รบกวนดีกว่าค่ะ" เธอว่าก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในครัว แล้วคิดว่าคนอย่างผมจะยอมไหม?
"อย่าคิดว่ามีคนอยู่ฉันจะไม่กล้าทำอะไร" ถ้าขืนเธอยังไม่หยุดพยศผมคงไม่ใจดีด้วยอีกต่อไป อย่าทำให้บรรยากาศเช้านี้ต้องมาเสียเพราะเธอสิ
"มิลินอิ่มแล้วค่ะ" เธออิ่มอะไร ก็ในเมื่อเธอเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเหมือนกันกับผม
"หรืออิ่มน้ำที่ฉันป้อนไปทั้งคืน" พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเธอก็เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตา จะอายอะไรนักหนาวะเห็นจนไม่รู้จะเห็นยังไงแล้ว
"คะ คุณนำทัพ" เธอมีสีหน้าตกใจ ขยับมองเหล่าแม่บ้านและลูกน้องของผมที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วยังไงล่ะ? มันเป็นเรื่องปกติไหม อีกอย่างพวกมันก็ไม่กล้าเอาไปพูดที่ไหนอยู่แล้ว ลองพูดดูสิถ้ายังอยากมีลมหายใจอยู่
"มานั่ง" ผมออกคำสั่งกับเธออีกครั้ง
"ลินว่า..."
"งั้นตอบมา..ระหว่างฉันกับข้าวเธอจะกินอะไร"
"ลินขอทานข้าวค่ะ" พูดจบเธอก็เดินเข้าครัวไปหยิบจานข้าวตัวเองออกมา แล้วบอกว่าอิ่มแล้ว ที่ถืออยู่นั่นคืออะไร ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเธอชอบแอบไปนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ อยู่หลังบ้าน
"พอเธอพูดง่ายมันก็ดูน่ารักดีนะ"
"....." เธอเมินคำพูดแล้วนั่งลงที่นั่งใกล้ ๆ กับผม เมื่อนั่งได้เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวเข้าปากเหมือนต้องการรีบกินรีบเสร็จจะออกไปจากตรงนี้
"นายครับ" ซึ่งในขณะนั้นเอง..
"อะไร" ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ไบค์ที่มันพรวดพราดเข้ามาอย่างไร้มารยาท ผมไม่เคยสอนมันหรือไงว่าเวลาส่วนตัวห้ามเข้ามายุ่ง
"คุณพายมาแล้วครับ"
"ให้ไปรอกูบนห้องทำงาน"
"รับทราบครับ"
หลังจากที่มันเดินออกไปผมก็กลับมาจ้องที่ผู้หญิงตรงหน้าต่อ แต่เหมือนว่าเธอ จะไม่ค่อยสนใจผมสักเท่าไหร่ เพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตารีบตักข้าวยัดใส่ปากเหมือนว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้กินมันอีก
"ฉันเลี้ยงเธอให้อดอยากขนาดนั้น?"
"เปล่าค่ะ" ทำไมเธอต้องทำเหมือนกลัวผมขนาดนั้นวะ เวลาพูดด้วยก็ไม่ยอมสบตา ทำเหมือนกับว่าผมเป็นผีอย่างนั้นแหละ
"พูดกับฉันก็ต้องมองหน้าฉันสิ"
"ลินกำลังทานข้าวค่ะ"
"แล้วยังไง ทีตอนอมยังสบตากับฉันได้เลย"
"คะ คุณนำทัพช่วยหยุดพูดอะไรแบบนี้ได้ไหมคะ"
"ทำไม? เขิน กลัว หรือว่าสมเพชตัวเอง"
"...." แล้วเธอก็เงียบไป ผมมองท่าทีของอีกคนที่นิ่งผิดปกติไปจากเดิม
"โกรธฉัน?"
"ลินอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ"
"เดี๋ยว! ฉันอนุญาตหรือยัง"
"คุณนำทัพทานข้าวเถอะค่ะ ลินขอเอาจานไปเก็บก่อน"
"ฉันจะกินก็ต่อเมื่อเธอกลับมานั่งที่เดิม"
"ลินไม่อยากรบกวนคุณ"
"เพราะอะไรถึงคิดว่ารบกวนฉันล่ะมิลิน"
"คุณนำทัพมีงานต้องไปทำต่อไม่ใช่เหรอคะ" ดูเธอจะปีกกล้าขาแข็งกับผมมากขึ้นนะ
"สงสัยช่วงนี้ฉันคงจะใจดีกับเธอไป ดูเธอจะไม่กลัวฉันแล้ว"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ลินแค่..."
"ฉันทำงานเสร็จ หวังว่าเข้าห้องไปจะเจอเธอนอนรออยู่บนเตียงนะ"
"วันนี้ลินขอพักได้ไหมคะ"
"หึหึ" ผมยิ้มให้เธอก่อนจะดันตัวลุกขึ้นแล้วเดินล้วงกระเป๋าขึ้นไปยังชั้นสองทันที
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบนับชั่วโมงได้ มิลินเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังจากที่ออกไปดูแลสวนหลังบ้านกับเหล่าแม่บ้านคนอื่น ๆ เธอเดินเข้ามาก็พบกับคาเรนที่ยืนดื่มน้ำอยู่ในครัว พอมองไปทางบันไดก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานชวนหลงใหล ด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเธอจึงหันไปถามคาเรนที่กำลังดื่มน้ำอยู่
"เขาเป็นใครเหรอคะพี่คาเรน"
"เป็น.."
"ไม่ยักรู้ว่ามีพี่ชาย" ทว่าคาเรนยังไม่ทันได้ตอบ เสียงทุ้มของใครบางคนก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน ก่อนที่ร่างนั้นจะปรากฏตัวมายืนอยู่ด้านหลังเธอ
"คะ คุณนำทัพ"
"ฉันนึกว่าเธอมีแค่พี่สาว ไอ้คาเรนพ่อแม่เดียวกับเธอ?" เขาเลิกคิ้วถามไปอย่างกวนประสาท แม้ใบหน้าของเขาจะนิ่งแต่มันก็เต็มไปด้วยความกวน
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ!" เธอแค่เรียกตามมารยาทเท่านั้น เพราะยังไงคาเรนและไบค์หรือแม้กระทั่งเหล่าแม่บ้านก็อายุเยอะกว่าเธอ จะให้เรียกชื่อเฉย ๆ มันก็คงจะไม่ได้หรือเปล่า อย่างน้อยเราก็ควรจะให้เกียรติคู่สนทนาตัวเองสิ
"ออกไป" คาเรนมองเจ้านายตัวเองก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย ยืนกินน้ำอยู่ดี ๆ มาไล่กันเฉย หลังจากที่คาเรนออกไปแล้วเขาก็กลับมาสบตากับหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
"ฉันสั่งเธอว่ายังไง" เขาจำได้ว่าก่อนไปคุยงาน เขาได้สั่งให้เธอขึ้นไปรออยู่บนห้อง ไหงเธอถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ คิดจะขัดคำสั่งเขางั้นเหรอ เริ่มต่อต้านแล้วสินะ
"ลินไปปลูกต้นไม้มาค่ะ"
"หน้าที่ของเธอคือนอนรอฉันอยู่บนเตียง หรือว่าเธออยากลองกลางสวนงั้นเหรอ ฉันจัดให้ได้นะ มันคงตื่นเต้นน่าดู"
"ลินขอโทษค่ะ ต่อไปไม่จะไม่ทำอีกแล้ว"
"เลิกทำเหมือนกลัวฉันสักทีถ้าคิดจะพยศใส่ฉัน" เขาเริ่มหงุดหงิดที่เธอเอาแต่ขอโทษอยู่นั่นแหละ เอะอะก็ยกมือไหว้ขอโทษ เห็นเขาเป็นพระหรือไงไหว้ทั้งวัน
"ลินไม่ได้พยศ"
"งั้นเหรอ? เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ฉันหงุดหงิดกับเธอไปแล้วกี่รอบ เธอจะรับผิดชอบยังไงดี"
"ลินยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
"แน่ใจว่าไม่ได้ทำ"
"ขอโทษค่ะ" อีกแล้วคำนี้..
"เอาเถอะฉันเหนื่อยจะพูดกับเธอแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยง เธอต้องไปกับฉันด้วย"
"ลินต้องไปด้วยเหรอคะ"
"ถ้าหูไม่หนวกก็ตามนั้น" จะบอกว่าเพื่อนก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก ให้เรียกว่าคู่ค้าก็แล้วกัน เนื่องจากคู่ค้าของเขาจะเปิดผับใหม่นั่นเลยทำให้เขาต้องไปแสดงความยินดี แต่ถ้าจะให้ไปคนเดียวก็กลัวว่าจะมีเด็กบางคนแอบซนเหมือนครั้งก่อน เขาจึงจำเป็นต้องให้เธอติดสอยห้อยตามไปด้วย ช่วงนี้จะปล่อยให้คลาดสายตาไปไม่ได้เด็ดขาด นับวันเธอก็ยิ่งดื้อและต่อต้านเขาขึ้นเรื่อย ๆ
"พี่คาเรนไปด้วยไหมคะ"
"ถามถึงมันทำไม มันจะไปไม่ไปแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ" หรือว่าสองคนนี้.. เขาคิด แล้วมองหน้าเธออย่างตั้งคำถาม
"ลินกลัวไม่มีเพื่อนค่ะ" ที่เธอถามออกไปแบบนั้นก็เพราะว่าคาเรนและไบค์เปรียบเสมือนพี่ชายทั้งสองของเธอ พวกเขาชอบแกล้งหรือแม้กระทั่งชวนคุยในตอนที่หญิงสาวเศร้า เลยกลายเป็นว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่จะมีแค่คาเรนกับไบค์สองคนที่กล้าคุยกับเธอ จะบอกว่ายังไงดีล่ะ ถ้าให้พูดตรง ๆ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้พวกเขาเธอรู้สึกปลอดภัยยังไงไม่รู้
"นอกจากมันจะเป็นพี่ชายแล้วมันยังเป็นเพื่อนกับเธอ ต่อไปก็คงเป็นผัวสินะ"
"ลินไม่อาจคิดไปถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ"
"ใครจะรู้.. แม่เล้าแบบเธออาจจะชอบก็ได้ หึ~"
"....." เธอสะอึกกับคำพูดของเขาไปชั่วขณะ หญิงสาวฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า ต่อให้เธอจะเถียงหรือพูดอะไรกลับไปเธอก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอกนอกจากยิ้มสู้เท่านั้น เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับเขาแล้วตอบแทนเขาด้วยร่างกาย เธอเองก็หวังว่า สักวันจะหลุดไปจากตรงนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับใครเลย..
ปากดีจริง ๆ นะแกอิทัพ ถึงวันเขาทิ้งไปแล้วให้มันดีแบบนี้ตลอดนะ!!
เหตุการณ์ในคืนนั้น"ว้ายตายแล้ว!" เสียงหญิงวัยกลางคนร้องตกใจในตอนที่เห็นคนลอยมาติดอยู่ตรงบริเวณบันไดทางขึ้นจากลำน้ำ เนื่องจากบ้านของเธออยู่ติดถนนในชุมชนริมแม่น้ำ จึงมีบันไดคอยลงไปตักน้ำขึ้นมาใช้กัน เธอเพิ่งตื่นเลยออกมาเดินรับลมตอนกลางคืน แต่ใครจะคิดว่ามันจะทำให้เธอมาเจอกับอะไรบางอย่าง"โจ!" เธอเรียกลูกชายที่อยู่ในบ้านให้ออกมาช่วย ไม่นานคนที่เรียกก็วิ่งหน้าตื่นออกมา"อะไรม๊า" เด็กหนุ่มถามผู้เป็นแม่ทันทีเมื่อมาถึง"ดูนั่นสิ" เธอชี้ให้ลูกชายดู ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นถึงกับตาโต เขารีบลงไปช่วยคนที่ลอยมาติดทันที"ม๊าเธอยังมีชีวิตอยู่" หลังจากช่วยขึ้นมาแล้วเขาก็รีบเช็กชีพจร ก่อนจะพบว่าอีกคนยังไม่หมดลมหายใจไปแต่อย่างใด เนื่องจากลูกชายของเธอกำลังเรียนหมอจึงพอจะรู้อยู่บ้าง โจปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับหญิงสาวที่ตนช่วยมา แม้เธอจะมีลมหายใจอยู่แต่ชีพจรก็ค่อนข้างอ่อนแรงมากต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด บวกกับเธอกำลังตั้งครรภ์เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้"ม๊าจะไปเรียกรถพยาบาล" พูดจบหญิงวัยกลางคนก็รีบวิ่งกลับเข้าบ้านไปด้วยความรวดเร็วเพื่อโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับ ถือว่าเป็นโชคดีของผู้หญิงคนนี้ที่ลอยมาติดแ
หลายปีต่อมา"อันนี้มันของหนูนะ!" เสียงทะเลาะเบาะแว้งจากชั้นล่างดังมาถึงห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ นำทัพถึงกับยกมือนวดขมับตัวเองก่อนจะวางทุกอย่างแล้วออกจากห้องลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวัน เป็นรอบที่สามที่ลูกของเขาทะเลาะกัน ซึ่งไม่รู้ว่าไปสรรหาเรื่องอะไรมาทะเลาะกันได้ทั้งวี่ทั้งวัน นำทัพก้าวลงบันไดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง สายตาของเขามองไปยังกลุ่มเด็กน้อยสามคนที่นั่งเล่นกันอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่เหมือนว่าจะมีอยู่หนึ่งคนที่ดูไม่เอ็นจอยกับเพื่อนเลย นั่นก็คือลูกสาวตัวแสบของเขาเอง"มีอะไรกัน" "ปะป๊าขา~ เฮียไม่ยอมให้หนูออกไปปั่นจักรยาน" สาวน้อยรีบวิ่งเข้ามาฟ้องผู้เป็นพ่อทันที เธออุตส่าห์ตื่นมาแต่เช้าหวังว่าจะไปปั่นจักรยานเล่นในสวน ทว่าเฮียทั้งสองกลับห้าม ทั้งยังยึดจักรยานเธอเอาไว้ด้วย "ทำไมถึงไม่ให้น้องไปล่ะ" เขาถามหาเหตุผลจากพี่ชายทั้งสองที่ดูจะห่วงน้องยิ่งกว่าอะไร โดยเฉพาะเฮียคนโต ธาเธอร์ไม่อยากให้น้องออกจากบ้านไปเล่นที่อื่นแม้ว่าสนามหญ้าจะอยู่ในบ้านตัวเองก็ตาม ถ้าไม่มีเพื่อนเขาก็จะเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวเอง สิ่งที่ธาเธอร์เคยบอกผู้เป็นพ่อเอาไว้ก็คือ.. น้องเป็นผู้หญิง ไม่ชอบสายตาเว
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง นำทัพเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องคลอด มิลินมีอาการปวดท้องตั้งแต่เช้ามืดเขาจึงรีบพาเธอมาโรงพยาบาลโดยด่วน ถามว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมเข้าไปอยู่ในห้องคลอดกับคนรัก เพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ยังไงล่ะแง!!เสียงร้องของเด็กน้อยดังออกมาจากด้านในทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับหันขวับไปมองแล้วเดินไปหยุดที่หน้าห้องทันที เขาไม่ได้พาลูกชายมาด้วยเนื่องจากมันเช้าเกินไปเลยให้พี่เลี้ยงขึ้นไปอยู่ดูแล รอสักเที่ยงค่อยให้เข้มไปรับมาแอดสักพักประตูห้องคลอดก็เปิดออกเผยให้เห็นคุณหมอที่ทำคลอดให้คนรักของเขา ใบหน้าของหมอประดับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามาเฟียหนุ่มที่มีอาการตื่นเต้นดีใจจนปิดไม่มิด"หมอขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ภรรยาและลูกสาวของคุณแข็งแรงปลอดภัยทั้งคู่ค่ะ^^""ลูกสาว?" เขาทวนคำพูดของหมออีกครั้ง เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เมื่อกี้หมอบอกว่าเขาได้ลูกสาวใช่ไหม"ใช่ค่ะ ตัวเล็กเป็นผู้หญิง" คุณหมอบอกเพื่อเป็นการยืนยันว่าที่เขาได้ยินในตอนแรกไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริง เรื่องจริงที่ว่าเขาได้ลูกสาวตามใจหวังแล้วยังไงล่ะ"เยส! ขอบคุณมาก ๆ เลยครับหมอ" ในที่สุดลูกสาวเขาก็มาสักที เขามองเข
ร่างสูงคลานขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับเลื่อนมือไปดึงผ้าห่มออกจากตัว เผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนของคุณแม่ลูกสามที่นอนหลับนิ่งไม่รู้สึกตัว ขนาดเขากำลังจะลักหลับเธอยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก แบบนี้ก็หวานปากเขาน่ะสิ"ชอบให้ลักหลับก็ไม่บอก" เขาจับตัวเธอพลิกให้หงายขึ้นมา ดวงตาคมกริบไล่สายตามองร่างเนียนขาวก่อนจะไปหยุดนิ่งบริเวณเนินสามเหลี่ยม นำทัพเลื่อนตัวลงไปให้ใบหน้าเสมออยู่กับตรงจุดนั้นของเธอ ลิ้นสากเลียริมฝีปากตัวเองอย่างหื่นกระหายแววตาของเสือร้ายที่มันหิวโหยช้อนตามองดูว่าอีกคนรู้สึกตัวหรือเปล่า เมื่อเห็นว่ามิลินยังคงนิ่งไม่กระดิกตัวเขาจึงจัดการเลื่อนมือขึ้นไปจับแพทตี้แล้วรูดลงไปไว้ที่ข้อเท้า"สวย" ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีจนกระทั่งมีลูกสาม ร่างกายของเธอยังคงสวยไม่เปลี่ยน"อื้อ~" เสียงครางเหมือนไม่พอใจดังขึ้นทำให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเงยหน้ามอง ลุ้นว่าเธอจะตื่นมาด่าเขาไหม ทว่า.."ลูกล่ะคะ" นำเสียงงัวเงียกลับถามหาลูกทันทีที่ลืมตาขึ้นมอง นี่เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยใช่ไหม ทำไมถึงร้องเรียกหาแต่ลูกทั้งที่ผัวนอนอยู่ตรงนี้"เฮียพาไปนอนแล้ว" วันนี้เป็นวันของพ่อฉะนั้นลูกควรไปอยู่ห้องของตัวเอง เขาเสียสละ
“คุณนำทัพครับ” เข้มเดินเข้ามาหานำทัพที่กำลังเดินตรวจงานอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองยังลูกน้องใหม่ตัวเอง“มาแล้วเหรอ”“ครับ”“คิดว่าไหวไหม”“สบายครับ” งานที่นี่ไม่ต่างจากที่เคยทำมา มันเลยไม่ยากไปสำหรับเขา แต่ถึงจะยากยังไงเขามันพวกหัวไว อยู่แป๊บ ๆ ก็เข้าใจแล้ว“ขอบใจมากที่มาช่วย” หากไม่ได้เข้มเขาเองก็คงแย่ พอมีอีกคนเข้ามาก็ทำให้เขามีเวลาได้อยู่กับลูกเมียมากขึ้น ถึงอย่างนั้นงานที่บริษัทนำทัพก็ยังคงเข้าไปช่วยเข้มในทุกวัน“ไม่เป็นไรครับ” “นายต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย” เขาพร้อมช่วยหากเข้มขาดเหลืออะไร ขอเพียงแค่อีกคนบอกมา“ผมไม่ต้องการอะไรครับ” เขามีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือบ้านรถ เขาสามารถเลี้ยงครอบครัวได้จนตาย ถึงอย่างนั้นเข้มก็ยังไม่มีคนรัก เขายังโสดสนิท คงเพราะนิสัยไม่ชอบความวุ่นวายบวกกับไม่พร้อมมีแฟนด้วย เข้มเลยไม่ไขว่คว้ากับเรื่องแฟนสักเท่าไหร่ ถึงเวลาจะมีมันก็มีเองนั่นแหละ ไม่เห็นต้องรีบ“ไปทำงานเถอะ” วันนี้เขาแค่แวะมาดูงานเฉย ๆ เนื่องจากพามิลินไปหาหมอมา ไหน ๆ ก็เป็นทางผ่านอยู่แล้วก็แวะมันเลย ระหว่างที่นำทัพกำลังเดินสำรวจอยู่ ก็ได้มีใครบางคนเข้ามาขวางทางเอาไว้ ก่อนที่ใบหน้าเรีย
“ธาเธอร์อย่าทำน้อง” ประโยคที่นำทัพเป็นต้องได้พูดในทุก ๆ วัน“น้องม่ายกิง” เด็กน้อยวัยสามขวบว่าให้น้องชายที่นั่งทำตาแป๋วมองพี่กับพ่อตัวเอง“น้องยังกินไม่ได้”“ด้ายจิ”“เอาอันนี้ให้น้องแทนนะครับ” พร้อมกับยื่นจุกใส่ผลไม้ไปให้ลูกชายคนโต ธาเธอร์มองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบไปแล้วนำใส่ปากน้องชายตัวเอง“กิง!” ทว่าไม่ใส่การนำใส่ปากธรรมดา แต่เป็นการใช้มือง้างปากน้องแล้วยัดจุกนั้นเข้าไป“ธะ เธอร์” นำทัพห้ามลูกไว้ไม่ทัน ดีนะที่เมียเขาไม่อยู่ ไม่อยากนึกภาพเลยถ้าเมียมาเห็น เขาตายแน่ ๆหลังจากที่ลูกชายทั้งสองสงบศึกกันแล้ว (หรือเปล่า) เด็ก ๆ ก็พากันเล่นอยู่คนละมุม แต่ไม่วายที่เจ้าพี่ชายจะแอบเดินเอาค้อนไปตีหัวน้อง ทั้งที่ธาธีร์ควรจะร้องใช่ไหม แต่เปล่าเลย.. น้องชายกลับชอบใจที่พี่ชายทำตัวเอง ผู้เป็นพ่อได้แต่นั่งมองอย่างปลง ๆ เขาไม่อยากยุ่งการเล่นกันของพี่น้อง อีกอย่างธาเธอร์ก็ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น เพราะทุกการเคลื่อนไหวของทั้งสองอยู่ในสายตาเขาหมด ไม่ปล่อยให้ละสายตาแน่นอน ถึงอย่างนั้นก็อาจมีบ้างที่คลาดสายตาไปในบางครั้ง เด็กวัยนี้มันเร็วจริง ๆ นะ เผลอแป๊บเดียวแค่นั้นแหละ วันก่อนธาเธอร์ก็เอาลิปสติ







