ณ ผับหรู
ร่างสูงโปร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนใส่คู่กับกางเกงสแล็คสีดำ เนื่องจากพวกเขาค่อนข้างสนิทกันพอสมควรแต่ไม่ถึงขั้นสนิทมากเหมือนกับครูซ ส่วนใหญ่จะเป็นคุยเรื่องงานกันมากกว่า ในขณะที่เขากำลังก้าวเข้าไปยังด้านในตัวร้าน หางตาก็เหลือบไปมองหญิงสาวข้างกายที่เดินเคียงข้างกันมามีสีหน้าประหม่าเล็กน้อย เหมือนเธอกำลังกลัวอย่างไรอย่างนั้น "เป็นอะไร" "ลินแค่ไม่ชินกับชุดค่ะ" ชุดที่หญิงสาวใส่เป็นชุดราตรียาวสีดำเข้ารูปที่มีดีเทลผ่าข้างเปิดไหล่ ส่วนช่วงแขนเป็นผ้าสีขาวพอง เธอรู้สึกเขินเล็กน้อยเพราะโดยปกติแล้วตัวเธอจะแต่งเป็นชุดที่ปิดมิดชิดหรืออาจจะไม่โชว์ขนาดนี้ ด้วยความที่เธออยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยได้ออกข้างนอกนั่นจึงทำให้ไม่ค่อยได้แต่งตัว พอได้ออกมาทั้งทีมันก็ต้องมีเขินเป็นธรรมดา แล้วชุดนี้ก็เป็นนำทัพที่เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง เขาดูแล้วมองว่ามันเหมาะกับเธออีกทั้งไม่โป๊จนเกินไป รูปลักษณ์ของมิลินเป็นคนที่ค่อนข้างหวานไม่ใช่แนวเซ็กซี่ พอมาแต่งแบบนี้แล้วก็รู้สึกแปลกหูแปลกตาอยู่เหมือนกัน "ไม่ชินก็ต้องทำให้ชิน แล้วไม่ต้องมาคาดหวังว่าฉันจะถอดเสื้อไปคลุมให้ นั่นไม่ใช่ฉัน" เขาไม่ใช่พวกพระเอกในนิยายที่เวลาเห็นนางเอกแต่งตัวโป๊จะต้องรีบถอดเสื้อที่สวมอยู่ไปปิดขากันไม่ให้ใครมอง ไร้สาระสิ้นดี "ลินขอรอบนรถได้ไหมคะ" คนตัวเล็กมองผู้คนที่เดินเพ่นพ่านไปมา เธอก็รู้สึกตื่นกลัวไม่กล้าที่จะเข้าไปข้างในกับคนตัวโตด้านข้าง "ฉันนึกว่าเธอชอบซะอีก สถานที่แบบนี้เธอหาลูกค้าได้สบายเลยนะ" เขาก็ยังเป็นเขาที่ยังคงพูดทำร้ายจิตใจเธอไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไรเขาก็เอาแต่พูดคำนี้กับเธออยู่เสมอ พูดกรอกหูเธอทุกวันจนมันเริ่มกลายเป็นความชินชาไปแล้ว "ถ้าคุณคิดว่าลินเป็นแม่เล้าคุณจะให้ลินมาด้วยทำไมล่ะคะ คุณไม่อายคนหรือไง" ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เธอกล้าที่จะพูดออกไปแบบนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของคนตัวเล็กใบหน้าเรียบนิ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มร้ายขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ย "เก่งดีนี่ ซึมซับความกล้านี้มาจากใครกัน" "ลินแค่ปกป้องตัวเองค่ะ" แม้ลึก ๆ เธอจะกลัวอีกคนอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็อยากปกป้องตัวเองเหมือนกัน "รู้จักปกป้องตัวเองซะด้วย อยู่มาตั้งปีหนึ่งทำไมเพิ่งมาปกป้องเอาตอนนี้ล่ะ" "เราจะเข้าไปกันได้หรือยังคะ" เธอเปลี่ยนบทสนทนา พอรู้ว่ามันจะไม่จบแค่ตรงนี้หากยังขืนพูดต่อ เธออาจจะต้องเสียใจกับคำพูดของเขาไม่หยุดเพราะเขามันพวกพูดไม่รักษาน้ำใจใครอยู่แล้ว จะเป็นเธอเองที่ทนฟังมันไม่ไหว "ถือว่าฉลาดที่เลือกตัดบท" "คุณนำทัพ!" แต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะก้าวเข้าไปยังด้านใน ก็ได้มีใครบางคน เรียกร่างสูงเอาไว้เสียก่อน ทำให้ใบหน้าเรียบนิ่งหันไปมอง "....." คนตัวโตไม่คิดที่จะทักทายกลับไป เพราะมันไม่จำเป็นสำหรับคนตรงหน้านี้ "ว้าว สาวสวยคนนี้ใครกัน ไม่ยักรู้ว่าคุณหันมาคบเด็กแล้ว ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานเอามาก ๆ ดูไม่ใช่สเปคคุณเลยนะครับคุณนำทัพ" อีกคนพยายามพูดยั่วอารมณ์โมโห ทว่านำทัพกลับไม่หลงกล เขาขยับตัวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กพร้อมกับเลื่อนมือขึ้นไปโอบเอวคอดราวกับว่าแสดงความเป็นเจ้าของบอกให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา และไม่ใช่คนที่ใครจะแตะต้องได้ เมื่ออีกฝ่ายเห็นปฏิกิริยาของเขาเป็นต้องกระตุกยิ้มก่อนจะถอยห่างออกไปสองก้าว "ผมไม่ควรยุ่งกับเธอสินะ" รอยยิ้มร้ายที่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย "เข้าใจอะไรง่ายมันก็ดีต่อตัวคุณเอง" "หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ ผมขอตัวก่อน" "เชิญ" ทันทีที่อีกคนหันหลังจากไป คนตัวเล็กก็พยายามแกะมือหนาออกจากเอว "อย่าทำให้ฉันโมโห" เธอคงคิดว่าเขาจะปล่อยสินะ ไม่มีทาง เพราะเขาจะพาเธอเข้าไปทั้งแบบนี้ยังไงล่ะ เมื่อเข้ามาด้านในก็พบกับผู้คนมากมายที่กำลังยืนส่ายสะโพกโยกไปมาตามจังหวะเพลงที่ดีเจเปิด ดวงตาคมกริบขยับมองหาเจ้าของงานที่เป็นคนเชิญเขามา เมื่อเห็นเขาก็พาคนตัวเล็กตรงไปที่อีกคนทันที ระหว่างเดินนำทัพก็คอยจับเธอให้เราห่างจากผู้คนที่เบียดเสียดกันเข้ามา ตึกตึก.. "คุณนำทัพ" เจ้าของงานพบกับร่างสูงก็รีบเข้ามาต้อนรับ นำทัพยิ้มพร้อมกับยื่นของขวัญไปให้เพื่อแสดงความยินดี "ยินดีด้วยนะครับ" "ความจริงมาแค่ตัวก็ได้นะครับของฝากไม่ต้อง ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ เชิญคุณนำทัพด้านนี้เลยครับ" เพราะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ชอบความวุ่นวาย ทั้งยังไม่ค่อยชอบเข้าสังคมแต่เพราะเป็นงานของเขาอีกฝ่ายจึงยอมมา ดังนั้นเขาจึงต้องจัดห้อง VIP แบบส่วนตัวไว้ให้ "เดี๋ยวผมให้พนักงานเข้ามาบริการนะครับ" "ครับ" พูดคุยกันอีกเล็กน้อยเจ้าของงานก็ขอตัวออกไปต้อนรับแขกคนอื่น ๆ เท่ากับว่าตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงนนำทัพและมิลินเท่านั้น ไม่นานพนักงานก็เข้ามาบริการคอยชงเหล้าให้กับเขา มิลินนั่งตัวเกร็งคอยเหลือบมองคนตัวสูงที่นั่งดื่มเงียบ ๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะให้เธอมาด้วยทำไม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขามาแค่คนเดียวก็ได้ ดวงตากลมโตขยับมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นเอง.. ครืน~ ผ้าม่านทึบที่ปิดสนิทถูกเปิดกว้างออกเผยให้เห็นผู้คนด้านล่างที่กำลังสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ คนตัวเล็กตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น พอนั่งอยู่ตรงนี้แล้วมองลงไปมันก็ทำให้เห็นภายในร้านได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันสวยเอามาก ๆ "ไม่เคยเห็นคนเต้นหรือไง" ทว่าน้ำเสียงเรียบนิ่งของคนด้านหลังก็ดึงสติให้เธอหันกลับไปมอง "เปล่าค่ะ" เธอไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ ที่เธอตื่นเต้นก็เพราะว่าทั้งชีวิตเธอไม่เคยได้ใช้มันเลยยังไงล่ะ ตั้งแต่เกิดมาเธอก็ถูกแต่พี่สาวบังคับมาตลอด แม้จะเรียนมหาลัยเธอก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ พอคิดว่าจะหลุดพ้นเธอก็ขอบคุณคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่เปล่าเลย..เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เธอหลุดพ้นจากพี่สาวตัวเองได้กลับต้องมาติดกับให้กับผู้ชายคนนี้ เธอเองก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นไปจากขุมนรกนี้ได้สักที "อยากลงไปไหม" เพราะเขาเห็นสายตาที่เธอมองมันดูตื่นเต้นราวกับว่าอยากไปยืนอยู่ตรงนั้น "ไม่ค่ะ ลินไม่กล้า" "เธอจะกลัวอะไรฉันก็อยู่ตรงนี้" "ลินขอนั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะ" ว่าจบก็ก้มหน้าหลบสายตา "เอาไหม" เขาส่งแก้วเหล้าไปตรงหน้าเธอ หญิงสาวเงยมอง "ลินดื่มไม่ได้ค่ะ" เขาเคยสั่งเธอเอาไว้ไม่ให้ดื่ม เธอจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของเขา อีกอย่างเธอเองก็ไม่ดื่มด้วย "ถ้าจะดื่มก็ดื่ม วันนี้ฉันอนุญาต" ยังไงเธอก็อยู่กับเขาไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว อยากดื่มก็ดื่มไป "...." พอได้รับอนุญาตมันก็ทำให้เธอนึกอยากรับแก้วจากเขาลองดื่มสักครั้งในชีวิต ถ้าเธอเมาแล้วมันจะลืมทุกอย่างได้จริงใช่ไหม แอด เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้สายตาสองคู่ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องหันไปมองด้วยความสนใจ ทว่าคนที่เข้ามาดันเป็นคนเดียวกับที่เจอตอนมา ส่วนชายหนุ่มอีกสองคนข้าง ๆ เขาไม่รู้สึกคุ้นหน้า คนเดิมที่เจอก่อนหน้านั้นเอ่ยทักทายทั้งสองพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้สาวน้อยแสนน่ารักที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน "เจอกันอีกแล้วนะครับคุณนำทัพ" "...." ประโยคทักทายทำให้คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองเล็กน้อย "ผมขอเข้าประเด็นเลยนะครับ นี่ครับผมเอามาด้วย" หนึ่งในสามพูดขึ้นพร้อมกับวางบางอย่างลงตรงหน้ามาเฟียหนุ่มผู้เหี้ยมโหด โฉนดที่ดินและบ้านที่อยู่กลางกรุงเทพเมืองไทย ซึ่งทำเลและบ้านถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว แววตาเรียบนิ่งขยับมองรูปบ้านที่ชายคนนั้นนำมาให้ "ต้องการเท่าไหร่" ก่อนจะเอ่ยถามถึงจำนวนเงินที่ต้องการ การมาแบบนี้มีแค่อย่างเดียวที่คนพวกนี้ต้องการ นั่นคือเงิน.. "10 ล้านครับ" "ได้" เขายอมจ่าย จากที่ดูแล้วโฉนดที่ดินผืนนี้และบ้านหลังนี้ราคาเกิน 10 ล้านอยู่แล้ว รวมทำเลแล้วน่าจะอยู่ที่เกือบ 60 หรือ 70 ล้านเลย แปลกที่มันเลือกเอาแค่นั้นทั้งที่ควรจะเอามากกว่านั้นอีก "พอมองแบบนี้แล้วยิ่งสวยนะครับ" นำทัพขยับสายตาเลื่อนมองไปยังอีกคนที่ดูจะสนใจผู้หญิงข้างกายเขาจนออกหน้าออกตา ก็คงยั่วอารมณ์โมโหเขาไม่หยุด "ดูอยากได้นะ" ผู้ชายด้วยกันมันดูออกอยู่แล้ว "ตอบแบบลูกผู้ชายก็ใช่ครับ" เขาเองก็อยากรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะโหดตามที่คนเขาเล่าลือกันมาหรือเปล่า เขารู้จักนำทัพแค่ในนามเจ้าของกาสิโนเท่านั้น ส่วนมุมอื่น ๆ เขายังไม่เคยเจอ "งั้นเหรอ หึหึ" "ถ้าคุณนำทัพไม่ว่าอะไร คืนนี้ผมขอเธอไปดูแลได้ไหมครับ" ไม่คิดว่าจะมีคน กล้าขอขนาดนี้ ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้ก็นั่งอยู่ข้างเขาแท้ ๆ เอาสิ.. เขาเองก็ชอบเหมือนกัน กล้าขอก็กล้าให้ "ชอบ?" "ครับ!" ชายหนุ่มตอบกลับสีหน้าตื่นเต้นท่าทางดีใจ "เอาสิ ถือว่าแบ่ง ๆ กัน" "จริงเหรอครับ! ขอบคุณมากครับ^^" เขายิ้มก่อนจะขยับมองไปที่คนตัวเล็ก "คะ คุณนำทัพ" มิลินมีสีหน้าตกใจที่เขายอมให้เธอไปกับผู้ชายคนอื่น อาการหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นมา คนตัวเล็กเอื้อมมือไปจับชายเสื้ออีกคนเอาไว้พลางส่งสายตาอ้อนวอนบอกว่าเธอนั้นไม่ต้องการไปกับผู้ชายคนนั้น "ไปสิมิลิน" "ละ ลินไม่ไปได้ไหม ฮึก~" "ฉันจะไม่พูดซ้ำ ออกไป" เขาเอ่ยปากไล่ทุกคนให้ออกไป รวมถึงเธอด้วย.. "ไปกันเถอะคนสวย เราไปหาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีกว่า" "คุณนำทัพ ฮื่ออ" ดูเหมือนว่าคำขอของเธอจะไม่เป็นผลเมื่อเขาสะบัดมือเธอออกอย่างแรง พรึบ! "มาเอาไปสิอยากได้ไม่ใช่เหรอ" พร้อมกับเรียกให้ผู้ชายคนนั้นมาเอาตัวเธอไป "ไปกันเถอะครับ" "ไม่ ลินไม่ไป ไม่!" เธอปฏิเสธเมื่ออีกคนเข้ามาจับที่แขนพร้อมฉุดกระชากให้เธอลุกขึ้นเพื่อไปกับเขา คนตัวเล็กมองใบหน้าเรียบนิ่งของอีกคนผ่านม่านน้ำตา ทำไมเขาถึงไม่ใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาพาเธอมาเพื่อที่จะให้เธอไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอ ปัง! (เสียงปิดประตู) "ว้าว สาวน้อยคนนี้ดูสวยถูกใจพี่มากเลย" เขาเอ่ยเมื่อเข้ามาในห้อง มิลินมองหาทางที่จะพาตัวเองหนีออกไปจากตรงนี้ให้ได้ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ง่ายเลยเพราะทางออกมันมีแค่ทางเดียวนั่นก็คือประตูที่เธอเพิ่งเข้ามา หญิงสาวพยายามถอยห่างเมื่ออีกคนก้าวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ "อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ฮึก! ฉันกลัวแล้ว" ภาพเหตุการณ์ในอดีตวิ่งเข้ามาในหัวทำให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เธอกำลังกลัว.. กลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น "เรามาเล่นอะไรสนุกกันเถอะนะ" ว่าจบก็เอื้อมมือไปดึงเรียวขาสวยเข้าหาตัวอย่างแรง "อย่า กรี๊ดดด" เสียงกรีดร้องของหญิงสาวเล็ดลอดออกไปถึงข้างนอก เพื่อนสองคนที่นั่งรออยู่ถึงกับหันมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย สงสัยเพื่อนเขาจะรุนแรงถึงขนาดที่เสียงร้องดังออกมาถึงด้านนอกเลยทีเดียว อีกด้าน "นายจะปล่อยคุณมิลินไปจริง ๆ เหรอครับ" คาเรนถามผู้เป็นนายที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากที่มิลินและสามคนนั้นออกไปเขาก็ไม่สนใจอะไรอีกเลยนอกจากแก้วเหล้าในมือ "แล้วมึงคิดว่ายังไง?" เขาเลิกคิ้วมองหน้าลูกน้องตัวเอง คาเรนยิ้มทันทีเมื่อเจ้านายวางแก้วลงบนโต๊ะพร้อมกับดันตัวลุกขึ้น ก่อนจะก้าวออกจากห้องไป ตึก ตึก "คุณนำทัพ?" สองคนที่นั่งอยู่หน้าห้องมองมาเฟียใหญ่ด้วยความสงสัย เขามาทำไม? "ตกใจอะไรกัน กูแค่มาเดินเล่น" "ผมก็นึกว่าคุณนำทัพมีอะไร พอดีเพื่อนผมกำลังสนุกกับสาวน้อยอยู่เลยครับ" เมื่อรู้ว่าอีกคนมาทำไมพวกเขาก็โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย "ทำไมพวกมึงไม่เข้าไปสนุกด้วยล่ะ" นึกว่าจะเข้าไปทั้งสามคนเสียอีก "ผมไม่ครับ" คนแรกส่ายหน้าตอบ "ผมเองก็ไม่ครับเธอไม่ใช่สเปค" ทั้งสองต่างก็ปฏิเสธที่จะไม่เข้าไปร่วมกับเพื่อนตัวเอง เพราะหญิงสาวไม่ใช่สเปคที่พวกเขาต้องการ "ก็ดี" พูดจบปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังก็ถูกดึงออกมา พร้อมกับร่างสูงที่ไปหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนที่เขาจะ.. ปัง โครมม!! เท้าหนักถีบประตูเข้าไปอย่างแรง ทำให้บานประตูพังเผยให้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ในห้อง ภาพที่เขาเห็นก็คือมิลินนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นพรม เสื้อของเธอถูกดึงลงเผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่เขาสัมผัสมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนที่เขาจะขยับสายตาไปมองมันที่กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว "เหี้xใครวะ!!" ด้วยความหงุดหงิดที่ยังไม่ได้ทำอะไรทำให้เขาเผลอตวาดพร้อมกับตวัดสายตามองไปยังคนมาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ถึงกับเงียบพูดไม่ออกเลยทีเดียว "ต่อสิ" เขาบอกมันให้ลงมือจัดการกับคนตัวเล็กต่อ "คุณนำทัพนี่เอง คุณคงชอบดูอะไรแบบนี้สินะ" เขาก็นึกว่ามีอะไร ที่แท้ก็อยากมาดูหนังสดนี่เอง ในเมื่ออยากดูเขาก็จะแสดงให้เห็นเต็ม ๆ สองตา ใบหน้าเจ้าเล่ห์เลื่อนไปสูดดมซอกคอขาว ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนลงมาที่หน้าอกใหญ่ มือข้างที่ว่างเตรียมจะเลื่อนขึ้นไปจับหน้าอกอีกข้าง แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสเขาก็ต้องชะงักไปกับน้ำเสียงเหี้ยมโหดของอีกคน "รีบทำก่อนที่มึงจะไม่ได้ทำ" "ว่าไงนะครับ" เขาไม่เข้าใจ "...." เงียบ "งั้นผมคงไม่เล้าโลมแล้วขอจัดเลยแล้วกัน" ใช่ลงดันตัวลุกขึ้นเตรียมจะถอดกางเกง ทันใดนั้นเอง.. ปัง! ลูกกระสุนปืนพุ่งไปฝังบนหัวอีกคนทำให้ร่างนั้นล้มตึงนอนไปกับพื้นข้างหญิงสาว เพื่อนสองคนที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงปืนก็รีบเข้ามาดูด้วยความตกใจ "ช้า" เขาให้โอกาสทำแล้วแต่มันเสือกช้าเอง ช่วยไม่ได้ "ไอ้เวฟ!!" "ลากมันออกไป" ต่อให้ตรงนี้ไม่ใช่พื้นที่ของเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งแน่นอน ต่อให้คนนั้นจะเป็นถึงเจ้าของก็ตาม ร่างสูงเก็บปืนไว้ที่เดิมก่อนจะตรงไปที่คนตัวเล็ก เขาช้อนตัวเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาวแล้วพาเดินออกจากห้องไปในทันที เพื่อกลับบ้านตัวเอง“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่