LOGINฟุบ~
ร่างบางถูกวางลงบนเตียงด้วยความเบามือ ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองยังคนบนเตียงแววตานิ่งยากจะคาดเดา เขาเอาแต่ยืนมองเธออยู่แบบนั้น นำทัพถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้ ทว่า... “เจ็บ~” น้ำเสียงแผ่วเล็ดลอดออกมาจากลำคอของคนที่กำลังหลับใหล เธอละเมองั้นเหรอ? “….” เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแต่กลับมีเสียงพูดแทรกออกมา จะบอกว่าแกล้งคงเป็นไปไม่ได้ ผมนอนกับเธอทุกคืนรู้ว่าเวลาหลับมิลินเป็นยังไง “มะ ไม่ทำ ลินกลัวแล้ว~ อย่าทำลินเลยนะ ฮึก!” ละเมอจริงด้วย เธอกลัวอะไร กลัวเขางั้นเหรอ “….” “ลินเจ็บ ลินยอมแล้ว..” ดวงตาคมยังคงจอจ้องไปที่หญิงสาว “….” “อยากไปหาแม่” ทว่าประโยคถัดมาของเธอทำเขาชะงักไปเล็กน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “น่าสมเพช” จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป คงคิดว่าเขาจะไปปลอบใจแล้วกล่อมให้นอนหลับต่อสินะ ฝันไปเถอะ เขาคงไม่เสียเวลากับผู้หญิงอย่างเธอหรอก “พรุ่งนี้นายจะเข้าคาสิโนไหมครับ” ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ไบค์ “ทำไม” ไม่มีงานอะไรมันจะให้ผมเข้าไปทำไม “มีพวกไม่ยอมใช้หนี้หลายคนเลยครับ” ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็พวกชอบชิ่งหนีหนี้สินะ มันอยากหนีให้มันหนีไป แต่ถ้าจับได้เมื่อไหร่คงจะรู้ว่าจุดจบพวกมันจะเป็นยังไง “เล่นกับพวกมันหน่อย” สงสัยต้องการเพื่อนเล่น “เป็นหรือตาย” “หึหึ” อย่างมากก็แค่เลี้ยงไม่โต “รับทราบครับ” “....” “แล้วเรื่องคุณมิลินล่ะครับ” ผมที่กำลังจะยกเหล้าเป็นต้องชะงักมือเมื่อมันถามถึงคนที่ผมเพิ่งพาขึ้นไปนอนบนห้อง “มิลินทำไม” ขยับสายตาไปที่มันอย่างช้า ๆ “ผมอยากให้นายเบามือกับเธอหน่อย ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ผมสงสารเธอ” สงสาร.. หึ~ “ที่พูดมา..ต้องการให้กูเบามือหรือเพราะมึงรักเธอกันแน่” “ผมเห็นคุณมิลินเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น” “ก็ดี มึงคงรู้ใช่ไหมว่ากูไม่ชอบพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคา ถ้ามันไม่รู้จักที่ตัวเองกูก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้ เข้าใจที่กูพูดใช่ไหม?” “เข้าใจครับ” “ไสหัวไปได้แล้ว” “ครับ” ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น ถ้าจะสงสารเธอสงสารเหยื่อไม่ดีกว่าเหรอ เธอจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่เขาตกเป็นเหยื่อต้องทุกข์ทรมานใจแค่ไหน ต่อให้สิ่งที่เธอเคยทำไม่ได้มาจากความเต็มใจก็ตาม สุดท้ายแล้วมิลินก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหลอกลวงอยู่ดี วันต่อมา ร่างบางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ดวงตาสองข้างค่อย ๆ ลืมขึ้นมอง ทันทีที่ดวงตาเปิดสนิทใบหน้าสวยก็ขยับมองไปยังที่ข้าง ๆ ตัวเองก่อนจะพบกับความว่างเปล่า เขาไปไหนกัน แล้วเหตุการณ์เมื่อคืนก็ฉายเข้ามาในหัวเธอ อยู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอต้องกลายเป็นคนหวาดระแวงไปโดยปริยาย เขาจะรู้ไหมว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เธอไม่อยากเจอหน้าเขาที่สุด อยากหนีไปจากตรงนี้ หนีไปจากปีศาจที่ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะอะไรเธอถึงหลุดพ้นไปจากตรงนี้ไม่ได้สักที เธออยากตะโกนออกไปดัง ๆ กับเรื่องราวในอดีตว่าเธอไม่ได้อยากทำมันเลยสักนิด เธอมีทางเลือกด้วยเหรอ หากไม่ทำคนที่ถูกขายก็จะเป็นเธอเอง ไม่ใช่ว่าไม่เคยปฏิเสธ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับคืนมาก็คือความรุนแรง เธอถูกพี่สาวตบตีรวมถึงถูกขังไม่ให้กินอะไร เคยคิดจบชีวิตตัวเองมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากมีลมหายใจอยู่อีกต่อไปแล้ว แกร๊ก! เสียงประตูดึงสติคนตัวเล็กให้รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า หญิงสาวลุกนั่งพร้อมกับเลื่อนสายตามองไปยังคนที่เปิดประตูเข้ามา คุณนำทัพ “นึกว่าจะนอนถึงพรุ่งนี้” คำขอโทษสักคำยังไม่มีหลุดออกจากปากเขาเลยสักครั้ง สิ่งที่เขาทำเมื่อคืนมันยังฝังอยู่ในหัว ทำไมเธอถึงรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้นัก “ลินขอโทษค่ะ” นอกจากคำว่าขอโทษก็ไม่มีคำอื่นที่เธอจะพูดกับเขาได้แล้ว ในเมื่อตอนนี้เธอหนีไม่ได้ก็ต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น แต่เธอก็เชื่อว่าสักวันเธอจะทำมันได้อย่างแน่นอน “เมื่อคืนสนุกไหม” ถามพลางเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาปลายเตียง “คุณใจร้ายลินมากเลยรู้ไหม” เขายังมีความเป็นคนอยู่ไหม ทั้งที่รู้ว่าเธอกลัวแต่เขาก็เลือกที่จะทำมัน เขาไม่แม้แต่จะสนใจเสียงร้องของเธอเลยต่างหาก “ทำไมถึงบอกว่าฉันใจร้ายล่ะ” “ให้เขาพาลินไปทำไม ฮึก!” “แค่เธอพูด..” “มะ ไม่หรอก ต่อให้ฉันพูดหรืออ้อนวอนคุณก็ไม่คิดที่จะสนใจมันอยู่แล้ว ต่อให้ฉันตะโกนเสียงดังแค่ไหนคุณก็ไม่เคยได้ยินเสียงร้องของฉันเลยสักครั้ง ฮึก~” “....” “เมื่อไหร่คุณจะปล่อยลินไปสักที ฮื่ออ” “อะไรกัน อยากไปจากฉันแล้วเหรอ” “จะทรมานลินไปถึงเมื่อไหร่” “อยู่กับฉันไม่มีความสุขเหรอมิลิน ฉันดูแลเธอดีไม่พอสินะ” “ลินอยากเรียน ฮึก~ อยากมีเพื่อน อยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นเขาบ้าง” วินาทีที่ครูซบอกว่าจะส่งเธอมาเรียนต่างประเทศ ตอนนั้นเธอดีใจมาก เธอขอบคุณเขาทั้งน้ำตา มันเหมือนว่าเธอกำลังจะได้พบกับโลกใบใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมีใครมอบให้ แต่แล้วทุกอย่างมันก็ต้องพังทลายลงไปจนหมดสิ้น มิลินต้องออกจากโรงเรียนกลางคันอีกครั้งเพราะคำนินทาและถูกกลั่นแกล้งจากคนทั้งโรงเรียน นั่นจึงทำให้เธอไม่สามารถไปสู้หน้าใครได้อีก สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องมาอยู่เป็นนางบำเรอให้กับเขาอยู่แบบนี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้เลย เธอต้องเจ็บปวดกับมันอีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่ทุกคนถึงจะเห็นใจเธอสักที สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือคำพูดเหล่านั้น เธอถูกคนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหลอกลวง รวมถึงฆ่าพี่สาวตัวเองทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เลย ทุกคนเอาแต่โทษเธอทั้งที่ไม่มีใครรู้ความจริง “ฉันก็ให้เธอเรียนแล้วนี่มิลิน” เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่หยุดเรียนไปดื้อ ๆ เขาเองก็ไม่เคยถามสาเหตุว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ไปเรียน ทั้งยังไม่ได้สั่งลูกน้องไปสืบดูด้วย ตอนนั้นคิดว่าแค่ว่ามันไม่ได้สำคัญกับชีวิตตัวเอง ทำไมเราต้องไปเสียเวลากับผู้หญิงที่เอาแต่เรียกร้องความสนใจจากคนรอบตัว “ใช่ คุณให้ฉันเรียน แต่คุณรู้อะไรไหม..ตลอดเส้นทางนั้นฉันต้องเจออะไรบ้างในแต่ละวัน..ฮึก! ฉันถูกเพื่อนแกล้ง ถูกเอาไปนินทา ถูกขังในห้องน้ำทั้งวันข้าวก็ไม่ได้กิน ถูกเอาของไปซ่อน คุณเคยรับรู้บ้างไหม กลับบ้านมาคำปลอบใจฉันยังไม่เคยได้รับเลย สิ่งที่ได้มีเพียงการกระทำอันแสนโหดร้ายจากคุณ จะทรมานฉันไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมคุณไม่ฆ่าฉันไปเลยล่ะ” ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ และนี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเผยความในใจออกมาจนหมด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเรื่องที่เธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง หากเขารู้คงจะจัดการไปตั้งแต่วันนั้น เขาไม่เคยรู้เลย.. “….” นำทัพเอาแต่นิ่งเงียบแล้วมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกคนอย่างไร้ความรู้สึก “อย่าใจร้ายกับฉันนักเลย..ฮึก~” “....” นำทัพยังคงเงียบ หญิงสาวร้องไห้อยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “คุณรู้ไหมว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เพื่อนคุณยอมส่งฉันมาอยู่ในที่ไกลแสนไกลคนพวกนั้น ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าฉันกำลังจะหลุดพ้นจากทุกอย่าง หลุดพ้นจากพี่สาวที่ใจร้ายกับฉันมาก ๆ แต่สุดท้ายฉันต้องมาเจอคุณ คนที่ทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ต่างกับพี่สาวฉันเลย พวกคุณเห็นฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่คนใช่ไหม ฉันมันไม่มีความรู้สึกเลยใช่ไหมถึงได้ใจร้ายกับฉันขนาดนี้ ได้โปรดเถอะนะ อย่าทำให้ฉันเจ็บปวดไปมากกว่านี้เลย..” “เธออยากกลับไปเรียนไหม” เขาตัดสินใจถามไปตามตรง หากเธออยากเรียนเขาจะให้กลับไปเรียนอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่เธอได้รับจากเพื่อนในโรงเรียนเขาจะเป็นคนจัดการเอง “จะให้ฉันกลับไปสู้หน้ากับใคร คุณคิดว่าคนพวกนั้นเขายังอยากคบฉันอยู่เหรอ” “เธอจะกลัวอะไร” เขาอยู่ตรงนี้เธอจะกลัวอะไร “คุณไม่เป็นฉันคุณไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง” ทุกคำพูดของคนเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวของเธอ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะลืมมันไปได้สักที “….” แล้วเขาก็เงียบไปอีกครั้ง ภายในห้องมีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของคนตัวเล็กโดยมีนำทัพนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองเงียบ ๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาเอาแต่นั่งเฝ้าหญิงสาวร้องไห้ กระทั่งเธอหลับไปในที่สุดเขาจึงตัดสินใจออกจากห้องไปทันที ช่วงบ่าย “มิลินหายไปไหน” ร่างสูงเอ่ยถามลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เขาไปดูในห้องก็ไม่พบเธอ ห้องน้ำก็ไม่มี สวนหลังบ้านก็ไม่อยู่ซึ่งไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน “ไปซื้อของครับ” ลูกน้องตอบกลับเจ้านายเสียงดังฟังชัด “กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่” ทำไมเขาถึงไม่รู้ ปกติแล้วเธอต้องรายงานเขาสิว่าจะไปไหนกับใคร “เอ่อ..” ทว่าคำถามของเจ้านายทำลูกน้องถึงกับเงียบไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องตอบข้อไหนก่อน ก็เจ้านายเล่นรัวคำถามมาขนาดนี้ใครมันจะไปตอบทัน “ตอบกูมา” “เฮียไบค์ครับ” ไบค์และคาเรนเป็นหัวหน้าลูกน้อง ทุกคนจึงเรียกทั้งสองว่าเฮีย “ใครอนุญาตให้มันพามิลินไป” “ไม่ทราบครับ” “....” มาเฟียหนุ่มขบกรามแน่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดอยู่ภายในใจ ไม่จำเป็นต้องขอเขาที่เป็นเจ้านายแล้วสินะเวลาจะไปไหนมาไหนกัน ปัง! (ปิดประตูรถ) “ฉันคงใจดีเกินไป” เขาพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะขับออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็วโดยไม่มีลูกน้องตามประกบเหมือนอยากทุกครั้ง ณ ห้างสรรพสินค้า ตึก ตึก “พี่ไบค์ ลินขอดูของใช้ตรงนี้นะคะ” คนตัวเล็กหันไปบอกชายหนุ่มที่เป็นคนพามาเดินห้างในครั้งนี้ เนื่องจากของใช้ส่วนตัวของเธอและนำทัพหมดจึงจำเป็นต้องออกมาซื้อด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นคำสั่งเด็ดขาดของนำทัพที่ให้เธอเป็นคนจัดการในส่วนนี้ ของที่เขาใช้ทุกอย่างต้องเป็นมิลินเท่านั้นที่ดูแล “ได้สิ งั้นพี่ไปรอที่ร้านกาแฟนะ” คนตัวเล็กมองตามมือบอดี้การ์ดหนุ่มไปก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ “ได้ค่ะ” “เอาของมา” ไบค์รับของจากมือคนตัวเล็กไปถือก่อนที่เขาจะเดินไปรอยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล ไม่อยากให้เธอรู้สึกกดดันหากมีเขาเดินตามอยู่ตลอดเวลา จึงแยกตัวออกมานั่งรอดีกว่า “อยู่ไหนนะ” ด้านมิลินยังคงเดินหาของที่ตัวเองต้องการ เธอเดินวนไปวนมาอยู่สามรอบก็ยังไม่เจอ เมื่อคิดได้ว่าควรไปถามพนักงานเธอจึงหมุนตัวเพื่อจะเดินไปหาพนักงานทว่า.. หางตากลับเหลือบไปเห็นของที่ต้องการพอดี แต่มันดันอยู่สูงเกินไป หญิงสาวมองซ้ายมองขวาว่ามีที่ให้ปีนขึ้นไปหยิบไหม “ทำไงดี” ซึ่งในขณะนั้นเอง.. “จะเอาของเหรอครับ” เสียงทุ้มอบอุ่นของใครบางคนดังอยู่เหนือศีรษะทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองด้วยความตกใจก่อนที่เธอจะถอยห่างอัตโนมัติ “ชะ ใช่ค่ะ” เหมือนอาการแพนิคจะกำเริบ เธอกลัวทุกครั้งที่คนแปลกหน้าเข้าหาแบบนี้ อาการของเธอแสดงออกชัดเจนว่ากำลังตื่นกลัวคนตัวโตตรงหน้า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เม็ดเหงื่อตามกรอบหน้าสวยทำอีกคนสงสัยอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ในห้างแอร์เย็นขนาดนี้ทว่าอีกคนดันมีเหงื่อ มันดูไม่ปกติเอาเสียเลย “ฉะ..ฉัน อึก~” ร่างบางทรุดตัวนั่งหอบหายใจอย่างยากลำบาก “คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ หายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วมองหน้าผม” เขาสังเกตว่าอาการของเธอมันดูแย่กว่าเดิม “ฉะ ฉันกลัว” “ไม่เป็นอะไรครับ มองหน้าผมนะ” เขาส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน พยายามชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาว เมื่อเห็นว่าอาการอีกคนดีขึ้นแล้วเขาจึงลุกขึ้นไปหยิบของที่เธอต้องการมาให้ “ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณคนเขาที่ช่วยเธอเอาไว้ “คุณเป็นแพนิคสินะ” เขารู้ได้ยังไงกัน “คะ คุณรู้เหรอคะ” “ผมเป็นหมอครับ” ใช่.. ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เป็นหมอ อาการแค่นี้มองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นอะไร แต่เท่าที่สังเกตเขาคิดว่าเธอควรรีบรักษามันก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ จากที่ดูก็ไม่น้อยนะ เธอดูหวาดระแวงและตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา ขืนยังปล่อยไว้คนที่แย่จะเป็นตัวเธอเองนั่นแหละ “ฉันไม่มีเงินรักษา” เธอก้มหน้าตอบเสียงเศร้า มือถือเธอยังไม่มีใช้เลย นำทัพยึดมันไปตั้งแต่วันนั้น เรื่องเงินคงไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะเอามาจากที่ไหน ให้ขอเขาก็คงจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน “หืม? งั้นเอาแบบนี้ไหมครับ” “...” เงยหน้าสบตาหมอหนุ่ม “วันเสาร์นี้คุณว่างไหม” เพราะมันตรงกับวันหยุดเขาพอดี เขาจะช่วยเธอเองหากเธออยากหายไปจากอาการนี้จริง ๆ เขาอยากช่วยเธอโดยไม่คิดค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ไม่รู้สิ.. มันแค่อยากช่วยเท่านั้น “เสาร์นี้เหรอคะ” เธอคงออกจากบ้านไม่ได้แน่นอน “ติดอะไรหรือเปล่าครับ” “ละ ลินคงไปไม่ได้หรอกค่ะ” “ทำไมล่ะครับ งั้นเอาเบอร์คุณมาเดี๋ยวถึงวันนั้นผมจะติดต่อคุณไปเอง” ว่าพร้อมกับส่งมือถือไปให้คนตัวเล็ก “ลินไม่มีมือถือ” “ฮะ?” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ เธอไม่ได้เล่นตลกกับเขาใช่ไหมเนี่ย “ละ ลินขอตัวค่ะ!” คนตัวเล็กลุกพรวดพราดขึ้นด้วยความรวดเร็วเพื่อจะพาตัวเองหนีไปจากตรงนี้ ทว่า.. หมับ! “เดี๋ยวครับ” ชายหนุ่มจับเข้าที่แขนเล็กพร้อมกับออกแรงดึงหญิงสาวไม่ให้วิ่งหนีไปได้ “...” “ผมไมลส์ครับ” “ส่วนกูนำทัพ”เหตุการณ์ในคืนนั้น"ว้ายตายแล้ว!" เสียงหญิงวัยกลางคนร้องตกใจในตอนที่เห็นคนลอยมาติดอยู่ตรงบริเวณบันไดทางขึ้นจากลำน้ำ เนื่องจากบ้านของเธออยู่ติดถนนในชุมชนริมแม่น้ำ จึงมีบันไดคอยลงไปตักน้ำขึ้นมาใช้กัน เธอเพิ่งตื่นเลยออกมาเดินรับลมตอนกลางคืน แต่ใครจะคิดว่ามันจะทำให้เธอมาเจอกับอะไรบางอย่าง"โจ!" เธอเรียกลูกชายที่อยู่ในบ้านให้ออกมาช่วย ไม่นานคนที่เรียกก็วิ่งหน้าตื่นออกมา"อะไรม๊า" เด็กหนุ่มถามผู้เป็นแม่ทันทีเมื่อมาถึง"ดูนั่นสิ" เธอชี้ให้ลูกชายดู ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นถึงกับตาโต เขารีบลงไปช่วยคนที่ลอยมาติดทันที"ม๊าเธอยังมีชีวิตอยู่" หลังจากช่วยขึ้นมาแล้วเขาก็รีบเช็กชีพจร ก่อนจะพบว่าอีกคนยังไม่หมดลมหายใจไปแต่อย่างใด เนื่องจากลูกชายของเธอกำลังเรียนหมอจึงพอจะรู้อยู่บ้าง โจปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับหญิงสาวที่ตนช่วยมา แม้เธอจะมีลมหายใจอยู่แต่ชีพจรก็ค่อนข้างอ่อนแรงมากต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด บวกกับเธอกำลังตั้งครรภ์เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้"ม๊าจะไปเรียกรถพยาบาล" พูดจบหญิงวัยกลางคนก็รีบวิ่งกลับเข้าบ้านไปด้วยความรวดเร็วเพื่อโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับ ถือว่าเป็นโชคดีของผู้หญิงคนนี้ที่ลอยมาติดแ
หลายปีต่อมา"อันนี้มันของหนูนะ!" เสียงทะเลาะเบาะแว้งจากชั้นล่างดังมาถึงห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ นำทัพถึงกับยกมือนวดขมับตัวเองก่อนจะวางทุกอย่างแล้วออกจากห้องลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวัน เป็นรอบที่สามที่ลูกของเขาทะเลาะกัน ซึ่งไม่รู้ว่าไปสรรหาเรื่องอะไรมาทะเลาะกันได้ทั้งวี่ทั้งวัน นำทัพก้าวลงบันไดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง สายตาของเขามองไปยังกลุ่มเด็กน้อยสามคนที่นั่งเล่นกันอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่เหมือนว่าจะมีอยู่หนึ่งคนที่ดูไม่เอ็นจอยกับเพื่อนเลย นั่นก็คือลูกสาวตัวแสบของเขาเอง"มีอะไรกัน" "ปะป๊าขา~ เฮียไม่ยอมให้หนูออกไปปั่นจักรยาน" สาวน้อยรีบวิ่งเข้ามาฟ้องผู้เป็นพ่อทันที เธออุตส่าห์ตื่นมาแต่เช้าหวังว่าจะไปปั่นจักรยานเล่นในสวน ทว่าเฮียทั้งสองกลับห้าม ทั้งยังยึดจักรยานเธอเอาไว้ด้วย "ทำไมถึงไม่ให้น้องไปล่ะ" เขาถามหาเหตุผลจากพี่ชายทั้งสองที่ดูจะห่วงน้องยิ่งกว่าอะไร โดยเฉพาะเฮียคนโต ธาเธอร์ไม่อยากให้น้องออกจากบ้านไปเล่นที่อื่นแม้ว่าสนามหญ้าจะอยู่ในบ้านตัวเองก็ตาม ถ้าไม่มีเพื่อนเขาก็จะเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวเอง สิ่งที่ธาเธอร์เคยบอกผู้เป็นพ่อเอาไว้ก็คือ.. น้องเป็นผู้หญิง ไม่ชอบสายตาเว
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง นำทัพเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องคลอด มิลินมีอาการปวดท้องตั้งแต่เช้ามืดเขาจึงรีบพาเธอมาโรงพยาบาลโดยด่วน ถามว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมเข้าไปอยู่ในห้องคลอดกับคนรัก เพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ยังไงล่ะแง!!เสียงร้องของเด็กน้อยดังออกมาจากด้านในทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับหันขวับไปมองแล้วเดินไปหยุดที่หน้าห้องทันที เขาไม่ได้พาลูกชายมาด้วยเนื่องจากมันเช้าเกินไปเลยให้พี่เลี้ยงขึ้นไปอยู่ดูแล รอสักเที่ยงค่อยให้เข้มไปรับมาแอดสักพักประตูห้องคลอดก็เปิดออกเผยให้เห็นคุณหมอที่ทำคลอดให้คนรักของเขา ใบหน้าของหมอประดับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามาเฟียหนุ่มที่มีอาการตื่นเต้นดีใจจนปิดไม่มิด"หมอขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ภรรยาและลูกสาวของคุณแข็งแรงปลอดภัยทั้งคู่ค่ะ^^""ลูกสาว?" เขาทวนคำพูดของหมออีกครั้ง เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เมื่อกี้หมอบอกว่าเขาได้ลูกสาวใช่ไหม"ใช่ค่ะ ตัวเล็กเป็นผู้หญิง" คุณหมอบอกเพื่อเป็นการยืนยันว่าที่เขาได้ยินในตอนแรกไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริง เรื่องจริงที่ว่าเขาได้ลูกสาวตามใจหวังแล้วยังไงล่ะ"เยส! ขอบคุณมาก ๆ เลยครับหมอ" ในที่สุดลูกสาวเขาก็มาสักที เขามองเข
ร่างสูงคลานขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับเลื่อนมือไปดึงผ้าห่มออกจากตัว เผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนของคุณแม่ลูกสามที่นอนหลับนิ่งไม่รู้สึกตัว ขนาดเขากำลังจะลักหลับเธอยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก แบบนี้ก็หวานปากเขาน่ะสิ"ชอบให้ลักหลับก็ไม่บอก" เขาจับตัวเธอพลิกให้หงายขึ้นมา ดวงตาคมกริบไล่สายตามองร่างเนียนขาวก่อนจะไปหยุดนิ่งบริเวณเนินสามเหลี่ยม นำทัพเลื่อนตัวลงไปให้ใบหน้าเสมออยู่กับตรงจุดนั้นของเธอ ลิ้นสากเลียริมฝีปากตัวเองอย่างหื่นกระหายแววตาของเสือร้ายที่มันหิวโหยช้อนตามองดูว่าอีกคนรู้สึกตัวหรือเปล่า เมื่อเห็นว่ามิลินยังคงนิ่งไม่กระดิกตัวเขาจึงจัดการเลื่อนมือขึ้นไปจับแพทตี้แล้วรูดลงไปไว้ที่ข้อเท้า"สวย" ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีจนกระทั่งมีลูกสาม ร่างกายของเธอยังคงสวยไม่เปลี่ยน"อื้อ~" เสียงครางเหมือนไม่พอใจดังขึ้นทำให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเงยหน้ามอง ลุ้นว่าเธอจะตื่นมาด่าเขาไหม ทว่า.."ลูกล่ะคะ" นำเสียงงัวเงียกลับถามหาลูกทันทีที่ลืมตาขึ้นมอง นี่เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยใช่ไหม ทำไมถึงร้องเรียกหาแต่ลูกทั้งที่ผัวนอนอยู่ตรงนี้"เฮียพาไปนอนแล้ว" วันนี้เป็นวันของพ่อฉะนั้นลูกควรไปอยู่ห้องของตัวเอง เขาเสียสละ
“คุณนำทัพครับ” เข้มเดินเข้ามาหานำทัพที่กำลังเดินตรวจงานอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองยังลูกน้องใหม่ตัวเอง“มาแล้วเหรอ”“ครับ”“คิดว่าไหวไหม”“สบายครับ” งานที่นี่ไม่ต่างจากที่เคยทำมา มันเลยไม่ยากไปสำหรับเขา แต่ถึงจะยากยังไงเขามันพวกหัวไว อยู่แป๊บ ๆ ก็เข้าใจแล้ว“ขอบใจมากที่มาช่วย” หากไม่ได้เข้มเขาเองก็คงแย่ พอมีอีกคนเข้ามาก็ทำให้เขามีเวลาได้อยู่กับลูกเมียมากขึ้น ถึงอย่างนั้นงานที่บริษัทนำทัพก็ยังคงเข้าไปช่วยเข้มในทุกวัน“ไม่เป็นไรครับ” “นายต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย” เขาพร้อมช่วยหากเข้มขาดเหลืออะไร ขอเพียงแค่อีกคนบอกมา“ผมไม่ต้องการอะไรครับ” เขามีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือบ้านรถ เขาสามารถเลี้ยงครอบครัวได้จนตาย ถึงอย่างนั้นเข้มก็ยังไม่มีคนรัก เขายังโสดสนิท คงเพราะนิสัยไม่ชอบความวุ่นวายบวกกับไม่พร้อมมีแฟนด้วย เข้มเลยไม่ไขว่คว้ากับเรื่องแฟนสักเท่าไหร่ ถึงเวลาจะมีมันก็มีเองนั่นแหละ ไม่เห็นต้องรีบ“ไปทำงานเถอะ” วันนี้เขาแค่แวะมาดูงานเฉย ๆ เนื่องจากพามิลินไปหาหมอมา ไหน ๆ ก็เป็นทางผ่านอยู่แล้วก็แวะมันเลย ระหว่างที่นำทัพกำลังเดินสำรวจอยู่ ก็ได้มีใครบางคนเข้ามาขวางทางเอาไว้ ก่อนที่ใบหน้าเรีย
“ธาเธอร์อย่าทำน้อง” ประโยคที่นำทัพเป็นต้องได้พูดในทุก ๆ วัน“น้องม่ายกิง” เด็กน้อยวัยสามขวบว่าให้น้องชายที่นั่งทำตาแป๋วมองพี่กับพ่อตัวเอง“น้องยังกินไม่ได้”“ด้ายจิ”“เอาอันนี้ให้น้องแทนนะครับ” พร้อมกับยื่นจุกใส่ผลไม้ไปให้ลูกชายคนโต ธาเธอร์มองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบไปแล้วนำใส่ปากน้องชายตัวเอง“กิง!” ทว่าไม่ใส่การนำใส่ปากธรรมดา แต่เป็นการใช้มือง้างปากน้องแล้วยัดจุกนั้นเข้าไป“ธะ เธอร์” นำทัพห้ามลูกไว้ไม่ทัน ดีนะที่เมียเขาไม่อยู่ ไม่อยากนึกภาพเลยถ้าเมียมาเห็น เขาตายแน่ ๆหลังจากที่ลูกชายทั้งสองสงบศึกกันแล้ว (หรือเปล่า) เด็ก ๆ ก็พากันเล่นอยู่คนละมุม แต่ไม่วายที่เจ้าพี่ชายจะแอบเดินเอาค้อนไปตีหัวน้อง ทั้งที่ธาธีร์ควรจะร้องใช่ไหม แต่เปล่าเลย.. น้องชายกลับชอบใจที่พี่ชายทำตัวเอง ผู้เป็นพ่อได้แต่นั่งมองอย่างปลง ๆ เขาไม่อยากยุ่งการเล่นกันของพี่น้อง อีกอย่างธาเธอร์ก็ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น เพราะทุกการเคลื่อนไหวของทั้งสองอยู่ในสายตาเขาหมด ไม่ปล่อยให้ละสายตาแน่นอน ถึงอย่างนั้นก็อาจมีบ้างที่คลาดสายตาไปในบางครั้ง เด็กวัยนี้มันเร็วจริง ๆ นะ เผลอแป๊บเดียวแค่นั้นแหละ วันก่อนธาเธอร์ก็เอาลิปสติ







