EP 3
พิษรัก
_________
อรุณรุ่งวันใหม่
สตรีร่างบอบบางในชุดสูทแบบสตรีสีเทาอ่อน กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างรถของตัวเอง กางเกงผ้าไหมแบบพอดีตัวช่วยส่งให้เรียวขางามนั้นดึงดูดใจคนมอง ทว่าคนคนนั้นคงไม่ใช่สมัตถ์ ความไม่พอใจยังอัดแน่นอยู่ในอกเขาจนแม้แต่ความงามของเทียนหยดก็ไม่สามารถลบล้างมันไม่ได้ ใช่แล้วล่ะ ศรีภรรยาของเขากลับมาตอนรุ่งสาง และหล่อนปฏิเสธที่จะร่วมรักกับเขา มันทำให้เขาหงุดหงิดเป็นบ้า
“คุณสมัตถ์ เดี๋ยว!”
เทียนหยดร้องเรียกคนที่กำลังเดินไปขึ้นรถของตัวเอง สมัตถ์อยู่ในชุดที่เรียบร้อยอย่างนักธุรกิจผู้ช่ำชอง ทว่าใบหน้าเขาไม่มีความสดใสหลงเหลืออยู่ มันบูดบึ้งไร้รอยยิ้ม
“อะไร!” เขาถามห้วนๆ หันหน้าหนีไม่ยอมสบตาหญิงสาว
“คือ...รถฉันสตาร์ตไม่ติด ขอติดรถคุณไปบริษัทด้วยได้ไหม” บอกเขาอย่างเกรงๆ “เอ่อ...ถ้าคุณไม่สะดวก ฉันนั่งแท็ก...”
“เธอขับ”
ฟิ้ว...
กุญแจรถถูกโยนมาใส่ร่างบางของเทียนหยด หญิงสาวหน้ายุ่งเพราะเกือบรับมันไม่ทัน
หนุ่มสาวขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย สมัตถ์ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ส่วนเทียนหยดเริ่มเคลื่อนรถออกนอกรั้วบ้านไปช้าๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาดูเงียบจนเกินไป และเธอไม่กล้าเอ่ยปากถามในสิ่งที่เขาเป็น แค่เขายอมให้ติดรถไปทำงานด้วยก็นับว่าบุญโขแล้ว
_________
เวลาต่อมา ณ บริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd
ครืดๆๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือของเทียนหยด สั่นอยู่บนโต๊ะ ภาพที่โชว์หน้าจอทำให้หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ต้องรีบปัดหน้าจอสมาร์ตโฟนเพื่อรับสาย
“เซอร์ไพรส์มากค่า นึกยังไงโทรหาเทียนแต่เช้าคะ” เธอจ้อเสียงใสส่งไปให้คนปลายสายได้ยิน รอยยิ้มงามระบายบนวงหน้าจนสมัตถ์ต้องหันมอง
เทียนหยดสบตาสมัตถ์แวบหนึ่ง ไม่ยอมออกไปคุยนอกห้องทำงาน เพียงแค่หมุนเก้าอี้หนีสายตาเขาเท่านั้น
‘เทียน...ดีใจจังที่เทียนรับทราย เทียนยุ่งอยู่ไหมครับ’
ปลายสายโต้กลับมา เทียนหยดยิ้มกว้างกว่าเดิม ด้วยว่าปกติแล้ว จะเป็นเธอเสียมากกว่าที่โทรไปหาแฟนหนุ่ม ด้วยว่างานของเขานั้นมักทำในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็งีบเอาแรง จีรวัฒน์ เป็นสถาปนิกอิสระ เขารับงานเอง แต่ทำงานหนักมาก เขาตั้งใจหาเงินเอาไว้เพื่ออนาคตที่เธอวาดฝันร่วมกันกับเขา
“ไม่ค่ะ จีมีอะไรหรือเปล่าคะ”
ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ เทียนหยดเริ่มไม่สบายใจไปด้วย เธอลุกจากเก้าอี้ไปยืนริมผนังกระจก รอฟังสิ่งที่ชายคนรักกำลังจะเอื้อนเอ่ย
“เทียน...คือว่างานจีมีปัญหาอีกแล้ว คราวนี้โดนปรับบานเลย จีเครียดจนไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน”
“โธ่จี...”
นั่นเป็นเสียงที่ดังที่สุดที่สมัตถ์พอจะได้ยิน ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายไปคุยข้างนอก และกลับเข้ามาอีกครั้งในอีกสิบนาทีถัดมา ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยร่างของสตรีวัยเลยสาว นอกจากกระเป๋าถือสุดหรูเข้าชุดกับสูทแบบสตรีที่สวมอยู่ ผกากรองยังมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งติดมือมาด้วย สีหน้าในเวลานี้บูดบึ้งไม่พอใจ
“แม่? มาได้ไงคะ”
“ทำไม! บริษัทฉัน ฉันมาไม่ได้เหรอ” ประชดแล้วปาหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นใส่ร่างบุตรสาว เทียนหยดรับมาคลี่ออกดู ในนั้นปรากฏภาพชายคนรักยืนอยู่หน้าตึกห้าชั้นหลังหนึ่งที่ทรุดลงมา อาคารฝั่งซ้ายเสียหายไม่น้อย และในข่าวบอกว่าจีรวัฒน์คือสถาปนิกผู้ออกแบบ และเขาต้องรับผิดชอบ
ลูกสาวคนดีหน้าสลดลงอีกเท่าตัว จีรวัฒน์กำลังแย่อย่างที่เขาบอกจริงๆ
“จีไม่ได้อยากให้เกิดนี่คะแม่”
“แหงล่ะ เพราะฉันก็ไม่อยากให้เกิดเหมือนกัน เพราะฉันรู้ว่านายนั่นมันต้องมาขอเงินแก!”
สมัตถ์เริ่มขยับกายอย่างอึดอัดบนเก้าอี้ของตัวเอง สองแม่ลูกคู่นี่กำลังคุยเรื่องที่เป็นส่วนตัวโดยหลงลืมไปว่าเขายังนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย
“แม่คะ เขาไม่ได้ขอ อ่า...แค่ขอยืมน่ะ แม่ก็รู้ว่าจีเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร”
“ฉันรู้ยัยเทียน และฉันไม่เคยรังเกียจที่แฟนแกจน แต่ฉันไม่ชอบที่มันเอาแต่เอาเปรียบแกในขณะที่แกทำตัวเป็นแม่พระไม่ยอมรับรู้ธาตุแท้ของมัน!”
“อะแฮ่ม! คือ...ผมยังอยู่ในห้องนะครับ” สมัตถ์กระแอมเพื่อเตือนคนทั้งสองก่อนที่ทั้งคู่จะเอ่ยอะไรที่ไม่สมควรพูดให้คนอื่นได้ยินมากกว่านี้
ผกากรองกับเทียนหยดหันมามองสมัตถ์พร้อมๆ กัน ใบหน้าของเทียนหยดเต็มไปด้วยความอับอาย แต่ผกากรองแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย
“ขอโทษที่รบกวนนะคุณสมัตถ์ แต่ช่วยทำเป็นว่าไม่ได้ยินก็ได้” นางว่าแล้วหันมามองบุตรสาวอย่างคาดคั้น
เทียนหยดส่ายหน้า หันหน้าหนีมารดาแต่รู้ว่านางยังจ้องตนอยู่ และสุดท้ายก็ต้องหันกลับมาสบตามารดาเช่นเดิม
“เขาแค่ขอยืมจริงๆ ค่ะแม่”
“เหรอ...ของเก่าคืนหรือยังล่ะ”
“เหลือแค่...เอ่อ...ไม่กี่แสนหรอกค่ะ” ตอบแบบไร้ความมั่นใจ
“เฮอะ! ไม่กี่แสนของแกคงเฉียดล้านละสิ นี่แกรักมันมากหรือไงยัยเทียน ถามจริงๆ เถอะ แกกับมันเป็นมากกว่าแฟนแล้วใช่ไหม!”
“แม่!” เทียนหยดเรียกมารดาแล้วหันไปมองสมัตถ์ เขาจ้องเธออยู่ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เธอกับเขาจ้องตากันโดยมิได้นัดหมาย
“ตอบฉัน!” ผู้เป็นมารดาเร่งรัดเอาคำตอบ เทียนหยดหน้าเหลือสองนิ้ว อับอายเกินจะกล่าว
“ยังค่ะ เป็นแค่แฟน แค่นั้นจริงๆ” ตอบมารดาแล้วทำหน้าม่อย หางตาปรายมองสมัตถ์ก็เห็นเขากำลังยิ้มอย่างขันในสิ่งที่ตามองอยู่
“ก็ดี ให้มันเป็นแค่นั้นจนกว่าจะมีงานแต่งงานเถอะ อ้อ...ถ้าให้มันยืมเงินอีกละก็ ทำสัญญากู้ยืมด้วยนะ ให้มันหาหลักประกันมาด้วย บ้านหรืออะไรก็เอามา ฉันอยากเห็นมันจริงใจกับแกบ้างหลังจากที่เอาแต่กอบโกย”
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ