“โธ่...แม่คะ หนูเป็นแฟนเขานะ มีอะไรก็ต้องช่วยกัน”
“โอ๊ย...ฉันเบื่อฟังแล้วยังเทียน แกอย่าให้ความรักมันบังตาได้ไหม เรื่องอะไรแกก็ฉลาดนะ แต่ทำไมกับเรื่องผู้ชายแกถึงได้โง่นักนะ! เบื่อ! ฉันเบื่อ!”
ผกากรองเท้าสะเอวร้องใส่หน้าบุตรสาว ลูกนั้นเราเลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆ
เทียนหยดไม่หือไม่อือ ไม่เถียงมารดาแม้ว่าจะโดนด่าก็ตาม
“รอบนี้มันจะเอาเท่าไหร่กันแน่”
คนถูกถามไม่อยากตอบ แต่คนถามคงไม่เลิกราง่ายๆ สุดท้ายเลยต้องบอกตัวเลขออกไป
“สองล้านค่ะ”
“อื้อหือ...” เสียงสมัตถ์ครางออกมาอย่างตื่นตะลึง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเทียนหยดกับแฟนหนุ่มจะเป็นเพียงแค่คนรัก พวกเขาอาจจะถึงขั้นสามีภรรยา เหลือแค่ยังไม่ได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว ไม่อย่างนั้นเจ้าหล่อนจะกล้าทุ่มทุนขนาดนี้หรือ
“แกเห็นไหม แกอายเขาไหม ฉันเคยเห็นแต่ผู้ชายทุ่มให้ผู้หญิง มีแต่แกนี่แหละที่ทุ่มให้ผู้ชาย ระวังนะยัยเทียน มันทรยศแกขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ แกตายทั้งเป็นแน่ๆ น้ำตาได้เช็ดหัวเข่าก็คราวนี้แหละ”
คนถูกประชดส่ายหน้ารัวๆ ขยับไปหามารดาหมายจะกอดนางปลอบโยน แต่สุดท้ายแล้วมารดาก็บ่ายเบี่ยง หน้าตาติดโกรธเคืองไม่หาย
“เรารักกันนะคะแม่ ขอเวลาให้จีเก็บตังค์ก่อน รับรองว่าแม่ได้จีเป็นลูกเขยแน่นอน”
“นี่แกยังคิดว่าฉันจะปลื้มมันเหรอ ที่ฉันด่ามันปาวๆ นี่แกไม่ได้เอาหูฟังเลยใช่ไหม ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกนะที่มันจน แต่ฉันเกลียดที่มันเกาะแกกิน ฉันดูออกคนอื่นก็ดูออก มีแต่แกที่ยังหน้ามืดตามัว รักตัวเองบ้างเทียนหยด อย่ารักแต่คนอื่น”
คนเป็นลูกถอนหายใจอย่างปลงๆ โดนมารดาสั่งสอนซะลืมหายใจ และตอนนี้นางคงสงบลงบ้างแล้ว
“ฉันจะไปห้าง ไปซื้อกระเป๋าใบใหม่แก้เซ็ง อย่ามาห้ามฉันนะ ฉันคงโมโหไม่หายจนกว่าจะได้ใช้เงิน”
“ค่ะแม่ แม่ไปเถอะค่ะ รีบไปเลย” เทียนหยดแทบจะไล่ส่งมารดา และเพียงแค่นางออกไปพ้นกรอบประตู ลมหายใจแรงๆ ก็ถูกพ่นออกจากปาก
ฟู่...
“ดูหนักหนานะ” สมัตถ์เปรย
“อาฮะ แม่ฉันมีกระเป๋าแบรนด์เนมเต็มห้องแล้ว ที่บ้านสวนน่ะ”
“ฉันหมายถึงเรื่องแฟนเธอต่างหาก”
คราวนี้เทียนหยดหุบปากฉับ
“แม่เธอดูห่วงเธอ”
“แม่คิดมาก” เทียนหยดเถียง
“เธอควรใช้สติด้วย ไม่ใช่ใช้แค่อารมณ์” เขาอาสาสั่งสอนทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง
“ฉันรักของฉัน การรักใครสักคนมันวิเศษแค่ไหนคุณก็รู้นี่”
สมัตถ์ไร้ข้อโต้แย้งในข้อนี้ เขารู้ดีทั้งความรักและความหลงนั่นแหละ บางทีเส้นกั้นมันก็บางยิ่งกว่าหมอกยามเช้าเสียอีก
วินาทีต่อมาเสียงโทรศัพท์ของสมัตถ์ก็ดังขึ้นบ้าง ชายหนุ่มรับสาย และอารมณ์ดีขึ้นอีกกระบุงยามวางสายแล้ว ราตรีโทรมาอ้อนเขาตามระเบียบ หล่อนมีวาทศิลป์เป็นเลิศในการง้อให้เขาเลิกงอน และมันทำให้เขาอยากทำงานให้เสร็จๆ จะได้กลับไปเจอหน้าศรีภรรยาเสียที
______
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างราบเรียบและสงบเงียบเกินจะกล่าว สมัตถ์เข้าไปทำงานที่บริษัทของเตชะทัตอย่างเป็นระบบระเบียบและมีวินัย เขาค่อยๆ เรียนรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ การทำงานของเขาเต็มไปด้วยความรอบคอบจนเทียนหยดนึกชื่นชมรุ่งรดิศที่ดึงสมัตถ์มาทำงานให้ แม้รู้ว่าจุดประสงค์ที่จริงแท้มันจะไม่ใช่ก็ตาม
ตอนนี้เทียนหยดไม่ได้อยู่ที่บริษัท วันนี้วันอาทิตย์ เธอขลุกอยู่ที่คอนโดฯ ของจีรวัฒน์ ช่วยเขาทำความสะอาดห้องที่ยังไม่มีแม่บ้านมาปัดกวาด เธอพอเข้าใจว่าพวกที่ทำงานอิสระหรือรักงานศิลปะมักมีอารมณ์อันเพริศแพร้วที่ปุถุชนคนธรรมดาไม่มีวันเข้าใจ แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาไม่คิดจะทำให้ห้องสะอาดด้วยการเก็บกวาดข้าวของ จีรวัฒน์จ้างแม่บ้านแบบรายชั่วโมง และมักเข้ามาทำความสะอาดที่ห้องนี้อาทิตย์ละครั้ง แล้วแต่ว่าเขาจะเรียกให้มาวันไหน แต่คงไม่ใช่วันนี้แน่ๆ
ภายในห้องโถงด้านนอกนั้น ในระหว่างที่เทียนหยดใช้ไม้กวาดอันเล็กๆ แทรกเข้าใต้โซฟาตัวใหญ่ ก็มีบางอย่างที่มากกว่าเศษฝุ่นติดออกมาด้วย หญิงสาวใจหายวาบ นั่งลงกับพื้นแล้วหยิบมันขึ้นมาพิจารณา ลิปสติกแท่งเหมาะมือสีนิลเงาวับคือต้นเหตุแห่งการใจหาย ทำไมลิปสติกผู้หญิงถึงมาอยู่ใต้โซฟาในห้องจีรวัฒน์ได้เล่า หรือมีบางอย่างที่เธอควรกลัวใช่ไหม
“ไม่...จีต้องไม่ทำแบบนี้” บอกตัวเองแล้วส่งลิปสติกแท่งนั้นเข้าในกระเป๋ากางเกง อารมณ์อยากให้ห้องเขาสะอาดสะอ้านหายวับไปกับตา เธอมองไปยังประตูห้องนอนของจีรวัฒน์ มันเปิดแง้มไว้ให้เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียง
หญิงสาวลุกขึ้น เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม เข้าไปยืนกอดอกมองเขาอย่างพิจารณา จีรวัฒน์เป็นผู้ชายที่หล่อเหลา อาจจะหล่อกว่าสมัตถ์ด้วยซ้ำ...บ้าจริง! ทำไมต้องเอาแฟนตัวเองไปเปรียบกับสามีชาวบ้านด้วยนะ
เทียนหยดเสยผมแรงๆ วันนี้เธอไม่ได้มัดผมแบบหางม้าสูง แต่เลือกปล่อยมันให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง เธอจ้องมองจีรวัฒน์อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถ้าเอ่ยถาม เธอมั่นใจว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยต้องหาคำมาแก้ต่างให้ตัวเอง และสุดท้าย อาจเป็นเธอเองที่โดนหลอก บางที...เรื่องลิปสติกเจ้าปัญหานี่ เธออาจต้องหาความจริงด้วยตัวเอง
“จี...จีคะ” เธอเรียก จีรวัฒน์พลิกกายช้าๆ เขาไม่ได้สวมเสื้อ เธอเลยได้เห็นแผงอกขาวๆ ของเขา แม้มิได้บึกบึนเป็นนักกล้ามแต่ก็สามารถทำให้เธอหน้าแดงได้
“อือ...เทียน...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮึ” ถามแล้วยิ้มทั้งที่ยังง่วงอยู่ สองมือไขว่คว้าหาร่างแฟนสาว แต่เทียนหยดปัดมือเขาทิ้งแรงๆ จนเขาต้องลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “เทียน? เป็นอะไร”
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ