EP 4
ชู้รัก
____________
“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันอาจคิดไปเอง ฉันยังไม่มีหลักฐานมากพอ แต่มันเจ็บนะ ที่ฉันเหมือนจะรู้ว่าผู้หญิงอีกคนของเขาเป็นใคร ฉันดันรู้จักหล่อนด้วย”
“โอ...มันคง...ทรมาน..”
เทียนหยดพยักหน้า เช็ดหน้าเช็ดตาแต่รู้ว่าสภาพตัวเองคงไม่ได้น่ามองนัก มาสคาร่าแบบไม่ได้กันน้ำของเธอเปรอะเปื้อนผ้าเช็ดหน้าเขา มันทุเรศเหลือเกิน
“บ้าจริง! ทำไมฉันต้องมาคร่ำครวญให้คุณฟังด้วยนะ น่าอายชะมัด!”
สมัตถ์ส่ายหน้า
“ไม่หรอก เรื่องมันละเอียดอ่อน คนเรามีความอ่อนแอทุกคนนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมามากแค่ไหน”
“คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่าเมียนอกใจ” เธอโยนหินถามทาง สมัตถ์หันไปจ้องถนนเบื้องหน้าชั่วครู่ หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ย
“ปล่อยเธอไปกับคนที่เธอรักละมั้ง”
“จริงเหรอ” เธอถามอย่างทึ่งๆ น้ำตาเริ่มแห้งเมื่อเช็ดมันถี่ๆ
สมัตถ์ส่ายหน้ารัวๆ “ไม่! จะฆ่าให้ตายทั้งคู่เลย!”
“หา!” เทียนหยดเหวอรับประทาน ตาเบิกโต อ้าปากค้าง มาสคาร่าเลอะใต้ตากับสีลิปสติกที่เปรอะไปทั่วยิ่งส่งให้ใบหน้างามไม่น่าดูชม
สมัตถ์กลั้นขำไว้ไม่ไหวเลยหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น ก็ดูหล่อนเถิด ดูได้ที่ไหน
“นี่คุณ! ขำอะไรฮะ ล้อฉันเหรอ”
เขาพยักหน้า ชี้ให้หล่อนดูกระจกมองหลัง เทียนหยดทำตาม ก่อนที่...
“กรี๊ด...หน้าฉัน!”
“ทุเรศมากขอบอก”
“รู้แล้วน่า ฮือ...ทุเรศจริงๆ” ทำเสียงร้องฮือๆ แล้วรีบคว้ากระเป๋าใบน้อยมาควานหาของ เธอไม่ได้หยิบครีมล้างเครื่องสำอางมาด้วย เลยต้องใช้โลชั่นทาหน้ากระปุกบางๆ ละเลงจนทั่วแล้วเช็ดมันออกด้วยกระดาษเช็ดหน้าที่มีอยู่ในรถ “ฉันไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายอย่างนี้ต่อหน้าคนอื่น โดยเพาะคนอื่นที่เป็นผู้ชาย แถมไม่ได้สนิทกันด้วย”
สมัตถ์เลิกคิ้วสูง ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ฉันรักเขามากนะ พ่อฉันเสียตั้งแต่เล็กๆ ตอนมัธยมฉันเรียนโรงเรียนหญิงล้วนด้วย พอขึ้นมหา’ลัยฉันก็เจอเขา เขาดีกับฉันมาก และก็...ฉันรักเขา” สาธยายระบายความในจนหมดเปลือก ได้ยินเสียงสมัตถ์ถอนหายใจเฮือกๆ “โอ...ตายละ แล้วคุณก็รู้ความลับฉันหมดเลย”
เขาทำหน้ากลั้นขำ เทียนหยดเช็ดเครื่องสำอางเสร็จพอดี เธอจ้องหน้าเขา เวลาเขายิ้มแล้วมองเพลินดีจัง
สมัตถ์เองก็หุบยิ้มชั่วครู่ ใบหน้างามยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางทำให้เขาทึ่ง ผิวแก้มเนียนของหล่อนมิมีไฝฝ้าราคีใดๆ เลย สิวสักเม็ดก็ไม่มี ความจริง แม้ไม่แต่งหน้า เขาก็ยังว่าหล่อนน่ามองนะ
“ฉันจะคิดว่าไม่ได้ยิน หรือไม่ก็...เธอคิดไปสิว่าฉันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้”
“แต่คุณอยู่นี่นา”
“อ่า...มโนน่ะเทียนหยด เธอรู้จักไหม”
“อ้อ...โอเค รู้ๆ ขอโทษทีนะ เวลาสติแตกแล้วฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ มันจะแบบว่า...พรั่งพรู” เธอเอ่ยขออภัย เขาพยักหน้าหงึกๆ
สมัตถ์มองเทียนหยดอย่างพิจารณา ท่าทีหยิ่งทระนงที่เคยเห็นมา แท้จริงเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น เทียนหยดมีความอ่อนแอ มีความเป็นสุภาพสตรีที่รอการปกป้องจากสุภาพบุรุษ หล่อนก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องการความรักจากคนที่หล่อนรักเท่านั้นเอง
“เธอรักเขามาก แต่น่าแปลกที่ยัง เอ่อ...ไม่พัฒนาไปถึงขั้น...” เขาไม่ได้เอ่ยออกไป
เทียนหยดละมือจากแป้งตลับที่ถืออยู่ ด้วยคิดว่าเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อออกมา
“เซ็กซ์ไม่ใช่ทุกอย่าง และฉันดีใจที่จีรวัฒน์เข้าใจ แต่ว่า...มาถึงตอนนี้ฉันก็ไม่แน่ใจแล้วละว่าเขาจะเข้าใจฉัน”
“ผู้ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูน ย่อมมีความต้องการ” เขาช่วยอีกฝ่ายอธิบาย มันดูน่าอึดอัดออกที่ต้องพยายามไม่มีเซ็กซ์กับใครเป็นเวลาหลายๆ ปีเพราะว่ามีแฟนอยู่แล้ว แถมกับแฟนตัวเองยังไม่สามารถมีอะไรกับหล่อนได้อีก ถ้าจีรวัฒน์ทำได้ เขาก็นับถือเลยล่ะ เดี๋ยวนี้มันสมัยไหนกันแล้ว บางคู่อยู่กินกันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ สังคมเปลี่ยนแปลงไป เขาเองก็ทำใจยอมรับมากขึ้น เขากับราตรีเอง ก็อยู่ก่อนแต่ง แม้จะเป็นช่วงหลังงานหมั้นแล้วก็ตาม และเขา...ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของราตรี แต่นั่นไม่สำคัญสักนิด มันสำคัญที่ว่าเขารักราตรีมากต่างหาก
“ฉันก็เป็นผู้หญิง ไม่เห็นจะต้องการ” เธอเถียง รู้สึกพวงแก้มร้อนผ่าวเพราะภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าโผล่เข้ามา
“นั่นเพราะเธอยังไม่เคยได้รู้จักมันต่างหาก ถามจริงๆ เถอะ เธอยังเวอร์จิ้นจริงๆ เหรอ”
เทียนหยดตาโต เขาจะมาถามอะไรกับเรื่องนี้ แล้วดูทำหน้าเข้าสิ แค่เวอร์จิ้นนะ ไม่ได้มีหมื่นแขนแสนหาง ทำไมต้องทำหน้าเหมือนกับมันเป็นเรื่องพิลึกขนาดนั้น
“ฉันไม่ตอบคุณหรอก ตาบ้าเอ๊ย มาถามอะไรพรรค์นี้ฮะ”
สมัตถ์ยกมือยอมแพ้เมื่อเสียงแหวๆ กลับมาสดใสดังเดิม หล่อนกลับมาแล้วสินะ แม่นางพญาเทียนหยด อย่าได้เผลอไปทำอะไรหล่อนเข้าล่ะหากไม่อยากถูกตัดหัวเสียบประจาน
“เราจะไปทำงานได้ยัง” เขาถาม แต่เทียนหยดไม่ตอบ หล่อนจัดการเอาแป้งตลับลงกระเป๋าแล้วแล้วหยิบลิปสติกมาเติมปากให้มีสีสันเล็กน้อย พอเสร็จก็บังคับพวงมาลัยรถให้เคลื่อนต่อไปยังจุดหมายปลายทาง
ทั้งสองคนมาถึงบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd ในเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง เป็นความเคยชินของพนักงานเสียแล้วที่จะเห็นผู้บริหารสูงสุดกับคุณเทียนหยดเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกัน เพราะปกติแล้ว ทั้งสองก็จะขับรถอกจากบ้านโสภณวิชญ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอสมัตถ์เริ่มต้นทำงานของเขาอย่างไม่รีบร้อนนัก เอกสารในรายงานบางแฟ้มเขาต้องถามเทียนหยดเพื่อความเข้าใจ ส่วนเทียนหยด หากว่าเว้นจากการช่วยสมัตถ์ หญิงสาวก็จะขลุกอยู่กับโน้ตบุ๊กเครื่องเก่ง มีสมาร์ตโฟนวางอยู่ใกล้ๆ ตาจ้องหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความเป็นระยะ การเป็นแม่ค้าออนไลน์ทำให้เทียนหยดไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก มีรายการสั่งซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตัวแทน แต่เท่านั้นเทียนหยดก็พอใจแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้ด้วยตัวเองเกือบสิบเอ็ดโมง สมัตถ์ละสายตาจากเอกสารแฟ้มสุดท้าย ท้องเขาร้องจ้อกๆ เพราะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าอย่างที่ควรจะเป็น เทียนหยดปิดโน้ตบุ๊กบ้าง เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนก็เห็นว่ายังไม่มีใครโทรเข้ามา“โทรหาเขาสิ ถ้าเธอคิดถึง” เขาแนะ แต่เทียนหยดส่ายหน้า“ฉันโทรหาเขาก่อนทุกที เป็นเวลาหลายปีแล้ว ลองให้เขาเป็นฝ่ายโทรหาฉันบ้าง ฉันจะได้รู้..
แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่สายตาสมัตถ์ก็ไม่อาจละไปจากริมฝีปากเทียนหยดได้เลย กระทั่งไอศกรีมคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก และหล่อนกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงได้ละสายตาออกมาแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาเปิด การ์ดสีทองใบหนึ่งถูกดึงออกมารอท่า“อ้าว? ไหนบอกให้ฉันเลี้ยง” เธอท้วง“ฉันเลี้ยงเอง”“ทำไม” เธอยังไม่เข้าใจ“ฉันสงสารน่ะ เดาว่าเธอคงไม่เคยถูกผู้ชายเลี้ยง ฉันเลี้ยงแหละดีแล้ว เพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษ”เทียนหยดอ้าปากน้อยๆ รอจนพนักงานเอาเครดิตการ์ดของเขาไปจัดการจึงได้เอ่ยขึ้น “คุณสมัตถ์คะ”“ครับ”“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย” บอกแล้วกำกำปั้นทุบอกซ้ายเบาๆ หน้าตาจริงจัง จนสมัตถ์นึกขัน“ความรักมันดีเทียนหยด แต่ต้องมีสติ แม่เธอพูดถูกนะ คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ ไม่ใช่คอยแต่แบมือขอเงิน ไม่ใช่จะสั่งสอนหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้”หญิงสาวทำหน้าเบื่อโลก ก่อนจะลุกยืนเมื่อพนักงานเอาเครดิตการ์ดมาคืน เขาเซ็นอะไรยุกยิกก่อนจะดึงเครดิตการ์ดและใบเสร็จคืนมา“นั่นแหละเขาเรียกสอนค่ะ” ประชดน้อยๆ แล้วค้อนเขาสมัตถ์ยิ้มบางๆ ยื่นสูทให้หล่อนเอาไปบังแดดเสียเอง การอยู่ใกล้เทียนหยดทำให้ความสามารถในการค
“วันนี้กลับเร็วจัง” ท้วงถามแล้วสอดแขนกอดหล่อนจากด้านหลัง ใช้จมูกคมๆ สูดดมซอกคอภรรยาชาวบ้านจนชื่นปอด“ต้องไปสปา เดี๋ยวเขาสงสัยว่าไปจริงไหม”“คุณมันร้าย”“แล้วชอบไหมล่ะ” ถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ว่าจีรวัฒน์ไม่ได้รักเธอหรอก เขามีคนรักอยู่แล้ว และเธอไม่ปรารถนาจะรับรู้ว่าเจ้าหล่อนคือใคร“ที่สุดครับ ว่าแต่...อาทิตย์หน้าผมว่าง ไปเที่ยวกันไหม ใกล้ๆ ก็ได้”ราตรีมุ่นคิ้ว “สามีฉันเพิ่งเริ่มงานใหม่ อะไรๆ ยังไม่ลงตัว ที่สำคัญคือฉันต้องช่วยเขาเซฟค่าใช้จ่าย” เธออธิบาย“โอเค งั้นเอาไว้คราวหน้า แล้วคุณจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” เขาถามต่อ นึกถึงรสรักของราตรีแล้วอยากให้นอนรออยู่บนเตียงทุกคืนเลยล่ะ“ยังไม่รู้เลย แล้วจะโทรมาแล้วกัน ไปแล้วนะ” สั่งลาแล้วทำท่าจะก้าวออกไป แต่ถูกจีรวัฒน์ดึงแขนไว้ เขาดึงร่างเธอเข้าไปหาอีกรอบ แล้วโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตเสียดูดดื่ม ประหนึ่งว่ามิเคยจุมพิตกันเสียอย่างนั้น“เมื่อไหร่จะเลิกกับเขาแล้วมาสนุกด้วยกันอย่างถาวรนะ ชักต
EP 5ความจริงอันแสนเจ็บปวด______________วันอาทิตย์โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว“แม่ครับ”“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว“แปลไม่ได้ครับ”“กูเกิ้ลสิลูก”คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก_________เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่
“ครับผม” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย หอบเอาสมุดปากกาและตำราเข้าข้างใน“โอบรอข้างในนะคุณ” เธอบอก เขาพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมลุก แม้ว่าเทียนหยดจะลุกไปหาของว่างในครัวแล้วก็ตาม“เรียกฉันว่าน้าก็ได้ เรียกคุณๆ มันยังไงชอบกล ไหนๆ ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน” ผกากรองเอ่ย จับเอาฟักทองซีกหนึ่งมาฝานเปลือกออกด้วยมีดสองคม มือขาวๆ นั้นเริ่มดำด่างด้วยการกระทำของเปลือกฟักทอง ทว่าเจ้าของมิได้สนใจ สิ่งที่นางทำช่างขัดกับมาดคุณนายที่เป็น ผกากรองสวมชุดเดรสแบรนด์เนมร่วมสมัย ทว่าด้วยการออกแบบนั้นช่วยทำให้สมกับอายุของนาง มิได้ดูฉูดฉาดมากไป อยู่ในความพอเหมาะพอดี ดูเรียบหรูจนสมัตถ์ยังนึกชื่นชม“คุณไม่โกรธพวกเราแล้วเหรอ เมื่อก่อนยังเห็นเป็นศัตรู” เขาสะกิดใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผกากรองกับบุตรชายก็อยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ทำบ้านให้ร้อนเป็นไฟอย่างที่เขาเคยคิด นางยังช่วยทำอาหารอร่อยๆ ขึ้นโต๊ะให้คนในบ้านรับประทาน อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อย“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรนี่ ถ้าคุณทำงานให้ RPS อย่างขันแข็ง ซื่อตรง แล้วฉันจะมองคุณเป็นศัตรูได้ยังไง ฉันไม่
“เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกที่เราไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้” เขาเปรยราวกับปลงแล้วทุกสิ่ง“บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าสามีฉันเอาอะไรมาวัดว่าคุณไว้ใจได้ อาจเป็นความรู้สึกผิดของเขา หรืออาจเพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่เขายกหุ้นให้คุณ แต่ฉันเชื่อใจเขานะ เขาคงไม่หาคนมาผลาญ RPS หรอก ในเมื่อเขาไว้ใจคุณ ฉันก็จะไว้ใจคุณ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่รุ่งรดิศอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันมาแล้ว เวลาอาจช่วยไขข้อข้องใจให้เราก็ได้ รอไปด้วยกันไหมคุณสมัตถ์”แม้ไม่อยากเห็นด้วย แต่ไม่มีทางเลือกเลย สุดท้ายสมัตถ์ก็ต้องพยักหน้ารับคำนางผกากรอง นางยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบของเขา ก่อนจะยกเอาถาดฟักทองมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืน เขาลุกตามบ้าง ฟักทองเหลืองอร่ามในถาดอลูมิเนียมหากเอาไปทำแกงคงอร่อยไม่หยอก“แม่ผมไม่ค่อยเข้าครัวเท่าไหร่ เราชอบความสะดวก ซื้อมากิน หรือไม่ก็ไปกินที่ร้าน ผมชินเสียแล้วกับการที่แม่บ้านแม่เรือนไม่ค่อยทำหน้าที่” เขาเอ่ยขำๆ แต่เหมือนแก้ต่างให้ศรีภรรยาที่ยังหลับไม่ตื่น“ฉันเข้าใจค่ะ คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน ยัยเทียนเอง เห็นเป็
“จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะโอบ ชู่ว์...” กอดน้องชายไว้แล้วน้ำตาจะไหล ทุกอาทิตย์คุณลุงจะมาหาโอบนิธิ แต่นับตั้งแต่ท่านเสียไป โอบนิธิก็ได้เฝ้ารอแค่ความว่างเปล่า จิตใจของเด็กนั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะทนรับเรื่องร้ายๆ เธอไม่โทษน้องชายเลยที่ร้องไห้อย่างไม่อายใคร เพราะหากเธออายุเท่าเขา เธอคงนอนร้องไห้ทุกวันทุกคืน“พี่เทียน...ฮึกๆ คิดถึงพ่อ...พ่อไม่มาแล้ว...ไม่มากอดโอบแล้ว ฮือ...”เด็กชายร้องไห้ฟูมฟาย จนอกเสื้อพี่สาวเปียกชุ่ม เทียนหยดเห็นท่าไม่ดีก็ร้องหาตัวช่วย“แม่! แม่คะ แม่!”“อะไร! อะไรของแกฮึเทียน”ผกากรองเดินหน้าตื่นออกจากห้องครัว นางตรงมาทางห้องนั่งเล่น กลิ่นน้ำพริกแกงเลียงยังติดกายนางมาประหนึ่งถือถ้วยแกงมาด้วยสตรีวัยเลยสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นบุตรชายนั่งร้องไห้อยู่กับอกคนเป็นพี่ นางเข้าไปดึงร่างโอบนิธิออกมา“แม่ครับ...ฮึกๆ”“หยุด...แม่บอกให้หยุดร้อง”ผกากรองใช้เสียงเรียบต่ำ บอกให้รู้ว่านางไม่พอใจที่เห็นเขาร้องไห้โอบนิธิปาดน้ำตา หน้าตายังบิดเบ้ พวงแก้มขึ้นส
“ตายจริง ขอโทษนะคะ ไนท์ปวดหัวเลยลุกไม่ขึ้น ไม่ได้ออกไปซื้อกับข้าวให้ทุกคนเลย” เอ่ยอย่างขออภัยแล้วนั่งลงข้างสามี สาวใช้รีบยกผ้ารองจานกับจานข้าวมาให้ ราตรียังตีหน้าสำนึกผิดจนสมัตถ์นึกสงสาร“ไม่เป็นไรครับ แม่น้องโอบทำกับข้าวแล้วล่ะ คุณกินสิ กำลังร้อนๆ เลย” ว่าแล้วตักแกงเลียงใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ภรรยา แต่ราตรีที่ยังมีอาการเมาค้าง เกิดพะอืดพะอม ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “โอย...ไหวไหมไนท์”สมัตถ์ถามอย่างห่วงใย ท่าทีเอาใจใส่ภรรยานั้นทำเอาเทียนหยดหน้าสลด แน่ล่ะ จีรวัฒน์ไม่ได้ครึ่งของสมัตถ์เลย เป็นเธอมากกว่าที่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา“พะอืดพะอมอย่างนี้จะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ” ผกากรองตั้งข้อสังเกต แต่ทำให้สีหน้าของสมัตถ์เปลี่ยนไป เขาขยับนั่งตัวตรง หันไปมองภรรยา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขา มันทำให้เขาพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง“ถ้าหล่อนหมายถึงเรื่องลูกละก็ เป็นไปไม่ได้หรอก หลานฉันเป็นหมันน่ะ”“คุณย่าคะ!” ราตรีเอ่ยดังๆ ด้วยไม่อยากให้นางศรีสุรางค์เอ่ยเรื่องนี้“ทำไมฮึยัยไนท์ มันเรื่องจริง ยอมรับส
“อยากกลับก็กลับไปสิ ฉันยังไม่กลับ”เขาตอบ นั่งลงบนผืนทราย ไม่ได้แยแสเสื้อผ้าของตัวเองที่เปียกปอน“โอเค งั้นฉันขับรถกลับนะ ส่วนคุณก็เป็นบ้าอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ไปล่ะ” เธอใช้ไม้ตาย คงไม่ได้กลับบ้านง่ายๆ หากมัวแต่รอให้ผู้ชายใจสลายยอมใจอ่อนเทียนหยดเดินกลับมาที่รถ ไขกุญแจแล้วก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย และก่อนที่เธอจะสตาร์ทรถ ประตูอีกฝั่งก็ถูกเปิดออก บุรุษในชุดชุ่มน้ำทะเลกับเม็ดทรายก้าวเข้ามานั่งเอนหลังพิงเบาะแบบหมดสภาพ“ให้ตายเถอะ! คุณต้องจ่ายค่าล้างรถให้ฉัน!” เธอประกาศดังๆ อยากจะร้องไห้ เบาะผ้าสวยๆ นุ่มๆ ของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำทะเลเค็มปี๋และเม็ดทรายเล็กละเอียด ส่วนเขายิ้มเยาะแล้วหัวเราะในลำคอราวสะใจ“พรุ่งนี้...ฉันจะโสดแล้วนะ เป็นการโสดที่ทรมานเหลือเกินเทียน ฉัน...ยังรักไนท์ แม้ว่าเขาจะร้าย...ฉันก็ยังรักอยู่ ทำไมใจฉันมันดื้อด้านอย่างนี้นะ ไม่ยอมรับความจริงบ้างเลย”“มันคงต้องการเวลาแหละคุณ หรือไม่ก็...ต้องการใครสักคน...มาดูแลมัน” เธอว่าแล้วยิ้มบางๆ หัวใจเธอก็เช่นกัน มันยังโหยหาค
“ฉันต่างหาก...ที่ต้องถามคำถามนั้น!”เสียงสั่นเครือแต่หนักหน่วงของใครบางคนแทรกเข้ามาตอบคำถามนั้นของราตรี หญิงสาวมุ่นคิ้ว ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะได้เบิกโตเมื่อสมัตถ์โผล่ออกมาจากข้างประตู เขายืนอยู่หลังเทียนหยด ดวงตาก่ำแดงพร้อมจะหลั่งหยดน้ำตา“มะ...มัตถ์!” เธอร้องเรียกชื่อสามีอย่างไม่เชื่อสายตา สมัตถ์มาที่นี่ได้อย่างไร เขาไม่มีวันรู้ เธอทำทุกอย่างอย่างแนบเนียนที่สุดแล้ว ไม่มีทางจับได้แน่นอน“หึๆ ขอบใจนะ ที่ยังจำผัวตัวเองได้...” พูดไปก็ข่มกลั้นโมหะโทสะ สองมือกำแน่นอยู่ข้างลำตัว โกรธจนร่างชาดิก หัวใจเต้นกระหน่ำปานจะทะลุออกมากจากอก พอข่มกลั้นความโกรธไว้มากเข้า มันก็ผลักดันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบที่เรียกว่าหยดน้ำตา“มัตถ์คะ คือว่า...” ราตรีหน้าเสีย มือสั่นปากสั่น ไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดี“รู้อะไรไหม ตอนนี้ฉันอยากเอาปืนมาจ่อหัวพวกเธอทั้งสองคน! แต่ว่า...ฉันจะไม่ทำแบบนั้น ฉันจะไม่พาความยุ่งยากมาใส่ตัวเองอย่างเด็ดขาด ถ้าพวกเธอมีความสุขกับการเสพสังวาสที่ผิดศีลธรรมจรรยา งั้นก็เอาเลยราตรี! ฉันจะหลีกทางให้ พรุ
[13]เชือด!________สมัตถ์ตื่นมาด้วยจิตใจที่หม่นหมองเหมือนละลองควันพิษบนท้องถนนเมืองไทย พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่พอเห็นหน้าศรีภรรยาก็อดหดหู่ใจไม่ได้ ให้หล่อนเอามีดมาแทงเขา ยังเจ็บน้อยกว่าที่หล่อนไปนอนกับชู้รัก ในใจเขามันสับสนวุ่นวาย อยากบีบคอขาวๆ ของหล่อนแล้วถามดังๆ ว่ากล้านอกใจเขาได้อย่างไร กล้านอกใจคนที่รักหล่อนที่สุดได้อย่างไร!“เป็นอะไรคะ หน้าตาไม่ค่อยสดใสเลย หรือว่ากลัวไนท์งอนเรื่องเมื่อคืน ไม่ต้องห่วงนะคะ ไนท์หายงอนแล้ว ไม่งั้นไม่มายืนผูกเนกไทให้คุณอย่างนี้หรอก” ราตรีว่าสมัตถ์ฝืนยิ้มส่งให้ ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่ตระเตรียมไว้กับศรีสุรางค์ตั้งแต่เมื่อคืน“วันนี้คุณย่าอยากไปทำงานกับผม คุณอยากไปด้วยไหม” เขาโยนหินถามทาง“อ่า...ไม่ดีกว่าค่ะ ไนท์ว่าจะไปซื้อของใช้สักหน่อย” ตอบเหมือนเอาความดีเข้าตัว สมัตถ์ยังฝืนยิ้มให้อีก ขยับออกห่างราตรีเมื่อหล่อนผูกเนกไทให้จนเสร็จ“โอเค...ก็ได้ วันนี้ผมไม่หิว ผมไปทำงานเลยดีกว่า”“อะไรกัน ไ
“แทนที่จะเกลียดฉัน เกลียดเมียตัวเองก่อนไหมคุณสมัตถ์ ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย มาโกรธฉันทำไม” เธอบอกด้วยความน้อยใจ ไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ กลัวเขาอายที่กำลังมีน้ำตาเต็มวงหน้าเช่นนี้“เธอ...ทำยังไง”“อะไร” เธอถาม บีบยาใส่แผลสดให้เขาแล้วเอาผ้ากอซมาพันให้บางๆ ไม่ได้เก่งเรื่องทำแผลนัก สภาพมันเลยไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่รับรองว่าสะอาดไร้เชื้อโรค“ทนไง ทนตีหน้าตายใส่ไอ้หมอนั่นจนมันยอมเซ็นยกโฉนดที่ดินให้” ถามแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา กลั้นมันมิให้ไหล หล่อนเห็นน้ำตาเขาอีกแล้วเธอยักไหล่ “ไม่รู้สิ เปลี่ยนความโกรธความแค้นเป็นความอดทนมั้ง ฉันทำได้ทุกอย่างแหละไม่ยอมขาดทุนหรอก ฉันให้เขาไปเยอะ ถ้าไม่ได้จากเขาก็ขอให้ได้ทุนคืน ฉันเป็นนักธุรกิจ ไม่ยอมขาดทุนเด็ดขาด” เธออธิบาย นั่งขัดสมาธิตรงหน้าเขา เขาเหมือนจะมีน้ำตาตลอดเวลา ความจริงถ้าเขาอยากร้องไห้ ก็ร้องได้นะ เธอไม่ว่าหรอก“ฉ
ริมฝีปากคมอ้าค้างน้อยๆ เลือดลมสูบฉีดเร็วแรง ดวงตาที่เบิกโตมีหยดน้ำตาซึมเอ่อ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ให้ตายเถอะ! ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ที ความเจ็บจุกมันหล่นทับหัวใจเขาจนแม้แต่กระดิกกายก็ทำไม่ได้ ราตรีนอกใจเขา!‘หล่อนนอกใจเขา!’ก๊อกๆๆประตูห้องถูกเคาะอีกครั้งก่อนที่ราตรีจะผลักเข้ามา ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มสดใสให้สามีดั่งที่เคยทำมา“มัตถ์คะ กินข้าวเถอะค่ะ คุณย่าหิวแล้ว ท่านบอกให้ตั้งโต๊ะเร็วหน่อย”เสียงเจื้อยแจ้วของศรีภรรยาทำให้สามีต้องเงยหน้าขึ้นมอง เขาพูดไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าหล่อน อยากถามหล่อนว่าทำได้อย่างไร กล้ามีชู้ได้ยังไง!“มัตถ์?”“เอ่อ...คือ...จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้”นั่นคือสิ่งที่ริมฝีปากเอ่ยออกมาได้ ต้องกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ กว่าจะเค้นคำพูดออกมาแต่ละคำมันช่างทรมานเหลือเกิน ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากทำที่สุดคือจับราตรีมาเขย่าให้หัวหลุดจะได้สาแก่ใจ“เร็วสิคะ ไนท์รอที่โต๊ะนะ”เขายิ้มให้กับคำกล่าวนั้น จนราตรีหายไปจากหน้าประตู ต้องกะพริบตาถี่ๆ แล้ว
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกแต่เทียนหยดยิ้มกริ่ม เริ่มสนุกที่ได้แกล้งเขา“ม่าย...อีกนิดค่ะคุณผู้ชายขา...อีกนิด...” ว่าแล้วตบแป้งหนักๆ ถี่ๆ สมัตถ์ทนไม่ไหวก็คว้ากล่องแป้งเคาะกบาลช่างแต่งหน้าจำเป็นไปหนึ่งทีปึ้ก!“โอ๊ยคุณ! เคาะหัวฉันทำไมเนี่ย” คนสวยทำหน้ายู่ หันมองกล้องแล้วเอามือลูบกบาลป้อยๆ“ก็เธอทำฉันก่อน หน้าคนนะไม่ใช่หนังควาย ถูมาได้” บ่นเบาๆ เสียงต่ำจนคนฟังรู้ว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว“เออๆ ขอโทษก็ได้ มานี่มา มาให้คุณผู้ชมเห็นหน้าชัดๆ หน่อย”แล้วเทียนหยดก็ยกกล้องลงจากขาตั้งมาจ่อใกล้ใบหน้าเขา รูขุมขนที่ค่อนข้างกว้างในตอนแรก บัดนี้ดูจางลงเพราะมีเนื้อแป้งปกปิดไว้ เธอจ่อกล้องไว้ใกล้หน้าเขาราวครึ่งนาที ก่อนจะจับมันไปวางไว้ที่เดิม แล้วนั่งลงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ยิ้มอะไรของเธอ” เขาสงสัย“ก็...โบกแป้งแล้วคุณก็หน้าเนียนดีเนอะ หน้าอย่างนี้ขึ้นกล้องดีจัง น่าจะไปเป็นดารานะ มองไปมองมานี่ก็คล้ายพระเอกหนังเนาะ”เมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้าสมัตถ์ก็ทำตัวไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหน้าบึ้งก็ไ
สมัตถ์อมยิ้ม หล่อนคงยังรู้สึกผิดกระมัง“เปลี่ยนคำขอโทษเป็นคำสัญญาดีกว่า สัญญาสิว่าเธอจะไม่ทำอีก”คนสวยพยักหน้าน้อยๆ “แล้ว...ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มล่ะ”“หมายความว่าไง ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกน่า”“โธ่เอ๊ย ก็ถามเผื่อไว้นี่นา คุณก็รู้ว่ามีบางอย่างระหว่างเรา บางอย่างที่คุณกับฉันรู้กันแค่สองคน”“ไม่มีทาง มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” สมัตถ์บอกอย่างต้องการให้มันจบเทียนหยดทำหน้าบูด “ก็ได้ คุณกำลังหลอกตัวเอง เชื่อฉันเถอะ” เธอบอกแล้วถอนหายใจเฮือกๆ กลุ้มเรื่องที่ทำกับสมัตถ์แล้วยังกลุ้มเรื่องงานของตัวเองอีก“เธอมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหม”เขาเอ่ย อาสาช่วยละนะหากว่าเรื่องนั้นไม่เหนือบ่ากว่าแรง“คุณช่วยไม่ได้หรอก ฉันเครียดเรื่องออฟฟิศน่ะ กลัวเสร็จไม่ทัน กลัวไม่มีที่เก็บของ” บอกแล้วพ่นลมออกจากปากอีกครา ก่อนจะหันมาสนของที่อยู่ตรงหน้า เปิดมันออกแล้วพิจารณาแป้งสามตลับที่เรียงกันอยู่“ฉันคงช่วยไม่ได้จริงๆ กลับดีกว่า”เขาว
[12]ร้าวราน____________เหตุการณ์ในบ้านโสภณวิชญ์ เริ่มกับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่เทียนหยดยังงอนสมัตถ์ราวกับเขาเป็นสามีตัวเอง การที่เขายอมให้อภัยภรรยาง่ายๆ ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าความรักนั้นทำให้คนตาบอดได้จริง แน่ล่ะ เธอเคยเจอมาแล้ว และก้าวผ่านมันมาได้อย่างชอกช้ำระกำทรวงที่สุดจีรวัฒน์ไม่ติดต่อมาเลยนับตั้งแต่วันนั้น ความจริงเธอก็ห่วงเขานะ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไร กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะทำให้เขามีอันตรายถึงชีวิต ฉะนั้นวันศุกร์ตอนบ่ายแก่ๆ เธอจึงยอมเสียฟอร์ม ซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ แวะไปหาเขา และอยากขอโทษเรื่องวันนั้น แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเธอจะมาคืนดี คนอย่างเทียนหยดเจ็บแล้วเจ็บเลย เจ็บจำ แต่ที่มาหาเขาวันนี้เพราะมนุษยธรรมล้วนๆ และอีกอย่าง เธออยากคุยเรื่องที่ดินที่เขาเซ็นยกให้ เพราะมาคิดดูดีๆ แล้ว ที่ดินผืนนั้นมันน่าจะมีมูลค่ามากกว่าเงินที่จีรวัฒน์หยิบยืมไป และเธอไม่สบายใจหากเอามันมาครอบครองเพียงคนเดียวเทียนหยดค่อยๆ ชะลอรถเมื่อใกล้ถึงทางเข้าคอนโดฯ ทว่าสตรีนางหนึ่งที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่คันหน้านั้น
แล้วจู่ๆ สมัตถ์ก็น้ำตาไหล เทียนหยดแลเห็นแวบๆ ทางหางตา และต้องหันมามองเต็มหน้า หัวใจเธอเต้นแรง นอกจากโอบนิธิแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายร้องไห้เลยสักคนบุตรสาวของผกากรองดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่สวมอยู่ เอามันไปวางไว้บนหน้าขาของชายหนุ่ม เขาหันมา วงหน้าอมทุกข์ ดวงตาแดงก่ำและไร้รอยยิ้ม“คุณอาจต้องใช้ น้ำตาคุณ...” เธอบอกสั้นๆ ไม่อยากเอ่ยอะไรให้มากความ ด้วยรู้ว่าผู้ชายคงอับอายหากรู้ว่ามีคนอื่นเห็นหยดน้ำตา“เธอพูดบ้าอะไร” ถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ หยิบผ้านิ่มๆ ผืนนั้นโยนใส่ตักเจ้าของ ก่อนจะเอามือลูบหน้าแรงๆ และยิ่งตื่นตะลึงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังมีน้ำตาอย่างที่เทียนหยดว่าจริงๆ“ฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณเอ่อ...คิดแบบนั้นก็ได้” เอ่ยแล้วอยากเฉือนปากตัวเองทิ้งเสีย เรื่องที่เขาทะเลาะกับภรรยาคงหนักหนา และเธอคงไม่มีวันล่วงรู้หากเขาไม่บอก หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ ไม่รู้สิ ยังไม่อยากให้เขารู้หรอก น่าสงสารหัวใจของสามีผู้จงรักภักดี มันคงบางยิ่งกว่ากระดาษเสียอีกสมัตถ์เงียบไปครู่ใหญ่ สมองกำลังประมวลผล มันสับสนวุ่นวายไปหมด“ถ้าเกิดฉันต้องหย่ากับไนท์”ประโยคสั้นๆ นั้นทำเอาดวงตาของเทียนหยดเบิกโต