เวลาไล่เลี่ยกัน บนรถของเทียนหยด
สมัตถ์นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเบาะของตัวเอง เขายังไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่เอ่ยถาม “เธอทำแบบนี้ทำไม ป่วนประสาทไนท์?” เขาถามอีก
เทียนหยดหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองท้องถนนอย่างเดิม
“เพื่อ...ปูทางแก้แค้นมั้งคะ”
“แก้แค้นอะไรกัน แค่นี้ยังเป็นศัตรูกันไม่พออีกเหรอ”
“ฉันไม่เคยคิดว่าพวกคุณเป็นศัตรู”
“แล้วเป็นอะไรล่ะ” เขาย้อน
“คนในครอบครัวมั้งคะ” ตอบนิ่งๆ ได้ยินเสียงสมัตถ์หัวเราะหึๆ ในลำคอราวอยากเยาะหยันในสิ่งที่ได้ยิน
“เกลียดกันออกขนาดนี้ เธอยังคิดว่าจะญาติดีกันได้เหรอ”
“ฉันไม่เคยเกลียดค่ะ ฉันพยายามบอกคุณอยู่”
สมัตถ์อึ้งไปนิด ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วเอนหลัง พาตัวเองดำดิ่งไปกับสิ่งที่เทียนหยดเอื้อนเอ่ย ในขณะที่เทียนหยดก็พาสมองดำดิ่งสู่เรื่องที่ค้างคาใจ จีรวัฒน์กำลังนอกใจเธอ จริงหรือไม่จริง และถ้าไม่จริง ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้ว่าเขามีเพื่อนชื่อราตรี เธอรู้จักแก๊งเพื่อนเขา เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของเขาน่ะ รู้จักดี เคยไปนั่งดื่มกินด้วยกันก็บ่อย แต่ไม่มีใครเคยเอ่ยชื่อเพื่อนผู้หญิง ชื่อที่พอจะเป็นเจ้าของลิปสติกแท่งนั้นที่ราตรีแย่งไปเลย หรือว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น ลิปสติกเจ้าปัญหา มันเป็นของราตรีจริงๆ
ปรี๊น!
เอี๊ยด... ปึ้ก!
เสียงเบรกลากล้อพารถเก๋งคันงามเข้าจอดข้างทาง ตามด้วยเสียงอะไรสักอย่างกระทบกันอย่างแรง สมัตถ์อ้าปากเหวอ มือข้างหนึ่งจับที่จับเหนือศีรษะ หัวใจเต้นเร็วแรง มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถเขาไปในระยะประชิด ดีที่เทียนหยดหลบทันแล้วบังคับรถเข้าจอดข้างทางได้ ให้ตายเถอะ หล่อนไม่เห็นรถสองล้อหรืออย่างไร
“นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย เราเกือบตายแล้วนะ!”
สมัตถ์ได้สติรีบเฉ่งสารถีตีนผีที่เอาแต่ขับรถไม่ยอมมองการจราจรดีๆ
เทียนหยดพาใบหน้าออกจากพวงมาลัย หน้าผากเธอกระแทกมันอย่างแรง เจ็บหนึบไปหมด
“โอ...ตายแล้ว เจ็บไหม!” ถามอย่างตระหนก ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยเอามือไปวางทาบบนหน้าผากหล่อน ราวกับว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้รอยแดงปื้นใหญ่หายไป
หญิงสาวยังหลับตาปี๋ รับรู้ถึงมืออุ่นๆ ที่วางทาบหน้าผากอยู่ ความอบอุ่นจากมือของชายที่รักภรรยายิ่งกว่าสิ่งใด มันทำให้เธออดเวทนาตัวเองไม่ได้ ราตรีทำบุญด้วยสิ่งใดจึงได้สมัตถ์เป็นสามี
เทียนหยดน้ำตาซึมเอ่อ ก่อนที่มันจะไหลช้าๆ เธอลืมตาขึ้นมา พาสองมือออกจากพวงมาลัยรถมาปาดเช็ดหยดน้ำตา
สมัตถ์รีบเอามือออก รู้ว่าไม่เหมาะที่ไปโดนเนื้อตัวของหล่อนมากเกินไป
“เจ็บเหรอ ไปหาหมอไหม มาเถอะ เดี๋ยวฉันขับเอง”
เขาอาสา ตั้งท่าจะลงจากรถแต่เทียนหยดโบกมือห้าม
“ไม่ๆๆ ฉันไหว ฉันไหวสิ แค่...เอ่อ...บ้าจริง ฉันมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนมองไม่เห็นมอเตอร์ไซค์”
บอกเขาแล้วยกมือปิดใบหน้า พยายามกลั้นน้ำตาแต่สุดท้ายแล้วมันก็ไหลพรั่งพรู
“เจ็บมากเหรอ อย่านะ อย่าร้องสิ ฉันทำอะไรไม่ถูก”
คนเจ็บหน้าผากส่ายหน้ารัวๆ เธอไม่ได้เจ็บที่หน้าผากกระแทก แต่เจ็บที่ใจต่างหาก เจ็บที่สมองมันวนเวียนตอกย้ำว่าจีรวัฒน์กำลังนอกใจ
“ผ้าเช็ดหน้าไหม” เขาถามอีก ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับคนที่เหมาเอาว่าเป็นศัตรู เทียนหยดรับไปดีๆ เช็ดหน้าเช็ดตาแล้วสั่งน้ำมูกพรืดใหญ่ใส่ผ้าเช็ดหน้าเขา ก่อนจะยื่นคืนมา “โอ้...ไม่ๆๆ ยกให้ เอาไปเลย”
เขาปฏิเสธรัวๆ ท่าทีขยะแขยงนั้นทำให้เทียนหยดยิ้มขันทั้งที่มีน้ำตา
“ไว้ฉันจะซักมาคืนแล้วกัน”
“อือ...” เขาขานรับ ไม่ได้เอ่ยถามอะไร แต่เฝ้ามองวงหน้างามพริ้มที่ดวงตากับปลายจมูกแดงเถือก น่าสงสารนัก “แค่หน้าผากกระแทก ร้องไห้ยังกับโดนแฟนทิ้ง”
เทียนหยดยิ้มสมเพชตัวเอง ที่เธอกำลังเป็นอยู่ มันหนักหนายิ่งกว่าโดนทิ้งเสียอีก “คุณรักไนท์มากไหมสมัตถ์”
“มากสิ รักมานานแล้ว”
“หรือคะ แล้ว...เคยคิดไหมว่าเธออาจจะนอกใจคุณ”
เขาส่ายหน้ารัวๆ “ไม่มีทาง”
ความมั่นใจในดวงตาและคำพูดของสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดสะเทือนใจ ถ้าสิ่งที่เธอคิดเอาเองมันเป็นจริงขึ้นมา สมัตถ์จะเป็นยังไงนะ ที่แน่ๆ มันคงหนักหนากว่าเธอเชียวล่ะ
“ฉัน...กำลังสงสัยว่าจีรวัฒน์...” เขาทำหน้างงยามเธอเอ่ยชื่อนั้น “แฟนฉันน่ะ”
“อ้อ...”
“ฉันสงสัยว่าเขากำลังนอกใจ” ยิ่งระบายออกมาน้ำตาก็ยิ่งไหล ต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าของสมัตถ์เป็นที่รองรับหยดน้ำตา
“เธอแน่ใจ?” เขาทวงถาม หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ “เธออาจคิดไปเอง” เขาว่า น้ำเสียงคล้ายๆ มีความเห็นอกเห็นใจซุกซ่อนอยู่
หญิงสาวสูดน้ำมูกแรงๆ จับพลิกผ้าเช็ดหน้า มือไม้สั่นระริกจนสมัตถ์ต้องมาช่วยดึงผ้าที่พับทบกันไว้ให้มันคลี่ออก เพื่อที่ส่วนที่แห้งที่สุดจะได้รองรับน้ำตาหยดต่อไป
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ