ทั้งสองคนมาถึงบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd ในเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง เป็นความเคยชินของพนักงานเสียแล้วที่จะเห็นผู้บริหารสูงสุดกับคุณเทียนหยดเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกัน เพราะปกติแล้ว ทั้งสองก็จะขับรถอกจากบ้านโสภณวิชญ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอ
สมัตถ์เริ่มต้นทำงานของเขาอย่างไม่รีบร้อนนัก เอกสารในรายงานบางแฟ้มเขาต้องถามเทียนหยดเพื่อความเข้าใจ ส่วนเทียนหยด หากว่าเว้นจากการช่วยสมัตถ์ หญิงสาวก็จะขลุกอยู่กับโน้ตบุ๊กเครื่องเก่ง มีสมาร์ตโฟนวางอยู่ใกล้ๆ ตาจ้องหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความเป็นระยะ การเป็นแม่ค้าออนไลน์ทำให้เทียนหยดไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก มีรายการสั่งซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตัวแทน แต่เท่านั้นเทียนหยดก็พอใจแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้ด้วยตัวเอง
เกือบสิบเอ็ดโมง สมัตถ์ละสายตาจากเอกสารแฟ้มสุดท้าย ท้องเขาร้องจ้อกๆ เพราะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าอย่างที่ควรจะเป็น เทียนหยดปิดโน้ตบุ๊กบ้าง เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนก็เห็นว่ายังไม่มีใครโทรเข้ามา
“โทรหาเขาสิ ถ้าเธอคิดถึง” เขาแนะ แต่เทียนหยดส่ายหน้า
“ฉันโทรหาเขาก่อนทุกที เป็นเวลาหลายปีแล้ว ลองให้เขาเป็นฝ่ายโทรหาฉันบ้าง ฉันจะได้รู้...ว่าเขาคิดถึงฉันบ้างไหม หรือคิดถึงเฉพาะตอนที่อยากได้เงิน”
“เธอทุ่มเทมากเทียนหยด”
“เรียกฉันว่าเทียนเฉยๆ ก็ได้”
สมัตถ์โคลงศีรษะ แถมยังเลิกคิ้วสูง
“มันรู้สึกแปลกๆ ที่ให้ความสนิทสนมกับคนที่เป็นศัตรู”
“ช่างคุณสิ ฉันบอกแล้วว่าคุณไม่ศัตรูฉัน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันอยากบอกคุณ”
“งั้นบอกตอนนี้”
“ไม่ มันต้อง...ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลา”
“บอกเลยไม่ได้เหรอ” เขาถามอย่างนึกรำคาญ แต่หล่อนก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ “ทำไมล่ะ”
“ฉันกลัวคุณช็อกตาย” บอกเขาแล้วลุกขึ้นยืน รู้สึกหิวตงิดๆ สมัตถ์วางแฟ้มลงแล้วลุกขึ้นบ้าง “ฉันหิวจัง คุณหิวไหม”
“หิวมาก เมื่อเช้ามีแค่กาแฟเหลือๆ กลั้วท้อง”
“คะ?” เธอทำหน้างง สมัตถ์รีบกลบเกลื่อน
“เอ่อ...หมายถึงกาแฟนั่นแหละ”
“โอเค งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ จะได้รีบกลับมาสะสางงานต่อ คุณเลี้ยงนะ” เธอสั่ง แต่เขาส่ายหน้า
“เธอชวน เธอต้องเลี้ยงสิ”
หญิงสาวทำหน้ายุ่ง ทำไมพวกผู้ชายถึงไม่ยอมเป็นสุภาพบุรุษกับเธอเลยนะ
“คุณเงินเดือนเยอะกว่าฉัน”
“แต่ฉันต้องเลี้ยงย่า เลี้ยงเมีย คนใช้อีก ค่าน้ำค่าไฟ และ...”
“พอๆๆ เลี้ยงก็ได้” เธอโบกมือไหวๆ ให้เขาหยุดพล่าม นึกดีใจที่อย่างน้อยสมัตถ์ก็ยอมพูดดีๆ กับเธอบ้าง ไม่ใช่คอยแต่จะแยกเขี้ยวใส่เหมือนที่เจอกันแรกๆ เธอยังมีหวัง มีหวังว่าสักวันเขาจะยอมรับในตัวพ่อเลี้ยงของเธอ เธออยากอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เขาเอาความแค้นเคืองไปป้ายแปะให้คนที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว อยากอธิบายความจริงในหลายๆ เรื่อง ความจริงที่เธอรู้อยู่แค่คนเดียว
____________
สมัตถ์กับเทียนหยดเดินข้ามฝั่งมารับประทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ตลอดเวลาที่เดินข้ามถนนนั้น เสื้อสูทของสมัตถ์ไม่ห่างจากศีรษะของเทียนหยดเลย เขาถอดเสื้อออกเพื่อเอามาคลุมบังแดดร้อนตอนเที่ยงวันให้
เทียนหยดหัวใจเต้นแรง ทั้งจากการกระทำของเขา และจากการที่ร่างกายอยู่ใกล้บุรุษเพศ เขาแค่ทำตามหน้าที่สุภาพบุรุษที่ดี สมัตถ์มีมันจริงๆ และยังเผื่อแผ่ความเป็นสุภาพบุรุษนั้นมาให้เธอด้วย
_________
แอร์เย็นฉ่ำภายในร้านอาหารญี่ปุ่นช่วยทำให้หนุ่มสาวคลายร้อนลงไปได้บ้าง เทียนหยดสั่งอาหารแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ สมัตถ์เลยโทรหาภรรยา เขารอสายอยู่นานกว่านาที หล่อนจึงยอมรับสาย
“ไนท์ กินข้าวหรือยังครับ” เขาถาม ยิ้มให้กับคนปลายสายทั้งกลัวว่าหล่อนจะยังไม่ยอมจบเรื่องเมื่อเช้า เขารออยู่ชั่วอึดใจ หล่อนจึงตอบกลับมา
“อ่า...ค่ะ...คือ...ไนท์มาเที่ยวบ้านเพื่อนน่ะ อือ...อา...”
“หือ? อะไรนะ อือๆ อาๆ ฟังไม่รู้เรื่อง” เขาถามแล้วมุ่นคิ้ว ราตรีเหมือนทำอะไรอยู่แล้วเขาโทรไปกวนหล่อนอย่างนั้นล่ะ
“เอ่อ...คือ ไนท์มานวดสปากับเพื่อนน่ะ กลับค่ำๆ นะคะ แค่นี้ก่อนนะคะ พี่เขานวดแรงมาก อ๊ะ!”
ตู๊ด...
แล้วสายก็ถูกตัดไป ท่ามกลางความงงของสมัตถ์
“ตกลงอยู่บ้านเพื่อนหรืออยู่สปากันแน่” ถามตัวเองแล้วหย่อนสมาร์ตโฟนเข้าในกระเป๋ากางเกง เป็นเวลาเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟและเทียนหยดเดินกลับมา ช่วงขาอันเรียวเสลาของหล่อนดึงสายตาเขาให้ต้องหยุดมองนานๆ หล่อนยังส่งยิ้มมาให้เขาด้วย...ไม่ใช่หรอก หล่อนยิ้มให้อย่างอื่นต่างหาก
“ว้าว...น่ากินจังเลย ฉันหิวๆๆ” บอกแล้วนั่งลงตรงข้ามสมัตถ์ ก่อนจะจัดการอาหารตรงหน้าตัวเอง ซึ่งเป็นอาหารแบบจัดชุด เธอกินมันทุกอย่าง กินเกือบหมด พุงกาง ตบท้ายด้วยไอศกรีมอีกถ้วยเล็กๆ
“ไนท์ไม่กินไอศกรีม กลัวอ้วน”
เขาเปรย ขณะจิบน้ำมะนาวโซดา มันช่วยให้สดชื่นมากกว่าการจิบกาแฟ
“ฉันก็กลัวค่ะ แต่ฉันอยากกิน และไอติมมันอร่อย” ว่าแล้วยิ้ม ตักไอศกรีมเข้าปาก เลียช้อนเบาๆ ด้วยท่าทีไร้เดียงสา แต่ทำเอาบางส่วนในร่างสมัตถ์หนักอึ้งขึ้นมา
ชายหนุ่มเลื่อนมือลงไปขยับหัวเข็มขัดเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่ามันคับโดยไม่มีสาเหตุ เป็นเพราะลิ้นสีชมพูของหล่อนแน่ๆ ให้ตายเถอะ ร่างกายเขาเป็นอะไรหนักหนา ทำไมชอบมีอารมณ์ตอนมองเทียนหยด มองขาหล่อน มองริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั่น มองลิ้นหล่อนด้วย บ้าจริง นายแต่งงานแล้วนะสมัตถ์ มีภรรยาที่แสนดีและนายก็รักหล่อนมากด้วย
แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่สายตาสมัตถ์ก็ไม่อาจละไปจากริมฝีปากเทียนหยดได้เลย กระทั่งไอศกรีมคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก และหล่อนกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงได้ละสายตาออกมาแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาเปิด การ์ดสีทองใบหนึ่งถูกดึงออกมารอท่า“อ้าว? ไหนบอกให้ฉันเลี้ยง” เธอท้วง“ฉันเลี้ยงเอง”“ทำไม” เธอยังไม่เข้าใจ“ฉันสงสารน่ะ เดาว่าเธอคงไม่เคยถูกผู้ชายเลี้ยง ฉันเลี้ยงแหละดีแล้ว เพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษ”เทียนหยดอ้าปากน้อยๆ รอจนพนักงานเอาเครดิตการ์ดของเขาไปจัดการจึงได้เอ่ยขึ้น “คุณสมัตถ์คะ”“ครับ”“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย” บอกแล้วกำกำปั้นทุบอกซ้ายเบาๆ หน้าตาจริงจัง จนสมัตถ์นึกขัน“ความรักมันดีเทียนหยด แต่ต้องมีสติ แม่เธอพูดถูกนะ คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ ไม่ใช่คอยแต่แบมือขอเงิน ไม่ใช่จะสั่งสอนหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้”หญิงสาวทำหน้าเบื่อโลก ก่อนจะลุกยืนเมื่อพนักงานเอาเครดิตการ์ดมาคืน เขาเซ็นอะไรยุกยิกก่อนจะดึงเครดิตการ์ดและใบเสร็จคืนมา“นั่นแหละเขาเรียกสอนค่ะ” ประชดน้อยๆ แล้วค้อนเขาสมัตถ์ยิ้มบางๆ ยื่นสูทให้หล่อนเอาไปบังแดดเสียเอง การอยู่ใกล้เทียนหยดทำให้ความสามารถในการค
“วันนี้กลับเร็วจัง” ท้วงถามแล้วสอดแขนกอดหล่อนจากด้านหลัง ใช้จมูกคมๆ สูดดมซอกคอภรรยาชาวบ้านจนชื่นปอด“ต้องไปสปา เดี๋ยวเขาสงสัยว่าไปจริงไหม”“คุณมันร้าย”“แล้วชอบไหมล่ะ” ถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ว่าจีรวัฒน์ไม่ได้รักเธอหรอก เขามีคนรักอยู่แล้ว และเธอไม่ปรารถนาจะรับรู้ว่าเจ้าหล่อนคือใคร“ที่สุดครับ ว่าแต่...อาทิตย์หน้าผมว่าง ไปเที่ยวกันไหม ใกล้ๆ ก็ได้”ราตรีมุ่นคิ้ว “สามีฉันเพิ่งเริ่มงานใหม่ อะไรๆ ยังไม่ลงตัว ที่สำคัญคือฉันต้องช่วยเขาเซฟค่าใช้จ่าย” เธออธิบาย“โอเค งั้นเอาไว้คราวหน้า แล้วคุณจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” เขาถามต่อ นึกถึงรสรักของราตรีแล้วอยากให้นอนรออยู่บนเตียงทุกคืนเลยล่ะ“ยังไม่รู้เลย แล้วจะโทรมาแล้วกัน ไปแล้วนะ” สั่งลาแล้วทำท่าจะก้าวออกไป แต่ถูกจีรวัฒน์ดึงแขนไว้ เขาดึงร่างเธอเข้าไปหาอีกรอบ แล้วโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตเสียดูดดื่ม ประหนึ่งว่ามิเคยจุมพิตกันเสียอย่างนั้น“เมื่อไหร่จะเลิกกับเขาแล้วมาสนุกด้วยกันอย่างถาวรนะ ชักต
EP 5ความจริงอันแสนเจ็บปวด______________วันอาทิตย์โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว“แม่ครับ”“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว“แปลไม่ได้ครับ”“กูเกิ้ลสิลูก”คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก_________เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่
“ครับผม” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย หอบเอาสมุดปากกาและตำราเข้าข้างใน“โอบรอข้างในนะคุณ” เธอบอก เขาพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมลุก แม้ว่าเทียนหยดจะลุกไปหาของว่างในครัวแล้วก็ตาม“เรียกฉันว่าน้าก็ได้ เรียกคุณๆ มันยังไงชอบกล ไหนๆ ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน” ผกากรองเอ่ย จับเอาฟักทองซีกหนึ่งมาฝานเปลือกออกด้วยมีดสองคม มือขาวๆ นั้นเริ่มดำด่างด้วยการกระทำของเปลือกฟักทอง ทว่าเจ้าของมิได้สนใจ สิ่งที่นางทำช่างขัดกับมาดคุณนายที่เป็น ผกากรองสวมชุดเดรสแบรนด์เนมร่วมสมัย ทว่าด้วยการออกแบบนั้นช่วยทำให้สมกับอายุของนาง มิได้ดูฉูดฉาดมากไป อยู่ในความพอเหมาะพอดี ดูเรียบหรูจนสมัตถ์ยังนึกชื่นชม“คุณไม่โกรธพวกเราแล้วเหรอ เมื่อก่อนยังเห็นเป็นศัตรู” เขาสะกิดใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผกากรองกับบุตรชายก็อยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ทำบ้านให้ร้อนเป็นไฟอย่างที่เขาเคยคิด นางยังช่วยทำอาหารอร่อยๆ ขึ้นโต๊ะให้คนในบ้านรับประทาน อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อย“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรนี่ ถ้าคุณทำงานให้ RPS อย่างขันแข็ง ซื่อตรง แล้วฉันจะมองคุณเป็นศัตรูได้ยังไง ฉันไม่
“เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกที่เราไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้” เขาเปรยราวกับปลงแล้วทุกสิ่ง“บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าสามีฉันเอาอะไรมาวัดว่าคุณไว้ใจได้ อาจเป็นความรู้สึกผิดของเขา หรืออาจเพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่เขายกหุ้นให้คุณ แต่ฉันเชื่อใจเขานะ เขาคงไม่หาคนมาผลาญ RPS หรอก ในเมื่อเขาไว้ใจคุณ ฉันก็จะไว้ใจคุณ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่รุ่งรดิศอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันมาแล้ว เวลาอาจช่วยไขข้อข้องใจให้เราก็ได้ รอไปด้วยกันไหมคุณสมัตถ์”แม้ไม่อยากเห็นด้วย แต่ไม่มีทางเลือกเลย สุดท้ายสมัตถ์ก็ต้องพยักหน้ารับคำนางผกากรอง นางยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบของเขา ก่อนจะยกเอาถาดฟักทองมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืน เขาลุกตามบ้าง ฟักทองเหลืองอร่ามในถาดอลูมิเนียมหากเอาไปทำแกงคงอร่อยไม่หยอก“แม่ผมไม่ค่อยเข้าครัวเท่าไหร่ เราชอบความสะดวก ซื้อมากิน หรือไม่ก็ไปกินที่ร้าน ผมชินเสียแล้วกับการที่แม่บ้านแม่เรือนไม่ค่อยทำหน้าที่” เขาเอ่ยขำๆ แต่เหมือนแก้ต่างให้ศรีภรรยาที่ยังหลับไม่ตื่น“ฉันเข้าใจค่ะ คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน ยัยเทียนเอง เห็นเป็
“จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะโอบ ชู่ว์...” กอดน้องชายไว้แล้วน้ำตาจะไหล ทุกอาทิตย์คุณลุงจะมาหาโอบนิธิ แต่นับตั้งแต่ท่านเสียไป โอบนิธิก็ได้เฝ้ารอแค่ความว่างเปล่า จิตใจของเด็กนั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะทนรับเรื่องร้ายๆ เธอไม่โทษน้องชายเลยที่ร้องไห้อย่างไม่อายใคร เพราะหากเธออายุเท่าเขา เธอคงนอนร้องไห้ทุกวันทุกคืน“พี่เทียน...ฮึกๆ คิดถึงพ่อ...พ่อไม่มาแล้ว...ไม่มากอดโอบแล้ว ฮือ...”เด็กชายร้องไห้ฟูมฟาย จนอกเสื้อพี่สาวเปียกชุ่ม เทียนหยดเห็นท่าไม่ดีก็ร้องหาตัวช่วย“แม่! แม่คะ แม่!”“อะไร! อะไรของแกฮึเทียน”ผกากรองเดินหน้าตื่นออกจากห้องครัว นางตรงมาทางห้องนั่งเล่น กลิ่นน้ำพริกแกงเลียงยังติดกายนางมาประหนึ่งถือถ้วยแกงมาด้วยสตรีวัยเลยสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นบุตรชายนั่งร้องไห้อยู่กับอกคนเป็นพี่ นางเข้าไปดึงร่างโอบนิธิออกมา“แม่ครับ...ฮึกๆ”“หยุด...แม่บอกให้หยุดร้อง”ผกากรองใช้เสียงเรียบต่ำ บอกให้รู้ว่านางไม่พอใจที่เห็นเขาร้องไห้โอบนิธิปาดน้ำตา หน้าตายังบิดเบ้ พวงแก้มขึ้นส
“ตายจริง ขอโทษนะคะ ไนท์ปวดหัวเลยลุกไม่ขึ้น ไม่ได้ออกไปซื้อกับข้าวให้ทุกคนเลย” เอ่ยอย่างขออภัยแล้วนั่งลงข้างสามี สาวใช้รีบยกผ้ารองจานกับจานข้าวมาให้ ราตรียังตีหน้าสำนึกผิดจนสมัตถ์นึกสงสาร“ไม่เป็นไรครับ แม่น้องโอบทำกับข้าวแล้วล่ะ คุณกินสิ กำลังร้อนๆ เลย” ว่าแล้วตักแกงเลียงใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ภรรยา แต่ราตรีที่ยังมีอาการเมาค้าง เกิดพะอืดพะอม ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “โอย...ไหวไหมไนท์”สมัตถ์ถามอย่างห่วงใย ท่าทีเอาใจใส่ภรรยานั้นทำเอาเทียนหยดหน้าสลด แน่ล่ะ จีรวัฒน์ไม่ได้ครึ่งของสมัตถ์เลย เป็นเธอมากกว่าที่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา“พะอืดพะอมอย่างนี้จะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ” ผกากรองตั้งข้อสังเกต แต่ทำให้สีหน้าของสมัตถ์เปลี่ยนไป เขาขยับนั่งตัวตรง หันไปมองภรรยา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขา มันทำให้เขาพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง“ถ้าหล่อนหมายถึงเรื่องลูกละก็ เป็นไปไม่ได้หรอก หลานฉันเป็นหมันน่ะ”“คุณย่าคะ!” ราตรีเอ่ยดังๆ ด้วยไม่อยากให้นางศรีสุรางค์เอ่ยเรื่องนี้“ทำไมฮึยัยไนท์ มันเรื่องจริง ยอมรับส
มือเรียวยกป้องปากงาม หัวใจเต้นถี่ระรัว ทั้งโกรธ...ทั้งรัก ทั้งแค้นใจ! ไฟล์วิดีโอยังเล่นไปพร้อมๆ กับน้ำตาของเทียนหยดที่ไหลริน ริมฝีปากสั่นระริกเม้มแล้วเม้มอีก ดวงตาหลั่งสายธารออกมาราวกับน้ำตกผืนใหญ่ในฤดูฝนพรำ ยิ่งนั่งดู ยิ่งปวดใจ เฝ้ามองภาพคนรักของตัวเองกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงอื่น ทั้งสองปล้ำถอดเสื้อผ้ากันจนเหลือเพียงชุดชั้นใน และวินาทีที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดออกจากสองร่าง เธอก็กดหยุดวิดีโอ ก่อนที่หัวใจจะแตกสลายเพราะการกระทำของชายที่เธอจงรักภักดีเทียนหยดปิดพับหน้าจอกล้องถ่ายรูปเข้าหาตัว กล้องตัวนี้สมรรถภาพเยี่ยมยอด สามารถกดแชร์ภาพ แชร์วิดีโอลงแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กได้ทันที เธออยากทำใจจะขาด อยากประจานความชั่วร้ายของคนทั้งสอง แต่สุดท้าย...ก็เก็บมันเข้ากระเป๋าถือใบโต หักห้ามใจเอาไว้ ข่มความโกรธความเจ็บใจ ไว้รอวันเอาคืน ตอนนี้เธอยังมีสติไม่พอ เธอกำลังโกรธมาก! และทุกอย่างจะพังพินาศถ้าเธอสติแตก!“อือ...เทียน...มาแล้วเหรอ”เสียงถามดังอืออามาจากห้องนอน เทียนหยดรีบปาดน้ำตา หยิบเครื่องสำอางมาเติมแป้งเติมลิปสติก มิให้มีรอยพิรุธ ทว่าแต่งเติมอย่างไร
ริมฝีปากคมอ้าค้างน้อยๆ เลือดลมสูบฉีดเร็วแรง ดวงตาที่เบิกโตมีหยดน้ำตาซึมเอ่อ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ให้ตายเถอะ! ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ที ความเจ็บจุกมันหล่นทับหัวใจเขาจนแม้แต่กระดิกกายก็ทำไม่ได้ ราตรีนอกใจเขา!‘หล่อนนอกใจเขา!’ก๊อกๆๆประตูห้องถูกเคาะอีกครั้งก่อนที่ราตรีจะผลักเข้ามา ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มสดใสให้สามีดั่งที่เคยทำมา“มัตถ์คะ กินข้าวเถอะค่ะ คุณย่าหิวแล้ว ท่านบอกให้ตั้งโต๊ะเร็วหน่อย”เสียงเจื้อยแจ้วของศรีภรรยาทำให้สามีต้องเงยหน้าขึ้นมอง เขาพูดไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าหล่อน อยากถามหล่อนว่าทำได้อย่างไร กล้ามีชู้ได้ยังไง!“มัตถ์?”“เอ่อ...คือ...จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้”นั่นคือสิ่งที่ริมฝีปากเอ่ยออกมาได้ ต้องกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ กว่าจะเค้นคำพูดออกมาแต่ละคำมันช่างทรมานเหลือเกิน ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากทำที่สุดคือจับราตรีมาเขย่าให้หัวหลุดจะได้สาแก่ใจ“เร็วสิคะ ไนท์รอที่โต๊ะนะ”เขายิ้มให้กับคำกล่าวนั้น จนราตรีหายไปจากหน้าประตู ต้องกะพริบตาถี่ๆ แล้ว
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกแต่เทียนหยดยิ้มกริ่ม เริ่มสนุกที่ได้แกล้งเขา“ม่าย...อีกนิดค่ะคุณผู้ชายขา...อีกนิด...” ว่าแล้วตบแป้งหนักๆ ถี่ๆ สมัตถ์ทนไม่ไหวก็คว้ากล่องแป้งเคาะกบาลช่างแต่งหน้าจำเป็นไปหนึ่งทีปึ้ก!“โอ๊ยคุณ! เคาะหัวฉันทำไมเนี่ย” คนสวยทำหน้ายู่ หันมองกล้องแล้วเอามือลูบกบาลป้อยๆ“ก็เธอทำฉันก่อน หน้าคนนะไม่ใช่หนังควาย ถูมาได้” บ่นเบาๆ เสียงต่ำจนคนฟังรู้ว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว“เออๆ ขอโทษก็ได้ มานี่มา มาให้คุณผู้ชมเห็นหน้าชัดๆ หน่อย”แล้วเทียนหยดก็ยกกล้องลงจากขาตั้งมาจ่อใกล้ใบหน้าเขา รูขุมขนที่ค่อนข้างกว้างในตอนแรก บัดนี้ดูจางลงเพราะมีเนื้อแป้งปกปิดไว้ เธอจ่อกล้องไว้ใกล้หน้าเขาราวครึ่งนาที ก่อนจะจับมันไปวางไว้ที่เดิม แล้วนั่งลงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ยิ้มอะไรของเธอ” เขาสงสัย“ก็...โบกแป้งแล้วคุณก็หน้าเนียนดีเนอะ หน้าอย่างนี้ขึ้นกล้องดีจัง น่าจะไปเป็นดารานะ มองไปมองมานี่ก็คล้ายพระเอกหนังเนาะ”เมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้าสมัตถ์ก็ทำตัวไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหน้าบึ้งก็ไ
สมัตถ์อมยิ้ม หล่อนคงยังรู้สึกผิดกระมัง“เปลี่ยนคำขอโทษเป็นคำสัญญาดีกว่า สัญญาสิว่าเธอจะไม่ทำอีก”คนสวยพยักหน้าน้อยๆ “แล้ว...ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มล่ะ”“หมายความว่าไง ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกน่า”“โธ่เอ๊ย ก็ถามเผื่อไว้นี่นา คุณก็รู้ว่ามีบางอย่างระหว่างเรา บางอย่างที่คุณกับฉันรู้กันแค่สองคน”“ไม่มีทาง มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” สมัตถ์บอกอย่างต้องการให้มันจบเทียนหยดทำหน้าบูด “ก็ได้ คุณกำลังหลอกตัวเอง เชื่อฉันเถอะ” เธอบอกแล้วถอนหายใจเฮือกๆ กลุ้มเรื่องที่ทำกับสมัตถ์แล้วยังกลุ้มเรื่องงานของตัวเองอีก“เธอมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหม”เขาเอ่ย อาสาช่วยละนะหากว่าเรื่องนั้นไม่เหนือบ่ากว่าแรง“คุณช่วยไม่ได้หรอก ฉันเครียดเรื่องออฟฟิศน่ะ กลัวเสร็จไม่ทัน กลัวไม่มีที่เก็บของ” บอกแล้วพ่นลมออกจากปากอีกครา ก่อนจะหันมาสนของที่อยู่ตรงหน้า เปิดมันออกแล้วพิจารณาแป้งสามตลับที่เรียงกันอยู่“ฉันคงช่วยไม่ได้จริงๆ กลับดีกว่า”เขาว
[12]ร้าวราน____________เหตุการณ์ในบ้านโสภณวิชญ์ เริ่มกับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่เทียนหยดยังงอนสมัตถ์ราวกับเขาเป็นสามีตัวเอง การที่เขายอมให้อภัยภรรยาง่ายๆ ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าความรักนั้นทำให้คนตาบอดได้จริง แน่ล่ะ เธอเคยเจอมาแล้ว และก้าวผ่านมันมาได้อย่างชอกช้ำระกำทรวงที่สุดจีรวัฒน์ไม่ติดต่อมาเลยนับตั้งแต่วันนั้น ความจริงเธอก็ห่วงเขานะ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไร กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะทำให้เขามีอันตรายถึงชีวิต ฉะนั้นวันศุกร์ตอนบ่ายแก่ๆ เธอจึงยอมเสียฟอร์ม ซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ แวะไปหาเขา และอยากขอโทษเรื่องวันนั้น แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเธอจะมาคืนดี คนอย่างเทียนหยดเจ็บแล้วเจ็บเลย เจ็บจำ แต่ที่มาหาเขาวันนี้เพราะมนุษยธรรมล้วนๆ และอีกอย่าง เธออยากคุยเรื่องที่ดินที่เขาเซ็นยกให้ เพราะมาคิดดูดีๆ แล้ว ที่ดินผืนนั้นมันน่าจะมีมูลค่ามากกว่าเงินที่จีรวัฒน์หยิบยืมไป และเธอไม่สบายใจหากเอามันมาครอบครองเพียงคนเดียวเทียนหยดค่อยๆ ชะลอรถเมื่อใกล้ถึงทางเข้าคอนโดฯ ทว่าสตรีนางหนึ่งที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่คันหน้านั้น
แล้วจู่ๆ สมัตถ์ก็น้ำตาไหล เทียนหยดแลเห็นแวบๆ ทางหางตา และต้องหันมามองเต็มหน้า หัวใจเธอเต้นแรง นอกจากโอบนิธิแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายร้องไห้เลยสักคนบุตรสาวของผกากรองดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่สวมอยู่ เอามันไปวางไว้บนหน้าขาของชายหนุ่ม เขาหันมา วงหน้าอมทุกข์ ดวงตาแดงก่ำและไร้รอยยิ้ม“คุณอาจต้องใช้ น้ำตาคุณ...” เธอบอกสั้นๆ ไม่อยากเอ่ยอะไรให้มากความ ด้วยรู้ว่าผู้ชายคงอับอายหากรู้ว่ามีคนอื่นเห็นหยดน้ำตา“เธอพูดบ้าอะไร” ถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ หยิบผ้านิ่มๆ ผืนนั้นโยนใส่ตักเจ้าของ ก่อนจะเอามือลูบหน้าแรงๆ และยิ่งตื่นตะลึงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังมีน้ำตาอย่างที่เทียนหยดว่าจริงๆ“ฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณเอ่อ...คิดแบบนั้นก็ได้” เอ่ยแล้วอยากเฉือนปากตัวเองทิ้งเสีย เรื่องที่เขาทะเลาะกับภรรยาคงหนักหนา และเธอคงไม่มีวันล่วงรู้หากเขาไม่บอก หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ ไม่รู้สิ ยังไม่อยากให้เขารู้หรอก น่าสงสารหัวใจของสามีผู้จงรักภักดี มันคงบางยิ่งกว่ากระดาษเสียอีกสมัตถ์เงียบไปครู่ใหญ่ สมองกำลังประมวลผล มันสับสนวุ่นวายไปหมด“ถ้าเกิดฉันต้องหย่ากับไนท์”ประโยคสั้นๆ นั้นทำเอาดวงตาของเทียนหยดเบิกโต
ราตรีใจหายวาบ รีบหาทางแก้ต่างเป็นการด่วน“อะไรนะ! บ้าไปแล้วสมัตถ์ ไม่มีอะไรทำหรือไงถึงได้มาหาเรื่องกัน ไนท์จะมีกลิ่นแบบนั้นได้ยังไงฮะ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ไนท์โกรธ!” ราตรีทำเป็นตีโพยตีพาย แต่สมัตถ์ก็ไม่ยอมแพ้“แต่ผมมั่นใจ!”“ไปตายซะ! ไนท์อยู่ของไนท์ดีๆ มาว่าไนท์ทำไมฮะ! หรืออยากมีคนใหม่ ถ้าอยากมีก็ไปเลยสมัตถ์ ไม่ต้องมากล่าวหากันอย่างนี้!” ราตรีออกอาการเหวี่ยงวีน บีบน้ำตาจนมันไหลมาคลอเต็มสองเบ้าสมัตถ์ใจไหวยวบ น้ำตาผู้หญิงไม่เคยถูกจริตเขาเลย“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ตอบมาไนท์ ไอ้นั่นมันเป็นใคร!”“บ้าบอคอแตก ฆ่าไนท์เถอะถ้าจะให้ไนท์โกหก!”คำย้อนคืนของราตรีทำเอาสมัตถ์เริ่มไม่มั่นใจ“ก็มันจริง!” เขาเถียง ใบหน้าหล่อเหลาไร้แววรื่นรมย์ มันเครียดขมึง แดงก่ำและดวงตาเต็มไปด้วยโทสะราตรีร้องไห้กระซิกๆ ยืนมองสามี ริมฝีปากสั่นไหว“หลักฐานก็ไม่มี”“มี! แต่คุณอาบน้ำแล้วนี่” เขาเอ่ยออกมาเหมือนเยาะราตรีส่ายหน้าอย่างเหลืออด มือข้างหน
เสียงหัวเราะของราตรีช่างเจ้าเล่ห์เหลือร้าย สมัตถ์มุ่นคิ้วหนักๆ ความระแวงแคลงใจแล่นกลับสู่หัวใจอีกระลอก เขาตัดสินใจเคาะประตูก๊อกๆๆราตรีหันขวับมาหา ดวงตาเบิกโตเล็กน้อย หน้าเจื่อน รีบเอาโทรศัพท์ซ่อนไว้ด้านหลัง“เอ้า...มาแล้วหรือคะ วันนี้กลับไวจัง” ทำเป็นทักทายอย่างปกติ มิให้พิรุธสมัตถ์หรี่ตาลงอย่างสงสัย แต่วงหน้าก็ยิ้มแย้มเช่นเดิม เขาดึงเนกไทลงน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปสวมกอดหล่อน“อะไรคะนี่”“ก็คิดถึง อยากกอด” เขาว่า สองแขนโอบร่างหล่อน แต่สองตามองลงไปเบื้องล่าง โทรศัพท์มือถือของหล่อนยังไม่วางสาย มันยังขึ้นแถบสีเขียวสว่างจ้า ไม่ปรากฏชื่อคนที่โทรเข้ามา มีแต่เบอร์ที่เป็นตัวเลขเท่านั้น เขาจนใจจะจำมันได้ครบเพราะเห็นไม่ชัดเจน และไม่กี่วินาทีต่อมาหล่อนก็ผลักเขาออก“พอแล้วค่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนสิคะ เหม็นเหงื่อ”“เหม็นตรงไหน ออกจะหอม” เขาเถียง ราตรีกลอกตาไปมา“เอ่อ...ไนท์ ไนท์ว่าจะลงไปดูคุณย่าค่ะ แกเอนหลังตั้งแต่บ่าย ไม่รู้ตื่นหรือยัง” เอ่ยยิ้มๆ เอามือถือ
[11]ระแวงแคลงใจ___________เสียงไขกุญแจเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าประตู สมัตถ์รีบดึงผ้านวมขึ้นชิดปลายคาง ปกติเขาจะไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกหากได้หลับลึกไปแล้ว ทว่าวันนี้ดันดื่มน้ำอัดลมเยอะไปหน่อย ท้องไส้เลยไม่ปกติต้องลุกมาหายารับประทาน ต้องถือว่าเป็นความผิดของโอบนิธิละนะ เพราะเด็กน้อยผู้น่ารักดันชวนดวนน้ำอัดลมตอนออกมาจากวัด จัดกันไปคนละหลายขวดโดยมีเทียนหยดเป็นเจ้ามือ นอกจากท้องอืดจนรับประทานมื้อค่ำไม่ได้แล้ว เลยได้ของแถมเป็นการปวดท้องตอนใกล้เที่ยงคืนนี่อย่างไรแกรก...เสียงลูกบิดประตูถูกหมุนให้ลงล็อก สมัตถ์ยิ้มกริ่มท่ามกลางแสงสลัวในห้องนอน ไฟในห้องเขาไม่ได้เปิด เปิดไว้เพียงไฟในห้องน้ำ ทว่ามันก็ถูกแง้มไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสียงฝีเท้าของราตรีหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ก่อนที่เสียงสั่นครืดๆ ของโทรศัพท์ไร้สายของหล่อนจะดังขึ้นเบาๆ เสียงควานหามันในกระเป๋าดังตามมา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นดูเล็กน้อย ก่อนจะรีบหุบลงเมื่อหล่อนเหลือบมามอง“ฮัลโหล โทรมาทำไมฮะ”เสียงกระซิบกระซาบถามคนปลายสายสมัตถ์ม
เทียนหยดทำอย่างเดียวกับกับน้องชาย เหลือเพียงสมัตถ์ที่ยืนตัวแข็ง ใบหน้านิ่งเฉยไร้รอยยิ้ม“พี่มัตถ์ ไหว้พ่อสิครับ”สมัตนิ่งขึง เทียนหยดดึงชายเสื้อเขาแรงๆ เขาจึงยอมนั่งลง ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายคล้อยที่ยังร้อนอยู่“เธอคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยอมยกโทษให้เขาเหรอ” เขาถามเสียงเบาเพียงกระซิบ แต่มั่นใจว่าเทียนหยดได้ยินชัดเจน“ไม่หรอก เผื่อฟลุกไง เปิดใจหน่อยน่าคุณ ท่านทำทุกวิธีแล้วนะ ไม่ยกโทษให้ท่าน ก็โกรธท่านน้อยลงก็ยังดี นะๆ”เทียนหยดร้องขอพร้อมรอยยิ้มซื่อใส ใบหน้าน้อยติดอ้อนอย่างเด็กสาว ทำให้ใจของสมัตถ์กระตุกเบาๆ ต้องรีบหันหน้ามาทางที่เด็กน้อยนั่งอยู่ รูปของรุ่งรดิศยังคลี่ยิ้มละไม เขาเพิ่งเห็นหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ก็ตอนนี้ โครงหน้าเขา ดวงตาเขา หรือแม้แต่รอยยิ้ม คล้ายคลึงใบหน้าโอบนิธิไม่น้อยเลยสมัตถ์พ่นลมเบาๆ ออกจากปาก หน้าตาบอกบุญไม่รับ“พี่มัตถ์ร้อนเหรอ เดี๋ยวโอบยืนบังแดดให้นะ” ว่าแล้วโอบนิธิก็ลุกไปยืนบังแดดให้พี่มัตถ์ ด้วยยามบ่ายคล้อยดวงตะวันมิได้อยู่ตรงศีรษะ มันเลยส่องร่างด้านข้างของพี่มัตถ์ เข