ทั้งสองคนมาถึงบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd ในเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง เป็นความเคยชินของพนักงานเสียแล้วที่จะเห็นผู้บริหารสูงสุดกับคุณเทียนหยดเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกัน เพราะปกติแล้ว ทั้งสองก็จะขับรถอกจากบ้านโสภณวิชญ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอ
สมัตถ์เริ่มต้นทำงานของเขาอย่างไม่รีบร้อนนัก เอกสารในรายงานบางแฟ้มเขาต้องถามเทียนหยดเพื่อความเข้าใจ ส่วนเทียนหยด หากว่าเว้นจากการช่วยสมัตถ์ หญิงสาวก็จะขลุกอยู่กับโน้ตบุ๊กเครื่องเก่ง มีสมาร์ตโฟนวางอยู่ใกล้ๆ ตาจ้องหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความเป็นระยะ การเป็นแม่ค้าออนไลน์ทำให้เทียนหยดไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก มีรายการสั่งซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตัวแทน แต่เท่านั้นเทียนหยดก็พอใจแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้ด้วยตัวเอง
เกือบสิบเอ็ดโมง สมัตถ์ละสายตาจากเอกสารแฟ้มสุดท้าย ท้องเขาร้องจ้อกๆ เพราะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าอย่างที่ควรจะเป็น เทียนหยดปิดโน้ตบุ๊กบ้าง เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนก็เห็นว่ายังไม่มีใครโทรเข้ามา
“โทรหาเขาสิ ถ้าเธอคิดถึง” เขาแนะ แต่เทียนหยดส่ายหน้า
“ฉันโทรหาเขาก่อนทุกที เป็นเวลาหลายปีแล้ว ลองให้เขาเป็นฝ่ายโทรหาฉันบ้าง ฉันจะได้รู้...ว่าเขาคิดถึงฉันบ้างไหม หรือคิดถึงเฉพาะตอนที่อยากได้เงิน”
“เธอทุ่มเทมากเทียนหยด”
“เรียกฉันว่าเทียนเฉยๆ ก็ได้”
สมัตถ์โคลงศีรษะ แถมยังเลิกคิ้วสูง
“มันรู้สึกแปลกๆ ที่ให้ความสนิทสนมกับคนที่เป็นศัตรู”
“ช่างคุณสิ ฉันบอกแล้วว่าคุณไม่ศัตรูฉัน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันอยากบอกคุณ”
“งั้นบอกตอนนี้”
“ไม่ มันต้อง...ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลา”
“บอกเลยไม่ได้เหรอ” เขาถามอย่างนึกรำคาญ แต่หล่อนก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ “ทำไมล่ะ”
“ฉันกลัวคุณช็อกตาย” บอกเขาแล้วลุกขึ้นยืน รู้สึกหิวตงิดๆ สมัตถ์วางแฟ้มลงแล้วลุกขึ้นบ้าง “ฉันหิวจัง คุณหิวไหม”
“หิวมาก เมื่อเช้ามีแค่กาแฟเหลือๆ กลั้วท้อง”
“คะ?” เธอทำหน้างง สมัตถ์รีบกลบเกลื่อน
“เอ่อ...หมายถึงกาแฟนั่นแหละ”
“โอเค งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ จะได้รีบกลับมาสะสางงานต่อ คุณเลี้ยงนะ” เธอสั่ง แต่เขาส่ายหน้า
“เธอชวน เธอต้องเลี้ยงสิ”
หญิงสาวทำหน้ายุ่ง ทำไมพวกผู้ชายถึงไม่ยอมเป็นสุภาพบุรุษกับเธอเลยนะ
“คุณเงินเดือนเยอะกว่าฉัน”
“แต่ฉันต้องเลี้ยงย่า เลี้ยงเมีย คนใช้อีก ค่าน้ำค่าไฟ และ...”
“พอๆๆ เลี้ยงก็ได้” เธอโบกมือไหวๆ ให้เขาหยุดพล่าม นึกดีใจที่อย่างน้อยสมัตถ์ก็ยอมพูดดีๆ กับเธอบ้าง ไม่ใช่คอยแต่จะแยกเขี้ยวใส่เหมือนที่เจอกันแรกๆ เธอยังมีหวัง มีหวังว่าสักวันเขาจะยอมรับในตัวพ่อเลี้ยงของเธอ เธออยากอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เขาเอาความแค้นเคืองไปป้ายแปะให้คนที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว อยากอธิบายความจริงในหลายๆ เรื่อง ความจริงที่เธอรู้อยู่แค่คนเดียว
____________
สมัตถ์กับเทียนหยดเดินข้ามฝั่งมารับประทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ตลอดเวลาที่เดินข้ามถนนนั้น เสื้อสูทของสมัตถ์ไม่ห่างจากศีรษะของเทียนหยดเลย เขาถอดเสื้อออกเพื่อเอามาคลุมบังแดดร้อนตอนเที่ยงวันให้
เทียนหยดหัวใจเต้นแรง ทั้งจากการกระทำของเขา และจากการที่ร่างกายอยู่ใกล้บุรุษเพศ เขาแค่ทำตามหน้าที่สุภาพบุรุษที่ดี สมัตถ์มีมันจริงๆ และยังเผื่อแผ่ความเป็นสุภาพบุรุษนั้นมาให้เธอด้วย
_________
แอร์เย็นฉ่ำภายในร้านอาหารญี่ปุ่นช่วยทำให้หนุ่มสาวคลายร้อนลงไปได้บ้าง เทียนหยดสั่งอาหารแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ สมัตถ์เลยโทรหาภรรยา เขารอสายอยู่นานกว่านาที หล่อนจึงยอมรับสาย
“ไนท์ กินข้าวหรือยังครับ” เขาถาม ยิ้มให้กับคนปลายสายทั้งกลัวว่าหล่อนจะยังไม่ยอมจบเรื่องเมื่อเช้า เขารออยู่ชั่วอึดใจ หล่อนจึงตอบกลับมา
“อ่า...ค่ะ...คือ...ไนท์มาเที่ยวบ้านเพื่อนน่ะ อือ...อา...”
“หือ? อะไรนะ อือๆ อาๆ ฟังไม่รู้เรื่อง” เขาถามแล้วมุ่นคิ้ว ราตรีเหมือนทำอะไรอยู่แล้วเขาโทรไปกวนหล่อนอย่างนั้นล่ะ
“เอ่อ...คือ ไนท์มานวดสปากับเพื่อนน่ะ กลับค่ำๆ นะคะ แค่นี้ก่อนนะคะ พี่เขานวดแรงมาก อ๊ะ!”
ตู๊ด...
แล้วสายก็ถูกตัดไป ท่ามกลางความงงของสมัตถ์
“ตกลงอยู่บ้านเพื่อนหรืออยู่สปากันแน่” ถามตัวเองแล้วหย่อนสมาร์ตโฟนเข้าในกระเป๋ากางเกง เป็นเวลาเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟและเทียนหยดเดินกลับมา ช่วงขาอันเรียวเสลาของหล่อนดึงสายตาเขาให้ต้องหยุดมองนานๆ หล่อนยังส่งยิ้มมาให้เขาด้วย...ไม่ใช่หรอก หล่อนยิ้มให้อย่างอื่นต่างหาก
“ว้าว...น่ากินจังเลย ฉันหิวๆๆ” บอกแล้วนั่งลงตรงข้ามสมัตถ์ ก่อนจะจัดการอาหารตรงหน้าตัวเอง ซึ่งเป็นอาหารแบบจัดชุด เธอกินมันทุกอย่าง กินเกือบหมด พุงกาง ตบท้ายด้วยไอศกรีมอีกถ้วยเล็กๆ
“ไนท์ไม่กินไอศกรีม กลัวอ้วน”
เขาเปรย ขณะจิบน้ำมะนาวโซดา มันช่วยให้สดชื่นมากกว่าการจิบกาแฟ
“ฉันก็กลัวค่ะ แต่ฉันอยากกิน และไอติมมันอร่อย” ว่าแล้วยิ้ม ตักไอศกรีมเข้าปาก เลียช้อนเบาๆ ด้วยท่าทีไร้เดียงสา แต่ทำเอาบางส่วนในร่างสมัตถ์หนักอึ้งขึ้นมา
ชายหนุ่มเลื่อนมือลงไปขยับหัวเข็มขัดเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่ามันคับโดยไม่มีสาเหตุ เป็นเพราะลิ้นสีชมพูของหล่อนแน่ๆ ให้ตายเถอะ ร่างกายเขาเป็นอะไรหนักหนา ทำไมชอบมีอารมณ์ตอนมองเทียนหยด มองขาหล่อน มองริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั่น มองลิ้นหล่อนด้วย บ้าจริง นายแต่งงานแล้วนะสมัตถ์ มีภรรยาที่แสนดีและนายก็รักหล่อนมากด้วย
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ