Share

บทที่ 13 สายตาไร้อารมณ์ของฌอง

พวกเขาเดินทางกลับมาถึงเมืองเอในตอนเช้า

ทอมขับรถเบนลี่ย์ของบริษัทมาจอดอย่างเคย

ซูก้าวลงจากรถ

ในอีกด้าน ฌองยกสัมภาระของเบียงก้าลงจากกระโปรงหลังของรถพร้อมพูดกับเธอ “เดี๋ยวพี่จะส่งเธอกลับบ้านก่อน เธอจะได้พักบ้าง หลับให้สบายนะแล้วเดี๋ยวคืนนี้พี่จะไปหา”

เบียงก้าพยักหน้ารับ

พวกเขาเข็นสัมภาระจากไปขณะบอกลาซูและทอม พวกเขาเดินไปตามทางก่อนจะเรียกแท๊กซี่

ฌองคิดว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องซื้อรถสักคัน

การไม่มีรถส่วนตัวใช้มันลำบากเกินไป

เบียงก้าทั้งเหนื่อยและง่วงงุน เมื่อคืนเธอได้นอนในรถไปแค่สองชั่วโมงเท่านั้นเอง แต่ถึงจะได้หลับบ้างแต่ก็ไม่ได้นอนอย่างสบายนัก

ก่อนที่พวกเขาจะได้แท๊กซี่ โทรศัพท์ของฌองก็ดังขึ้น

“พี่ขอรับโทรศัพท์ก่อนนะ” ฌองมองไปที่โทรศัพท์แล้วส่งสัญญาณให้เบียงก้าก่อนจะกดรับสาย

เบียงก้ามองไปที่ฌองแล้วเห็นว่าหน้าเขาค่อย ๆ นิ่วลง “ได้ครับ” ฌองตอบกลับสายในโทรศัพท์ “ผมจะไปเดี๋ยวนี้” เขาเสริม

“มีอะไรรึเปล่าคะ?” เบียงก้าถามหลังจากที่เขาวางสายไป

“อืม หัวหน้าทีมบอกให้พี่ไปประชุมก่อนเที่ยงวันน่ะสิ เขาบอกว่าตอนนี้น้ำขึ้นมันต้องรีบตัก แล้วจะได้รีบหารือเรื่องขั้นตอนต่อ ๆไปด้วย” ฌองพูดอย่างหัวเสีย ตอนนั้นเองที่แท๊กซี่วิ่งมาถึงหัวมุม

เบียงก้าเหลือบไปเห็นแท๊กซี่จึงคว้าเอาสัมภาระของตัวเองมาจากเขา “พี่ไปเถอะค่ะ ฉันกลับเองได้”

ฌองรู้สึกผิดอยู่ในใจ ในฐานะคนรัก เขาน่าจะได้พาเธอกลับบ้านหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปทำงาน แต่เห็นทีคงต้องเลื่อนเป็นคราวหน้าแทน

เบียงก้าขึ้นไปบนรถแท๊กซี่

รถเคลื่อนตัวออกไปจากช้า ๆ

เบียงก้าจิตใจล่องลอย ก่อนจะผล็อยหลับไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง แท๊กซี่จอดนิ่งสนิท คนขับรถหันมาบอกกับเบียงก้า “ถึงแล้วครับ”

เบียงก้าค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอเห็นว่าตัวเองมาถึงระแวกที่พักแล้ว

เธอตั้งสติแล้วลงจากรถ

ความหนาวเย็นที่พัดเข้ามาทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่เธอไปจากเมืองเอ เธอได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็คุ้นชินกับการใช้ชีวิตเพียงลำพังไปเสียแล้ว ความหนาวเหน็บและการเจ็บป่วยไม่ได้มีผลอะไรกับเธออีกต่อไป

แต่ไม่ว่าเธอจะเข้มแข็งเพียงใด เธอก็ยังคงเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง

เธอยังต้องการความความใจใส่และการทะนุถนอม

แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าฌองจะดูไม่ออกเลยสักนิดว่าเธอไม่ค่อยสบาย และนั่นทำให้เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ราวกับเธอเพิ่งจากบ้านหลังนี้ไปเพียงไม่มีวันเท่านั้น และวันนี้เธอกกลับมาแล้ว กลับมาอย่างเหนื่อยเหลือทน

ศีรษะของเธอหนักอึ้ง เธอจึงนอนพักนิดหน่อย แต่เมื่อเธอตื่นขึ้น ลมหายใจของเธอก็ร้อนราวกับไฟ

เธอพาร่างของตนเองลุกขึ้น แล้วเดินไปหายาแก้ไข้ด้วยตัวเอง

เธอดื่มน้ำในมือไปได้ครึ่งแก้ว เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น

เบียงก้าเดินไปกดที่อินเตอร์คอม จากนั้นเอ่ยถามผู้มาเยือน “ใครคะ?”

เรื่องที่เธอเช่าห้องนี้อยู่ นอกจากฌองกับนีน่า ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกแล้ว

“สวัสดีค่ะ คุณเรย์น ฉันมาจากโรงพยาบาลระแวกนี้ค่ะ มีคนโทรมาจองบริการดูแลถึงบ้านกับทางเราน่ะค่ะ คุณจะรับยาสักหน่อยไหมคะ?” ผู้มาเยือนเป็นหญิงสาวในชุดกาวน์สีขาว ในมือของเธอมีกล่องปฐมพยาบาลมาด้วย

เบียงก้าคิดไม่ตก

ใครโทรเรียกพวกเขามา? หรือจะเป็นฌอง?

ฌองอาจจะรู้ว่าเธอไม่สบาย

อาจเพราะอาการป่วยคือความอ่อนแอของเธอ หัวใจของเบียงก้าถึงได้อ่อนไหวและไวต่อความรู้สึกเช่นนี้ ไม่ต้องถึงกับส่งพยาบาลมาดูแลหรอก แค่ยาแก้หวัดไม่กี่เม็ดก็เพียงพอจะทำให้เธอรู้หวั่นไหว และปลอบประโลมหัวใจเธอได้แล้ว

หลังจากที่เธอได้ทานยา ก็มีพนักงานมาส่งอาหารให้เธอด้วย

เบียงก้าพยุงร่างที่ปวดไปทั้งตัวไปเปิดประตู ก่อนที่จะตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่การส่งอาหารแบบธรรมดาทั่วไป นี่มันเป็นงานเลี้ยงในแบบที่จะพบเห็นได้ในละครน้ำเน่าอะไรแบบนั้น

“ช่วยเซ็นรับตรงนี้ด้วยครับ” พนักงานชายหญิงที่มาส่งอาหารมองที่เบียงก้าด้วยสายตาแปลกประหลาด

เบียงก้ารู้สึกอึดอัดไม่น้อย เธออาศัยอยู่ในระแวกที่ธรรมดามาก ๆ และไม่ว่าจะมองมุมไหน เธอก็ดูเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา ๆ เท่านั้น ไม่มีทางที่คนอย่างเธอจะมีปัญญาจ่ายค่าอาหารหรูหราแบบนี้ได้แน่

เธอเซ็นชื่อลงในใบเสร็จ แล้วเขาทั้งคู่ก็จากไป

เมื่ออยู่ต่อหน้าอาหารเลิศหรู เบียงก้าก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

ฌองมาจากครอบครัวฐานะปานกลาง และเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เธอเคยได้รับเพียงแค่การจ่ายค่าตั๋วภาพยนต์และค่าอาหารในร้านธรรมดา ๆ จากฌองเท่านั้น แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอในวันนี้นั้นเล่นเอาเธอปวดหัวเลยทีเดียว

ถึงกระนั้น เขาก็สั่งมาให้มาแล้ว

ถึงแม้ว่าอาการป่วยจะทำให้เธอไม่รู้สึกอยากอาหารเท่าไหร่นัก แต่เธอก็พยายามรับประทานให้มากเข้าไว้ รสชาติของอาหารนั้นเป็นรสอ่อน ๆ ทำให้รับประทานง่าย ราวกับว่าเป็นอาหารที่ทำขึ้นเพื่อคนป่วยโดยเฉพาะอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากจบมื้อเที่ยง เบียงก้าทำความสะอาดที่พัก และส่งข้อความไปหาฌองผ่านทางวีแชท

เธอพิมไปเพียงสองคำสั้น ๆ “ขอบคุณ”

“เรื่องอะไร?”

ฌองตอบกลับมา

เบียงก้าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะคิดต่อ บางทีเขาอาจจะคิดว่าคำขอบคุณอาจจะดูเป็นทางการเกินไปสำหรับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักกัน ดังนั้นเธอจึงตอบเขากลับไปทันที “ฉันคิดว่ายังไงฉันก็ควรขอบคุณ”

ฌองตอบกลับหลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง “ทำไมคุณดูสดใสร่าเริงชอบกล?”

เบียงก้ารู้ดีว่าเธอไม่ได้สดใสร่าเริงอะไรเลย เธอเพียงแค่แสดงออกมาเช่นนั้น เบียงก้าสูญเสียความรักของพ่อที่เคยมีไปให้ภรรยาและลูกคนใหม่ของเขา แถมเธอยังขาดการติดต่อกับลุงและป้ามานานมากแล้ว เธอแทบจะไม่ใช่คนในครอบครัวนั้นอีกต่อไปด้วยซ้ำ

ในทางกลับกัน เธออาจจะเป็นคนที่เหงาที่สุดหากเทียบกับพวกเขา

คนที่มอบความอบอุ่นให้เธอได้ในตอนนี้ คงมีเพียงแต่ฌองและนีน่า สองพี่น้องคู่นี้เท่านั้น

เมื่อเช้า ฌองบอกว่าจะมาเยี่ยมเธอในคืนนี้

แต่เขาโทรมาอีกครั้งในตอนบ่าย แล้วบอกว่ามีธุระด่วนที่ต้องจัดการ เขาน่าจะมาหาเธอไม่ได้แน่

เบียงก้ามองไปยังอาหารสามจานและซุปอีกถ้วยที่เธอทำไว้รอฌองอย่างหมดคำพูด

หลังจากนั้นจึงใช้แรปพลาสติกคุลมอาหารเหล่านั้นไว้แล้วนำไปเก็บในตู้เย็น

วันต่อมา

ฌองขับรถมารับเบียงก้าแต่เช้า

เบียงก้าขึ้นรถมา อาการหวัดทำให้เสียงของเธอใหญ่และอู้อี้น่าดู

ฌองมองมาที่เธอ “อ้าว ไม่สบายเหรอ?”

เบียงก้าที่กำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัยชงักไป เธอหันไปมองฌองที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ

“เป็นหวัดเหรอ?” ฌองยกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเบียงก้า หน้าผากของเธอร้อนผ่าว เขาจึงปลดเข็มขัดนิรภัยออกทันที “รอเดี๋ยวนะ ร้านขายยาอยู่ห่างออกไปแค่ห้าสิบเมตรเอง”

เบียงก้ามองดูฌองลงจากรถแล้วออกไปหาซื้อยา

ไม่ต้องสงสัยเลย คำพูดของเขามันชัดเจนมากว่าเขาไม่รู้ว่าเธอป่วยมาก่อนแล้ว

ถ้าอย่างนั้นทั้งเรื่องบริการดูแแลถึงบ้านและอาหารหรู ๆ ของคนป่วยเมื่อวานนี้...

ไม่มีทางที่จะเป็นนีน่าเสียด้วย!

นีน่างานยุ่งเกินไป เธอไม่มีเวลาให้ตัวเองเสียด้วยซ้ำ เบียงก้าไม่กล้าแม้กระทั่งจะทักไปหานีน่าว่าเธอกลับมาถึงเมืองเอแล้วเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเวลางานของเธอ

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอก็สั่นแจ้งเตือน

เบียงก้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างงง ๆ เมื่อพบว่าเป็นเบอร์โทรที่เธอไม่รู้จัก

“สวัสดีค่ะ นั่นใครพูดคะ?” เบียงก้ารู้สึกกังวลไม่น้อย

“มีของขวัญส่งถึงคุณครับคุณเรย์น แต่ผมกดกริ่งแล้วไม่มีคนเปิด ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่บ้าน” เสียงของพนักงานส่งของดังออกมา

“ของขวัญเหรอคะ?” เบียงก้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถ “ฉันอยู่แถวระแวกนี้ล่ะค่ะ”

ตอนที่เธอรับโทรศัพท์ เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไป

สองนาทีต่อมา พนักงานส่งของซึ่งสวมเสื้อกั๊กสีเขียวส่งยิ้มมาให้เธอ เขายื่นช่อดอกไม้มาให้เธอ “ดอกไม้สำหรับคุณครับ คุณเรย์น ดอกไม้ช่อนี้เพิ่งบินมาถึงเมื่อเช้านี้เอง เซ็นรับตรงนี้ได้เลยครับ!”

“ใครเป็นคนสั่งดอกไม้พวกนี้มาคะ?” เบียงก้าถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอสน

ดอกไม้ช่อนี้บินมาถึงที่นี่!

ราคาจะแพงถึงขนาดไหนกัน?

พนักงานส่งของส่ายศีรษะพลางหัวเราะ “ขออภัยครับ ลูกค้าจ่ายเงินมา พวกเราก็มีหน้าที่นำมาส่งเท่านั้น”

ดอกไม้ช่อโตถูกยัดใส่มือเธอ

พนังงานส่งของขับรถจากไป

เบียงก้าไม่กระดุกระดิกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ดอกไม้สวยงามในมือเธอส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ น่าอภิรมย์ แต่เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะดื่มด่ำกับมันแม้แต่น้อย

“เบียงก้า”

เสียงของฌองดังขึ้นด้านหลังของเธอ น้ำเสียงติดไม่พอใจอยู่หน่อย ๆ

เบียงก้าหมุนตัวกลับมา ความสดใสงดงามของช่อดอกไม้นั้นต่างกับสีหน้าบูดบึ้งของฌองอย่างสิ้นเชิง

“ฉ… ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ดอกไม้พวกนี้มานะคะ” เบียงกลัวเหลือเกินว่าฌองจะเข้าใจเธอผิด

“ไม่รู้เหรอ?” ฌองมองไปยังเบียงก้า นัยน์ตาเป็นกังวลค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นความกังขา เขาใช้น้ำเสียงเหน็บแนมเบียงก้า “ดอกไม้บินตรงมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ช่างโรแมนติดจริงนะ!”

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status