Share

บทที่ 14 เบียงก้าพร้อมใบหน้าถูกประดับประดาด้วยสีแดงระเรื่อ

“ฉันไม่รู้ว่าใครส่งมานะคะ” เบียงก้าตอบกลับไป

เบียงก้าไม่อยากเห็นแววตาอันแสนเจ็บปวดของฌอง เธอไม่ต้องการสร้างแผลในใจตัวเองเพิ่มอีก

“เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมันมาอย่างนั้นเหรอ? ล้อพี่เล่นรึไง? พี่ดูปัญญานิ่มขนาดนั้นเลยใช่ไหม? เบียงก้า เรย์น นี่เราเพิ่งกลับมายังไม่ทันไร เธอก็มีผู้ชายอีกคนเข้าหาแล้ว ถ้าไม่มีอะไรกันจริง ๆ ผู้ชายหน้าไหนจะยอมใช้เงินมากมายขนาดนี้เพื่อซื้อดอกไม้ให้เธอกัน?”

เบียงก้าแทบทนไม่ได้กับสายตาที่ฌองใช้มองเธอ

เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด จิตสำนึกเธอยังทำงานได้ดี

เธอไม่รู้จริง ๆว่าใครเป็นคนส่งดอกไม้พวกนี้มา

“ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ” ในที่สุด เบียงก้าก็เปิดปากพูด เพื่อให้ฌองได้สงบสติอารมณ์ เบียงก้าหันไปโยนช่อดอกไม้ในมือทิ้งลงถังขยะที่อยู่ไม่ห่างอย่างไม่ยี่หระ

ฌองมองแผ่นหลังของเบียงก้าที่เดินข้ามถนนจากไปอย่างช้า ๆ เขากำหมัดแน่น

เธอเดินไปทางสถานีรถไฟใต้ดินก่อนจะพ้นสายตาฌองไป

ฌองยังคงยืนอยู่ที่เดิม ความเดือดดาลของเขาไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย เขาหันหลังกลับมาอีกด้าน แล้วสาวหมัดเข้าไปที่เสาไฟตรงหน้า เขากัดฟันแน่น ความเจ็บปวดประเดประดังเข้ามาราวกับกระดูกแตกสลายจนแหลกละเอียด แต่ความเจ็บนี้ก็ไม่ได้ทำให้ฌองใจเย็นลงอยู่ดี

เห็นทีการแต่งงานคงเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขามั่นใจเรื่องเบียงก้า

ที่บริษัท

เบียงก้าไม่มีสมาธิจดจ่อกับอะไรสักอย่าง ตั้งแต่ระหว่างทางบนรถไฟฟ้า ในหัวเธอมีอะไรให้คิดมากเกินไป

เธอมีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจแล้วในตอนนี้

ถึงมันจะไร้สาระก็ตาม

ตอนอยู่ที่เมืองเอช ลุค ครอว์ฟอร์ดโทรหาเธอ นั่นก็หมายความว่าในฐานะเจ้านาย เขามีสิทธิ์ที่จะรู้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของเธอ

มันคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับเจ้านายที่จะเข้าถึงรายละเอียดส่วนบุคคลของพนักงานในบริษัท

เบียงก้าหยุดคิดเมื่อเสียงของโทรศัพท์ดังขึ้น

เป็นแค่เสียงแจ้งเตือนของข้อความจากวีแชทเท่านั้น

“พี่ขอโทษที่วู่วามเกินไป”

“พี่กลัวว่าตัวเองจะเสียเธอไป”

“อย่าโกรธพี่เลยนะ ไว้เรามาคุยกันดี ๆ เถอะนะ”

ฌองส่งข้อความมาไม่ขาดสาย

เบียงก้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแม้แต่ข้อความเดียว

ไม่มีใครอยากถูกจ้องจับผิดเรื่องนอกใจโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ

ช่วงเที่ยงวัน

นีน่ายกอาหารเที่ยงของเธอมารับประทานกับเบียงก้าที่โรงอาหาร “พี่ชายมาขอให้ฉันช่วยทำให้เธอหายโกรธเขา พี่ฌองบอกว่าเขาหึงและทำตัวโง่ ๆ ใส่เธอ”

เบียงก้าก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารต่อไปโดยไม่พูดอะไร

“เถอะน่า เบียงก้า เลิกทรมาณพี่ฉันได้แล้ว” นีน่าอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “เขาก็แค่หวงเธอมากไปหน่อย แต่ที่เขาหึงหวงนั่นก็แปลว่าเขารักเธอนั่นแหละนะ เธอไม่รู้หรอกว่าฌองรักเธอมากแค่ไหน จริง ๆ นะ ฉันค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเธอสำคัญกับฌองมากกว่าฉันหรือพ่อกับแม่เสียอีก เธอเป็นแก้วตาดวงใจของเขา เป็นสมบัติแสนล้ำค่าของเขาเชียวแหละ”

เมื่อเบียงก้าได้ทบทวนความคิด ความโกรธของเธอก็ลดลงอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน

ในทางกลับกัน ถ้ามีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้แอบส่งของขวัญให้ฌองบ้าง เธอก็คงจะโกรธและโยนความผิดให้เขาโดยไร้เหตุผลเช่นกัน

บ่ายวันนั้นเอง

หัวหน้าฝ่ายออกแบบเปิดประตูของเขาทิ้งเอาไว้ตลอดเวลา

เบียงก้าต้องเดินผ่านค่อนข้างบ่อย เวลาที่เธอต้องการไปดื่มน้ำ

“มีใครจะไปทำธุระให้ผมได้บ้าง?” หัวหน้าฝ่ายเอ่ยถามขึ้นโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง

“ฉันเองค่ะ” เบียงก้าที่กำลังเดินผ่านไปอีกครั้งส่งเสียงตอบรับ แววตาของเธอเป็นประกาย

เพื่อนร่วมงานมองเธอด้วยสายตาสุดซึ้ง

ทุก ๆ คนกำลังยุ่งกับงานของตัวเอง ดังนั้นมันคงจะดีกว่าถ้าเบียงก้าจะช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเขาบ้าง

มีของบางสิ่งที่เธอจำเป็นจะต้องเอาไปส่งที่ห้องทำงานของท่านประธาน

นี่เป็นโอกาสที่เบียงก้ากำลังรอคอยอยู่

เธอขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของอาคาร

จากนั้นเธอก็ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน

เมื่อถึงที่นั่น เบียงก้าวางพิมพ์เขียวในมือลง แต่เธอไม่ได้เดินจากไปในทันที

“มีอะไรอีก?” ลุคไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมอง เบียงก้าจึงไม่ได้เห็นสีหน้าของเขา นิ้วเรียวยาวของเขาเคลื่อนผ่านพิมพ์เขียวแผ่นใหญ่ที่วางจนเต็มโต๊ะทำงาน

ตอนที่ลุคทำงานนั้นเขาดูเอาจริงเอาจังกับงานมาก

“ขอบคุณค่ะ คุณครอว์ฟอร์ด” เบียงก้าลองเสี่ยงพูดออกไป

การโยนหินถามทางของเธอส่งผลให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเท่าที่ควร

‘เธอมันซื่อบื้อจริง ๆ เลยเบียงก้า ถ้าเธอเดาผิดขึ้นมา จะแถไปเรื่องอื่นยังไงไหว’

คำพูดที่น่าประหลาดของเบียงก้าทำให้มือที่กำลังขยับอยู่บนพิมพ์เขียวนั้นหยุดชะงักไป เขาเงยหน้าขึ้นทั้งยังส่งสายตาเอาแต่ได้ไปให้เธอ “ไม่เลวนี่ อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้โง่อยากที่ผมคิด ยังดีที่รู้ว่าใครเป็นเจ้านายคอยให้ข้าวให้น้ำ”

“...” เบียงก้าพูดไม่ออก

เธอดูโง่รึไง?

แล้วคำว่า “เจ้านาย” นั่นมันหมายความว่ายังไง?

เธอคือมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ แต่เขาพูดราวกับเธอเป็นสัตว์เลี้ยง...

บางทีการเลือกใช้คำของท่านประธานอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรนัก

“ฉันไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นทำทุกอย่างนั่นให้ฉันค่ะ คุณครอว์ฟอร์ด” เธอกล่าว

“คุณช่วยดูแลลานี่กับเรนนี่ นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆเลยนะ” ลุคตอบตามความจริง “และผมต้องขอโทษจริง ๆ ที่ผมเมาจนเผลอไปนอนบนเตียงของคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะผมคุณคงไม่ต้องมาป่วยแบบนี้”

เบียงก้าอึ้งไป

เธอเจอลุค ครอว์ฟอร์ดตอนอยู่ที่เมืองเอชได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ หลังจากที่เธอเริ่มรู้สึกไม่สบาย แล้วเขา...เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอล้มป่วย

“ขอบคุณค่ะ” เบียงก้ายังยืนอยู่ที่เดิมทั้งยังรู้สึกเขินอายเล็กน้อย และเพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เธอจึงกล่าวเพิ่มเติม “ฉันได้รับ ‘ค่าตอบแทน’ ที่มากเกินพอแล้วค่ะ คุณครอว์ฟอร์ด ได้โปรดอย่าให้อะไรฉันอีกเลยนะคะ ในฐานะพนักงานของคุณ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับฉันที่จะต้องช่วยงานคุณอยู่แล้วค่ะ”

วิธีพูดของเธอได้สร้างระยะห่างระหว่างเขากับเธอราวกับว่าคนทั้งคู่เป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง

ลุคหัวเราะ มันเป็นเพียงวูบเดียวเท่านั้น เบียงก้าอ่านสีหน้าของเขาไม่ออก เขาดูราวกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ลุคเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยปาก “คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ว่าผมจะให้อะไรคุณอีก”

เบียงก้าหน้าขึ้นสีทันที

เบียงก้าแค่กังวลว่าเจ้านายของเธอจะส่งอะไรต่อมิอะไรมาให้เธออีก เพราะถ้าเขาทำเช่นนั้น เธอก็ไม่รู้จะอธิบายกับฌองได้อย่างไร

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวลงไปข้างล่างก่อนนะคะ” เบียงก้าพยักหน้าอย่างสุภาพ แล้วหันหลังกลับไป

เธอรีบเดินปรี่ออกไป

“หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน” ชายหนุ่มพูดขึ้นจากด้านหลังของเธอ

เบียงก้าหยุดลงเพราะความตกใจ

“คุณบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพนักงานที่จะต้องช่วยงานผมอยู่แล้ว ใช่ไหม?” น้ำเสียงของลุคยังคงนุ่มลึกเช่นเคย เบียงก้าถึงได้อ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

เบียงก้าอาจจะตื่นตระหนกมากเกินไป

แต่เธอก็ยังพยักหน้ารับ

ลุคชี้นิ้วไปยังกองหนังสือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกาแฟ ในกองพวกนั้น มีกระดาษลายการ์ตูนวางอยู่ด้วย เขาเอ่ยปากสั่ง “ห่อหนังสือพวกนี้ให้ลูกผมอยู่นี่แหละ”

“ห่อหนังสือพวกนี้เหรอคะ?”

“คุณทำงานไปเงียบ ๆ จะดีกว่านะ อย่าให้งานของคุณมารบกวนการทำงานของผม” พูดจบลุคก็กลับไปจดจ่อกับงานของเขาตามเดิม เขาขมวดมุ่นเพราะจริงจังกับงานในมือ

เบียงก้าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่มุ่งหน้าไปที่โต๊ะกาแฟ

เวลาล่วงเลยมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ที่เธอห่อหนังสือเล่มสุดท้าย...

ในนั้นมีหนังสือทั้งหมดสี่เล่ม สองในสี่เป็นหนังสือที่เรนนี่ขีดเขียนเอาไว้ และที่เหลืออีกสองเล่มเป็นของบลองช์ ครอว์ฟอร์ด...

เบียงก้าอาศัยความทรงจำในวัยประถมของตัวเอง เธอค่อย ๆ ตัดกระดาษรูปการ์ตูนมาห่อหนังสือจนรอบ เมื่อถึงขั้นตอนนี้เธอก็ตระหนักได้ว่าวันเวลาได้ผ่านมานานเพียงใดแล้วนับตั้งแต่วันที่เธอได้ห่อมัน ก่อนที่เธอจะเติบโตขึ้นมาอย่างเลวร้าย

เธอเผลอทำกระดาษขาดไปแผ่นหนึ่ง...

“ฉัน…”

เบียงก้ายังจำได้อย่างชัดแจ้งว่าเจ้านายของเธอไม่ชอบให้ถูกรบกวน แต่ครั้งนี้เธอจำเป็นต้องถามเขาจริง ๆ

ลุคเงยหน้าขึ้นมามองเบียงก้า

เบียงก้าเงยหน้าขึ้นมาสบประสานเข้ากับนัยน์ตาลุ่มลึกของลุค เธอจึงรีบก้มหน้าลงดังเดิมแล้วจึงเริ่มพูด “คือ...ฉันเผลอทำกระดาษขาดไปหนึ่งแผ่นน่ะค่ะ ก็เลยมีกระดาษไม่พอให้ห่อหนังสือที่เหลือ...”

ขณะที่พูดกับเขา เสียงของเธอนุ่มนวลแผ่วเบาและสุภาพ เธอไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ท่าทางที่ดูหวาดกลัวปนอายของเธอนั้นเอง ที่ทำให้ลุคสะท้านไปทั้งร่าง

เสียงของลุคทุ้มต่ำ “ไม่เป็นไรหรอก ยังมีนี่อีก”

ยังมีเหลืออีก!

เบียงก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะลุกเดินไปหยิบมาเพิ่ม

เธอเห็นแผ่นกระดาษลายการ์ตูนที่เจสันเป็นคนจัดแจงซื้อมาให้ลานี่และเรนนี่ที่ใต้โต๊ะในทันทีโดยที่ลุคไม่ต้องบอก

เธอก้มลงไปเลือกกระดาษลายการ์ตูนที่มีอยู่หลายใบ กระทั่งสายตาของเธอเหลือบไปเห็นกระดาษห่อลายสปอนจ์บ๊อบเข้าพอดี

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status