เช้าวันนั้น ธาริกาตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกกังวลประหลาด เหตุผลกลใดมิทราบแน่ชัด แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในใจกลับมิอาจสลัดให้หลุดพ้น พ่อแม่ของเธอยังไม่ตื่น เธอจึงลงมารับประทานอาหารเช้าเพียงคนเดียว
เมื่ออิ่มท้อง ร่างระหงก็ก้าวออกจากบ้านไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ ในมือถือถุงผ้าบรรจุชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ตั้งใจว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาล การสวมชุดพยาบาลออกไปข้างนอกโดยไม่จำเป็น มิใช่วิสัยที่เธอชอบ อีกทั้งยังเป็นนโยบายของโรงพยาบาลที่ต้องการให้ชุดเครื่องแบบของบุคลากรสะอาดหมดจดอยู่เสมอ
หญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เธอยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ หล่อนยิ้มต้อนรับเธออย่างอบอุ่น
หลังจากจัดการธุระเบื้องต้น ธาริการีบไปยังห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเครื่องแบบพยาบาล เมื่อแต่งกายเรียบร้อย จึงนำกระเป๋าสัมภาระเก็บไว้ในห้องพัก เสร็จแล้วก็ยืนหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนดี จนกระทั่งพยาบาลคน
แม้จะเป็นพยาบาล แต่ธาริกายอมรับว่าไม่พิศวาสกับอะไรแบบนี้ เธอไม่ชอบให้อะไรเข้าไปในจุดนั้น โดยเฉพาะเครื่องมือทางการแพทย์ที่เย็นเฉียบแต่วิธีที่จักรินทร์ปฏิบัติต่อผู้ป่วยช่างอ่อนโยนมาก นิ้วของเขานุ่มนวล และเขาทำให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เขาสวมถุงมือ ทาครีมหล่อลื่นบนนิ้วสองนิ้ว แล้วค่อย ๆ สอดเข้าไปในช่องคลอดของคนไข้ มืออีกข้างกดลงบนท้องของเธอ เพื่อหาสิ่งผิดปกติการได้เห็นวิธีที่คุณหมอหนุ่มปฏิบัติกับคนไข้ทำให้ธาริการู้สึกเหมือนถูกปลุกเร้า แม้จะรู้ว่าการตรวจนี้ไม่ได้มีเกี่ยงข้องกับเรื่องทางเพศใด ๆ แต่กลับอดคิดไม่ได้จะรู้สึกอย่างไรหากนิ้วเรียวนี้เข้าไปอยู่ในตัวเธอ เขาจะจัดการกับเธออย่างไร เขาจะค่อย ๆ นำเธอไปสู่จุดสุดยอดอย่างไรหลังจากตรวจเสร็จจักรินทร์ก็ช่วยประคองให้คนไข้ลุกขึ้นนั่ง“โอเคไหมครับ” เขาถามเพราะรู้ว่าคนไข้รายนี้กลัวการตรวจภายใน“ยิ่งกว่าโอเคอีกค่ะ คุณหมอมือเบาม
จักรินทร์จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ธาริกาดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด จนเขานึกสงสัยว่านี่เป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเธอมาก่อนกระนั้นหรือ แม้เขาจะพูดในเชิงทีเล่นทีจริง หากแต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าปฏิกิริยาของเธอจะแสดงออกถึงความกระอักกระอ่วนถึงเพียงนี้เขาเพียงต้องการสาธิตให้เธอประจักษ์ว่าเขาสามารถอ่อนโยนได้เพียงใด...และปรารถนาจะอ่อนโยนกับเธอมากเพียงไหน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบกลาย ๆ ว่าเธอพร้อมแล้วจริงหรือที่จะเป็นพยาบาลในแผนกสูตินรีเวชแห่งนี้“ธาริกา เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจภายในมาก่อนเลยหรือ” เขาเอ่ยถามใบหน้าของเธอแดงปลั่ง และก้มหน้างุดลง“ไม่ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยินด้วยปัญหาสุขภาพของมารดาธาริกา เขาย่อมคาดหมายว่าบิดามารดาของเธอคงจะกระตือรือร้นมากกว่านี้ในการพาบุตรีเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ“เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเลยหรือ” เขาซักถามธาริกาส่ายหน้าปฏิเสธ “ตรวจคะ ยกเว้นการตรวจภายใน”“ไม่เคยสักครั้งเลยหรือ” เขายังคงถามต่อด้วยความสงสัย“ไม่ค่ะ ประจำเดือนของดิฉันมาสม่ำเสมอ และ เอ่อ…ฉันไม่เคยมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมกำเนิด พ่อแม่ของฉันไม่ต้องการให้ฉันใช้ยาเหล่านั้น”“เช่นนั้นก็หมายความว่าเ
หากมีสิ่งหนึ่งที่ธาริกาปรารถนาในขณะนี้ ก็คือสิ่งที่จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเธอไปจากเรื่องราวว้าวุ่นในใจ เธอคิดว่าเอวาเองก็เข้าใจความต้องการนี้ของเธอดีกว่าใคร และนั่นคงเป็นเหตุผลที่เอวาชักชวนเธอไปที่บ้านในคืนนั้น โดยอ้างว่าจะไปค้างคืนสังสรรค์กันตามประสาเพื่อนฝูงแต่ในความเป็นจริง จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของพวกเธอก็คือการเที่ยวกลางคืน สิ่งที่ธาริการู้ดีว่าบิดามารดาของเธอไม่มีวันอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไปอย่างแน่นอน และหาพวกท่านรู้อาจมองว่าเอวาเป็นเพื่อนที่ไม่ดี ที่ชักนำเธอไปในทางเสื่อมเสียทว่าความจริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เอวาเพียงแต่รับรู้และเข้าใจถึงสิ่งที่ธาริกาโหยหา และตัวธาริกาเองต่างหากที่เป็นผู้ริเริ่มความคิดที่จะไปเที่ยวกลางคืนในคืนนี้ธาริกาไม่ใคร่ชอบใจนักกับการต้องทำอะไรลับหลังพ่อกับแม่ แต่ในบางครั้ง การกระทำเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นแล้วเธอจะสามารถใช้ชีวิตเฉกเช่นเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปได้อย่างไรถึงกระนั้น ก็ยังมีบางส
ธาริกานั่งลงบนโซฟา พร้อมกับกวักมือเรียกเจ้าปริ๊นซ์เสียงหวาน “มานี่สิเจ้าเหมียว”แต่เจ้าแมวตัวนั้นเพียงแค่เหลือบมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะกลับไปเลียขนตัวเองต่อ“วันนี้มันอารมณ์ไม่ดีน่ะ เมื่อวานฉันพามันไปหาหมอ มันถูกจับอาบน้ำและตัดเล็บด้วย ฉันว่ามันคงโกรธฉันอยู่” เอวาอธิบายขณะนั่งลงข้าง ๆ ธาริกา“แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่มันจะโกรธฉันนี่ ฉันไม่ได้เป็นคนพามันไปหาหมอซักหน่อย”“ไม่ต้องบ่นเลย เธอก็รู้ว่าเจ้าแมวตัวนี้เกลียดทุกคนบนโลก มันคงจะเดินมาหาเราเวลาที่เราเตรียมตัวเสร็จพอดี แค่เพื่อจะกวนเราเท่านั้น แล้วขนของมันก็จะติดเต็มชุดเธอไปหมด”“ไม่แน่นอน” ธาริกายืนกราน “ปริ๊นซ์ ถ้าแกอยากได้รับความสนใจ ก็มานี่เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นฉันจะไม่สนใจแกแล้ว” เธอไขว้แขนเพื่อแสดงให้เจ้าแมวรู้ว่าเธอจริงจัง แต่มันก็ยังไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเอวาถอนหายใจ“มันไม่ฟังเธอหรอก มาเถอะ ไปเตร
ในอีกชั่วโมงต่อมาสองสาวก็พร้อมสำหรับการท่องราตรีในลุคที่สวยเฉียบ มั่นใจ และสไตล์ที่แตกต่างกันของทั้งคู่ กลับยิ่งขับเน้นเสน่ห์เฉพาะตัวให้โดดเด่นยิ่งขึ้น“ฉันว่าคืนนี้เราไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าดริ๊งค์เองแน่” เอวากล่าว พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “หนุ่ม ๆ คงแย่งกันเสนอดริ๊งค์ให้เราไม่หวาดไม่ไหว”“ฉันว่าพวกเขาคงสนใจเธอมากกว่ามั้ง ขาเธอเรียวสวยมาก คงมีแต่คนมอง” ธาริกาแซว“ไม่ต้องพูดเกินจริงไปหน่อยเลยน่าแสตมป์ ฉันว่าถ้าตกเป็นเป้าสายตา เอาเข้าจริงฉันคงทำตัวไม่ถูกหรอก” เอวาว่า พลางหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย เธอชอบเป็นจุดสนใจจะตายไป” ธาริกาย้อน“ฉันว่าน่าจะเป็นเธอมากกว่านะที่ชอบ” เอวายิ้มขำ แล้วคล้องแขนเพื่อน “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”**********เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู พนักงานร่างใหญ่ก็ทักทายด้วยรอยย
สิ่งที่จักรินทร์ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ คืออะไรสักอย่างที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ในใจเขาตอนนี้มีแต่ภายหญิงสาวใบหน้าสวย หุ่นกระชากใจ และริมฝีปากหวานจิ้มลิ้มน่าจูบ เขาสลัดเธอออกไปจากห้วงความคิดไม่ได้เลย ดังนั้นขอเพียงแค่ได้ลืมเรื่องทุกอย่างไปได้สักคืนก็ยังด้วยความคิดนั้น จักรินทร์จึงรีบส่งข้อความหาเพื่อนสนิทอย่างอิทธิพัทธ์และชัชชน ชวนพวกเขาทั้งสองไปดื่มผ่อนคลายกันยังร้านประจำข้อความตอบกลับจากเพื่อนทั้งสองถูกส่งมาแทบจะทันทีชัชชนตอบกลับมาด้วยคำสั้น ๆ ว่า “เจอกัน!”ส่วนอิทธิพัทธ์ส่งข้อความมาถามด้วยความสงสัย “นี่นายยังเฮิร์ทเรื่องน้องธาริกาไม่หายอีกเหรอเนี่ย”จักรินทร์ส่งข้อความตอบกลับชัชชนไปว่า “เจอกันที่เดิม อีกครึ่งชั่วโมง”ส่วนข้อความของอิทธิพัทธ์ เขาตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ ว่า “ใช่…แต่ช่างมันเถอะน่า เจอกันที่นั่น อีกสามสิบนาที”จักรินทร์ถอนหายใจยาว เอนหลังพิง
“ฉันไม่ติดอะไรว่ะ” อิทธิพัทธ์เอ่ยพลางยักไหล่ แล้วยกแก้วขึ้นจิบ“พวกนายทนดื่มลงคอได้ยังไงกัน” จักรินทร์ถาม มองเพื่อนทั้งสองด้วยความเหลือเชื่อ“มันก็แค่น้ำผลไม้โซดาซ่า ที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่นิดหน่อยเองนี่หว่า จะดื่มไม่ได้ตรงไหน” อิทธิพัทธ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยเมยจักรินทร์ส่ายหน้า “ฉันละไม่เก็ทพวกนายจริง ๆ เลยว่ะ”ชัชชนกับหญิงสาวที่ควงมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอีกตัว เริ่มนัวเนียกันอย่างออกนอกหน้า และอิทธิพัทธ์ยังคงกวาดสายตาสำรวจผู้คนรอบกายต่อไป ส่วนจักรินทร์นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟา ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ควรจะทำต่อไปในค่ำคืนนี้และในขณะนั้นเอง สายตาของเขาก็พลันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยคุ้นเคย…เกินไปแล้ว...ใจของจักรินทร์เต้นกระหน่ำราวกับกลองศึก ไม่แน่ใจว่าตนกำลังตาฝาดไปหรือไม่นั่นมัน… ธาริกา…หญิงสาวกำลังเริ
แสงแดดยามเช้าที่สะท้อนเข้ามาทำให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น ธาริกาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับโฟกัสสายตาได้ เนื่องจากอาการปวดศีรษะจู่โจมอย่างหนัก ความทรงจำในค่ำคืนที่ผ่านมาเลือนราง ราวกับหมอกควัน บ่งบอกว่าเธอคงจะดื่มหนักเกินไปจนขาดสติในที่สุดเปลือกตาก็เปิดขึ้นเต็มที่ เธอจึงก็เริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกายทว่าสถานที่ที่เธอเห็นนั้น ไม่ใช่คอนโดของเอวา ดังที่คาดการณ์ไว้ และก็ไม่ใช่ห้องที่บ้านของเธอเองเช่นกัน เธอตื่นนอนขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะประมวลผลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันใดนั้น ร่างบางก็ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว คว้าผ้านวมเนื้อนุ่มมากอดไว้แนบอก ชุดราตรีที่เธอสวมใส่เมื่อคืนวานไม่ได้อยู่บนร่างกายอีกต่อไป หากแต่เปลี่ยนเป็นชุดวอร์มเนื้อดี และเสื้อยืดคอกลมสีอ่อนสัมผัสนุ่มสบายความจริงบางอย่างเริ่มกระจ่างชัด ทว่าเธอกลับไม่อยากที่จะครุ่นคิดถึงมันสายตาของธาริกากวาดมองสำรวจสภ
ธาริกากลับบ้านไปหลังจากทานอาหารเช้าร่วมกัน เธอสวมชุดลำลองที่เขาซื้อให้ จักรินทร์กำชับให้เธอแต่งกายให้สวยงามสำหรับค่ำคืนนี้ และย้ำว่าไม่ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้บิดามารดาทราบ ซึ่งธาริกาก็คงรู้อยู่แล้ว แม้เขาจะมิได้เอ่ยปากก็ตามจักรินทร์ยังคงครุ่นคิดหนักถึงเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าหากความสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไป เขาจะต้องเผชิญหน้ากับบิดามารดาของเธอในสักวัน ซึ่งนั้นมิใช่ความคิดที่ชวนให้รื่นรมย์เลยสักนิดส่วนลึกในใจยังคงหวังว่าความรู้สึกของเขาจะจางหายไป และทุกอย่างจะจบลง ก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปพัวพันกับครอบครัวของเธอเพื่อเบี่ยงเบนความคิด ก่อนถึงเวลานัดกับธาริกา จักรินทร์จึงโทรศัพท์หานายชัชชนและอิทธิพัทธ์อีกครั้งทั้งสองตอบรับคำชวน โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องสังสรรค์กันอยู่แต่ในบ้านเท่านั้นเพราะขี้เกียจออกไปข้างนอก แต่ถึงอยู่แต่ในบ้าน ก็ยังมีกิจกรรมมากมายให้ทำ และอิทธิพัทธ์เสนอให้พวกเขาประลองฝีมือหมากรุกกันอิทธิพัทธ์เพิ่งจะซื้อหมากรุกชุด
“ตกลงค่ะ ฉันจะลองดู”ที่จริง เธอเองก็ไม่ได้คิดจะคบใครอื่นอยู่แล้ว แต่คงไม่จำเป็นต้องบอกเขาให้ล่วงรู้ ปล่อยให้เขาคิดไปว่าเธอเองก็ยินดีที่จะเสียสละเช่นกันใบหน้าของจักรินทร์แย้มรอยยิ้มกว้าง เขารั้งร่างเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง จูบเธออย่างหนักหน่วง“เธอสวยมาก” เขาพึมพำเธอรู้ดีว่ามันเป็นเพียงคำลวงแต่ก็ยินยอมปล่อยใจให้ล่องลอยไปในห้วงฝัน“ฉันรู้ค่ะ” ธาริกาหัวเราะคิกคัก จูบตอบเขาแผ่วเบา “คุณหมอน่ะโชคดีมากนะคะ”“ใช่ ฉันมันโชคดีจริง ๆ”**********ทั้งคู่ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน จักรินทร์โอบกอดหญิงสาวไว้ตลอดคืน ธาริกาไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้มาก่อน สัมผัสอบอุ่นจากมือแกร่งที่ทาบอยู่บนเอว และศีรษะเธอที่ซุกแนบอยู่ใต้คางแกร่งจนกระทั่งเช้า
จักรินทร์รักษาสัญญาของเขาเป็นอย่างดี ธาริกาถึงจุดสุดยอดสามครั้งก่อนที่เขาจะตัดสินใจพัก และลุกเดินไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ เขาถามว่าเธออยากจะไปด้วยกันไหม แต่เธอปฏิเสธ เธอต้องการเวลาคิดอะไรบางอย่าง และไม่มีทางที่เธอจะทำได้ถ้าจักรินทร์มีอะไรกับเธอใต้สายน้ำร้อนของห้องอาบน้ำสุดหรูเธอยังไม่เข้าใจว่า ตอนแรกเขาบอกให้เธอกลับไปใช้วิธีการช่วยตนเอง แต่แล้วทำไมสุดท้ายเขาถึงเข้ามา และดูจะข้ามขั้นตอนไปมากแล้วที่บอกว่าเธอเป็นของเขา แต่เขาหมายความแบบนั้นจริง ๆ หรือ หรือแค่เพราะอารมณ์ในตอนนั้นเธอมองลงไปที่รอยฟกช้ำบนขาของเธอที่เขาทิ้งไว้จากการกัดของเขา เธอทำผิดพลาดที่ใส่ชุดชั้นในชุดนี้หรือเปล่า เธอทำไปโดยตั้งใจ เธอแค่อยากรู้ว่าเธอจะยั่วยุเขาได้แค่ไหนแต่นั่นเป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัว และไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นร่างกายของเธอยังคงร่ำร้องเขา แม้ว่าเขาจะให้เธอทุกอย่างแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังร่ำร้องหาเขามากขึ้นไปอีก
ธาริกาค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปใต้ขอบเอวของบ็อกเซอร์ และดึงรั้งมันให้หลุดล่นลงไปกองที่ข้อเท้าเหมือนกับกางเกงก่อนหน้าแก่นกายขนาดเขื่องของจักรินทร์ผงาดโผล่พ้นออกมาจากพันธนาการแห่งเนื้อผ้า ดวงตากลมจับจ้องมองมันอย่างตะลึงลานขณะที่ดึงรั้งเครื่องปกปิดให้หลุดล่นลงไปกองที่ข้อเท้า และจักรินทร์ก็เตะมันทิ้งไปให้พ้นทางอีกครั้ง“คุกเข่าลงสิ”เสียงบัญชาเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ด้วยเขารู้ดีว่ามันจะเป็นผลดีต่อหญิงสาวมากยิ่งกว่าหากเขาหนักแน่นและมั่นคงในคำพูดของตนเอง เพราะในตอนนี้ธาริกาไม่รู้ว่าควรจะกระทำสิ่งใดต่อไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องคอยชี้แนะนำทางเธอในทุก ๆ สิ่ง และดูเหมือนว่าเธอจะพึงใจในบทบาทนี้ของเขาเสียด้วยธาริกาปฏิบัติตามคำบัญชาของชายหนุ่มแต่โดยดี ทรุดกายคุกเข่าลงตรงหน้าร่างสูงอย่างว่าง่ายจักรินทร์แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้อีกต่อไปภาพของธาริกาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ในชุดชั้นในสีแดงเ
ช่างเป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์เสียจริงใบหน้าหวานแหงนเงย เหยเกไปด้วยความสุขสมในยามที่เธอค้นพบจังหวะที่พึงพอใจเสียงหวานละมุนเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม เสียงครางแผ่วเบาอันแสนสุขสมเกินบรรยาย ช่างคล้ายคลึงกับเสียงอ้อนวอนเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มรีบก้าวเข้าไปหาและมอ ความสุขสมให้แก่เธออย่างแท้จริงจักรินทร์พยายามอย่างยิ่งที่จะฝืนสะกดกลั้นตนเองต่อไป ทว่าในที่สุด เขาก็มิอาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไปช่างน่าขันเสียจริง ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงต้องการในตัวเธออยู่ดีและเขาต้องการเธอเดี๋ยวนี้ด้วย!ถึงแม้ว่า ในภายภาคหน้าเขาอาจจะหมดสิ้นความสนใจในตัวเธอไปจนหมดใจแล้วก็ตามที แต่ในโมงยามนี้เขากลับตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเสพสุขกับเธอให้ถึงขีดสุดจนกว่าจะถึงวันนั้นธาริกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจระคนงุนงง ในยามที่ร่างสูงเดิมข้ามห้องมาหาเธอด้วยสองก้าวยาว ๆ
จักรินทร์แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้ในระหว่างที่ขับรถ ทว่าเขาก็ตระหนักดีว่าเขาไม่ควรที่จะแตะต้องเนื้อต้องตัวเธออีกเป็นอันขาด เพราะในตอนนี้ ธาริกากำลังรู้สึกไม่สบายใจและยังเริ่มก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขาไม่ควรได้รับจากเธอยิ่งไดสัมผัสใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น สิ่งต่าง ๆ ก็จะยิ่งเลวร้ายลงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เขาปรารถนาที่จะจัดการในโมงยามนี้ด้วยเหตุนั้นจักรินทร์จึงไม่แม้แต่จะหันไปมองหญิงสาวเลยในระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันเขาจำเป็นที่จะต้องสร้างระยะห่างที่เหมาะสมขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ทว่าก็ต้องไม่มากจนเกินไป จนอาจจะทำให้เธอเกิดความสงสัยในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเขาเพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง และถ้าสมมติเธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษให้เขาขึ้นมาจริง ๆ เขาก็ไม่อยากที่จะปล่อยให้เธอต้องมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับความสัมพันธ์ครั้งนี้เมื่อกลับมาถึงบ้าน จักรินทร์ลงมาเปิดประตูรถให้หยิงสาว
“ฉันก็ไม่ได้จะให้เธอแสร้งทำสักหน่อย นี่เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อจริง ๆ หรือ ใช่…พวกเราจำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่างที่เหมาะสมในสถานที่ทำงาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะต้องหลบหน้าฉันถึงขนาดนี้”“ฉัน…ไม่แน่ใจว่าคุณหมอเข้าใจความรู้สึกของฉันจริง ๆ หรือเปล่านะคะ”ในใจของธาริกายังคงไม่ปรารถนาที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปว่า เธอเริ่มคิดว่าตนเองกำลังมีความรู้สึกพิเศษให้เขา เพราะมั่นใจว่า หากเขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ เขาจะต้องผละถอยห่างจากเธอไปอย่างแน่นอนและนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เธอปรารถนาจะให้เกิดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายให้ฉันฟังหน่อย” น้ำเสียงของจักรินทร์อ่อนลง“เอ่อ...ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันได้ไหมคะ” ธาริกาเสนอ“ไปสิ”จักรินทร์ตอบรับในทันที เขาผุดลุกขึ้น และดึงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ให้หญิงสาว จากนั้นจึงค่อยเลื่อนเก้าอี้ของตนเองมาข้าง ๆ เพื่อจะได้น
มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ธาริการู้ว่าการที่เธอกับจักรินทร์ลางานพร้อมกันไม่ได้เป็นที่สงสัย แต่เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้มีสิ่งหนึ่งคือปฏิกิริยาของเธอในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม จะต้องปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นแน่ แค่การที่เขาเป็นผู้ชายคนแรก ก็ถือเป็นเหตุผลที่มากเพียงพอแล้วเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่ประการใด ประสบการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ช่างยอดเยี่ยมเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด และจักรินทร์ก็อ่อนโยนต่อเธออย่างน่าประทับใจทว่าในใจของธาริกากลับมีความกังวลขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะจริงจังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากการใกล้ชิดกันถึงเพียงนั้นเธอสงสัยว่าเธออาจจะกำลังเริ่มหลงรักเขาเข้าให้แล้วจริง ๆ ก็เป็นได้และหากมันเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คงจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ในชีวิตของเธออย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะจัดการกับสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วน
จักรินทร์วางของลงกับพื้น พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ และยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจเหนือศีรษะในขณะเดียวกันอิทธิพัทธ์ก็เตรียมพร้อมที่จะยิงธนูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขากำลังขึ้นสายธนูและเล็งไปยังเป้าที่ตั้งอยู่ไกลที่สุด จากนั้นก็ปล่อยมือ ลูกธนูวิ่งฝ่าอากาศออกไป ทว่ามิได้เข้าเป้าตรงกลางเป้าตามที่หวัง แต่ก็ยังคงโดนเป้าอยู่ดี นับว่าเป็นการยิงที่น่าประทับใจไม่น้อย“แล้วตกลงว่านายมีเรื่องอะไรจะพูดหรือไอ้หมอ” อิทธิพัทธ์เอ่ยถาม หันหน้ามามองจักรินทร์จักรินทร์หยิบลูกธนูขึ้นมา และถือคันธนูในท่า เตรียมพร้อมยิง“ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี”“ก็เริ่มเล่าจากตรงที่แกค้างเอาไว้นั่นแหละ” ชัชชนเสนอแนะ พลางยกยิ้ม เขาใช้เวลานานเป็นพิเศษในการเล็งเป้าที่ตั้งอยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นจึงค่อยปล่อยลูกธนูออกจากคันธนู และลูกธนูก็ปักเข้าไปในเป้า...ทว่ากลับเป็นเพียงแค่บริเวณขอบนอกของเป้าเท่านั้น“ก็...ดีมากแล้วนี่” อิทธิพัทธ์เอ่ย