ฉันพยักหน้า ตอนนี้อะไรก็ยอมทุกอย่างขอให้ตัวเองหลุดพ้นจากไอ้บ้ากามนี่ก็พอ ก่อนจะพยายามเอื้อมจับแขนเขาหาที่ยึดรั้ง และมองเข้าไปในนัยน์ตาดำขลับที่จ้องลงมา
ขอร้องล่ะ...ฉันไม่ไหวแล้ว อยากไปจากที่นี่ ฉันเกลียดเลือด เกลียดสภาพตัวเอง ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรฉันก็ยอมทุกอย่าง
ณ ที่ตรงนี้ คุณแทนไทปลอดภัยที่สุด... ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
"ช่วยพาหนูไปจากตรงนี้ได้ไหมคะ... อยากได้อะไรหนูยอมให้หมด ไม่ว่าจะเงินหรือทอง หนูให้ได้หมดจริงๆ ...นะคะ คุณแทนไท"
มือหนาที่เชยคางเปลี่ยนมาบีบแก้มฉันหมับ แต่เขาไม่ได้ลงแรง แค่บีบให้ฉันแหงนขึ้นมองหน้าเขาอีกครั้งในระยะที่ใกล้กว่าเดิม
"พูดแบบนั้นออกมา... มีสติดีรึเปล่า?"
"ค่ะ"
"แน่ใจ?"
"นะ... แน่ใจค่ะ"
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ตอบอะไร ช้อนตัวฉันอุ้มขึ้นอย่างใจเย็น และพยักหน้าบอกลูกน้องที่ยืนอยู่อย่างรู้กัน ก่อนที่คนพวกนั้นจะเดินไปเปิดท้ายรถหยิบซองซิปออกมาเก็บศพ และโรยผงอะไรบางอย่างไปที่กองเลือด
ส่วนฉันถูกอุ้มเดินไปที่รถโรลส์รอยซ์ของเขา ตามด้วยบอดี้การ์ดอีกสี่คนที่เดินประกบไม่ให้ใครมองเห็นเรา แต่ฉันลืมอะไรไปนะ... กระเป๋าก็เอามาแล้ว รถก็คงจอดไว้ที่นี่ก่อน
เฮ้ย...
วาววา!
"ดะ เดี๋ยวค่ะ"
คุณแทนไทหยุดเดินแล้วก้มลงมองฉัน
"พะ... เพื่อนหนูอยู่ข้างตึก ไปช่วยเพื่อนหนูด้วยนะคะ"
เขาถอนหายใจรำคาญ ก่อนจะปรายตามองไปที่บอดี้การ์ดข้างๆ และแน่นอนว่าคำสั่งจากสายตานั้นมันมีอิทธิพลมาก แค่มองไปไม่ถึงสามวิ บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ก็ก้มหน้ารับคำสั่ง และวิ่งออกไปทันที
ก่อนที่คุณแทนไทเขาจะอุ้มฉันเข้าไปนั่งในรถหรูที่สตาร์ทรออยู่ แต่ทันทีที่หลังพิงเบาะ หน้าโดนแอร์เย็นๆ เรี่ยวแรงที่หายไปก็เหมือนจะกลับมา ฉันหลับตาจูนสติ จูนสมอง ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆให้ทุกอย่างมันผ่อนคลายลง
จนสองคนที่ประจำเบาะหน้าถามขึ้นมา
"ไปไหนครับท่าน"
"เพนส์เฮาส์" ฉันเปิดตาขึ้น และหันมองคุณแทนไทตั้งใจจะถาม แต่ไม่นานเปลือกตาก็หนักอึ้งขึ้นอีกครั้ง จนต้องรีบก้มลงนวดหว่างคิ้วตัวเอง
จนคุณแทนไขเขาเปิดที่รองแขน และหยิบก้อนน้ำแข็งออกมายัดเข้าปากฉัน
อึก!
"อื้อ~ อำอะไออะ(ทำอะไรอ่ะ)" ฉันถามเสียงอู้อี้ แต่ฮีก็ไม่ตอบเหมือนเคย กลับไปนั่งปกติและกระชับเสื้อสูทมองออกไปนอกกระจกรถ ขณะที่ฉันยังอมน้ำแข็งอยู่อย่างนั้น และอยู่ในความงุนงง
จนน้ำแข็งในปากค่อยๆละลาย อาการฉันก็เริ่มดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
แรงฉันกลับมา เปลือกตาไม่หนัก...
ฉันจึงเอื้อมหยิบทิชชูมาเช็ดคราบเลือดตามตัวตามหน้า แต่มันก็แห้งกรังเกินเยียวยาแล้ว
"เอ่อ จะไปไหนกันเหรอคะ" ฉันตัดสินใจเกาะเบาะหน้า และโผล่หัวไปถามบอดี้การ์ดของเขาแทน
"ไปเพนส์เฮาส์คุณแทนไทครับ"
"แวะไปส่งหนูที่บ้านได้มั้ยคะ"
"คุณจะกลับบ้านในสภาพนี้เหรอครับ"
ฉันก้มมองตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะรีบถอยกลับมานั่งแล้วกอดอกเหมือนเดิม ลืมไปว่าชุดฉันมันโชว์ร่องนม และเป็นสายเดี่ยวแหวกหลัง แถมสภาพก็มอมแมมจนไม่เหลือเคล้าหนูนิวนิวของพ่อแม่แล้ว
ถ้ากลับบ้านตอนนี้...พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงแน่ๆ พอฉันรู้แบบนั้น ก็หันไปรวบรวมความกล้าถามเจ้าของเพนส์เฮาส์เสียงอ่อย
"ที่เพนส์เฮาส์ของคุณ หนูขออาบน้ำได้ไหมคะ แล้วหนูอาบน้ำเสร็จช่วยไปส่งหนูหน่อยได้มั้ย หนูไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงค่ะ"
"อืม..." เขาสั้นๆในลำคอ และไม่มองแม้แต่หน้าฉัน
แต่โอเค... ถือว่ายังตอบ และหลังจากนั้นระหว่างทางก็มีแต่ความเงียบงัน คุณแทนไทไม่ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสักคำ ส่วนฉันมองในรถอย่างสำรวจเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ก็มันหรูมาก! มีขวดเหล้าวิสกี้แพงๆในรถ มีแก้วไวน์ มีจอ หลังคารถเป็นกระจก และมองขึ้นไปก็เป็นดาวระยิบระยับ
คนอะไรร๊วยรวย หล๊อหล่อ ฉันไปคิดว่าเขาเป็นโรคจิตได้ยังไง แล้วฉันก็ชะงักกับความคิดในหัวกลับมานั่งจ้องคนข้างๆด้วยความรู้สึกผิด ถ้าแอค SOIL มันไม่ใช่เขา... แสดงว่ามือถือก็ไม่ใช่ของเขา ตอนนั้นคุณแทนไทอาจจะช่วยฉันอยู่ก็ได้
เฮ้อ...แค่ขอบคุณคงไม่พอ ฉันต้องขอโทษด้วยสินะ
"คุณแทนไทคะ คือ...หนูขอโทษนะคะที่เข้าใจผิดคิดว่าคุณเป็นโรคจิต แถมยังตบหน้าคุณด้วย หนูไม่รู้จริงๆเพราะคุณไม่อธิบาย อีกอย่างหนูก็กลัวมากจนพลั้งมือ อย่าถือโทษโกรธหนูเลยนะคะ หนูยังไม่อยากตายยังอยากเลี้ยงแมวอยู่"
เขาหันมามองฉันแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"เงียบ... "
"คะ"
"เงียบ ฉันกำลังใช้ความคิด" เสียงที่เยือกเย็นนั้นเล่นเอาฉันชะงัก และนิ่งไปเลย เขากำลังคิดอะไร? อย่าบอกนะ... ว่าจะฆ่าฉันเหมือนที่ฆ่าไอ้โรคจิตนั่น โอ๊ยตาย! ประกันชีวิตฉันวงเงินเท่าไหร่ ใครเป็นผู้รับผลประโยชน์ พ่อ หรือแม่?!
"เอ่อ... ไม่ได้จะฆ่าหนูใช่มั้ย" คราวนี้เขาปรายตามองฉันด้วยหางตา
"เงียบซะ ถ้าไม่อยากตาย" โอเคค่ะ เงียบก็เงียบ T^T
ริมฝีปากบางเม้มสนิทอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฉันจะถอยกลับไปนั่งสงบเสงี่ยมในที่ของตัวเองหน้าสลด นี่ฉันหนีเสือปะจระเข้รึเปล่าเนี่ย คนที่ช่วยชีวิตน่ากลัวพอๆกับโรคจิตเลย
กว่าจะถึงเพนส์เฮาส์ของคุณแทนไทใช้เวลาพอสมควร ฉันอึดอัดสุดๆที่ในรถไม่มีคนคุยด้วย เพลงก็ไม่มี วิทยุก็ไม่เปิด ทุกคนดูจริงจังกับการเงียบ แม้แต่เสียงลมหายใจก็แทบไม่ได้ยิน
แต่เมื่อถึงเพนส์เฮาส์เขาฉันว้าวมาก! คุณแทนไทสามารถขับรถขึ้นลิฟต์ไปจอดที่หน้าห้องได้เลย เพนส์เฮาส์แห่งนี้ฉันเคยได้ยินว่าแพงหูฉี่ คนปกติอยู่ไม่ได้ถ้าไม่รวยระดับมหาเศรษฐี
ตัดมาที่ตอนนี้... พอรถจอดสนิทบอดี้การ์ดก็ลงมาเปิดประตูให้ฉันลงจากรถ และเดินกะแผลกๆ ตามหลังคุณแทนไทเข้าไปในห้อง
ค่ะ...
ว้าวแล้วว้าวอีก เพดานสูงดับเบิ้ลวอลลุ่มกินพื้นที่ไปสองชั้น มีบันไดกลางห้อง และห้องโถงก็อลังการดาวล้านดวง มันถูกล้อมรอบไปด้วยกระจกใหญ่ๆ เห็นวิวกรุงเทพ และแสงไฟสุดลูกหูลูกตา
ฉันเงยขึ้นมองตาเป็นประกาย ยิ้มให้กับโคมไฟแชนนาเรียใหญ่ๆที่ตัวเองพึ่งเดินผ่าน และในเพนส์เฮาส์แห่งนี้ก็มีบอดี้การ์ดอีกจำนวนนึงกับแม่บ้าน ที่ตอนนี้ออกมายืนเรียงแถวรอรับคุณแทนไทด้วยชุดยูนิฟอร์มเต็มยศ
นี่มัน... อะไรกันคะ
ในโลกนี้ มันมีคนใช้ชีวิตแบบนี้อีกเหรอ? ฉันรู้จักคนรวยมากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครทรงอำนาจและน่าเกรงขามเท่าเขา ไม่ว่าจะเดินผ่านใครทุกคนก้มหัว และพอเข้าถึงกลางห้อง ก็มีแม่บ้านเดินถือจานใส่ผ้ามาให้เช็ดมือ และถอดสูทตัวนอกออกให้
"คุณผู้หญิงจะอาบน้ำก่อนไหมคะ" ฉันชี้ที่ตัวเองงงๆ
"หนูเหรอคะ?"
"ใช่ค่ะ ดิฉันจะไปเตรียมน้ำให้ อยากได้เป็นน้ำนมหรือน้ำอุ่นผสมน้ำมันอัลมอนด์ดีคะ?"
เอ่อ... อารมณ์เหมือนไปร้านชาบูแล้วพนักงานถามว่าเอาน้ำซุปอะไร
"อะไรก็ได้ค่ะ ง่ายๆ"
"ค่ะ งั้นดิฉันเตรียมน้ำนมให้นะคะ เชิญทางนี้ค่ะ"
ฉันก้มหน้าขอบคุณ แต่พอหันไปมองคุณแทนไทเห็นเขากำลังยืนถือแก้ววิสกี้ริมกระจกไม่ว่าอะไร เลยตัดสินใจเดินตามแม่บ้านไป
มาถึงห้องน้ำอันกว้างใหญ่แม่บ้านก็เป็นคนถอดชุดให้ฉัน รวมถึงเกล้าผมขึ้นให้ด้วย ไม่พอแค่นี้นะ... แถมยังค่อยๆพยุงลงอ่างจากุชชี่สุดแพง ราวกับกลัวฉันบอบช้ำ อารมณ์ตอนนี้เหมือนเป็นขอทานแล้วรู้ว่าตัวถูกพลัดพราก
ฉันนั่งแช่อ่างมองไปเห็นวิวกรุงเทพ มีคนนวดไหล่และขัดผิวให้ สุขสบายเหมือนอยู่สปาห้าดาวที่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย
จนอาบน้ำเสร็จตัวหอมฉุย แม่บ้านก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวโคลงมาให้ฉันใส่
"เอ่อ... มันจะไม่โป๊ไปเหรอคะ? เดี๋ยวหนูก็กลับแล้ว"
"ที่นี่ไม่มีชุดของผู้หญิงเลยค่ะ ใส่เสื้อคุณแทนไทไปก่อนระหว่างรอชุดของคุณอบแห้งนะคะ"
ฉันก้มมองชุดที่ตัวเองใส่แล้วหมุนตัวหน้ากระจก ก่อนจะทดลองยกแขน ทดลองก้มลงเช็คว่าก้นโผล่รึเปล่า
ซึ่งมันโอเค...พอไหว ไม่โป๊จนเกินไป และหลังจากนั้นฉันก็ปล่อยผมที่เกล้าอยู่ลงให้มันยาวปิดหน้าอกตัวเองไว้ ก่อนที่แม่บ้านสองคนที่ดูแลอยู่จะผายมือเชิญออกไปที่ห้องโถงที่มีคุณแทนไทนั่งอยู่ที่โซฟา
ฉันเขินนิดหน่อยที่ออกมาในสภาพนี้ พยายามใช้มือบังตลอดทาง และเมื่อนั่งลงฝั่งตรงข้ามก็รีบหาหมอนมาวางทับบนตักทันที
"เอ่อ...ขอบคุณนะคะ บุญคุณครั้งนี้หนูจะไม่ลืมเลย" ฉันขอบคุณเขาจากใจ และอีกอย่าง... อยากทำลายบรรยากาศที่เงียบจนน่าขนลุกนี้ด้วย
"จำที่พูดได้รึเปล่า?" คุณแทนไทถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตาคมจับจ้องมาแค่หน้าฉัน ไม่ได้สนใจชุดที่ฉันใส่เลย
แต่เขาหมายถึงเรื่องอะไร? ฉันลืมหมดแล้ว
"เอ่อ... คุณช่วยทบทวนให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ บางทีหนูก็ปลาทองหลงๆลืมๆ"
เท่านั้นแหละค่ะบุรุษหน้านิ่งก็ถอนหายใจอย่างรำคาญ ก่อนจะเอื้อมหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกพรวดอย่างรวดเร็วราวกับมันเป็นน้ำเปล่า แต่ตาฉันนี่สิมันไม่รักดี... ดันไปสะดุดเข้ากับลูกกระเดือกของเขาจนเหม่อไปเลย
"อยากได้อะไร... จะยอมให้" ฉันหันไปสนใจเขาอีกครั้ง เพราะคำนี้ฉันจำได้
"ใช่ค่ะ คุณอยากได้เงินทองเท่าไหร่ว่ามาเลย ถือเป็นการขอบคุณที่ช่วยหนูไว้ค่ะ อิอิ"
ฉันพูดอย่างอารมณ์ดี แต่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทำไมเหรอ? เงินไม่สำคัญกับชีวิตเขารึไง? ทำไมทำหน้าเหมือนคำพูดฉันมันเป็นคำพูดที่ตลกขบขัน
"คุณแทนไท ท่านไม่ต้องการเงินจากคุณหรอกครับ" สุดท้ายบอดี้การ์ดคนนึงก็ให้คำตอบฉัน ก่อนจะเดินมาหยุดข้างๆ แล้วมอบซองเอกสารสีน้ำตาลให้
ฉันรับมาอย่างไม่เข้าใจ แต่ไม่ทันได้แกะหรือถามอะไร... บอดี้การ์ดคนนั้นก็พูดต่อ
"คุณแทนไท ต้องการให้คุณเป็นแม่ของลูก"
อ๋อ ต้องการแม่ของลูกนี่เอง แม่ของลูก... แม่ของลูก?
เฮ้ย! O_O
ฉันเบิกตาโต และโยนซองเอกสารสีน้ำตาลลงโต๊ะด้วยความตกใจ จะบ้าเหรอ?! ฉันยังสด ยังซิง แฟนก็ไม่มี จะให้ไปมีลูกเลยได้ยังไง นิวนิวผู้บอบบางอย่างฉันยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่คนหรอกนะ!
"ไม่ได้ค่ะ ไม่มีทาง คุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้ชอบกัน แค่ช่วยชีวิตหนูครั้งเดียวจะมาขอให้มีลูกให้มันเกินไปค่ะ หนูยังบริสุทธิ์ ยังโสด ยังไม่เคยผ่านมือผู้ชายสักคน คนมาจีบก็ไม่มี แต่นี่มันคือการตัดอนาคตหนูเลยนะ ขอเซย์โนค่ะ!"
'กึก'
ฉันเงียบปากทันทีเมื่อปืนกระบอกนึงถูกวางลงบนโต๊ะ และคุณแทนไทก็เป็นคนวางมันด้วยตัวเอง ก่อนที่เขาจะใช้ศอกค้ำหน้าขาโน้มมาหา พร้อมกับส่งสายตาเย็นชามองมาจนฉันหายใจไม่ทั่วท้อง
"รู้ไหม... ว่าคนที่ผิดคำพูดกับฉันมันเป็นยังไง?"
ฉันส่ายหน้าตอบน้ำตาคลอเบ้า
"มันตาย... "