ทางด้านเฉียวเนี่ยน นางเข้าไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยแพทย์แห่งโรงหมอหลวงที่โรงหมอหลวงตั้งแต่เช้า จนกระทั่งโพล้เพล้ถึงได้ออกมาจากโรงหมอหลวงวันนี้ทั้งวันมัวแต่รับช่วงต่องานในโรงหมอหลวงมิใช่ว่าเรื่องงานในโรงหมอหลวงซับซ้อน เพียงแต่วันนี้คนในโรงหมอหลวงเหมือนโดนของ เรื่องที่เดิมทีพูดทีเดียวก็จบ พวกเขากลับต้องแบ่งพูดเป็นสามสี่ครั้งถึงได้พูดจบแต่เฉียวเนี่ยนก็รู้ดี พวกเขามิใช่โดนของ แต่เป็นได้รับคำสั่งจากใครบางคนอาจจะเป็นฮองเฮา หรือองค์หญิงซูหยวน ใครจะรู้เล่า?ดีที่ในที่สุดก็กลับได้แล้วเหล่าแพทย์ในโรงหมอหลวงกับนางก็ถือว่าเป็นคนคุ้นหน้ากัน ถึงแม้จำใจต้องทำให้นางลำบาก แต่กับบาดแผลที่เข่านางก็ล้วนดูแลกันอย่างเต็มที่อีกทั้งวันนี้ในการรับช่วงงาน หากมีที่ให้นางได้นั่ง พวกเขาก็ย่อมไม่ให้นางต้องฝืนยืนจนถึงตอนนี้เวลาเดินจึงไม่เหมือนกับตอนเช้าที่ดูอเนจอนาถลุงเกิ่งยังคงรออยู่ที่หน้าประตูวังเห็นเฉียวเนี่ยนก้าวช้าๆ เข้ามา ใจที่แขวนไว้บนเส้นด้ายทั้งวันทั้งคืนถึงได้วางลงเสียทีเห็นได้ชัดว่าก้าวย่างของเฉียวเนี่ยนไม่ค่อยปกติ ลุงเกิ่งจึงรีบเข้าไปประคองเฉียวเนี่ยนเดินไปยังรถม้ามิได้ถามเฉียว
ใช่แล้ว ห้ามผู้ใดมาเยี่ยม..."เช่นนั้น ข้าจะไปขอยาสักหน่อย เนี่ยนเนี่ยนนางมียามากมาย ต้องมียาที่ช่วยท่านพี่เซียวได้แน่!"นางพูดพร้อมดื้อดึงจะออกไปแม้จะห้ามผู้ใดมาเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้บอกว่านางออกไปขอยาไม่ได้สักหน่อย!แต่เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ถูกจี้เยว่รีบก้าวเข้ามาขวางไว้ "พระชายาท่านอ๋อง เมื่อคืนไม่ได้พบคุณหนูเฉียวหรือ?"ได้ฟังดังนั้น เกอซูอวิ๋นก็ชะงัก มองจี้เยว่ด้วยความงุนงง "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"จี้เยว่ขมวดคิ้วแน่น "คุณหนูเฉียวได้ยินว่าพระชายาท่านอ๋องเข้าไปในวัง ก็เข้าไปด้วย ข้าน้อยเห็นกับตาเองว่าคุณหนูเฉียวนั่งรออยู่หน้าประตูวังจนถึงยามไห้ ถึงได้ถูกเชิญเข้าไป แต่จนกระทั่งพระชายาท่านอ๋องเสด็จออกจากวัง คุณหนูเฉียวก็ยังไม่ออกมา"ได้ยินดังนั้น เกอซูอวิ๋นก็เหมือนนึกบางอย่างออกตอนที่นางออกจากวัง เพราะคุกเข่านานเกินไปจนเวียนศีรษะ ยังต้องให้จี้เยว่กับเซียงฉินพยุงออกมาและเหมือนกับว่าเห็นรถม้าคันหนึ่งอยู่หน้าประตูวังจริงๆข้างรถม้ามีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ รู้สึกคุ้นตาอย่างยิ่งบัดนี้คิดขึ้นมาได้ ไม่ใช่ลุงเกิ่งแห่งจวนอ๋องผิงหยางหรอกหรือ!ทันใดนั้นก็เข้าใจขึ้นมา นางพึมพำ "ข้ายังนึกว่า
เฉียวเนี่ยนอยู่ข้างกายนาง ก็เท่ากับวิชาแพทย์นั้นอยู่ข้างกายนางนิสัยของเฉียวเนี่ยนนั้น ตราบใดที่ไม่ใช่มีความแค้นฝังใจอะไร นางก็จะยื่นมือช่วยเหลือองค์หญิงซูหยวนกลับยังไม่ยอม นางอยู่ในตำหนักเย็นมาเกือบปี ออกมากลับได้เพียงตบหน้าเฉียวเนี่ยนเพียงทีเดียว ให้นางจะยอมได้อย่างไร?ครั้นแล้วก็เม้มปากบ่นขึ้นมา "แต่เสด็จแม่ก็ใช่ว่าจะรั้งตัวนางไว้ได้ นางเจ้าเล่ห์นักเพคะ!"ไม่คาดคิดว่าฮองเฮากลับยื่นมือมาเกี่ยวปลายจมูกองค์หญิงซูหยวนเบาๆ "แม่ย่อมมีวิธีทำให้นางอยู่อย่างเชื่อฟัง!""วิธีอะไรหรือ?" องค์หญิงซูหยวนอดถามไม่ได้กลับเห็นฮองเฮายิ้มอย่างลึกลับ "ความลับ!""โธ่ เสด็จแม่ รีบบอกมาเถอะเพคะ!" องค์หญิงซูหยวนก็อ้อนขึ้นมาอีกฮองเฮาจึงปรายตามองมามาข้างกายมามารู้ทัน รีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม "องค์หญิงเพคะ เมื่อวานนี้ฮองเฮาเพิ่งทรงถูกลอบปลงพระชนม์ อีกทั้งยังประจันหน้ากับเฉียวเนี่ยนทั้งคืน เวลานี้กำลังอ่อนเพลีย ให้พระองค์ได้พักผ่อนเถิดเพคะ!"ได้ฟังดังนั้น องค์หญิงซูหยวนก็เห็นว่าการให้เสด็จแม่พักผ่อนสำคัญกว่า จึงจำใจลุกขึ้น ทำความเคารพฮองเฮา "เช่นนั้นเสด็จแม่พักผ่อนเยอะๆ นะเพคะ แล้วซูหยวนค่อยมาพบทีหลัง"
ตอนนี้เมื่อได้ยินฮองเฮาพูดเช่นนี้ องค์หญิงซูหยวนก็ขอบตาแดงเรื่อ น้ำตาคลอพุ่งเข้ากอดฮองเฮาอย่างน้อยใจ “ฮือๆ ลูกไม่ลำบากเลยเพคะ ลูกเพียงแค่คิดถึงเสด็จแม่!”สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อยู่นาน องค์หญิงซูหยวนจึงออกจากอ้อมกอดของฮองเฮาเช็ดน้ำตาที่แก้มไปหนึ่งที แล้วจึงหันไปมองเฉียวเนี่ยนในที่สุดสายตาทั้งคู่สบกัน เฉียวเนี่ยนก็รู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงซูหยวนคิดจะทำอะไรตอนนี้เอง นางก็ลุกขึ้น ก้าวช้าๆ มุ่งไปหาเฉียวเนี่ยน“เพียะ!”ฝ่ามือที่ดังกังวานตบเข้าที่ใบหน้าเฉียวเนี่ยนอย่างแรงองค์หญิงซูหยวนกัดฟันกรอด ตะคอกด้วยโทสะ “นังสารเลว! วันที่กลั่นแกล้งองค์หญิงผู้นี้ ได้คิดบ้างไหมว่าจะมีวันนี้!”เฉียวเนี่ยนใช้ปลายลิ้นเลียคราบเลือดที่มุมปาก ไม่ได้เอ่ยอะไรผู้แพ้ต่อให้เป็นผู้กล้า แต่ในสายตาของผู้ชนะก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขตัวหนึ่งในเมื่อวันนี้นางเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ก็ไม่มีอะไรให้น่าพูดอีกทว่ามองเฉียวเนี่ยนที่ไม่พูดไม่จา ยิ่งทำให้องค์หญิงซูหยวนโกรธจัด แกว่งแขนจะฟาดอีกครั้ง แต่กลับถูกฮองเฮาห้ามไว้“พอแล้ว คุณหนูเฉียวเป็นคนของเรา เจ้าตบนางไปแล้ว ด่าก็ด่าไปแล้ว วันหลังอย่าได้เอาเรื่องเก่ามาพูดอีก”ได้ย
เฉียวเนี่ยนยังคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่เปล่งเสียงเพียงคิดในใจ ว่าดีแล้วที่ไม่ใช่ห้าสิบไม้ทวนเซียวเหอน่าจะทนผ่านไปได้ไม่ให้คนไปเยี่ยม ไม่ใช่ว่าห้ามนำยารักษาแผลเข้าไปอย่างน้อยก็ถูกปล่อยออกมาจากคุกหลวงแล้วมีเกอซูอวิ๋นดูแลอยู่ คงไม่เป็นไรขณะกำลังคิดอยู่ ฮองเฮากลับหัวเราะขึ้นมา “คุณหนูเฉียวกำลังคิดอะไรอยู่?”เฉียวเนี่ยนถึงได้สติ หันมองไปยังฮองเฮา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินฮองเฮาหัวเราะต่อว่า “หรือกำลังคิดว่า โบยห้าสิบไม้เอาชีวิตเซียวเหอไม่ได้ อีกทั้งองค์หญิงเกอซูก็ยังกลับไปดูแลเขาได้?”“……”เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าความคิดของนางแสดงออกมาชัดเกินไป หรือดวงตาของฮองเฮาจะมองทะลุใจคนได้ในเวลานั้นก็ยังไม่เอ่ยปากฮองเฮาก็หาได้คิดจะฟังว่านางจะพูดอะไร เพียงหัวเราะเยาะ เอ่ยว่า “เจ้ามาขอร้องเรา เราก็ไว้หน้าเจ้า ปล่อยคนหนึ่งกลับไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้กลับไปทั้งสอง”ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเฉียวเนี่ยนพลันเบิกกว้าง“ฮองเฮาเพคะ องค์หญิงแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกฐานะสูงศักดิ์...”“หุบปาก!” มามาที่อยู่ข้างๆ ตวาดเสียงดัง “เป็นแค่องค์หญิงแห่งกลุ่มชนเตอร์กิก จะเทียบชั้นกับฮองเฮาของพวกเราได้อย่างนั้นหร
เช่นนั้น การตอบคำถามก็ต้องระมัดระวังยิ่งนัก “หม่อมฉันมาเพื่อองค์หญิงแห่งกลุ่มชนเตอร์กิก และก็เพื่อแคว้นจิ้งของหม่อมฉันด้วยเพคะ”ไม่ว่าฮองเฮาจะคิดก่อกบฏหรือไม่ ไม่ว่าพระราชวังแห่งนี้สถานการณ์จะเป็นเช่นไรเฉียวเนี่ยนคิดว่าต้องเอ่ยถึงแคว้นจิ้งก่อน ถึงจะมีสิทธิ์เข้ามามีส่วนกับความขัดแย้งในวังดังนั้น ไม่ว่าฮองเฮาหรือฮ่องเต้ ก็คงไม่อยากให้บ้านเมืองแคว้นจิ้งเกิดความผิดพลาดใดๆแล้วก็จริงดังคาดเฉียวเนี่ยนพูดจบ สีหน้าฮองเฮาก็เปลี่ยนไป “เจ้าหมายความว่าอะไร?”เฉียวเนี่ยนยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ดวงตามองต่ำ กล่าวอย่างนอบน้อม “องค์หญิงแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกมาเพื่อการอภิเษกสมรส และในหนังสือการอภิเษกนั้นได้เขียนไว้ชัดว่า องค์หญิงจะต้องอภิเษกกับท่านอ๋องแห่งแคว้นจิ้งเท่านั้น ดังนั้นเมื่อคราวนั้นฮ่องเต้ถึงได้ทรงโปรดให้แต่งตั้งเซียวเหอเป็นรุ่ยอ๋อง”“อย่าพล่ามไร้สาระ” ฮองเฮาแสดงท่าทีหงุดหงิด “สิ่งที่เจ้าพูดมา เราจะไม่รู้ได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังฮองเฮา แววตาแฝงความลึกซึ้งและหนักแน่น “กลุ่มชนเตอร์กิกเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ แต่กลับกล้าเสนอข้อเรียกร้องนี้ และฮ่องเต้ถึงกับทรงยอมเลื