เขาจ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาฉายแววอํามหิตออกมา "ลำพังแค่เจ้าน่ะหรือ?""ใช่ ลำพังแค่ข้า" น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนเบาๆ ไม่โอ้อวด แต่ฟังแล้วทําให้คนรู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก"จะซื้อฆาตกรก็ดี หรือวางยาพิษในบ่อก็ดี ข้าก็มีวิธีของข้าได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ข้าจะเผาทําลายทั้งจวนราชครูไปซะ ถึงยังไงก็สามารถลากญาติพี่น้องของท่านไปฝังเป็นเพื่อนข้าได้ตั้งหลายคน"ตอนนี้นางทําอะไรชิวอวี่ไม่ได้เลยจริงๆแต่นางต้องทําให้ชิวอวี่รู้ว่านางไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ ไม่ใช่คนที่สามารถจัดการได้ และแต่งงานพานางเข้าบ้านได้ง่ายๆยังไงก็ตาม ในเมื่อชิวอวี่คนนี้สามารถกลายเป็นอันธพาลได้ เขาย่อมไม่ตกใจกับคําพูดสองสามประโยคของเฉียวเนี่ยนอยู่แล้วหลังจากใจหายวาบ เขาก็ลุกพรวดขึ้นยืน ทําท่าทางเหมือนคนไม่กลัวอะไร ส่งยิ้มเย็นให้เฉียวเนี่ยน "ได้สิ! แม่นางเฉียวอยากฆ่าก็ไปฆ่าเสีย แต่ว่าเจ้า ต้องแต่งกับข้า!"เพิ่งสิ้นเสียง ประตูห้องก็ถูกคนถีบเปิดออกมาอย่างแรงเฉียวเนี่ยนตกใจ ก็เห็นจิ่งเหยียนเดินก้าวยาวเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเย็นชาในมือยังลากคนคนหนึ่งมาด้วย"นางจะไม่แต่งงานกับท่าน" จิ่งเหยียนพูดด้วยน้ำเสีย
อีกด้านหนึ่ง จิ่งเหยียนดึงเฉียวเนี่ยนออกจากหอจุ้ยเซียงด้านหลังหนิงซวงวิ่งเหยาะๆ ไปตลอดทาง"รองแม่ทัพจิ่ง อย่าเดินเร็วขนาดนี้ ข้อเท้าคุณหนูของข้ามีโรคเก่า ประเดี๋ยวบิดแล้วจะทํายังไงเจ้าคะ?”ได้ยินดังนั้น จิ่งเหยียนก็รีบหยุดฝีเท้าลง แล้วรีบมองไปที่ข้อเท้าของเฉียวเนี่ยน ในดวงตายิ่งฉายแววตื่นตระหนก "ขอโทษ ข้าไม่รู้..."ในคําสั้นๆ ไม่กี่คํา มีความตื่นตระหนกและความรู้สึกผิดซ่อนอยู่แม้แต่ความโกรธแค้นเมื่อครู่ก็มองไม่เห็นแล้วเฉียวเนี่ยนยิ้มพลางส่ายหน้า "ข้าไม่เป็นไร" แต่ไม่คิดเลยว่าฝ่ามือจะค่อยๆ สัมผัสชุ่มชื้นและเหนียวเหนอะหนะนางก้มศีรษะลงและพบว่าแขนของจิ่งเหยียนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลจากข้อมือของเขาไปยังฝ่ามือที่ทั้งสองกําแน่นนางตกใจ "เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?"จิ่งเหยียนดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตุเห็น เขามองไปที่แขนของเขาและขมวดคิ้วเล็กน้อย "น่าจะบาดเจ็บตอนจัดการกับพวกคนเลวทรามเหล่านั้นเมื่อกี้นี้ ไม่ร้ายแรงหรอก"ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สังเกตุจนกระทั่งถึงตอนนี้แต่เฉียวเนี่ยนกลับเป็นห่วง “เลือดออกแล้วจะไม่ร้ายแรงได้ยังไง? ไปโรงหมอเถอะ!”แต่จิ่งเหยียนกลับกังวลว่าเลือดของตนจะทําให้นางแปดเปื้
นี่คือน้องสาวของจิ่งเหยียน ควรได้รับการสั่งสอนจากจิ่งเหยียนก็เห็นจิ่งเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถลึงตาใส่จิ่งโหรว "โหรวเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท!"แต่จิ่งโหรวกลับทําท่าเหมือนไม่ได้ยิน กลับเอ่ยปากถามว่า "พี่ใหญ่ เมื่อกี้จับพวกคนเลวทรามพวกนั้นได้แล้วหรือ? รู้หรือไม่ว่าใครส่งมา? เป็นจวนโหวอีกแล้วใช่หรือไม่?"นางตั้งใจถามแบบนี้เฉียวเนี่ยนแกล้งทําเป็นไม่ได้ยิน ก็ฟังจิ่งเหยียนพูดว่า "ไม่ใช่จวนโหว เป็นข้าที่ไปมีเรื่องกับคนเลวทรามคนหนึ่งในเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่เกี่ยวกับเนี่ยนเนี่ยน"ได้ยินดังนั้น จิ่งโหรวกลับทําเสียงหึในลําคอ "จริงหรือ? แต่ทําไมข้าถึงรู้สึกว่าคนเลวทรามคนนั้นก็มุ่งเป้ามาที่คุณหนูใหญ่เหมือนกัน?"ได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วมองจิ่งโหรวแวบหนึ่งก็เห็นจิ่งโหรวกําลังจ้องมองนางอยู่ น้ำตาคลอเบ้า "ก่อนอื่นพ่อข้าถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่มีเหตุผล ถูกทรมานอยู่ห้าวันเต็มถึงออกมา! วันนี้มีโจรหลายคนบุกเข้ามาอีก ทําให้แม่ข้าตกใจแทบตาย แล้วคราวหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเอาชีวิตทั้งครอบครัวเราถึงจะมีความสุขใช่ไหม? คุณหนูใหญ่ พวกเราเป็นแค่คนธรรมดา สู้ผู้มีอํ
ตอนนี้รถม้าได้มาถึงถนนมู่ชิวแล้ว แม้ว่าจะมีคนไม่มาก แต่ก็มีคนสิบกว่าคนการกระทําของจิ่งเหยียนดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีเขาไม่ใช่คนที่เก่งในการแสดงออก และยิ่งไม่ชอบถูกชมในที่สาธารณะแต่ในเวลานี้ เขากลับไม่สนใจการชี้ไม้ชี้มือของผู้อื่นแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งคู่จ้องมองเฉียวเนี่ยนเขม็ง น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นว่า "ข้าเคยสาบานไว้ว่าจะไม่ทรยศแม่นางเฉียวเด็ดขาด!"เฉียวเนี่ยนยังคงตกตะลึงอยู่นางยังคิดว่าจิ่งเหยียนต้องใช้เวลามากมายในการคิดให้ชัดเจนแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะไล่ตามออกมาเร็วขนาดนี้ทันใดนั้นก็อ้าปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีเขารู้สึกว่านางกําลังจะทิ้งเขาไปแล้ว จึงเรียกนางว่าแม่นางเฉียวหรือ?ได้ยินเพียงจิ่งเหยียนกล่าวว่า "ข้ารู้ว่าแม่นางเฉียวเป็นห่วงว่าครอบครัวของข้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่ข้าคิดแผนรับมือไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจวนโหวหรือชิวอวี่ ข้าก็มีวิธีรับมือ ขอแม่นางเฉียวเชื่อข้าอีกครั้ง!"เขาคิดว่าต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาทําให้นางถูกบังคับให้อดอาหาร จึงทําให้นางสูญเสียความมั่นใจในตัวเขาดังนั้นตอนนี้เขาแค่อยากขอร้องนาง ให้โอกาสเขาอีกครั้งเขายืนอยู่ใต้แสงแดด
สิ้นเสียง จิ่งเหยียนก็โขกหัวให้กับพ่อแม่ของตนจิ่งโหรวแค่รู้สึกว่าพี่ใหญ่ชายของนางบ้าไปแล้วคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ แม่ของจิ่งเหยียนก็ลุกขึ้น เดินไปหาเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าแม่ของจิ่งเหยียนต้องมาขอร้องให้นางไปจากจิ่งเหยียนแน่ๆนางคิดว่านางต้องทําให้แม่ของจิ่งเหยียนเข้าใจว่านางจะไม่ยอมแพ้คาดไม่ถึงว่าแม่ของจิ่งเหยียนจะจับมือของเฉียวเนี่ยนไว้เท่านั้น"เมื่อครู่หลังจากที่ท่านจากไป เหยียนเอ๋อร์ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายตั้งแต่เล็ก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโมโหต่อหน้าพวกเรา ข้าก็เลยคิดว่าเจ้าจะต้องตามกลับมาแน่นอน”พอสิ้นเสียง เฉียวเนี่ยนก็รู้สึกเหมือนข้อมือตัวเองหนักขึ้นเมื่อก้มลงมองจึงพบว่าบนข้อมือของตนมีกําไลหยกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งวงนางตกใจ ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ได้ยินแม่ของจิ่งเหยียนพูดว่า "กําไลวงนี้เนื้อไม่ได้ดีมาก แต่ย่าของจิ่งเหยียนสวมให้ข้าเอง ตอนนี้ข้ามอบให้ท่าน หวังว่าคุณหนูจะไม่รังเกียจ”เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะคิดว่ากําไลวงนี้จะล้ำค่าขนาดนี้ จึงตื่นตระหนกตกใจไปชั่วขณะ "ข้าไม่รังเกียจ แต่นี่มันล้ำค่าเกินไป!"นี่ไม่เท่ากับเป็นมรดกตกทอดของตระกูลจิ่ง
เรื่องซื้อบ้าน เฉียวเนี่ยนมอบให้หนิงซวงไปจัดการเด็กสาวทำงานอย่างคล่องแคล่วมาก ในตอนเย็นตระกูลจิ่งก็อาศัยอยู่ในบ้านแล้วคฤหาสน์หลังนี้ไม่ใหญ่นัก แต่คนตระกูลจิ่งไม่เคยอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ดีเช่นนี้มาก่อน พอเข้าประตูมาก็เริ่มชื่นชมไม่หยุดหนิงซวงอาสาพาคนตระกูลจิ่งมาแนะนําให้รู้จัก ตั้งแต่สวนหน้าบ้านจนถึงสวนหลังบ้าน แม้แต่ดอกไม้ที่ปลูกในสวนหลังบ้านก็ถูกนางพูดถึงจนมีชื่อเสียงเฉียวเนี่ยนติดตามอยู่ด้านหลังสุด มองดูฉากที่กลมกลืนกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ รอยยิ้มในดวงตาก็ไม่เคยหายไปทันใดนั้นจิ่งเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังนาง มือขวาของเขาข้ามศีรษะของนางและแสดงจี้ไม้กลมๆ ต่อหน้าต่อตาของนางเฉียวเนี่ยนตกใจ อดไม่ได้ที่จะหยิบจี้ขึ้นมา เมื่อมองดูอย่างละเอียด ยังเห็นคําสองคําที่สลักอยู่บนนั้นว่า ปลอดภัย"นี่คืออะไร?" เฉียวเนี่ยนอดถามไม่ได้กลับเห็นจิ่งเหยียนสวมจี้ห้อยคอของนางแล้ว "ข้าอายุสิบสี่ปีก็เข้าสู่สนามรบ รอดตายมาหลายครั้ง ล้วนอาศัยจี้ห้อยคออันนี้ปกป้องไว้"เฉียวเนี่ยนตกใจอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะกดจี้ด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วหันไปมองจิ่งเหยียนอย่างตื่นตระหนก "ล้ำค่าขนาดนี้ ทําไมถึงให้ข้า
พูดจบ ก็นําทางเข้าไปในจวนเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ รู้สึกเพียงว่าท่านโหวหลินเสียมารยาทเกินไปหน่อยโชคดีที่จิ่งเหยียนไม่สนใจ แค่พูดว่า "เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่"เฉียวเนี่ยนยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า แล้วตามท่านโหวหลินกลับจวนไปเมื่อมาถึงห้องโถงด้านหน้า ท่านโหวหลินเพิ่งนั่งลงก็เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเนี่ยนเห็นเพียงนางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่เหมือนท่าทางดีใจเมื่อยืนอยู่ข้างจิ่งเหยียนเมื่อครู่เลยในใจอดรู้สึกไม่พอใจไม่ได้ จึงพูดทันทีว่า "ทําไม เห็นพ่อแล้วยิ้มไม่เป็นเลยเหรอ?"เฉียวเนี่ยนมองท่านโหวหลินอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ไม่คิดจะสนใจคําถามที่ไร้เหตุผลของท่านโหวหลิน เพียงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ไม่ทราบว่าท่านโหวมาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?"ท่านโหวหลินก็ดูเหมือนจะเคยชินกับท่าทีเช่นนี้ของเฉียวเนี่ยนแล้ว แม้ในใจจะโกรธ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ติดใจเอาความอีกเพียงแค่หยิบเทียบเชิญฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ"ของจวนราชครู" เสียงของท่านโหวหลินทุ้มต่ำ โยนเทียบเชิญใบนั้นลงบนโต๊ะน้ำชาด้านข้างเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว "วันนี้ข้าได้พบชิวอวี่แล้ว และอธิบายให้เขาฟังอย่างช
วันรุ่งขึ้นเฉียวเนี่ยนนําเทียบเชิญของราชครูส่งให้จิ่งเหยียนทั้งสองนั่งอยู่บนหลังคา แสงแดดที่นี่ดีมาก จิ่งเหยียนอ่านเทียบเชิญนั้นซ้ําไปซ้ํามาหลายครั้งภายใต้แสงแดด แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่า"ทําไมราชครูถึงส่งเทียบเชิญให้ชิวอวี่ด้วยตัวเอง?"ตามหลักแล้ว คนแบบนั้น ราชครูเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดสามารถเลี้ยงดูเขาได้ และบางครั้งก็สามารถตามเช็ดก้นให้เขาได้ แต่งานแต่งงานของเขา ราชครูไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปแทรกแซงถึงจะถูกใครบ้างที่ไม่รู้ว่าชิวอวี่เป็นคนเลว คนดีคนไหนจะยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา?ถึงต่อให้ราชครูสอดมือเข้ามายุ่งจริง เกรงว่าก็คงจะหาครอบครัวที่ไม่ค่อยได้หน้าได้ตา แต่รีบร้อนที่จะเข้าไปพัวพันกับจวนราชครูทําไมถึงหาจวนโหวเจอ หาเฉียวเนี่ยนเจอได้?เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิ่งเหยียนก็ถูกับรอยประทับบนศีรษะอย่างไม่ยอมแพ้ "แต่นี่เป็นตราประทับของราชครูจริงๆ นะ"เฉียวเนี่ยนนําเทียบเชิญมา ถอนหายใจเล็กน้อย "ข้าก็ไม่นู้ บางทีราชครูอาจมีแผนของเขาเองก็ได้? แต่ในเมื่อราชครูออกหน้า ชิวอวี่ก็คงไม่กล้าทําอะไรบุ่มบ่ามหรอก แล้วข้าก็ตกลงไปแล้วด้วย"จิ่งเหยียนรู้สึกว่าคําพูดของเฉียวเนี่ยนมีเหตุผล จึงพยัก
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” ท่านโหวหลินตกใจมาก ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วฮูหยินหลินเองก็เบิกตากว้างอย่างกะทันหัน มองหลินเย่ว์ด้วยความไม่เชื่อหลินยวนก็ตกใจมากเช่นกัน ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าทำไมหลินเย่ว์ถึงทำตัวผิดปกติเช่นนี้ก่อนหน้านี้ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?เพราะเฉียวเนี่ยนตายแล้วรึ?แต่ในขณะนี้ หลินยวนไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้นเฉียวเนี่ยนตาย แล้วนางจะปัดความรับผิดชอบเรื่องของย่าเฉาได้อย่างไร?นางจะโยนความผิดให้ใคร?ทำเช่นไรดี?หลินยวนรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุดแต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อของนาง “เจ้าเป็นใครกันแน่? พูดมา!”หลินยวนตกใจกลัวนางไม่เคยเห็นหลินเย่ว์ดุร้ายเช่นนี้มาก่อนน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด แต่ก็ยืนกรานว่าตัวเองเป็นบุตรสาวสายตรงแห่งจวนโหว“พี่ใหญ่ อย่าขู่ข้าเลย... ข้าเป็นน้องสาวของพี่นะ!”“หมอตำแยพูดเองกับปากว่า ข้าถูกนางสลับตัว! นางพูดเองกับปาก!”“ข้าหน้าเหมือนแม่มากเลยนะ พี่ใหญ่ ดูข้าสิ! ข้าจะไม่ใช่ลูกของแม่ได้อย่างไร!”นางปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่!มิเช่นนั้น ด้วยสภาพของคนในตระกูลหลินยามนี้ พวกเขาจ
คิดไม่ได้แล้ว คิดต่อไม่ได้แล้ว...นางจะทนไม่ไหวแล้ว!ในขณะนั้นเอง มามาหลายคนคนที่พาหลินยวนลงไปก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็พาหลินยวนกลับมา "ทูลฮูหยิน เอวของคุณหนูรองไม่มีปานเจ้าค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ย่าเฉาจึงรีบเอ่ยว่า "นางไม่ใช่ตั้งแต่แรก จะมีได้อย่างไร!"หลินยวนร้องไห้ตะโกน "ท่านแม่ ไม่ใช่เช่นนั้น! ท่านอย่าฟังคำพูดเหลวไหลของหญิงชั่ว!"ฮูหยินหลินราวกับโดนค้อนหนักทุบจนหัวเริ่มมึนงงนางไม่เคยสงสัยหลินยวนเลย เพียงแต่คนที่นางส่งไปไม่เคยได้เบาะแสอะไรกลับมาเลยก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่งที่นางสงสัยว่ายวนเอ๋อร์กับเนี่ยนเนี่ยนเป็นพี่น้องฝาแฝด และหมอตำแยที่ทำคลอดให้นางขโมยไปคนหนึ่งฉะนั้น นางจึงรักลูกทั้งสองคนและตัดใจจากลูกทั้งสองคนไม่ได้...นางอยากจะเชื่อว่านางคลอดลูกฝาแฝดมากกว่าที่จะสงสัยว่าหลินยวนไม่ใช่ลูกของนาง!หายใจเข้าลึกๆ หลายที ฮูหยินหลินก็ดูเหมือนจะมีแรงกลับมา จึงยกมือขึ้นและเรียกเด็กรับใช้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป "ไป ไปตามท่านโหวกลับมา! ตามท่านโหวน้อยกลับมาด้วย!"เรื่องนี้ นางทนรับคนเดียวไม่ไหวจริงๆเด็กรับใช้รีบรับคำและจากไปทันทีแต่หลินยวนยังคงร้องไห้ "ท่านแม่ ท่านไม่ควรเชื่อคำพูดของ
ชาวแคว้นจิ้งเชื่อว่าเด็กๆ เป็นของขวัญจากสวรรค์เหล่านางฟ้าบนสวรรค์เลือกครอบครัวที่เหมาะสม แล้วส่งเด็กๆ ลงมาทีละคนเด็กบางคนซุกซน ไม่ยอมลงมา นางฟ้ากริ้วโกรธ ก็เลยต้องลงมือรอยปานเล็กๆ นั่นต้องเป็นรอยที่นางฟ้าจิ้มแน่นอนส่วนรอยที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ต้องเป็นรอยที่นางฟ้าหยิกแน่นอนและรอยที่ใหญ่กว่านั้น อืม ต้องเป็นเด็กที่ซุกซนมาก นางฟ้าทนไม่ไหว จึงเตะลงมาฮูหยินหลินรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อก่อน ยามที่นางดูแม่นมเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เนี่ยนเนี่ยน นางก็เคยพูดว่า เด็กคนนี้ต้องซุกซนมากแน่ๆ ถึงโดนนางฟ้าหยิกที่เอวเนี่ยนเนี่ยนมีปานที่เอวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลินก็ค่อยๆ หันไปมองหลินยวน "เจ้ามีปานหรือไม่?"หลินยวนตกใจส่ายหัวไม่หยุด "ท่านแม่ อย่าฟังหญิงคนนี้พูดจาเหลวไหล..."แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ ฮูหยินหลินก็ออกคำสั่ง "ใครก็ได้เข้ามาที! พาตัวนางออกไป ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วหาปาน!""เจ้าค่ะ!"มามาคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างตอบรับและพาหลินยวนออกไปหลินยวนไม่ยอมและดิ้นรน แต่นางจะสู้แรงเหล่ามามาได้อย่างไร?ในไม่ช้า ห้องโถงด้านหน้าก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งฮูหยินหลินแทบจะนั่งไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยัง
ขณะนั้น หลินยวนที่ถูกขังอยู่นอกเรือนลั่วเหมยก็เบิกตากว้างทันทีด้วยความไม่เชื่อด้านข้างมีสาวใช้กระซิบว่า "คุณหนู ท่านโหวน้อยเป็นอะไรไป ทำไมถึงดูเหมือนคนบ้าเช่นนี้? เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?"หลินยวนขมวดคิ้วนิดๆ นางเองก็ไม่รู้แต่การที่หลินเย่ว์คลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนางโอกาสที่ดีที่จะไปแสดงความน่าสงสารต่อหน้าฮูหยินหลิน เพื่อให้ฮูหยินหลินสงสารนาง!นางรู้ดีว่าแม้ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินจะช่วยชีวิตนางไว้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รักนางเหมือนเมื่อก่อนบางที วันนี้นางอาจใช้โอกาสนี้เพื่อเรียกความรักของพวกเขากลับคืนมาได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลินยวนจึงไปหาฮูหยินหลินแต่ได้รับแจ้งว่า ฮูหยินหลินกำลังต้อนรับแขกอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อแสดงความน่าสงสารของตน หลินยวนจึงมาที่ห้องโถงด้านหน้า โดยตั้งใจไม่มองแขกคนนั้นเลย นางเพียงแค่น้ำตาคลอเบ้าเดินไปหาฮูหยินหลินและคุกเข่าลง "ท่านแม่ ได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ยวนเอ๋อร์ด้วย! ท่านพี่ไม่รู้เป็นอะไร ไล่ยวนเอ๋อร์ออกจากเรือนลั่วเหมย! ฮือๆ ๆ พี่ใหญ่ยังผลักยวนเอ๋อร์ด้วย ข้อเท้าของยวนเอ๋อร์เคล็ดเลยเจ้าค่ะ!"ฮูหยินหลินมองหลินยวนที่คุ
ไม่รู้ว่าตบหน้าตนเองไปนานแค่ไหน หลินเย่ว์ก็เหมือนนึกบางอย่างออก รีบรวบรวมเศษผ้าเหล่านั้นกลับเข้าไปซุกไว้ในอกของตนแล้วลุกขึ้นเปิดประตูออกไปข้างนอกเขาต้องไปหาเนี่ยนเนี่ยนออกจากประตู ก็เห็นต้นหวยขนาดใหญ่วัยเด็ก เนี่ยนเนี่ยนชอบปีนขึ้นไปเล่นบนต้นไม้มากที่สุดโขดหินจำลองที่อยู่ไม่ไกลก็เป็นสถานที่ที่เนี่ยนเนี่ยนชอบเล่นมากที่สุดเช่นกัน ครั้งหนึ่ง นางตกจากโขดหินจำลอง ทำให้เขาตกใจแทบแย่ แต่นางกลับยิ้มร่าเริง ไม่คิดอะไรมากศาลาหลังนั้น เขาเคยเล่นหมากรุกกับนางด้วยกันครั้นที่เด็กน้อยเพิ่งหัดเล่น นางชอบเล่นตุกติกมากที่สุด หมากกระดานหนึ่ง ต้องแก้เกมเป็นสิบๆ ครั้งต้นท้อเหล่านั้น ออกผลทั้งใหญ่และหวานมาก เนี่ยนเนี่ยนจะพาบ่าวรับใช้มาเก็บผลไม้ทุกครั้ง แล้วนำมาทำเป็นขนมหวานอร่อย ยกมาให้เขาที่ห้องหนังสือด้วยตัวเองทางเดินเส้นเล็กนี้ เป็นทางที่เนี่ยนเนี่ยนเดินบ่อยที่สุดเพราะเรือนของนางอยู่ใกล้กับเรือนของเขามากที่สุด ในวัยเด็ก หากนางฝันร้าย นางจะกอดหมอนของตน พาสาวใช้อีกกลุ่มหนึ่ง วิ่งเข้ามาในห้องของเขา แล้วบังคับให้เขาต้องนอนกับนางให้ได้นางพูดว่า: มีพี่ใหญ่อยู่ข้างกาย เนี่ยนเนี่ยนถึงจะวางใจ
ร่างกายของหลินเย่ว์สั่นเทาราวกับว่าเขาสามารถเห็นภาพของเฉียวเนี่ยนเมื่อสามปีก่อนที่ถูกพาตัวไปยังกรมซักล้างและร้องไห้คร่ำครวญนางไม่ยอมจำนน ไม่ยอมอยู่ที่นั่น จึงถูกมามาในกรมซักล้างเฆี่ยนตีครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้น นางก็นอนคว่ำอยู่ในห้องที่มีทั้งลมและฝนรั่วฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายที่ขาดหลุดลุ่ยใช้นิ้วจุ่มเลือดจากบาดแผลเขียนทีละตัวอักษรว่า:พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วยหัวใจของเขาเจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ออกหลินเย่ว์รีบพลิกเศษผ้าเหล่านั้นทีละชิ้นเกือบทุกชิ้นเขียนด้วยเลือดว่า: พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วยพี่ใหญ่ รับข้ากลับบ้านด้วยพี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วยยยเป็นเวลาสามปีแล้วที่เศษผ้าเปื้อนเลือดเหล่านี้บันทึกทุกครั้งที่นางขอความช่วยเหลือ และทุกครั้งก็เป็นการขอความช่วยเหลือจากเขาหลินเย่ว์เพิ่งตระหนักว่า ในใจของเฉียวเนี่ยน พี่ใหญ่ของเขาสำคัญมากเพียงใดในใจของนาง มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้นที่สามารถช่วยนางได้!แต่เขาทำอะไร?ในขณะที่นางนอนคว่ำอยู่บนเตียงไม้เย็นเฉียบ ขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยเลือดสด เขาทำอะไรอยู่?เขาจะเข้าวังขอความเมตตาจากฮ่องเต้ แต่ถูกพ่อขวางไว้ ให้เขายึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักส่วนรวม.
เขาไม่กล้าคิดต่อได้แต่บังคับตัวเองให้ดึงความคิดอันกระวนกระวายนั้นกลับมาเซียวเหิงใกล้ระเบิดแล้ว เขาจะบ้าตามไม่ได้!ดังนั้น เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้า “ใช่ ต้องไม่เป็นอะไร”หลินเย่ว์ราวกับได้แรงกลับคืนมา เขาพยักหน้าและหันหลังเดินจากไปใช่ ต้องไม่เป็นอะไรรอให้เขากลับไปพักชั่วครู่ แล้วค่อยกลับมาหาเนี่ยนเนี่ยน...หลินเย่ว์ขี่ม้ากลับไป แต่ในหัวกลับปรากฏแต่ภาพขณะที่เฉียวเนี่ยนตกลงไปในแม่น้ำไกลจากเขามากไกลจนเขาไม่เห็นหน้านางชัดๆ ไกลจนเขาคว้าแม้แต่เงาของนางไว้ไม่ได้!แต่ทำไมพวกเขาถึงห่างกันได้ขนาดนี้?หรือว่าเขาค่อยๆ ผลักไสนางออกไปเอง?“ท่านโหวน้อย!”ทันใดนั้น เสียงหวานนุ่มนวลก็เรียกสติของหลินเย่ว์กลับคืนมาเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ตกใจที่พบว่าตนมาถึงหน้าจวนโหวตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้“ท่านโหวน้อย!”เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง หลินเย่ว์จึงสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลเขาจำนางไม่ได้แต่เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนั้นจำเขาได้ และเมื่อเห็นเขามองมาก็รีบวิ่งมาหาหลินเย่ว์ "คารวะท่านโหวน้อย บ่าวชื่อหลิ่วเหนียง เป็น...สหายของคุณหนูใหญ่ขณะอยู่ในวัง"คำว่าส
"เนี่ยนเนี่ยน!""เนี่ยนเนี่ยน!""ไม่!"เสียงดังสามเสียงดังขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกันเซียวเหอและหลินเย่ว์ชักดาบออกมาพร้อมกัน ในขณะที่ชายหนวดเคราและเด็กหนุ่มยังไม่ทันได้ตั้งตัว พวกเขาก็ถูกปาดคอไปแล้วส่วนเซียวเหิงนั้น เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นและกระโดดลงไปในแม่น้ำฉางหยางเมื่อเห็นเช่นนั้น เซียวเหอและหลินเย่ว์จึงรีบคว้าตัวเซียวเหิงกลับพร้อมกัน"ปล่อย!" เซียวเหิงตะโกนเสียงทุ้มต่ำและดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปที่ผิวน้ำที่ราบเรียบไร้ระลอกคลื่น พยายามมองหาร่างของเฉียวเนี่ยนเขาพยายามกระโดดลงไปในแม่น้ำอย่างต่อเนื่องแต่สองมือที่อยู่ข้างกายเขาคอยคว้าเขาไว้และดึงเขากลับมาเขาจึงทำได้เพียงปัดมือเหล่านั้นออกเนี่ยนเนี่ยนยังอยู่ในแม่น้ำ เขาต้องไปช่วยเนี่ยนเนี่ยน!“เพียะ!”เสียงตบที่ดังสนั่น ทำให้เซียวเหิงได้สติเซียวเหอกำลังจับคอเสื้อของเซียวเหิงไว้แน่น เสียงแข็งกร้าวเริ่มสั่นคลอน และเอ่ยว่า “เนี่ยนเนี่ยนจะไม่เป็นอะไร! นางว่ายน้ำเป็น! สิ่งที่เจ้าต้องทำในยามนี้คือพาสมุนหานางที่ปลายน้ำ ไม่ใช่กระโดดลงไป!”หากแม้แต่เซียวเหิงก็กระโดดลงไปด้วย แล้วพวกเขาจะช่วยใคร ช่วยเซียวเหิงหรือช
“อย่าหุนหันพลันแล่น!” เซียวเหอลงจากม้าเป็นคนแรก พร้อมตะโกนใส่พวกโจรภูเขาเมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงฉานปรากฏบนคอของเฉียวเนี่ยน หัวใจของเขาก็พลันบีบรัดเซียวเหิงและหลินเย่ว์รีบลงจากม้าตามมาติดๆสีหน้าของเซียวเหิงดูมืดมนอย่างยิ่ง และกำหมัดแน่นเขาโกรธตัวเองที่ยามนั้นทำไมไม่กำจัดพวกโจรภูเขาให้หมดสิ้น ปล่อยให้เฉียวเนี่ยนตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้ยิ่งโกรธตัวเองที่หลงกลพวกโจรภูเขา!หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จิตใจว้าวุ่น เขาตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าต้องการอะไร ข้าให้ได้ทุกอย่าง! ปล่อยน้องสาวข้า!"ดวงตาของเฉียวเนี่ยนหม่นหมองนางนึกไม่ถึงว่าหลินเย่ว์จะมาด้วยแล้วพลันพบว่า แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ยังไม่อยากเจอหลินเย่ว์ยิ่งไม่อยากได้ยินเขาเรียกนางว่า 'น้องสาว'ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางเกลียดพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้?ก่อนที่นางจะครุ่นคิดมากกว่านี้ ก็ได้ยินเสียงของชายที่มีหนวดเคราตะโกนว่า "อยากให้พวกข้าปล่อยคนอย่างนั้นหรือ? ง่ายมาก! เอาหัวของเซียวเหิงมาให้พวกเรา!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหอและหลินเย่ว์ก็ตกใจแต่ก็นึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะชักดาบยาวที่เอวออกมาและวางไว้บนคอของตนโด