Se connecterต่อให้ต้องลวง จนกว่าจะได้มา ต่อให้เขาเสียอะไรไป เขาจะไม่ยอมเสียเธอ
Voir plusฝากเรื่องราวของพระเอก พี่ทิ คาสโนว่าหน้าหยก ที่ทั้งหล่อ รวย ไร้ที่ติ และก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความเจ้าชู้ ที่พ่อท่านได้สร้างวีรเวรไว้อีกเยอะเลย
เรื่องราวทั้งหมดจะดำเนินไปด้วยความคลั่งรักของพี่ทิที่ไปตกหลุมรักน้องเทียน ผู้หญิงที่แสนจะเพอร์เฟกแต่เย็นชา และด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้น้องเทียนเป็นเช่นนี้ค่ะ โปรดติดตามต่อในเล่มค่ะ
โปรย...
“อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย” หญิงสาวเอ่ยออกไปตรง ๆ เขาดูตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย
“คุณมีคนรักอยู่แล้ว?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเธอเสียงเบา
“ฉันโสด” แสงเทียนยกยิ้ม ก่อนจะสนใจไวน์ในแก้วต่อ
“แล้วทำไมคุณไม่ให้โอกาสผม” แสงเทียนสบตาเขาแทนคำตอบ
ที่จริง...เธอไม่เคยให้โอกาสผู้ชายคนไหนได้เข้ามาในชีวิต เพียงเพราะเธอรู้ว่าการที่เธอเป็นคนแบบนี้ นิสัยแบบนี้คบไปก็คงรังแต่จะทำให้เขาเบื่อ และทอดทิ้งเธอในที่สุดไป
“ขนาดแม่ยังทิ้งฉัน นับภาษาอะไรกับคนอื่น”
“อย่าเสียเวลากับฉันเลยคุณทิ...ฉันไม่เหมาะสมกับคุณหรอกค่ะ”
บทที่ 1
“ตูม!!!!!”
เสียงชนของท้ายรถยนต์ ดังสนั่นไปทั่วท้องถนน ก่อนที่ประตูรถทางด้านขวาของรถยนต์สุดหรูที่โดนชนท้ายจะเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวร่างบางระหง
เธอวิ่งไปบริเวณหน้ารถแทนที่จะวิ่งมาดูสภาพรถยนต์ของเธอว่ามันเป็นอย่างไร และก็ไม่ได้สนใจสักนิดว่ารถที่มาชนท้ายเธอจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง!
“ขับรถอะไรของมันวะ!!!” เสียงเข้มหลุดออกจากปากคนชน ถ้าแบบนี้เขาผิดเต็มประตูอยู่แล้ว!
“ผู้หญิงค่ะ ขับรถบ้าอะไร นึกจะเบรกก็เบรก ฝันเจ็บไปหมดเลย โอ๊ย! คุณจะไม่ดูฝันเลยเหรอคะ” หญิงสาวร่างอวบอิ่มที่นั่งอยู่เบาะข้างซ้ายของรถยนต์ยังพูดไม่ทันจบประโยค แต่ชายหนุ่มเจ้าของรถก็เดินจากไปเสียแล้ว
“เดี๋ยวสิ!! ทิ!!” หญิงสาวเรียกให้ชายหนุ่มหันกลับมาดูแขนเธอที่บาดเจ็บจากการกระแทก แต่เขากลับไม่สนใจเธอสักนิด!
เสียงกรีดร้องยังไม่ทันจบ ‘ทิติยะ’ ก็เปิดประตูเดินลงไปดูด้านหน้ารถยนต์ตัวเองและก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ยังไงวันนี้เขาก็ไปไม่ทันประชุมเช้าแน่ ๆ ก่อนจะมองไปรถยนต์ที่ท้ายยุบด้านหน้า BMW รุ่นใหม่ล่าสุด ป้ายยังไม่เปลี่ยนเลย มันน่านักนะ!
“คุณเรียกประกันรึยัง?” หญิงสาวเจ้าของรถยนต์ที่โดนชนท้าย เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีเฉยเมยราวกับไม่ทุกข์ร้อน
ชายหนุ่มหันไปมองด้วยความรู้สึกเดือดดาลอยากจะด่าเธอสักหน่อย! แต่พอมองเห็นในอ้อมแขนเธอมีลูกแมวตัวเล็กสีขาวสภาพมอมแมม เขาก็พูดไม่ออกซะอย่างงั้น
เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าไม่ตอบคำถามเธอ หญิงสาวก็ไม่คิดจะสนใจเขาอีกต่อไปจึงเดินกลับมาที่รถยนต์ตัวเองเปิดประตูด้านคนขับ วางลูกแมวเอาไว้บนเบาะก่อนจะกดเปิดกระจกและปิดประตูไว้ตามเดิม
“อยู่ตรงนี้ก่อน และพี่จะพากลับบ้าน” หญิงสาวพูดกับลูกแมวตัวน้อยผ่านกระจกที่เปิดอยู่...
“นี่คุณ!!! ไม่คิดจะขอโทษผมสักคำเหรอ!!!!” ทิติยะตวาดออกมาเสียงดัง! จนหญิงสาวสะดุ้งตกใจ
“อย่าเสียงดังสิคุณ แมวจะตกใจหนีไปอีก!” หญิงสาวหันมามองเขาด้วยแววตาไม่พอใจ ก่อนจะขยับผ้าปิดปากที่สวมใส่เล็กน้อย
“คุณขับรถภาษาอะไร! ใบขับขี่คุณนี่ซื้อมาเหรอ! คุณไม่รู้รึไงว่าขับรถประมาทแบบนี้มันทำให้คนอื่นเดือนร้อน และ...” หญิงสาวยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม ก่อนจะถอดผ้าปิดปากออกจากใบหน้า
ทิติยะชะงักค้าง มองตามมือบางที่ยกขึ้นปาดเหงื่อตรงกรอบหน้า ดวงตาคมเข้มจ้องมองดวงตากระปุกกลมโตที่ช้อนสบเข้ากับเขาอย่างไม่ได้นึกเกรงกลัวอะไร
จมูกโด่งเล็กเชิดรั้นบ่งบอกตัวตนได้ดี กลีบปากบางเล็ก คางเรียวรับกับใบหน้ารูปไข่ ดูรวม ๆ ผู้หญิงตรงหน้าจัดว่าเป็นคนสวยจนเจ็บใจ!
“ฉันไม่ได้ซื้อ...และก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลา” มือบางยื่นมาจับเขาตามธรรมเนียมฝรั่ง
ทิติยะมองตามมือขาวซีด...ขาวอะไรขนาดนั้น ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยโดนแดดบ้างหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะยกยิ้มเล็กน้อย รูปร่างท่าทางน่าจะเป็นคนหัวสมัยใหม่
“เผอิญ ผม เป็น คน ไทย ไม่ ใช่ ฝรั่ง” ทิติยะกระแทกเสียงใส่อย่างยียวน หญิงสาวไม่ตอบแต่จ้องมองเขาอยู่แบบนั้น
ดูแล้วเธอน่าจะอายุน้อยกว่าชายหนุ่มหลายปี ดูสิ! ว่าเธอจะทำยังไง จะไหว้ขอโทษเขาไหม!
‘แสงเทียน’ ช้อนสายตาขึ้นสบมองชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งเป็นคำตอบ ถ้าเขาอยากจะให้เธอไหว้ขอโทษ แต่เธอไม่รู้จักเขา แค่ขอโทษและรับผิดชอบก็พอแล้ว
ทิติยะเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวก็ได้แต่หัวเราะอยู่ในลำคอ คำตอบของผู้หญิงคนนี้มันทำให้เขายิ่งอยากจะรู้จักเธอ
นัยน์ตาดำขลับเรียบนิ่ง ใบหน้านวลลออสะสวยไร้อารมณ์ ไม่แสดงออกว่าโกรธ โมโห หรือรู้สึกดี เราทั้งคู่จ้องกันอยู่เกือบนาที เขารู้...ว่าเธอกำลังท้าทาย
“ทิคะ ทำไมคุยนานจังคะ” คนทั้งคู่ที่ยืนจ้องกันอยู่หันไปมองตามเสียงหวานแหลมที่เอ่ยเรียก
“อ๋อ! อาจเป็นเพราะความโง่งี่เง่าของคนขับรถที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยคุยนานใช่ไหมคะ!!” ผู้หญิงในรถที่มากับเขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือบางทาบลงบนท่อนแขนแกร่งเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
แสงเทียนยกยิ้มมุมปาก เธอเหลือบตาไปมองหญิงสาวคนนั้นไม่วางตาจนผู้หญิงที่เป็นคนพูดจาสุนัขไม่รับประทาน ต้องเป็นอันหลบสายตาไป
แสงเทียนไม่สนใจคนทั้งคู่อีกได้แต่หันหลังไปเปิดประตูรถ และสนใจลูกแมวที่กำลังรอความช่วยเหลือจากเธออยู่ดีกว่า มือบางลูบหัวลูกแมว แม้ใบหน้าเธอจะไม่ยิ้ม แต่ในใจแสงเทียนมีความสุขมาก...
“นี่เธอ! ยังจะมีหน้ามาลูบหัวอีแมวบ้านี่อีกเหรอ! เธอไม่เห็นเหรอว่ารถทิคันละกี่ล้าน! เธอจะรับผิดชอบยังไงไหว!!” น้ำฝนเอ่ยขึ้นเสียงดังเพราะหมั่นไส้ผู้หญิงตรงหน้า ดูดีขนาดนี้ แล้วไหนจะตอนที่จ้องตากันอีก ผู้ชายของเธอจะต้องสนใจมันแน่ ๆ
“คุณเรียกประกันรึยัง ของฉันอีกสักพักน่าจะถึง” แทนที่แสงเทียนจะตอบหญิงสาวหุ่นสะบึ้มนั้นไป แต่เธอกลับเลือกที่จะหันไปคุยกับชายหนุ่มเจ้าของรถคู่กรณีของเธอแทน
ทิติยะยกยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกชอบใจหญิงสาวเจ้าของรถคันสีขาว เธอจงใจไม่ตอบและสนใจคำพูดของน้ำฝน
“นี่หล่อน!! กวนประสาทฉันใช่ไหม!!”
“อะไรที่คุณคิดว่าฉันกวนประสาทคุณ...คุณไม่ใช่เจ้าของรถ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเสวนากับคุณ” แสงเทียนตอบออกไปพร้อมกับใบหน้าเนือย ๆ
น้ำฝนปรี่เข้าไปหาเธอ ทิติยะกระชากแขนน้ำฝนกลับมาพร้อมกับมองหน้าเธอแววตาวาวโรจน์ เขาขบสันกรามให้เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจเธออย่างมาก
“กลับไป” เสียงเข้มเอ่ยบอกอย่างเด็ดขาด และนั้นก็ทำให้น้ำฝนรีบกลับไปในทันที!
“ฉันไม่รู้ว่าจะเข้าบริษัทก่อนเที่ยงทันไหม...” หลังจากที่ดูละครลิงฉากใหญ่โดยที่พระเอกไล่นางเอกกลับบ้านแทบจะไม่ทัน เธอก็มายืนพิงข้างรถที่ท้ายยุบไปข้างหนึ่ง และกดโทรศัพท์บอกเลขาหน้าห้อง
“รถชนนิดหน่อย รอประกันอยู่...” เธอยังพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็ตะโกนแทรกเข้ามา
“นี่คุณ! จะคุยอีกนานไหม!!”
“แค่นี้ก่อนนะ เจ้ากรรมนายเวรตามแล้ว และขอสั่งว่าไม่ต้องบอกใคร” แสงเทียนกำชับเลขาหน้าห้อง
“เชิญคุณทั้งสองคนเซ็นตรงนี้ครับ คุณผู้หญิงรับทราบความผิดนะครับ” แสงเทียนพยักหน้ารับพร้อมกับจรดปลายปากกาลงไปในเอกสารที่ประกันส่งมาให้เธอ
บทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก
บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ
บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ
บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็
บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์
บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”






Commentaires