ในใจแม่เซียวรู้สึกผิดมากแต่นางก็รู้ดีว่า ความรู้สึกผิดหรือน้ำตาจำนวนมากของนางไม่มีประโยชน์อีกแล้ว...อีกฝั่ง เซียวเหิงออกจากเรือนของเซียวเหอ แล้วตรงไปยังนอกจวนทันทีแต่ไม่ทันไรก็เห็นหลินเย่ว์รีบวิ่งเข้ามาถึงหน้าประตูเขารู้สึกตกใจจึงรีบเข้าไปหา "มีข่าวของเนี่ยนเนี่ยนแล้วใช่หรือไม่?"แต่หลินเย่ว์กลับคว้าคอเสื้อเขาแล้วตะคอก "ยวนเอ๋อร์ล่ะ?"คิ้วของเซียวเหิงขมวดมุ่นลงทันที ยกมือปัดมือของหลินเย่ว์ออกไป สีหน้าเริ่มเย็นชา "ไปถามฮ่องเต้สิ!"หลินยวนถูกเนรเทศไปยังหนิงโจว เป็นพระบัญชาของฮ่องเต้ เกี่ยวอะไรกับเขา?แต่หลินเย่ว์ยังคงตามตอแย "ยวนเอ๋อร์หายตัวไป! ขุนนางที่คุมตัวยวนเอ๋อร์ไปบอกว่า เมื่อคืนนางถูกคนลักพาตัวไปแล้ว! เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!"เซียวเหิงผลักหลินเย่ว์ออกไป "ข้าจะลักพาตัวนางไปทำไม?""ยังไม่ยอมรับอีกรึ? หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร? ต้องเป็นเจ้าแน่ที่คิดว่ายวนเอ๋อร์ทำร้ายเนี่ยนเนี่ยน ถึงได้ลักพาตัวนางไปแก้แค้น! แต่เซียวเหิง หยวนเอ๋อร์ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ นางก็ถูกแม่ที่เป็นหมอตำแยคนนั้นหลอกเช่นเดียวกัน!"คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้ความโกรธของเซียวเหิงที่มีต่อเซียวเหอและเพิ่ง
หลินเย่ว์เดินโซซัดโซเซกลับจวนทันทีที่เข้าประตูไป ก็เห็นท่านโหวหลินเมื่อเห็นหลินเย่ว์กลับมา ท่านโหวหลินก็แสดงสีหน้าเป็นห่วง "เป็นอย่างไรบ้าง? เซียวเหิงว่าอย่างไร?"ดวงตาของหลินเย่ว์แดงก่ำ "เขาบอกว่า ท่านเป็นคนสั่งให้คนไปลักพาตัวยวนเอ๋อร์ไป"ท่านโหวหลินนึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะคาดเดาออกในทันที จึงตกใจ "เขา เขาพูดเหลวไหล เจ้าอย่าไปเชื่อเขา!"แต่หลินเย่ว์จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าท่านโหวหลินกำลังมีพิรุธ?ทันใดนั้นเอง เขาก็กระซิบเสียงทุ้มต่ำด้วยความโกรธว่า "ท่านพ่อ ท่านบ้าไปแล้วหรือ? หากเรื่องนี้ถึงหูฮ่องเต้ พวกเราทั้งตระกูลล้วนต้องตาย!"เขายังนึกว่าเป็นฝีมือของเซียวเหิงเสียอีก ถึงกับไปขอคนคืนจากเซียวเหิง!ไม่นึกเลยว่าจะเป็นพ่อของตัวเองที่ทำเรื่องโง่ๆ"เจ้าเสียงเบาหน่อย!" ท่านโหวหลินก็กระซิบเสียงทุ้มต่ำ แต่ต่อมาก็ดูเหมือนจนปัญญา "ข้าจะทำอย่างไรได้? แม่เจ้ารู้ว่ายวนเอ๋อร์จะต้องถูกเนรเทศไปยังหนิงโจว ก็ร้องไห้ทั้งวัน เนี่ยนเนี่ยนเกิดเรื่องแล้ว หากแม้แต่ยวนเอ๋อร์ก็...""ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรเอาชีวิตคนทั้งตระกูลมาล้อเล่น!" หลินเย่ว์ตำหนิเสียงทุ้มต่ำ "ยิ่งไปกว่านั้น ที่เนี่ยนเนี่ยนเกิดเรื่อ
หลินยวนถูกลงโทษ เขาก็เจ็บปวดและทนเห็นหลินยวนทนทุกข์ทรมานจนสิ้นใจอย่างน่าเวทนาไม่ได้เขาก็รู้สึกว่าหลินยวนถูกมารดาของนางหลอก และรู้สึกว่าหลินยวนเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ว่า...เนี่ยนเนี่ยนต่างหากที่เป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุด!คนที่เขาติดค้างมากที่สุดไม่ใช่หลินยวน แต่เป็นเนี่ยนเนี่ยน!เนี่ยนเนี่ยนต่างหากคือคนที่ควรจะอยู่ในใจของเขาเป็นอันดับแรก!คิดได้เช่นนั้น หลินเย่ว์ก็หยุดฝีเท้าลง หยิบห่อผ้าขนาดเล็กออกมาจากอกห่อผ้านั้นถูกผูกปมแน่นหนา ซ่อนอยู่ในตำแหน่งอกของเขา ซึมซับอุณหภูมิร่างกายของเขาและรู้สึกอบอุ่นนักเมื่อนิ้วมือลูบเบาๆ ความเจ็บปวดที่อกกลับค่อยๆ แผ่ขยายออกไปเนี่ยนเนี่ยนวางใจได้ พี่ใหญ่จะต้องตามหาเจ้าให้พบไม่ว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย พี่ใหญ่จะต้องพาเจ้ากลับบ้านให้จงได้……เฉียวเนี่ยนเพิ่งรู้หลังจากฟ้าสางว่าคนที่ถูกฉู่จืออี้ตบจนสลบไปเมื่อคืนคือ ฝูวั่ง ลูกชายของป้าชุนสามีของป้าชุนเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มๆ หลายปีมานี้ป้าชุนเลี้ยงลูกชายมาคนเดียวแต่นางต้องทำงานหนักราวกับผู้ชาย ทั้งซักผ้าและทำอาหาร ปกติจึงไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกชายทำให้ไม่รู้ว่าฝูวั่งติดการพนันตั้งแต่เมื่อใดกว่า
ป้าชุนยังคงร้องไห้ไม่หยุด ฉู่จืออี้ไม่รู้จะปลอบอย่างไร คนที่ตัวสูงใหญ่กำยำยืนอยู่ข้างป้าชุน กลับดูเหมือนจะตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกโชคดีที่เฉียวเนี่ยนปลอบอยู่ครู่หนึ่ง ป้าชุนจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ได้เมื่อเห็นว่าใกล้ค่ำแล้ว นางยังต้องลงไปทำงานในไร่นา จึงไม่ได้อยู่ต่อฉู่จืออี้ส่งป้าชุนเสร็จก็ไปยังฝั่งตะวันตกของเรือน และเริ่มลงมือทำงานเขากำลังจะสร้างเพิงกันฝนตรงนี้ หากรอฝนตก เขาคงไม่มีที่นอนเมื่อมเห็นเขายุ่งมาก เฉียวเนี่ยนก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “พี่ไป๋คิดจริงๆ หรือว่าฝูวั่งจะเอาเงินไปคืน?”เงินเหล่านั้นไม่ใช่เงินที่นางหามาได้ นางไม่มีสิทธิไปยุ่งแต่ทนเห็นผู้มีพระคุณถูกหลอกไม่ได้ฉู่จืออี้ยังคงทำงานในมือไม่หยุด แต่กลับเอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า “เขาเอาไปเล่นพนันแล้ว”ได้ยินเช่นนั้น เฉียวเนี่ยนก็ตกใจ “แล้วทำไมยังให้เงินเขาทั้งหมดอีกเล่า?”“ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ฉู่จืออี้เอ่ยเสียงเบา และดูค่อนข้างลึกลับรอจนกระทั่งเย็น ฝูวั่งถึงกลับมาเพียงแต่ครั้งนี้ ข้างหลังเขายังมีชายร่างกายกำยำอีกหลายคนตามกลับมาด้วยผลักไสเขาพลางดุด่าไปด้วย แล้วตรงเข้าไปในเรือนหลีปาของฉู่จืออี้ทันทีที่เห็นฉู่จื
เอ่ยพลางมองไปยังกลุ่มคนที่ตามหลังฝูวั่งมา แล้วเอ่ยต่อว่า "พวกเจ้าลงมือได้เลย! ตรงนั้นมีขวานกับมีดพร้า"เอ่ยจบก็หันหลังเดินไปอีกทางส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ก้าวไปข้างหน้า และจับตัวฝูวั่งไว้ทันทีฝูวั่งตกใจร้องเสียงหลง พร่ำเพ้อขอความเมตตาไม่หยุดแต่ก็สู้แรงของชายฉกรรจ์ไม่ได้ ฝูวั่งถูกกระชากมือออกแล้วกดลงกับพื้นขวานถูกยกขึ้นสูง แวววาวเย็นเยียบ แล้วฟาดลงอย่างแรง"อ้าก!" ฝูวั่งร้องลั่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านบริเวณหว่างขา ร่างกายทรุดอ่อนลงกับพื้นทว่า มือของเขากลับยังอยู่ดีได้ยินชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า "หากมีครั้งหน้า จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่!"ส่วนชายฉกรรจ์อีกคนก็หยิบถุงเงินออกมาจากอก แล้วเดินเข้าไปยื่นให้ฉู่จืออี้ "พี่ใหญ่ รับ""ลำบากแล้ว" ฉู่จืออี้เอ่ยเสียงนิ่งเรียบ "อยู่กินข้าวกันก่อนค่อยไป""ได้! เจ้าสามไปซื้อสุรากับอาหารประเดี๋ยวก็มา!"พวกเขารู้ว่าวันนี้ต้องมา จึงเตรียมพร้อมกันมาแล้วเอ่ยพลางเดินไปยังห้องครัว จัดการทำอาหารกันเองและในเวลานี้เอง ป้าชุนถึงได้รู้สึกตัว รีบคลานเข้าไปหาฝูวั่ง พยุงฝูวั่งที่อ่อนแรงนอนอยู่กับพื้นขึ้นมา แล้วตบตีไม่ยั้ง “ดูเจ้ายังกล้าอีกหร
เมื่อฉู่จืออี้เข้าสู่สมรภูมิเป็นครั้งแรก เขาอายุเพียงสิบหกในฐานะองค์ชาย เขาไม่มีฐานอำนาจจากตระกูลฝ่ายพระมารดาที่แข็งแกร่ง ในเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์ เขารู้ว่าตนไม่อาจต่อสู้กับเหล่าพี่ชายได้ หากยังคงอยู่ในเมืองหลวงต่อ บางทีเขาอาจกลายเป็นปลาบนเขียงของผู้อื่นก็เป็นได้ดังนั้น เขาจึงอาสาเข้ารับราชการทหาร และกลายเป็นทัพหน้าปีกซ้ายภายใต้การบังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่ในเวลานั้นปีนั้น ขาวเติร์กมักจะรุกรานชายแดนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ราษฎรต้าจิ้งเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสเขาเป็นคนแรกที่บุกเข้าสู่สมรภูมิ โบกดาบใหญ่ ในขณะที่คมดาบอันแหลมคมฟาดฟันเข้าไปที่ร่างของศัตรู เขายังได้ยินเสียงกระดูกถูกตัดขาดอย่างชัดเจนเลือดอุ่นสาดกระเซ็นเข้าสู่ดวงตา โลกทั้งใบพลันกลายเป็นสีแดงฉานเขาสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นระรัว แต่ไม่แน่ใจว่านั่นคือความหวาดกลัวหรือความตื่นเต้นในสมรภูมิที่ไม่มีใครยอมใคร เขาสังหารชายชราที่มีเคราขาวโพลน และยังสังหารเด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีเขาเคยเห็นดวงตาอันดุร้ายราวกับปีศาจร้าย และยังเคยเผชิญหน้ากับผู้คนที่ถูกบังคับให้เข้าสู่สมรภูมิด้วยความตื่นตระหนกหัวใจของเขาแข็งกระด้างขึ้นเรื่อยๆ จ
แคว้นจิ้ง ยี่สิบแปดเดือนสิบสองมันเป็นวันที่อากาศกำลังหนาวเย็นพอดีเฉียวเนี่ยนซักเสื้อผ้าชุดสุดท้ายในตอนเช้าเสร็จ ยังไม่ทันเช็ดมือที่หนาวจนชาให้แห้งก็ได้ยินนางกำนัลอาวุโสจากกรมซักล้างตะโกนเรียกนางว่า “เฉียวเนี่ยน เร็วเข้า จวนโหวมีคนมารับเจ้าแล้ว!”นางยืนอึ้งอยู่ที่เดิมจวนโหว ช่างเป็นคําที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยยิ่งนักนางเคยเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่เมื่อสามปีก่อนกลับได้รับแจ้งว่าตนเองเป็นตัวปลอมเป็นนางกำนัลอาวุโสที่ทําคลอดในตอนนั้นที่เห็นแก่ตัว นำลูกของตัวเองกับคุณหนูของจวนโหวแลกเปลี่ยนกัน และก่อนตายก็ค้นพบมโนธรรมและบอกความจริงออกมาเฉียวเนี่ยนจําได้แม่นว่าวันนั้นที่ท่านโหวสองสามีภรรยาได้รู้จักกับหลินยวนลุกสาวแท้ๆ นั้นตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขากอดกันทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ส่วนนางยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างทําอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ที่ตัวเองเรียกมาสิบห้าปี ทําไมจู่ๆ ถึงไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเองแล้วอาจเป็นเพราะมองเห็นความผิดหวังของนางได้ ท่านโหวหลินจึงสัญญากับนางว่า นางยังคงเป็นคุณหนูของจวนโหว และยังให้หลินยวนเรียกนางว่าพี่สาว แม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังบอกว่า พวกเขาย
เฉียวเนี่ยนชะงักงัน หัวใจที่คิดว่าไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วยังคงเต้นผิดจังหวะเพราะเสียงที่คุ้นเคยนั้นนางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มในรถม้าเป็นแม่ทัพหนุ่มที่ถูกแต่งตั้งผู้นั้น อดีตคู่หมั้นของนาง เซียวเหิงนางแทบจะคุกเข่าลงทันที “บ่าวคารวะแม่ทัพเซียวเจ้าค่ะ”คิ้วของเซียวเหิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สายตากวาดมองข้อเท้าของนางแวบหนึ่ง เอ่ยถามเสียงเรียบว่า “แม่นางหลินจะกลับจวนหรือ?”เฉียวเนี่ยนหลุบตามองเข่าทั้งสองข้างของตัวเอง แล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ”สิ้นเสียงก็เงียบไปพักหนึ่งเซียวเหิงรอให้นางพูดต่อเพราะเมื่อก่อน ต่อหน้าเขานางมักมีเรื่องพูดไม่จบตลอดเขาไม่ชอบคนพูดมาก แต่เห็นแก่มิตรภาพของทั้งสองตระกูลจึงไม่ตําหนินางมากเกินไป แต่ก็ไม่เคยปิดบังความเบื่อหน่ายของตัวเองบางครั้งถูกรบกวนจนรําคาญจริงๆ ก็จะหยิบขนมกล่องหนึ่งออกมาอุดปากนาง ทุกครั้งที่ถึงเวลานั้น นางมักจะดีใจเหมือนเด็กๆ แต่ปากที่หนวกหูนั้นอย่างมากก็อุดได้แค่ครึ่งก้านธูปเท่านั้นนึกไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันสามปี นางตอบแค่คําสั้นๆ คําเดียวเซียวเหิงลงจากรถม้า ไม่ได้เข้าไปประคองนาง เพียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าเข้าวังไปรายงานพอดี แม่นา
เมื่อฉู่จืออี้เข้าสู่สมรภูมิเป็นครั้งแรก เขาอายุเพียงสิบหกในฐานะองค์ชาย เขาไม่มีฐานอำนาจจากตระกูลฝ่ายพระมารดาที่แข็งแกร่ง ในเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์ เขารู้ว่าตนไม่อาจต่อสู้กับเหล่าพี่ชายได้ หากยังคงอยู่ในเมืองหลวงต่อ บางทีเขาอาจกลายเป็นปลาบนเขียงของผู้อื่นก็เป็นได้ดังนั้น เขาจึงอาสาเข้ารับราชการทหาร และกลายเป็นทัพหน้าปีกซ้ายภายใต้การบังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่ในเวลานั้นปีนั้น ขาวเติร์กมักจะรุกรานชายแดนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ราษฎรต้าจิ้งเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสเขาเป็นคนแรกที่บุกเข้าสู่สมรภูมิ โบกดาบใหญ่ ในขณะที่คมดาบอันแหลมคมฟาดฟันเข้าไปที่ร่างของศัตรู เขายังได้ยินเสียงกระดูกถูกตัดขาดอย่างชัดเจนเลือดอุ่นสาดกระเซ็นเข้าสู่ดวงตา โลกทั้งใบพลันกลายเป็นสีแดงฉานเขาสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นระรัว แต่ไม่แน่ใจว่านั่นคือความหวาดกลัวหรือความตื่นเต้นในสมรภูมิที่ไม่มีใครยอมใคร เขาสังหารชายชราที่มีเคราขาวโพลน และยังสังหารเด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีเขาเคยเห็นดวงตาอันดุร้ายราวกับปีศาจร้าย และยังเคยเผชิญหน้ากับผู้คนที่ถูกบังคับให้เข้าสู่สมรภูมิด้วยความตื่นตระหนกหัวใจของเขาแข็งกระด้างขึ้นเรื่อยๆ จ
เอ่ยพลางมองไปยังกลุ่มคนที่ตามหลังฝูวั่งมา แล้วเอ่ยต่อว่า "พวกเจ้าลงมือได้เลย! ตรงนั้นมีขวานกับมีดพร้า"เอ่ยจบก็หันหลังเดินไปอีกทางส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ก้าวไปข้างหน้า และจับตัวฝูวั่งไว้ทันทีฝูวั่งตกใจร้องเสียงหลง พร่ำเพ้อขอความเมตตาไม่หยุดแต่ก็สู้แรงของชายฉกรรจ์ไม่ได้ ฝูวั่งถูกกระชากมือออกแล้วกดลงกับพื้นขวานถูกยกขึ้นสูง แวววาวเย็นเยียบ แล้วฟาดลงอย่างแรง"อ้าก!" ฝูวั่งร้องลั่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านบริเวณหว่างขา ร่างกายทรุดอ่อนลงกับพื้นทว่า มือของเขากลับยังอยู่ดีได้ยินชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า "หากมีครั้งหน้า จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่!"ส่วนชายฉกรรจ์อีกคนก็หยิบถุงเงินออกมาจากอก แล้วเดินเข้าไปยื่นให้ฉู่จืออี้ "พี่ใหญ่ รับ""ลำบากแล้ว" ฉู่จืออี้เอ่ยเสียงนิ่งเรียบ "อยู่กินข้าวกันก่อนค่อยไป""ได้! เจ้าสามไปซื้อสุรากับอาหารประเดี๋ยวก็มา!"พวกเขารู้ว่าวันนี้ต้องมา จึงเตรียมพร้อมกันมาแล้วเอ่ยพลางเดินไปยังห้องครัว จัดการทำอาหารกันเองและในเวลานี้เอง ป้าชุนถึงได้รู้สึกตัว รีบคลานเข้าไปหาฝูวั่ง พยุงฝูวั่งที่อ่อนแรงนอนอยู่กับพื้นขึ้นมา แล้วตบตีไม่ยั้ง “ดูเจ้ายังกล้าอีกหร
ป้าชุนยังคงร้องไห้ไม่หยุด ฉู่จืออี้ไม่รู้จะปลอบอย่างไร คนที่ตัวสูงใหญ่กำยำยืนอยู่ข้างป้าชุน กลับดูเหมือนจะตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกโชคดีที่เฉียวเนี่ยนปลอบอยู่ครู่หนึ่ง ป้าชุนจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ได้เมื่อเห็นว่าใกล้ค่ำแล้ว นางยังต้องลงไปทำงานในไร่นา จึงไม่ได้อยู่ต่อฉู่จืออี้ส่งป้าชุนเสร็จก็ไปยังฝั่งตะวันตกของเรือน และเริ่มลงมือทำงานเขากำลังจะสร้างเพิงกันฝนตรงนี้ หากรอฝนตก เขาคงไม่มีที่นอนเมื่อมเห็นเขายุ่งมาก เฉียวเนี่ยนก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “พี่ไป๋คิดจริงๆ หรือว่าฝูวั่งจะเอาเงินไปคืน?”เงินเหล่านั้นไม่ใช่เงินที่นางหามาได้ นางไม่มีสิทธิไปยุ่งแต่ทนเห็นผู้มีพระคุณถูกหลอกไม่ได้ฉู่จืออี้ยังคงทำงานในมือไม่หยุด แต่กลับเอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า “เขาเอาไปเล่นพนันแล้ว”ได้ยินเช่นนั้น เฉียวเนี่ยนก็ตกใจ “แล้วทำไมยังให้เงินเขาทั้งหมดอีกเล่า?”“ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ฉู่จืออี้เอ่ยเสียงเบา และดูค่อนข้างลึกลับรอจนกระทั่งเย็น ฝูวั่งถึงกลับมาเพียงแต่ครั้งนี้ ข้างหลังเขายังมีชายร่างกายกำยำอีกหลายคนตามกลับมาด้วยผลักไสเขาพลางดุด่าไปด้วย แล้วตรงเข้าไปในเรือนหลีปาของฉู่จืออี้ทันทีที่เห็นฉู่จื
หลินยวนถูกลงโทษ เขาก็เจ็บปวดและทนเห็นหลินยวนทนทุกข์ทรมานจนสิ้นใจอย่างน่าเวทนาไม่ได้เขาก็รู้สึกว่าหลินยวนถูกมารดาของนางหลอก และรู้สึกว่าหลินยวนเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ว่า...เนี่ยนเนี่ยนต่างหากที่เป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุด!คนที่เขาติดค้างมากที่สุดไม่ใช่หลินยวน แต่เป็นเนี่ยนเนี่ยน!เนี่ยนเนี่ยนต่างหากคือคนที่ควรจะอยู่ในใจของเขาเป็นอันดับแรก!คิดได้เช่นนั้น หลินเย่ว์ก็หยุดฝีเท้าลง หยิบห่อผ้าขนาดเล็กออกมาจากอกห่อผ้านั้นถูกผูกปมแน่นหนา ซ่อนอยู่ในตำแหน่งอกของเขา ซึมซับอุณหภูมิร่างกายของเขาและรู้สึกอบอุ่นนักเมื่อนิ้วมือลูบเบาๆ ความเจ็บปวดที่อกกลับค่อยๆ แผ่ขยายออกไปเนี่ยนเนี่ยนวางใจได้ พี่ใหญ่จะต้องตามหาเจ้าให้พบไม่ว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย พี่ใหญ่จะต้องพาเจ้ากลับบ้านให้จงได้……เฉียวเนี่ยนเพิ่งรู้หลังจากฟ้าสางว่าคนที่ถูกฉู่จืออี้ตบจนสลบไปเมื่อคืนคือ ฝูวั่ง ลูกชายของป้าชุนสามีของป้าชุนเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มๆ หลายปีมานี้ป้าชุนเลี้ยงลูกชายมาคนเดียวแต่นางต้องทำงานหนักราวกับผู้ชาย ทั้งซักผ้าและทำอาหาร ปกติจึงไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกชายทำให้ไม่รู้ว่าฝูวั่งติดการพนันตั้งแต่เมื่อใดกว่า
หลินเย่ว์เดินโซซัดโซเซกลับจวนทันทีที่เข้าประตูไป ก็เห็นท่านโหวหลินเมื่อเห็นหลินเย่ว์กลับมา ท่านโหวหลินก็แสดงสีหน้าเป็นห่วง "เป็นอย่างไรบ้าง? เซียวเหิงว่าอย่างไร?"ดวงตาของหลินเย่ว์แดงก่ำ "เขาบอกว่า ท่านเป็นคนสั่งให้คนไปลักพาตัวยวนเอ๋อร์ไป"ท่านโหวหลินนึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะคาดเดาออกในทันที จึงตกใจ "เขา เขาพูดเหลวไหล เจ้าอย่าไปเชื่อเขา!"แต่หลินเย่ว์จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าท่านโหวหลินกำลังมีพิรุธ?ทันใดนั้นเอง เขาก็กระซิบเสียงทุ้มต่ำด้วยความโกรธว่า "ท่านพ่อ ท่านบ้าไปแล้วหรือ? หากเรื่องนี้ถึงหูฮ่องเต้ พวกเราทั้งตระกูลล้วนต้องตาย!"เขายังนึกว่าเป็นฝีมือของเซียวเหิงเสียอีก ถึงกับไปขอคนคืนจากเซียวเหิง!ไม่นึกเลยว่าจะเป็นพ่อของตัวเองที่ทำเรื่องโง่ๆ"เจ้าเสียงเบาหน่อย!" ท่านโหวหลินก็กระซิบเสียงทุ้มต่ำ แต่ต่อมาก็ดูเหมือนจนปัญญา "ข้าจะทำอย่างไรได้? แม่เจ้ารู้ว่ายวนเอ๋อร์จะต้องถูกเนรเทศไปยังหนิงโจว ก็ร้องไห้ทั้งวัน เนี่ยนเนี่ยนเกิดเรื่องแล้ว หากแม้แต่ยวนเอ๋อร์ก็...""ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรเอาชีวิตคนทั้งตระกูลมาล้อเล่น!" หลินเย่ว์ตำหนิเสียงทุ้มต่ำ "ยิ่งไปกว่านั้น ที่เนี่ยนเนี่ยนเกิดเรื่อ
ในใจแม่เซียวรู้สึกผิดมากแต่นางก็รู้ดีว่า ความรู้สึกผิดหรือน้ำตาจำนวนมากของนางไม่มีประโยชน์อีกแล้ว...อีกฝั่ง เซียวเหิงออกจากเรือนของเซียวเหอ แล้วตรงไปยังนอกจวนทันทีแต่ไม่ทันไรก็เห็นหลินเย่ว์รีบวิ่งเข้ามาถึงหน้าประตูเขารู้สึกตกใจจึงรีบเข้าไปหา "มีข่าวของเนี่ยนเนี่ยนแล้วใช่หรือไม่?"แต่หลินเย่ว์กลับคว้าคอเสื้อเขาแล้วตะคอก "ยวนเอ๋อร์ล่ะ?"คิ้วของเซียวเหิงขมวดมุ่นลงทันที ยกมือปัดมือของหลินเย่ว์ออกไป สีหน้าเริ่มเย็นชา "ไปถามฮ่องเต้สิ!"หลินยวนถูกเนรเทศไปยังหนิงโจว เป็นพระบัญชาของฮ่องเต้ เกี่ยวอะไรกับเขา?แต่หลินเย่ว์ยังคงตามตอแย "ยวนเอ๋อร์หายตัวไป! ขุนนางที่คุมตัวยวนเอ๋อร์ไปบอกว่า เมื่อคืนนางถูกคนลักพาตัวไปแล้ว! เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!"เซียวเหิงผลักหลินเย่ว์ออกไป "ข้าจะลักพาตัวนางไปทำไม?""ยังไม่ยอมรับอีกรึ? หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร? ต้องเป็นเจ้าแน่ที่คิดว่ายวนเอ๋อร์ทำร้ายเนี่ยนเนี่ยน ถึงได้ลักพาตัวนางไปแก้แค้น! แต่เซียวเหิง หยวนเอ๋อร์ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ นางก็ถูกแม่ที่เป็นหมอตำแยคนนั้นหลอกเช่นเดียวกัน!"คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้ความโกรธของเซียวเหิงที่มีต่อเซียวเหอและเพิ่ง
หมัดนั้น ชกเข้าที่ใบหน้าของเซียวเหออย่างแรงจนร่างของเซียวเหอกระเด็นไปด้านข้างทำให้แม่เซียวซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเซียวเหออุทานออกมาด้วยความตกใจ "เหอเอ๋อร์!"นางรีบเข้าไปประคองเซียวเหอ ดวงตาทั้งสองเอ่อคลอด้วยน้ำตา แล้วมองเซียวเหิงด้วยความเคียดแค้น "เจ้าบ้าไปแล้ว! เจ้ากล้าลงมือกับพี่ใหญ่เจ้าได้อย่างไร?!"เซียวเหิงเองก็ไม่คิดว่าแม่เซียวจะปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน หมัดเมื่อครู่นั้นเดิมทีเซียวเหอหลบได้แต่หากเขาหลบ คนที่จะโดนหมัดนั้นก็คือแม่เซียวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คิ้วของเซียวเหิงก็ขมวดแน่น ในขณะนั้นเอง ความโกรธในใจก็ถูกกดลง และค่อยๆ สงบลงเซียวเหอถูกชกจนมุมปากมีเลือดซึม แม่เซียวประคองเขาลุกขึ้นด้วยความปวดใจ "เหอเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?"เซียวเหอส่ายหน้านิดๆ และเหลือบมองเซียวเหิงแม้เซียวเหิงจะโกรธ แต่เขาก็ยังยั้งแรงไว้มิเช่นนั้น หมัดนั้น ฟันทั้งปากของเซียวเหอคงรักษาไว้ไม่ได้แม่เซียวค่อยๆ สงบลง แต่ก็หันมองเซียวเหิง "ทำไมยังไม่รีบขอโทษพี่ใหญ่เจ้าอีก!"เซียวเหิงเหลือบมองเซียวเหออย่างเย็นชา ไม่สนใจ และยกเท้าเดินจากไป!คนที่ทำผิดก่อนคือเซียวเหอ จะให้เขาขอโทษอย่าง
ตกลงนางมีสถานะอะไรกันแน่?……เมื่อเซียวเหอกลับมาจากกองทหารรักษาพระองค์ เขาก็ตรงไปยังห้องหนังสือของตนแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับเซียวเหิงแววตาของเขาหม่นหมองลง และเดินเข้าไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจ แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ทำไมถึงมาที่นี่? ทางฝั่งแม่น้ำฉางหยางไม่ต้องเฝ้าแล้วหรือ?""ไม่ต้อง ส่งคนไปเฝ้าแล้ว" เซียวเหิงก็ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาทั้งสองจ้องมองเซียวเหอราวกับเหยี่ยวเมื่อเห็นสายตาของเซียวเหอที่กวาดไปบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ เซียวเหิงก็หัวเราะเยาะออกมาเสียงเบา ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบกระดาษจดหมายแผ่นหนึ่งขึ้นมา "พี่ใหญ่กำลังหาสิ่งนี้อยู่หรือไม่?"เซียวเหอสีหน้าลำบากใจ ไม่ได้พูดอะไรนั่นคือจดหมายที่ส่งมาจากคนที่ถูกส่งไปประจำสาขาแม่น้ำฉางหยาง ทุกวันจะมาส่ง และทุกวันก็จะเขียนว่ายังหาไม่พบมุมปากของเซียวเหิงกลับยิ้มเยาะมากขึ้นเรื่อยๆ "พี่ใหญ่ทำลับๆ ล่อๆ เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? คิดจะหาเนี่ยนเนี่ยนแล้วหนีตามกันไปโดยไม่บอกข้าหรือ?"ท่าทางของเขาราวกับกำลังจับชู้ทำจนเซียวเหออดขำไม่ได้ "เซียวเหิง นางเป็นภรรยาของข้า ข้าจะไปกับนางที่ใด ก็ไม่เกี่ยวกับเ
นางอดไม่ได้จะมองพิจารณาฉู่จืออี้อีกครั้งถึงแม้ตอนนี้เขาจะสวมเพียงเสื้อผ้าฝ้ายหยาบ ๆ แต่เส้นกล้ามเนื้อบนร่างกลับยังคงเด่นชัดแม้จะเห็นแค่ราง ๆสายตาคมกริบดั่งเหยี่ยว รอยแผลบนใบหน้านั้น กลับยิ่งทำให้โฉมหน้าที่หล่อเหลาอยู่เดิมเพิ่มความคมเข้มดุดันขึ้นมาอีกเป็นอย่างมากอีกทั้งเขายังสามารถฆ่าหมีได้ ถ้าจะจัดการกับนาง ก็คงไม่ยากเลยแต่เฉียวเนี่ยนกลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลวแม้แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านเหอวานต่างก็พูดถึงเขาในทางดี เรียกได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ถ้าเป็นคนดีจริง ย่อมไม่บังคับฝืนใจใครคิดได้ดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า "พี่ไป๋ ข้าไม่อยากแต่งงาน เงินถุงนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ""..."ฉู่จืออี้เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเนี่ยนอย่างตกตะลึง ยามนี้ท้องฟ้าได้มืดสนิท ภายในห้องมีเพียงแสงเทียนริบหรี่ที่ส่องสว่างอยู่เขามองไม่ชัดนักว่าใบหน้าของนางเป็นเช่นไร แต่กลับเห็นชัดถึงดวงตากลมใสคู่นั้น ที่สั่นระริกอย่างตื่นตระหนกฉู่จืออี้จึงรู้ตัวทันทีว่าเป็นเพราะคำพูดของตนเมื่อครู่ทำให้นางเข้าใจผิด จึงเอ่ยอธิบายเบา ๆ "แม้หมู่บ้านเหอวานจะเงียบสงบ แต่ก็ใช่ว่าจะ