ดวงตาคู่นั้นของเฉียวเนี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา นางชินชากับความผูกพันฉันพี่น้องระหว่างหลินยวนกับหลินเย่ว์มานานแล้ว จึงไม่ใส่ใจว่าหลังจากนี้ทั้งสองคนจะเล่นละครตบตากันเช่นไรสิ่งที่นางใส่ใจในตอนนี้ คือบาดแผลบนลำคอของฮูหยินหลินแม้นางจะไม่อยากเรียกฮูหยินหลินว่า ‘แม่’ อีกต่อไป แต่อย่างไรท่านก็คือคนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูนางมาสิบห้าปีดั่งที่หลินเย่ว์เคยพูดไว้ ฮูหยินหลินเสียเลือดเสียเนื้อไปครึ่งชีวิตเพื่อให้กำเนิดนางแม้นางจะเกลียด จะโกรธแค้นเพียงใด ก็ไม่อาจยอมให้ผู้อื่นมาทารุณนางได้เด็ดขาด!ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นตัวปลอมที่แย่งชิงตำแหน่งนางไปถึงสามปี!หลินยวนไม่เคยนึกเลยว่า มุมที่เฉียวเนี่ยนยืนอยู่นั้นจะมองเห็นบาดแผลใต้ปกคอเสื้อของฮูหยินหลินได้พอดี นางจึงอดตกใจไม่ได้หลินเย่ว์ก็นึกขึ้นได้เช่นกัน รีบเข้าไปประคองฮูหยินหลินทันที ยื่นมือออกไปอย่างระมัดระวัง แหวกคอเสื้อของฮูหยินหลินออก ก็เห็นรอยฟกช้ำเขียวคล้ำชัดเจนทันใดนั้น ไฟโทสะก็พุ่งถึงขีดสุดเขาหันขวับไปมองหลินยวน แต่ยังคงพยายามข่มความโกรธเอาไว้ “เจ้า! อธิบายเรื่องนี้ให้ข้าฟังอีกทีซิ!”หลินยวนเบิกตากว้าง รีบคุกเข่าต่อหน้าหลินเย่ว์
คำพูดนี้ก็ดูจะมีเหตุผลอยู่แต่ไฟโทสะของหลินเย่ว์ยังไม่มอดลง ยังคงตะคอกเสียงกร้าว “เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องถังน้ำเย็นเต็มถังนั้นอย่างไร! ท่านแม่อายุก็มากแล้ว นี่ก็ใกล้เข้าฤดูใบไม้ร่วง เจ้ายังจงใจให้นางอาบน้ำเย็น ไม่ใช่ว่าต้องการให้นางป่วยหรอกหรือ?!”“ไม่ ไม่ใช่นะ!” หลินยวนส่ายหน้าสุดแรง “เป็นเพราะน้ำเย็นสามารถกระตุ้นจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ข้าก็แค่ได้ยินคนอื่นพูดมาว่า การอาบน้ำเย็นมีประโยชน์ต่ออาการของท่านแม่! พี่ใหญ่ดูสิ วันนี้ท่านแม่ยังจำท่านได้แล้วมิใช่หรือ?”ได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์พลันชะงักไปเขาหันไปมองฮูหยินหลินที่อยู่ข้าง ๆ ก็เห็นนางขมวดคิ้ว ดวงตาคู่นั้นกำลังมองเขาอยู่ แล้วเรียกอีกครั้ง “เย่ว์เอ๋อร์…”ใช่แล้ว นางจำเขาได้แล้วท่านแม่จำเขาไม่ได้มาพักหนึ่งแล้วในชั่วขณะนั้น ไฟโทสะของเขาก็มอดลงกว่าครึ่งเขามองหลินยวน คิ้วขมวดเป็นปม “เพราะอย่างนั้น เจ้าทำทั้งหมดเพื่อท่านแม่หรือ?”หลินยวนรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง น้ำตาหยดโตไหลลงมา “ก็แน่สิเจ้าคะ ทั้งหมดก็เพื่อท่านแม่! พี่ใหญ่ ข้าปฏิบัติต่อท่านแม่และพี่อย่างไร พี่รู้อยู่แก่ใจ ทำไมถึงเข้าใจข้าผิดแบบนี้ ฮือฮือฮือ…”เห็นหลินยวนร้อง
"แม่นางหลิน ไม่เจอกันเสียนานเชียว"เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงเย็น หลินยวนกลับเผลอถอยไปอยู่ข้างหลินเย่ว์อย่างไม่รู้ตัว “พี่ใหญ่…”แม้จะเคียดแค้นเฉียวเนี่ยน แต่เวลานี้ เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนปรากฏตัว หลินยวนก็ยังอดหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้หลินเย่ว์ขมวดคิ้วเล็กน้อย มิได้ปลอบหลินยวนดังเช่นทุกครั้ง เพียงหันไปมองเฉียวเนี่ยนอีกรอบในฐานะพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบห้าปี พวกเขายังคงสามารถเข้าใจกันได้ แม้ไม่ต้องสื่อสารออกมาเป็นคำพูดอยู่เฉียวเนี่ยนก้าวเข้าห้องอย่างรวดเร็ว เดินอ้อมไปด้านหลังฉากกั้น ก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งกำลังลนลานช่วยฮูหยินหลินแต่งตัวสาวใช้ไม่รู้จักเฉียวเนี่ยน แต่เห็นว่านางแต่งกายหรูหรา ก็พอรู้ว่าไม่ใช่คนที่ตนจะไปล่วงเกินได้ จึงฝืนยิ้มอย่างเกร็ง ๆ “ฮูหยินกำลังจะแต่งตัวเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”เฉียวเนี่ยนไม่ใส่ใจ เพียงมองไปยังฮูหยินหลินก็เห็นฮูหยินหลินก้มหน้าต่ำ ปลายผมยังเปียกน้ำ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เป็นสายตาที่เฉียวเนี่ยนไม่เคยเห็นมาก่อนแม้แต่วันที่พบกันตรงประตูหลังจวนโหว ฮูหยินหลินในตอนนั้นแม้จดจำใครมิได้แล้ว ก็ยังไม่เคยแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาเลยเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเ
“เหอะเหอะ” เฉียวเนี่ยนหัวเราะออกมาหลินเย่ว์ขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาทันที “เจ้าหัวเราะอะไร?”“ข้าหัวเราะเจ้ากับท่านโหวหลินที่เสแสร้งทำดี ส่งคนไข้ที่สติไม่ดีไปยังสถานที่แปลกถิ่น ให้คนแปลกหน้าดูแล แล้วยังกล้าพูดหน้าตาเฉยว่าทำเพื่อให้นางดีขึ้น!”เฉียวเนี่ยนเสียงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย จ้องตาหลินเย่ว์ตรง ๆ “เจ้าคิดดูให้ดี หากวันหนึ่งเจ้าตื่นขึ้นมา พบว่าทุกอย่างรอบตัวล้วนแปลกไปหมด ไม่มีใครที่เจ้ารู้จัก เจ้าจะรู้สึกอย่างไร? เจ้าเป็นผู้ชายทั้งคนยังอาจตื่นตระหนก แล้วฮูหยินหลินเล่า นางเป็นคนป่วยด้วยซ้ำ!”จนถึงตอนนี้หลินเย่ว์ราวกับเพิ่งจะเข้าใจขึ้นมาได้ชั่วขณะนั้น แววตาก็เผยความตื่นตระหนกออกมาเฉียวเนี่ยนกล่าวตำหนิต่อ “เกรงว่าท่านหมอประจำจวนคงเห็นว่าสมองของเจ้ากับท่านโหวหลินไม่มีทางเยียวยาได้แล้ว จึงขี้เกียจจะพูดให้มากความ! ทำเรื่องเช่นนี้ เจ้ากลับยังมีหน้ามาแสดงตัวเป็นลูกกตัญญูต่อหน้าข้าอีกรึ!”หลินเย่ว์ลุกพรวดขึ้นทันทีดวงตาคู่นั้นจ้องเฉียวเนี่ยน เขารู้สึกแน่นอก คับแค้นใจ หน้าอกกระเพื่อมรุนแรง เสียงที่เอ่ยออกมาก็เจือความตื่นตระหนก “ข้าจะไปรับท่านแม่กลับจวนเดี๋ยวนี้!”พูดจบก็จะรีบเดินออกไปเฉ
หลินเย่ว์ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเฉียวเนี่ยนจะพูดถึงขนาดนี้เขาข่มความโกรธในใจลง พยายามควบคุมระดับเสียงของตนเอง “ที่แท้วันนี้มาหาข้า ก็เพื่อเรื่องนี้สินะ”พูดจบ เขามองไปที่เฉียวเนี่ยน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความผิดหวัง “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าท่านแม่ป่วย ตั้งแต่ข้าเข้ามาจนถึงตอนนี้ เจ้าถามถึงสักคำไหม? ข้ารู้ เจ้าเกลียดข้า เกลียดจวนโหว แล้วก็เกลียดที่ท่านแม่เคยเป็นคนแนะนำเจ้ากับหมิงอ๋อง แต่เนี่ยนเนี่ยน นางก็ยังเป็นแม่ของเจ้า เป็นคนที่ตั้งท้องสิบเดือน สูญเสียแทบครึ่งชีวิตเพื่อคลอดเจ้าออกมานะ! เจ้าใจดำถึงเพียงนี้ ไม่แยแสนางแม้แต่น้อยเลยหรือ?”พูดมาถึงตรงนี้ หลินเย่ว์ก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มหมดรวดเดียว จากนั้นราวกับว่ายังไม่พอ ก็หยิบไหสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่อีกคำ จึงพูดต่อ “หลินยวนกลับมาด้วยตัวเอง วันนั้นข้าเห็นนางก็ตกใจมาก นางแต่งตัวเหมือนขอทาน ตัวสกปรกมอมแมมไปหมด ยิ่งกว่าตอนที่เจ้า...”หลินเย่ว์เผลอจะพูดว่า เทียบกับตอนที่เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง ยังน่าสงสารยิ่งกว่าแต่ยังไม่ทันพูด ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมตอนนั้นเฉียวเนี่ยนดูดีกว่าหลินยวนที่แต่งตัวเป็นขอทานก็จริงแต่ก็เป็นเพราะนางใส่ชุดนางกำนัล แต่งต
เฉียวเนี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนทั้งสองจะนั่งลงพร้อมกัน“วันนี้อยู่ ๆ ก็อยากพบข้า มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”หลินเย่ว์เอ่ยถามอย่างระมัดระวังจริง ๆ ตอนที่ได้รับจดหมายจากเฉียวเนี่ยน เขาก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้เขากังวลว่าเฉียวเนี่ยนอาจรู้เรื่องของหลินยวนเข้าแล้ว จึงได้เรียกหาเขากะทันหันแต่ในใจเขาก็ยังอดมีความหวังอยู่เล็ก ๆ คิดไปว่า บางทีนางอาจจะเปลี่ยนใจนางกับอ๋องผิงหยางเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ความสัมพันธ์ก็ยังไม่ลึกซึ้งการต้องอยู่ใต้ชายคาเดียวกับคนที่ยังไม่คุ้นเคย ย่อมไม่สบายใจเป็นธรรมดาเพราะอย่างนั้น เขาจึงอดคิดไม่ได้ว่า หรือเฉียวเนี่ยนอยากกลับบ้าน?แม้จะรู้ดีว่าเป็นไปได้น้อยมากเพียงใดแต่ถึงแม้จะมีเพียงความหวังริบหรี่ เขาก็ยังอยากไขว่คว้ามันเอาไว้!เฉียวเนี่ยนรินเหล้าให้หลินเย่ว์ “ข้าดื่มเหล้าอื่นไม่เก่งนัก จึงสั่งมาแค่เหล้าบ๊วยหนึ่งไห”หลินเย่ว์รับจอกไว้แล้วจิบเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบเหล้าบ๊วยที่สุด ไว้ข้าจะให้คนเอาไปส่งถึงเรือนเจ้าอีกสองไห!”พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อ “หรือว่า... ให้ส่งไปที่เรือนลั่วเหมยดี?”เรือนลั่วเหมยนั้น เขาเพิ่งไปทว