เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก จึงค่อยข่มความโกรธในใจลงไปได้ “เพราะเหตุใด จึงเป็นต่างหูหินโมราหรือ?”เห็นทีว่าเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเฉียวเนี่ยนโกรธเพราะสิ่งใด เซียวเหิงขมวดคิ้วเบา ๆ หลุบตาลงราวกับเด็กที่ทำผิด เอ่ยเสียงเบา “ข้าคิดว่า ต่างหูคู่นั้นก่อนหน้าทำให้เจ้ามีความทรงจำที่ไม่น่าพึงใจ บางทีคู่ใหม่นี้อาจชดเชยได้บ้าง”เขาจำได้อย่างชัดเจน ว่าตอนที่เขาให้ต่างหูคู่นั้นกับนางครั้งก่อน นางดีใจเพียงใดเขาจึงคิดไปว่าเฉียวเนี่ยนชอบต่างหูหินโมราเพียงแต่ความทรงจำเกี่ยวกับคู่นั้นไม่น่าพึงใจจริง ๆ เขาจึงไปซื้อมาใหม่อีกคู่เขาเองก็ไม่รู้ว่านางสังเกตหรือไม่ ว่าตรงเครื่องประดับทองบนต่างหูนั้น เป็นดอกเหมยมองเซียวเหิงที่มีท่าทีเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็พอจะเข้าใจแล้วว่า เซียวเหิงอยากใช้ความทรงจำใหม่ มาทับถมความทรงจำเลวร้ายในอดีต...นางก้มหน้าลง แล้วปิดกล่องเครื่องประดับลงอีกครั้งนางไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดกับเซียวเหิงดีเขาราวกับรู้อะไรทุกอย่าง แต่ก็เหมือนจะไม่รู้อะไรเลยนางต่อให้พูดจนฟ้าถล่ม ก็ไม่แน่ว่าเขาจะเข้าใจได้ด้วยจนใจ จึงทำได้เพียงกล่าวคำขอบคุณ “เข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านแม่ทัพมากเจ้าค่ะ”นางคิดว
เมื่อได้ยินดังนั้น องค์หญิงซูหยวนก็แค่นเสียงออกมา มุมปากยกยิ้มขึ้นบาง ๆ “ตัวข้าเองก็คิดเช่นนั้น แม้ก่อนหน้านี้จะยังกล้าดีอยู่ แต่เมื่อวานกลับจวนไปเห็นศพของหัวหน้าคนรับใช้ของนางแล้ว ก็คงไม่กล้าอีกต่อไป”อวิ๋นเอ๋อร์มิได้ตอบอะไร เพียงยิ้มรับเท่านั้น แต่ในหัวกลับเผลอคิดถึงคำพูดที่เฉียวเนี่ยนพูดเพื่อนางในวันนั้นที่จวนอ๋องผิงหยางนางไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นใช่เหตุผลหรือไม่ ที่ทำให้ช่วงนี้องค์หญิงมิได้แสดงท่าทีจะลงโทษนางเลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งไว้ใจนางมากขึ้นกว่าเดิม เรื่องใดคนอื่นล้วนฟังมิได้ มีแต่นางเท่านั้นที่ฟังได้แม้จะรู้อยู่ว่านั่นอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่ตราบใดที่องค์หญิงยังไว้วางใจนางอยู่ นางก็ยังมีทางรอดอยู่บ้างอย่างไรเสีย ข้างกายองค์หญิง ก็ยังต้องมีคนคอยเป็นมือเป็นเท้าให้อยู่ดีเฉียวเนี่ยนออกจากเรือนนอนขององค์หญิงแล้วก็กลับไปยังโรงหมอหลวงตลอดทาง ใจของนางยังคงไม่สงบไม่รู้ว่าสิ่งที่นางพูดต่อหน้าองค์หญิงในวันนี้ จะสามารถทำให้องค์หญิงปล่อยท่านพี่เซียวไปได้หรือไม่แต่ถึงครั้งนี้จะได้ แล้วครั้งหน้าล่ะ?นางรู้ดีว่าตนไม่อาจตกเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่เช่นนี้ต่อไปได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเปล
เฉียวเนี่ยนย่อมรับรู้ได้ถึงความเย็นเยียบเด็ดขาดจากบรรยากาศรอบกายองค์หญิงซูหยวนแต่ก็ทำทีไม่รู้สึก ยังคงกล่าวอย่างช้า ๆ “กระหม่อมหาได้มาเพื่อขอความเห็นใจแทนแม่ทัพเซียวไม่ เพียงแต่คิดว่าในเมื่อแม่ทัพเซียวเพิ่งจะรับตำแหน่งดูแลกองทหารรักษาพระองค์ เช่นนั้นแล้วผู้ใดกันแน่ที่บ่มเพาะให้กองทหารรักษาพระองค์กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ กล้าก่อความวุ่นวายในฝ่ายใน”แล้วสายตาขององค์หญิงซูหยวนก็เปลี่ยนไป“ผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์คนก่อนเป็นใครกันนะ?”อวิ๋นเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบตอบว่า “กราบทูลองค์หญิง เป็นน้องชายแท้ ๆ ของเต๋อกุ้ยเฟย ซุนเซี่ยนเพคะ”“อ้อ จริงด้วย ซุนเซี่ยน!” ดวงตาขององค์หญิงซูหยวนพลันเยียบเย็น “ไม่แปลกใจเลย อาศัยที่พี่สาวของตัวเองเป็นเต๋อกุ้ยเฟย ซุนเซี่ยนถึงได้ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาหลายครั้งหลายครา!”กล่าวมาถึงตรงนี้ องค์หญิงซูหยวนดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก กล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือก “ไม่แน่ว่า เรื่องนี้อาจเป็นฝีมือของไอ้หมาเฮงซวยนั่นก็ได้!”ได้ยินดังนั้น หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มนางไม่เคยคิดจะส่อแววในทางนั้น นางเพียงแค่ต้องการปกป้องท่านพี่เซียวเท่านั้น
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว เฉียวเนี่ยนจึงมองไปยังนางกำนัลไม่กี่คนที่อยู่ไกลออกไป สุดท้ายจึงลงเสียงเบาลงเพื่อให้แน่ใจว่านางกับองค์หญิงซูหยวนเท่านั้นที่จะได้ยินเสียงของตน “องค์หญิงยังเสียเลือดไปมาก หากไม่บำรุงรักษาให้ดี จะกลับมาเหมือนคนปกติได้ภายในเวลาอันสั้นได้อย่างไรเล่าเพคะ?”ได้ยินคำพูดนี้ องค์หญิงซูหยวนจึงลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองไปยังนางกำนัลไม่กี่คนที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นพวกนางก้มหน้าก้มตา ไม่มีท่าทีผิดปกติใด ๆ จึงหันกลับมามองเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง “เช่นนั้น เจ้าว่ามาซิ ควรทำเช่นไรดี?”ต่อให้องค์หญิงซูหยวนไม่รู้วิชาแพทย์ แต่นางก็รู้ว่าเมื่อแท้งบุตรแล้ว ย่อมต้องกินยาและอาหารบำรุงที่แตกต่างจากตอนป่วย ซึ่งไม่เหมือนพวกอาหารบำรุงผู้ป่วยไข้หวัดทั่ว ๆ ไปพวกคนในห้องเครื่องแม้ไม่รู้ศาสตร์ยารักษาโรค แต่สตรีในวังหลวงเมื่อแท้งบุตรจะกินสิ่งใด พวกเขาก็ล้วนรู้ดีหากถูกผู้อื่นจับพิรุธได้ จะเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนเฉียวเนี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงเอ่ยว่า “หม่อมฉันสามารถอ้างว่าจะปรับสมดุลร่างกายให้องค์หญิง และจะเป็นผู้ต้มยาด้วยตนเอง ตลอดเวลานั้น ยาที่องค์หญิงใช้จะผ่านมือหม่อมฉันเพียงผู้เดียว ย่อมไม่มีผู้ใดล
คืนนั้น เฉียวเนี่ยนฝันร้ายในฝัน นางย้อนกลับไปยังกรมซักล้าง กลับไปยังสถานที่ที่ถูกเฆี่ยนตีทารุณตามอำเภอใจนางถูกลากไปที่บ่อซักล้าง ถูกกดกับพื้น ถูกเฆี่ยนตีอย่างโหดร้าย!แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นไม่ใช่การถูกทารุณ หากแต่เป็นตอนที่นางถูกเฆี่ยนตี ศพของหนิงซวงกลับนอนอยู่ข้าง ๆ ลืมตาตายอย่างไม่สงบ!นางแทบจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงกรีดร้องเมื่อเห็นม่านเตียงที่คุ้นเคย และหนิงซวงที่รีบร้อนมาหา นางก็รู้ตัวในที่สุดว่าภาพน่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงความฝันเพียงแต่ว่ามันสมจริงเกินไปสมจริงเสียจนเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาทางแผ่นหลัง ลมหายใจกระชั้นถี่ แม้ตอนนี้หนิงซวงจะยังยืนอยู่ตรงหน้า คอยปลอบนางด้วยความห่วงใย แต่นางก็ยังหยุดความเย็นเยียบที่เอ่อล้นขึ้นในอกไม่ได้“คุณหนู อย่าทำให้บ่าวตกใจไปมากกว่านี้เลยเจ้าค่ะ!” หนิงซวงตกใจจนแทบขาดใจเมื่อเห็นท่าทีเหม่อลอยของเฉียวเนี่ยน “ไม่ได้การละ บ่าวจะไปตามท่านหมอให้มาดูคุณหนูเสียหน่อย!”พูดจบก็เตรียมจะออกไปแต่กลับถูกเฉียวเนี่ยนคว้ามือไว้ “ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นอะไร”นางค่อย ๆ เอ่ยออกมา เกรงว่าหนิงซวงจะเป็นห่วง จึงยังฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย “ยามไหนแล้ว?
แต่เฉียวเนี่ยนไม่กล้าหยุดฝีเท้า รีบเร่งไปทางนอกวังอย่างร้อนรนเมื่อคราวก่อนท่านหมอประจำจวนเคยให้ยาช่วยชีวิตนางมาสองเม็ดนางให้ท่านเซียวเหิงไปหนึ่งเม็ด ตอนนี้ยังเหลืออีกหนึ่งเม็ดนางต้องรีบกลับจวนอ๋อง ต้องให้ทันก่อนที่หัวหน้าคนรับใช้จะสิ้นใจ ป้อนยาเม็ดนั้นให้หัวหน้าคนรับใช้กิน!เฉียวเนี่ยนยิ่งเดินก็ยิ่งร้อนรน จนสุดท้ายแทบจะวิ่งเหยาะ ๆแท้จริงแล้วนางไม่ได้สนิทกับหัวหน้าคนรับใช้มากนัก และเคยพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำแต่หัวหน้าคนรับใช้นั้นขยันขันแข็ง สุภาพอ่อนโยน แม้แต่ฉู่จืออี้ยังเคยชมเชยหัวหน้าคนรับใช้ผู้นั้นไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ไม่ควรตายอย่างนั้น!ในที่สุด เฉียวเนี่ยนก็มาถึงหน้าประตูวัง ขึ้นรถม้าของจวนอ๋อง รีบเร่งสั่งว่า “เร็ว! กลับจวน!”สารถีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบเงื้อแส้ทันที รถม้าก็พุ่งไปยังจวนอ๋องด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อนแต่เฉียวเนี่ยนก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งนางเพิ่งลงจากรถม้า ก็เห็นขันทีคนหนึ่งนำทางคนแต่งกายเป็นทหารองครักษ์สองคนออกมาจากจวนอ๋องเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน ขันทีคนนั้นยังยกมือทำความเคารพกับเฉียวเนี่ยนอีกด้วยเฉียวเนี่ยนชะงัก มองดูไม้สองท่อนในมือทหารองครักษ์