Share

บทที่ 69

Author: โม่เสียวชี่
เพียงประโยคเดียวราวกับกับแทงใจดำของฮูหยินหลินเข้าไปอย่างจัง นางลืมตาโพลงขึ้นมาทันที และน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด

นางชี้ไปที่หลินเย่ว์ เสียงสั่นเครือ “ข้า...ข้าจะคิดทำร้ายเนี่ยนเนี่ยนได้อย่างไร ข้าเลี้ยงนางมาเองกับมือเลยนะ!”

พูดจบก็ร้องไห้ฟูมฟาย

เห็นฮูหยินหลินเป็นเช่นนั้น หลินเย่ว์ก็ตกใจ รีบขอโทษทันที “ข้าพูดผิดไป ท่านแม่อย่าโกรธเลย! เป็นความผิดของข้าเอง!”

เมื่อเผชิญกับคำขอโทษของหลินเย่ว์ ฮูหยินหลินเพียงหันหลังหนี ราวกับไม่อยากฟังคำพูดของเขา

เมื่อเห็นเช่นนั้น หลินเย่ว์ก็คิ้วขมวด

เขาเหลือบมองใบหน้าของหลินยวน แล้วเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ที่จริงแล้วก็ต้องโทษเนี่ยนเนี่ยนเองที่ใจร้ายทำร้ายยวนเอ๋อร์ได้ลงคอเช่นนี้!”

ใบหน้าอันงดงามกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!

แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากห้องข้างๆ

“หากมิใช่คุณหนูรองพูดไม่คิด ฮูหยินเฒ่าก็คงไม่เป็นหนักเพียงนี้ คุณหนูใหญ่เพียงแค่ลงโทษคุณหนูรองแทนฮูหยินเฒ่าเท่านั้น เชื่อเถอะว่าเมื่อฮูหยินเฒ่าฟื้น ก็ต้องชื่นชมคุณหนูใหญ่แน่นอน”

คนที่พูดคือซูมามา

นางพูดพลางเดินออกมาหาทุกคน แล้วโค้งคำนับท่านโหวหลิน

ซูมามาคือคนเก่าแก่ของจวนโหว

ยามนั้น นางติด
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
แม่ไก่ กุ๊กกุ๊ก
กว่าจะได้แต่งงานออกไปจากจวนโหว ท่าว่านางเอกคงเป็นเจ้าสาวที่สะบักสะบอม
goodnovel comment avatar
Benchawan
เรื่องนี้สนุกมากก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1212

    คงเพราะเร่งเดินทางต่อเนื่องหลายวัน เหน็ดเหนื่อยจนถึงขีดสุดหรือบางทีอาจเพราะได้พบคนที่อยากพบมาตลอด ใจที่หวั่นไหวก็พลันสงบลงคืนนั้น เฉียวเนี่ยนหลับสนิทลึกยิ่งนักรุ่งขึ้น เมื่อเฉียวเนี่ยนลืมตาตื่น ฟ้าข้างนอกก็สว่างจ้าแล้วผลักประตูออกไป ก็พลันตะลึงกับภาพเบื้องหน้าสำนักราชาโอสถตั้งอยู่ลึกที่สุดในหมู่ขุนเขาเขียวชอุ่มราวเกล็ดมรกต รอบด้านรายล้อมด้วยผาหินชันประหนึ่งถูกเทพเจ้าฟาดด้วยขวานใหญ่จนแยกออกเฉียวเนี่ยนมองเห็นผาหินสูงเสียดฟ้าเพียงแวบเดียว ก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกดทับอยู่บนหน้าอก หายใจไม่ทั่วท้องโดยไม่รู้สาเหตุในจังหวะนั้นเอง มีคนเดินเข้ามา“แม่นาง เจ้าสำนักให้มาเชิญ”เขาแต่งกายด้วยชุดสีครามเข้ม เหมือนกับพวกที่เมื่อคืนนั้นหามหลินเย่ว์ไป คงเป็นชุดประจำของสำนักราชาโอสถแน่เฉียวเนี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามชายคนนั้นตรงไปยังเรือนหลังใหญ่ที่สุดทางด้านตะวันออกที่นั่น คือที่พำนักของเจ้าสำนักราชาโอสถทันทีที่ผลักประตูเรือนเข้าไป กลิ่นยาเข้มข้นก็พุ่งเข้าปะทะใบหน้าเฉียวเนี่ยนรีบยกมือขึ้นปิดปากและจมูกท่าทางนั้นกลับทำให้ผู้นำทางเหลือบตามองอย่างเหยียดหยาม“เจ้าสำนักของพวกเ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1211

    เฉียวเนี่ยนมองเจ้าสำนักราชาโอสถอย่างตกตะลึง “ท่าน... เหตุใดกัน?”“ชีวิตแลกชีวิต แล้วจะมีประโยชน์อันใดแก่ข้า? เช่นนั้นก็เท่ากับขาดทุนอยู่ดี! เก็บชีวิตเจ้าต่อไปเถิด ยังจะมีประโยชน์เสียกว่า!” พูดจบ เจ้าสำนักราชาโอสถก็ลุกขึ้น เดินออกไปทางประตูเพิ่งเดินถึงหน้าประตู ก็หัวเราะพลางว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้ามาพอดีเลย พานางไปล้างเนื้อล้างตัวที สกปรกสิ้นดี! จิ๊ๆๆ!”เสียงแสดงความรังเกียจดังมา เฉียวเนี่ยนจึงหมดแรงวางมีดสั้นลง ร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้น ราวกับยังไม่อาจหลุดออกจากความสิ้นหวังและการตัดสินใจตายเมื่อครู่ได้แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เบื้องหลังกลับมีเสียงที่คุ้นเคยมานานดังขึ้น"เนี่ยนเนี่ยน"เสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น ดุจเดียวกับเจ้าของเสียงนั้นเฉียวเนี่ยนหันกลับไปมองทันที ก็เห็นเขายืนอยู่ตรงประตู ร่างสูงใหญ่แทบจะบดบังกรอบประตูไว้ทั้งบานภายในห้อง แสงเทียนไหวระยับฉู่จืออี้ไม่คิดเลยว่า การพบกันครั้งแรกหลังจากห่างหายกันไปเนิ่นนาน จะเป็นฉากเช่นนี้มวยผมของนางยุ่งเหยิงจนไม่เป็นทรง ใบหน้าเปรอะเปื้อน คราบน้ำตาที่เคยไหลทิ้งไว้ยิ่งดูเด่นชัดขึ้นชุดกระโปรงก็ขาดรุ่งริ่ง แม้แต่รองเท้ายังมีรูใหญ่ เผยให้เ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1210

    พูดอีกอย่างก็คือ กฎนี้ก็ตั้งขึ้นมาเพื่อเอาชนะเฉียวเนี่ยนโดยเฉพาะเฉียวเนี่ยนเงียบลงเมื่อนึกถึงว่าเจ้าสำนักราชาโอสถผู้นี้นั้น แท้จริงแล้วชื่อเสียงไม่เกินจริง ตอนนั้นที่เมืองจี๋เสียงนางเสียมารยาทกับเขา เขาก็ผูกใจเจ็บมาจนถึงวันนี้ ชีวิตถูกเขากุมไว้ ก็นับเป็นกรรมสนองเห็นเฉียวเนี่ยนเงียบ เจ้าสำนักราชาโอสถกลับหัวเราะเย็น “ทำไม? เมื่อครู่ยังทำท่าทีพี่น้องรักใคร่กันนัก เวลานี้ต้องเอาชีวิตแลกชีวิตกลับลังเลแล้วหรือ? เช่นนั้นเจ้าต้องรีบตัดสินใจให้ไว ว่าจะเลือกชีวิตของพี่ใหญ่เจ้าหรือชีวิตของเจ้า”เฉียวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าสำนักราชาโอสถหนึ่งครั้ง จึงเอ่ยปาก “ขอท่านเจ้าสำนักช่วยรักษาพี่ชาย ข้ายอมมอบชีวิตของข้าไว้แก่ท่านเจ้าสำนัก”ได้ยินคำนี้ แววตาของเจ้าสำนักราชาโอสถก็พลันขุ่นมัว กระทั่งน้ำเสียงยังหม่นหมองขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่เจ้าไม่ได้ดีต่อเจ้าสักเท่าไร คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจิตใจดีถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขา”เฉียวเนี่ยนก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าสำนักราชาโอสถจะสืบเรื่องราวในอดีตของนางมาแล้วแต่พอคิดอีกที เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงเพียงนี้ จะสืบเรื่องนางก็ไม่แปลกจึงสูดลมหา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1209

    รอดแล้วเฉียวเนี่ยนฝืนยิ้มทั้งน้ำตา นางรีบวิ่งไปที่ข้างกายหลินเย่ว์ เรียกเขาด้วยเสียงดังว่า “หลินเย่ว์ ข้าทำสำเร็จแล้ว! เรามีทางรอดแล้ว! หลินเย่ว์ เจ้าได้ยินหรือไม่? เรามีทางรอดแล้ว!”น่าเสียดาย เสียงของนางจมหายไปในความมืดมิดของราตรี ไม่อาจได้รับคำตอบใดๆแต่ไม่นานนัก คนของสำนักราชาโอสถก็มาถึงในที่สุดพวกเขาพาเฉียวเนี่ยนกับหลินเย่ว์ไปยังเชิงหุบเขาเมื่อชายชราผมขาวคนนั้นมาถึง เฉียวเนี่ยนยังนั่งอยู่ข้างหลินเย่ว์ คอยเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากให้เขา“โอ้ นี่ใครกัน?” น้ำเสียงของเจ้าสำนักราชาโอสถแฝงด้วยการเย้ยหยันเฉียวเนี่ยนไม่ใส่ใจ รีบลุกขึ้นทำความเคารพต่อเจ้าสำนักราชาโอสถ “ท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดช่วยชีวิตพี่ชายข้าด้วย”เจ้าสำนักราชาโอสถเหลือบตามองหลินเย่ว์ “เจ้าคิดว่าสำนักราชาโอสถของข้าเป็นที่ใดกัน? คนเช่นนี้ก็สมควรให้ข้าลงมือหรือ?”เฉียวเนี่ยนได้ฟังก็ชะงัก กำหมัดแน่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดังตรงหน้าเจ้าสำนักราชาโอสถ “เมื่อก่อนเป็นเฉียวเนี่ยนเองที่ตาไม่ถึง มีตาหามีแววไม่ ทำให้ล่วงเกินเจ้าสำนัก หากเจ้าสำนักจะลงโทษ จะตีจะด่า เฉียวเนี่ยนย่อมไม่ปริปาก แต่พี่ชายข้าได้ถูกยิงกลางป่าเพรา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1208

    กองใบไม้แห้งในป่าลึกท่วมถึงข้อเท้าแม้รูปร่างของหลินเย่ว์จะไม่สูงใหญ่เท่าฉู่จืออี้ แต่เฉียวเนี่ยนก็ยังสูงแค่บ่าของเขาอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เขาเข้าร่วมกองทัพ ก็ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ร่างกายกำยำแข็งแรง น้ำหนักย่อมไม่เบาเฉียวเนี่ยนไม่มีแรงพอจะยกเขาขึ้นไปบนหลังม้าได้ จึงทำได้เพียงแบกเขาเดินไปข้างหน้าก้าวเดินไปอย่างยากลำบากเมื่อเฉียวเนี่ยนก้าวพลาด เหยียบกิ่งแห้งหักลง ร่างของหลินเย่ว์ที่อยู่บนหลังนางก็ไถลลงมาอีกแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่เฉียวเนี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ใช้ดาบในมือกรีดผ้าจากกระโปรงของตัวเอง ฉีกออกมาใช้ผูกหลินเย่ว์กับตัวเองให้แน่นจากนั้นจึงใช้ดาบแทนไม้เท้า ค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าลมหายใจของหลินเย่ว์รินรดข้างหูนาง แผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระพือปีกของจักจั่นยามใกล้สิ้นฤดูนางก็พลันนึกถึงตอนเด็กๆ ที่ตัวเองเคยส่งเสียงหัวเราะร่าอยู่บนแผ่นหลังของหลินเย่ว์นับครั้งไม่ถ้วนหลินเย่ว์มักจะแบกนางเสมอบางครั้งเพื่อเก็บผลไม้บนต้นไม้บางครั้งเพื่อจับหนอนตัวอ้วนเขาเคยแบกนางวิ่งผ่านตลาดอันคึกคัก เคยแบกนางหนีหลังจากเล่นต่อสู้กับผู้อื่นในตอนนั้น นางมักหัวเราะอย่างมีความ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1207

    ทางขึ้นเขาทุรกันดารยากแก่การสัญจร อีกทั้งคนสองคนยังขี่ม้าตัวเดียวกัน ไม่นานก็ช้าลงเฉียวเนี่ยนมีแววกังวล ไม่วายหันกลับไปมองด้านหลังอยู่เรื่อยแต่สายตาของหลินเย่ว์กลับมองไปยังศิลาจารึกไม่ไกลนัก แล้วมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยว่า "พวกเราเข้ามาถึงเขตสำนักราชาโอสถแล้ว วางใจเถอะ นักลอบสังหารจะไม่ตามมาแล้ว"เฉียวเนี่ยนก็เห็นอักษรบนศิลาจารึกนั้นว่า ‘สำนักราชาโอสถ’ จึงคลายใจกังวลลงทันทีอาศัยแสงจันทร์ นางมองไปยังเส้นทางเบื้องหน้า "ข้างหน้าคือสำนักราชาโอสถหรือ?""อื้ม"เสียงของหลินเย่ว์ดังมาจากเหนือศีรษะ ทุ้มต่ำและหนักแน่น "เดินไปอีกกว่าร้อยวาก็จะพ้นป่า ถึงตอนนั้นจะเห็นต้นท้อหลายต้น แม้ตอนนี้จะไม่ใช่ฤดูดอกบาน แต่ต้นท้อแถบสำนักราชาโอสถกลับเบ่งบานตลอดปี ใต้ต้นท้อต้นที่สาม จะมีหินก้อนเท่ากำปั้น หินนั้นเชื่อมกับกลไกภายในสำนักราชาโอสถ เพียงหมุนหิน สำนักราชาโอสถก็จะรู้ว่ามีแขกผู้ทรงเกียรติมาเยือน"เฉียวเนี่ยนพยักหน้าช้าๆ แต่ยังสงสัย "เจ้ารู้เรื่องสำนักราชาโอสถมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เคยมาที่นี่หรือ?""เนี่ยนเนี่ยน"หลินเย่ว์ไม่ได้ตอบคำถามเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน "พี่ใหญ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status