LOGIN@บ้านพัชรเทพพิพัฒน์
“มาช้านะเฮีย” เสียงกระแนะกระแหนของชายร่างสูงที่ยืนพิงรถสปอร์ตสีดำสนิทเอ่ยทักทายคนที่เพิ่งลงจากรถอย่างเย้ยหยัน ทำเอาติณณภพพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายในท่าทีกวนประสาทของน้องชายตัวเอง “เสือกเรื่องของกูให้น้อยลงหน่อยก็ดี” “คงไม่ได้ว่ะ เพราะตอนนี้ใคร ๆ ก็พูดถึงเรื่องของเฮียกันหมดนั่นแหละ ขนาดที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันยังเป็นเรื่องงานแต่งเลย” เพลล์คีบบุหรี่ออกจากปากแล้วยักคิ้วให้พลางเหลือบมองไปที่ด้านในของบ้านไปด้วยเป็นการบ่งบอกว่าให้เขาไปจัดการกับเรื่องวุ่นวายทั้งหมดด้วยตัวเอง เพราะนอกจากเด็กที่ติณณภพเลี้ยงไว้กินเงียบ ๆ แล้วก็ดูเหมือนจะมีแม่ของเขานี่แหละที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้ “แม่ไม่ยอมนะติณ!” ทันทีที่เท้าหนักก้าวเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร น้ำเสียงไม่พอใจก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าของหญิงสาววัยกลางคนที่จ้องมองลูกชายของตัวเองด้วยสายตาแข็งกร้าว เธอไม่ใช่คนที่อยู่แต่ในบ้านจนไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าครอบครัวของคนที่กำลังจะมาเป็นลูกสะใภ้ของตัวเองเป็นอย่างไร นั่นจึงทำให้อาภัสราไม่อยากที่จะยอมรับการเกี่ยวดองกับคนในบ้านนี้ และยิ่งติณณภพแถลงข่าวว่าจะจัดงานแต่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าพร้อมกับมองหญิงสาวอีกคนด้วยความรักใคร่ มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างมาก “พูดอะไรให้มันดี ๆ หน่อย คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าเดชเป็นรุ่นน้องของผมตั้งแต่สมัยเรียน แล้วลูก ๆ ของเราจะรักกันมันไม่ดีตรงไหน?” “คุณลืมไปแล้วหรือคะว่าแม่ของเด็กคนนั้นเป็นใคร ในงานสังคมไม่มีใครอยากจะคบหากับผู้หญิงคนนี้หรอกนะ คุณเองที่ไม่รู้อะไรก็อย่ามาเถียงฉันเลยจะดีกว่า แล้วเราก็ยังไม่ได้คุยกันอย่างจริงจังเรื่องที่ทั้งสองคนแอบไปตกลงแต่งงานกันลับหลังของฉันนะ” เธอเถียงกลับภูวนาถอย่างไม่ยอม แล้วจึงหันมาให้ความสนใจกับติณณภพอีกครั้ง โดยมีเพลล์ที่เป็นลูกชายคนกลางนั่งลงด้านข้างของพี่ชายอย่างเงียบ ๆ เพราะเขาเองก็ค่อนข้างจะเข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝ่าย “ผมเคยบอกไปแล้วไงว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะให้ลูกไปดูตัวเพื่อศึกษาดูใจกับใครก็ได้ แต่ถ้าลูกไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น หรือวันหนึ่งลูกมีคนที่รักจริงๆ คุณก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของลูกเหมือนกัน” “คิดว่าฉันไม่รู้หรือคะว่าคุณเองก็กำลังคิดอยากจะให้เด็กคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่แรกเหมือนกัน ที่ไปทาบทามกับพ่อของเธอเอาไว้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ แต่ที่ฉันยังไม่ขัดขวางก็เพราะไม่คิดว่าลูกของเราจะเอาผู้หญิงแบบนั้นเป็นเมีย” “แม่เชื่อการตัดสินใจของผมเถอะครับ” “แม่เชื่อลูกนะ แม่เชื่อมาตลอดว่าติณทำเพื่อครอบครัวของเรา แต่ครั้งนี้แม่ไม่เห็นด้วยจริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นมีแต่ชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดี ตอนไปอยู่เมืองนอกก็สร้างปัญหาไว้ที่นั่นเรื่องผู้ชายจนคนเขานินทากัน แล้วตอนนี้ยังมีข่าวว่าลาออกจากมหา’ลัยอีก ติณจะเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านเราจริง ๆ เหรอ?” “ไปกันใหญ่แล้ว! ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าคุณจะเป็นคนสนใจคนอื่นที่ภายนอกด้วย” ภูวนาถเอ่ยแทรกอย่างเหลืออดและทนไม่ได้ที่จะฟังถ้อยคำว่าร้ายเหล่านั้น จารุเดชเป็นคนที่ไม่เคยคิดร้ายต่อใคร เรื่องนั้นเขารู้เป็นอย่างดี และเขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของลูกสาวของรุ่นน้องคนนี้ด้วยว่านิสัยจริง ๆ ของเธอจะต้องไม่ต่างจากที่เขามองเห็นในครั้งแรก “ฉันไม่เคยตัดสินคนที่ภายนอกหรอกนะคะ จะรวยจะจนยังไงฉันก็ไม่สนใจ แต่ฉันก็ไม่ได้ใจบุญถึงขนาดจะยอมให้คนแบบนั้นเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน” “เธอเติบโตมาในสังคมที่ต่างจากเรา และการเลี้ยงดูก็ไม่ใช่จากรุ่นน้องที่คุณเคยรู้จักเพียงคนเดียว ยังไงเธอก็มีนิสัยไม่ต่างจากแม่ของตัวเองหรอก” “ผมว่าแม่อาจจะมองเธอในแง่ร้ายไปนะครับ” “ติณ” “ถ้าแม่ไม่เชื่อใจเพียงพราวก็ไม่เป็นไร แต่ผมอยากให้แม่เชื่อใจผมว่าผมจะไม่มีทางปล่อยให้ใครมาสร้างปัญหาภายในครอบครัวของเราได้ และที่สำคัญ..ผมก็จะไม่ยกเลิกงานแต่งด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหนักแน่นในประโยคสุดท้ายเป็นการยืนยันในการตัดสินใจของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าอาภัสราไปได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาจากไหน แต่ติณณภพค่อนข้างที่จะมั่นใจในข้อมูลที่หามาเองมากกว่าจากการนินทาในแวดวงของพวกไฮโซ เพียงพราวเป็นผู้หญิงที่มีทุกอย่างที่เขาต้องการ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพราะข้อตกลงที่จะเป็นประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่ายเท่านั้น และหากเธอทำได้อย่างที่เคยตกลงกันไว้ หญิงสาวก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเขาในอนาคตเป็นอย่างมาก “ส่วนเรื่องที่ดินที่เราต้องการเขายังไม่ยอมขายครับ เพราะเขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน การเสนอราคาที่สูงกว่าตลาดเลยไม่ได้มีผลอะไร แต่ตอนนี้ผมมีวิธีที่จะทำให้เราได้มันมาตามที่ต้องการแล้ว” ไม่รอให้อาภัสราได้ขัดขวางไปมากกว่านั้น ใบหน้าคมคายก็หันไปสนทนากับคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที ซึ่งภูวนาถเองที่เหมือนจะรู้ก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดคุยในเรื่องโครงการที่เขาวางแผนเอาไว้ต่อ เพราะถ้าเป็นเรื่องงานเมื่อไหร่ คุณผู้หญิงของบ้านก็คงจะไม่มีทางแทรกขึ้นมาอย่างแน่นอน “พ่อรู้มาว่าเจ้าของไม่ชอบความวุ่นวายเลยไม่ยอมขายให้เรา แต่ถ้าติณสามารถซื้อที่ดินในเขตนั้นของเขามาได้ทั้งหมด การลงทุนใหม่ของเราก็จะทำให้เป็นห้างสรรพสินค้าอันดับต้น ๆ ได้ไม่ยาก” “สรุปพ่อจะสร้างห้างสรรพสินค้าจริง ๆ งั้นเหรอ?” เพลล์ที่นั่งฟังอยู่นานแทรกขึ้นด้วยความสงสัย เพราะนอกจากธุรกิจโรงแรมที่ทำมาหลายสิบปีกับการนำเข้าวัสดุก่อสร้างแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าพ่อของตัวเองจะลงทุนอย่างอื่นให้ปวดหัวอีก “ตรงนั้นเหมาะจะเป็นห้างมากที่สุดแล้ว” “แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะติณ กลางปีนี้ที่เราจะขยายธุรกิจนำเข้า เราได้หนูพราวมาคงจะช่วยอะไรได้เยอะ แล้วอาเดชก็บอกแล้วว่าจะให้การสนับสนุนเราเอง ยังไงก็คงได้กำไรและนักลงทุนจากตรงนี้เพิ่มขึ้นมา ส่วนเรื่องห้างสรรพสินค้าพ่อไม่อยากให้เราต้องเครียดมากในช่วงเตรียมงานแต่ง” เจ้าของบ้านตบบ่าของลูกชายที่มีสถานะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวด้วยรอยยิ้ม โดยที่ผู้หญิงอีกคนยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจจากการตัดสินใจของทุกคนสองปีต่อมา (บ้านพัชรเทพพิพัฒน์) “ตายจริง น่ารักจังเลยหลานย่า ดูสิปากนิดจมูกหน่อยแถมตายังโตเหมือนแม่อีก ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ” อาภัสราที่ตอนนี้กลายเป็นคุณย่าอย่างเต็มตัวเอ่ยชมหลานสาวคนแรกอย่างไม่หยุดปากระหว่างที่กำลังเลือกชุดที่เข้าเซ็ตให้กับ “เพียงขวัญ” ไปด้วย ตั้งแต่ที่รู้ว่ากำลังมีหลานคนแรกจนถึงตอนนี้เธอก็เห่อหลานของตัวเองไม่หยุด จนไม่ว่าจะทำอะไรตอนนี้ต่างมีแค่เด็กหญิงเพียงขวัญเท่านั้นที่เธอจะนึกถึงเพียงขวัญ...ที่แปลว่าของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับพ่อและแม่“ยา~”“ขาว่ายังไงลูก ชอบหมวกสีนี้เหรอคะ?” คนเป็นย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดีเมื่อหลานรักตอบเสียงใสกลับมา ขณะที่ภูวนาถได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยกับความเห่อหลานของภรรยา“เก็บของตัวเองเสร็จหรือยังถึงได้มาวอแวกับหลานอยู่น่ะ” ชายมากวัยอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหนภรรยาของตัวเอง เพราะวันนี้ทั้งครอบครัววางแผนกันว่าจะพาเพียงขวัญไปทะเลครั้งแรกรวมถึงไปพักผ่อนช่วงวันหยุดของครอบครัวด้วยกัน แต่อาภัสรานี่สิ! ห่วงแต่มาเล่นกับหลานจนเขาต้องเป็นคนจัดกระเป๋าให้เธอ แถมยังไปขโมยลูกของลูกชายและลูกสะใภ้มาที่ชั้นล่างก่อนอีก“ก็ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเรากำลังจัดขอ
สองเดือนต่อมา“ทำไมหน้าบวมแบบนี้เนี่ย” เพียงพราวมุ่ยหน้าตอนที่กำลังส่องกระจกและเห็นว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มมีการเปลี่ยนไป ช่วงหลังมานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารที่อาภัสราพยายามทำให้เธอกินทุกวันหรือว่าการที่ติณณภพดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษเลยทำให้หญิงสาวดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมหลังจากวันนั้นเพียงพราวก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของแพรไหมอยู่ตลอดเพื่อคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับเธอและลูกที่อยู่ในท้อง หญิงสาวไม่ได้ตามไปหาหรือพยายามพูดคุยให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญใจ แต่เพียงพราวแค่คอยทำหน้าที่ในส่วนของเธอเงียบๆ เช่น การดูแลความปลอดภัยต่างๆ หากแพรไหมต้องอยู่บ้านคนเดียว หรือการให้แพทย์ที่ดีที่สุดในการดูแลเธอกับลูกซึ่งแพรไหมที่รู้ว่าทุกอย่างมาจากอำนาจของติณณภพที่มีเพียงพราวเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีแบบเมื่อก่อน เพราะทุกอย่างที่เพียงพราวทำให้ล้วนจำเป็นต่อเธอและลูกในท้องทั้งหมด จึงทำให้นานวันแพรไหมเริ่มยอมให้เพียงพราวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดก็มีส่วนมาจากเจษที่เป็น ‘คนรัก’ ของแพรไหมในตอนนี้ที่คอยเป็นคนกลางให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันเจษได้เป็นคนมาดูแลแพรไหม
หลายวันต่อมา“เดินไหวไหม?” ติณณภพประคองภรรยาสาวขณะที่เธอกำลังเดินเข้าไปในซอยแคบของหมู่บ้านที่ติดทะเลแห่งหนึ่งที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งทันทีที่กลับมาถึงกรุงเทพ เพียงพราวก็ได้ให้คนของเขาสืบข้อมูลเกี่ยวกับแพรไหมในตอนนี้ทันทีว่าเธอมีความเป็นอยู่อย่างไร รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนที่ทั้งคู่จะมาที่จังหวัดนี้เพื่อมาพบกับหญิงสาว“ไม่ต้องมาทำดีกับพราวเลยค่ะ เฮียทำทุกวันเช้าเย็นแบบนี้จะให้พราวเดินปกติได้ยังไง ขนาดพราวพยายามอ้อนวอนแล้วยังฉุดพราวเข้าไปทำในห้องน้ำเลย”ติณณภพหัวเราะให้กับคำพูดน่าสงสารที่เพียงพราวพูดออกมา ท่าทีของเธอตอนนี้คล้ายกับกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอยู่ที่ถูกเขาเอาเปรียบทุกวัน“ก็พราวตกลงกับเฮียเองว่าเราจะมีลูกด้วยกัน เพราะฉะนั้นเฮียก็ต้องเป็นคนทำสิ”“แต่ทำแบบนี้มันเอาเปรียบพราวนะคะ!”สองสามีภรรยาเดินเถียงกันมาตลอดทางตามประสาโดยมีติณณภพที่คอยจับมือกับเพียงพราวไม่ห่าง ก่อนทั้งคู่จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้แห่งหนึ่ง เธอรู้ดีว่าแพรไหมเป็นคนที่มีฐานะปานกลางและไม่ได้ยากจนเท่าไรนักซึ่งทุกอย่างที่ทำให้หญิงสาวมีวันนี้ได้ก็มาจากเงินและสิ่งของที่ติณณภพมอบใ
“อยากให้พราวขึ้นให้เหรอ?” เพียงพราวลูบที่ใบหน้าหล่อในตอนที่ติณณภพนั่งลงบนโซฟาโดยมีเธอนั่งทับแก่นกายใหญ่อยู่ด้านบน ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรแต่เขาเลือกที่จะขยับใบหน้าเข้ามาแนบริมฝีปากอีกครั้ง ขณะที่มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามเอวคอดก่อนจะบังคับให้ร่างบางขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ“อาา...ร้อนแรงจังเลยนะ” ติณณภพยอมผละริมฝีปากออกมาเมื่อคนที่นั่งอยู่เริ่มเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เพียงพราวใช้มือดันไปที่แผงอกแกร่งแล้วหมุนควงสะโพกไปด้วย เขาปล่อยให้เธอเป็นคนคุมเกมเองในรอบนี้ และดูเหมือนว่าเพียงพราวเองจะทำได้ดีเป็นอย่างมาก“อีกหน่อยลูกคงมาแย่งเฮียแล้วสินะ” ฝ่ามือหยาบกอบกุมเต้าใหญ่ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนไหวก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปฉกชิมปลายถันอีกครั้ง“ยังไม่ทันมีลูกก็น้อยใจแล้วเหรอคะ” เพียงพราวไม่ได้ถือสาคนหื่นที่ฉวยโอกาสสัมผัสเธออย่างลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวยังคงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจของตัวเอง เช่นเดียวกับเธอที่ขณะนี้ยังคงปรนเปรอว่าที่พ่อของลูกให้มีความสุขเช่นเดียวกันเพียงพราวจัดการผลักร่างกำยำให้ลงไปนอนราบกับโซฟาจากนั้นจึงควบคุมเกมรักครั้งนี้ด้วยตัวเอง ก่อนหญิงสาวจะเชิ
“เฮียชอบนะเวลาที่พราวเรียกชื่อเฮียเวลาเสร็จ” คนหื่นยอมผละริมฝีปากออกหลังจากตักตวงน้ำหวานของภรรยาสาวจนหมด สายตาที่เขามองเธอเต็มไปด้วยความรักและความเสน่หาจนเพียงพราวรู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งเรือนร่าง ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าติณณภพกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่แต่เพียงพราวก็ไม่สามารถที่จะห้ามหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองได้เลย ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาล้วนมีผลต่อหัวใจดวงน้อยเป็นอย่างมาก“หยุดแกล้งพราวได้แล้วค่ะ”“ไม่ได้แกล้งแต่ชอบจริงๆ”“วันนี้สดนะ จะทำลูกสาว”“มั่นใจเหรอคะว่าจะได้?”“ก็พ่อกับแม่ตั้งใจขนาดนี้ ยังไงลูกก็คงไม่ใจร้ายกับเราหรอก”เพียงพราวมองท่าทางจริงจังของติณณภพด้วยความเอ็นดู เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวของชายหนุ่มเบาๆ ในจังหวะที่เขาโน้มใบหน้าลงมาหยอกเย้ากับหน้าอกใหญ่ ยอดปทุมถันถูกขบเม้มสลับกับดูดดุนจนคนโดนกระทำเบ้หน้าในบางจังหวะทว่ามันกลับปลุกเร้าอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี“อึก...อย่าดูดแรงค่ะ”“อืม~” ติณณภพไม่ได้สนใจคำห้ามปรามของคนด้านบน เขายังคงหยอกล้อกับร่างกายสาวตามอารมณ์ดิบของตัวเอง ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องเต็มที่ที่สุด! เพื่อให้ได้ในสิ่งที่หวังไว้“อ๊าาาา...ค่อยๆ ดันเข้ามานะคะ...อึก...อื้อ!” นิ้วเรี
ติณณภพวางตัวของเพียงพราวลงบนพื้นด้วยความแผ่วเบาเมื่อเข้ามาที่ด้านในแล้ว ก่อนจะดันร่างของหญิงสาวให้แนบชิดกับผนังโดยที่ริมฝีปากยังคงบดขยี้กันอย่างดูดดื่มฝ่ามือใหญ่ลูบไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความหลงใหลก่อนที่ชุดนอนสายเดี่ยวจะถูกกระตุกให้ร่วงลงกับพื้นอย่างง่ายดาย“เฮีย! ทำไมต้องกระชากด้วย สายมันขาดหมดแล้ว” เพียงพราวต่อว่าคนป่าเถื่อนในตอนที่เขาฉีกกระชากชุดของเธออย่างแรงจนมันขาดแบบที่ไม่สามารถจะใส่ต่อได้ เธอรู้ว่าเขามีเงินจนสามารถซื้อชุดใหม่มาให้ได้อีกมากมาย แต่ชุดนี้เพียงพราวเพิ่งจะใส่ได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ! ทำไมติณณภพถึงได้เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้“เฮียอยากเห็นตอนที่ชุดมันหลุดออกจากตัวของพราวไง” ภาพที่ชุดตัวบางกำลังร่วงหล่นลงไปจนเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าปลุกเร้าอารมณ์ของติณณภพได้เป็นอย่างมาก และมันมากกว่าการถอดแบบธรรมดาเสียอีก ซึ่งเพียงพราวเองถ้าดูจากช่วงล่างของเขาตอนนี้ก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเขามีอารมณ์มากขนาดไหน“ถ้าอยากได้ลูกสาวก็ต้องแลกหน่อย”“เฮียอยากมีลูกสาวเหรอคะ”“เปล่า มีหลานผู้หญิงคนแรกแม่จะได้หลงแล้วเอาสมบัติให้” ติณณภพพูดหยอกล้อทำให้โดนเพียงพราวหยิกไปหนึ่งทีกับความคิดชั่วร







