Home / โรแมนติก / พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี / บทที่ 5 งานแต่งที่ไม่ลงรอย

Share

บทที่ 5 งานแต่งที่ไม่ลงรอย

last update Last Updated: 2025-11-02 02:13:51

“การแต่งงานจะเป็นประโยชน์ในการขยายธุรกิจนำเข้าของเราครับ” เสียงของลูกชายคนโตทำให้อาภัสราต้องวางมือจากสิ่งของตรงหน้า เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ โดยที่ไม่ยอมหันหน้ากลับไปมองลูกชาย เพราะคำพูดของติณณภพดูเหมือนจะมาปกป้องอีกคนเสียมากกว่าเป็นการอธิบาย

“ครอบครัวของเพียงพราวร่ำรวยมาจากการนำเข้าส่งออกสินค้ามาหลายสิบปี และมีอิทธิพลในด้านธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศพอสมควร ทุกคนต่างก็เกรงใจคุณจารุเดช หลายการนำเข้ายังต้องไปขอให้พ่อของเพียงพราวช่วยจัดการให้ ถ้าเราสองคนแต่งงานกันจะยิ่งทำให้ธุรกิจใหม่ของเรามั่นคงขึ้นและตัดคู่แข่งไปได้”

“ติณแน่ใจใช่ไหมว่าเราจะได้มากกว่าเสีย” คราวนี้อาภัสราหันมาสบตากับคนด้านหลังตรง ๆ เพราะเธอเองไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนั้นเลย

ในรุ่นพ่อธุรกิจของบริษัทSPJ ถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นที่ไว้วางใจเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้ที่ลูกสาวของเขาได้มาบริหารงานแทนก็ไม่รู้เลยว่าเธอจะทำได้ดีมากแค่ไหน แถมตอนนี้เพียงพราวเองก็ยังมีข่าวเสียหายมาให้ได้ยินอยู่หนาหูตั้งแต่กลับมาที่เมืองไทยอีกต่างหาก

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ “กมลทิพย์” แม่ที่เพียงพราวเทิดทูนมากที่สุดรองจากพ่อของเธอ และเป็นผู้หญิงที่ไม่ถูกกับอาภัสรายิ่งกว่าใคร แต่มันน่าหงุดหงิดตรงที่ทุกคนยังคงมองว่าเธอเป็นคนดีที่รักและเสียสละเพื่อครอบครัวอยู่ หึ...คนที่มีนิสัยแบบนั้นน่ะหรือจะยอมเสียสละเพื่อใคร หากจะให้เดา ข่าวลือเสียๆ หายๆ ของเพียงพราวทั้งหมดก็คงจะไม่พ้นจากการเลี้ยงดูของกมลทิพย์อย่างแน่นอน

จารุเดชเป็นคนดีเรื่องนี้เธอไม่เถียง แต่สำหรับภรรยาของเขา อาภัสราไม่ขอยุ่งด้วย ตั้งแต่งานเลี้ยงของโรงแรมที่ผู้หญิงคนนั้นมาร่วมงานเมื่อสองปีก่อน หลังจากนั้นทั้งคู่ต่างก็มีเรื่องบาดหมางกันมาอยู่ตลอดจนทุกคนต่างรับรู้ในความไม่ค่อยจะลงรอยกันของทั้งคู่...แต่ใครจะไปคิดว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองจะไปอยากเกี่ยวดองกับคนแบบนั้น ยิ่งคิดมันก็อดที่จะคับแค้นใจไม่ได้ที่ต้องเอาเงินทองน้ำพักน้ำแรงของตัวเองไปให้ผู้หญิงบ้านนั้นได้ใช้อย่างสุขสบาย ถึงเงินนั้นจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวในทรัพย์สินทั้งหมดของเธอ แต่มันก็ทำให้อาภัสรารู้สึกเสียศักดิ์ศรีไม่น้อย

ป่านนี้กมลทิพย์และเด็กผู้หญิงคนนั้นคงจะต้องหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่ ที่อุตส่าห์ถีบตัวเองเพื่อเข้ามาในบ้านของเธอได้ แถมติณณภพยังให้คำมั่นต่อหน้าทุกคนอย่างดิบดีว่าจะจัดงานแต่งให้สมเกียรติที่สุดกับความรักของทั้งคู่

“ติณกับผู้หญิงคนนั้นคบกันมานานแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ? ไม่ได้โกหกแม่ใช่ไหม?” อาภัสราถอนหายใจอีกครั้งอย่างปลงตก เมื่อติณณภพกับภูวนาถได้ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาเธอไปแล้ว

“ครับ…”

“รู้จักนิสัยกันดีพอหรือยัง? แล้วทำไมถึงไม่เคยบอกแม่เรื่องนี้เลย” เธอถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงปนไม่พอใจ

“ผมไม่อยากให้แม่ต้องไม่สบายใจ”

“แล้วคิดว่าการมาประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบแบบนี้แม่จะสบายใจงั้นหรือไง! เขาจะคิดว่าลูกไปทำผู้หญิงคนนั้นท้องนะรู้มั้ย คนอื่นเขาจะนินทาว่ายังไง ทำไมถึงได้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้!”

“เราจะขยายธุรกิจกันกลางปีแล้ว ถ้าอยากสร้างความน่าเชื่อถือ ผมคิดว่าระยะเวลาทั้งหมดเหมาะสมแล้วครับ”

“เรื่องที่แม่รับรู้มา จะไม่มีเรื่องไหนที่เสื่อมเสียถึงเรา” คำพูดของเขาเป็นการบอกนัยๆ ว่าพัชรเทพพิพัฒน์จะได้ประโยชน์จากการแต่งงานนี้เท่านั้น ทั้งความเชื่อมั่นในด้านการลงทุนและการเอื้อผลประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้มันจากครอบครัวของเพียงพราว ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองสืบข้อมูลมาดีแล้ว และเพียงพราวก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น แต่เพราะรู้ว่าต่อให้พูดไป อาภัสราก็คงจะไม่เชื่ออยู่ดี ติณณภพเลยเลือกที่จะให้คำมั่นอย่างหนักแน่นอีกครั้งเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจแทน เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่เคยจะทำให้ใครต้องผิดหวังกับการตัดสินใจของตัวเอง และครั้งนี้ก็เช่นกัน

“ต่อจากนี้พ่อคงไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว เพราะลูกสาวของพ่อได้เจอคนดี ๆ ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกับลูกได้” ชายวัยกลางคนบอกกับคู่บ่าวสาวที่ตอนนี้ได้อยู่ในสถานะของสามีและภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว วันเวลาทุกอย่างผ่านไปด้วยความรวดเร็ว แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่จารุเดชมีความสุขเป็นอย่างมาก

ยิ่งนานวันก็เหมือนความรักของเพียงพราวและติณณภพยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่ทุกคนต่างตกใจไม่น้อยกับการเปิดตัวของทั้งคู่ ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก แถมช่วงที่ผ่านมาติณณภพยังคงแวะเวียนมาหาเขาอยู่บ่อยครั้งเพื่อทานอาหารร่วมกัน และส่วนมากชายหนุ่มก็มักจะมีของฝากติดไม้ติดมือที่เป็นอาหารบำรุงสุขภาพมาด้วยเสมอ จนจารุเดชสามารถเห็นถึงความใส่ใจของว่าที่ลูกเขยได้

ถึงเขาจะรู้ว่าติณณภพอาจจะสงสัยเกี่ยวกับอาการป่วยของตัวเองบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่เคยจะเสียมารยาทอยากรู้ในสิ่งที่เขาไม่ต้องการเล่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เช่นเดียวกับที่คนในบ้านของกัลยาภัคไม่เคยปริปากเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะถ้าหากทุกคนรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของประธานใหญ่ที่ทำการบริหารมาหลายสิบปี มันคงจะเกิดปัญหาตามมาไม่น้อย ดังนั้นตอนนี้จารุเดชจึงเลือกที่จะให้เพียงพราวได้ทำการพิสูจน์ตัวเองอย่างอ้อมๆ ในตอนที่เขายังอยู่ ซึ่งเขาก็ยังคงมีหน้าที่บริหารงานใหญ่ๆ เช่นเดิม เพียงแต่การตัดสินใจส่วนมากในตอนนี้จะเป็นของลูกสาวที่เข้ามาช่วยงานแทนเสียมากกว่า ซึ่งเพียงพราวเองก็ทำมันได้ดีเป็นอย่างมาก

“พ่อฝากดูแลพราวด้วยนะติณ”

“ครับ”

“ดูแลพราวดี ๆ นะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะ ส่วนพราวเองก็ต้องเป็นภรรยาที่ดีและเป็นลูกสะใภ้ที่น่ารักให้ผู้ใหญ่เขาเอ็นดู จะได้ไม่มีใครมาว่าลูกของแม่ได้” กมลทิพย์เน้นคำในประโยคสุดท้ายแล้วเหลือบมองสีหน้าที่ไม่พอใจของอาภัสราเล็กน้อย ยิ่งเป็นการจุดชนวนอารมณ์ขุ่นเคืองของอีกคนเข้าไปใหญ่

“ผมไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพนี้”

“ฉันเองก็เหมือนกัน ยอมรับเลยว่าหนูเพียงพราวเป็นลูกสะใภ้ที่ฉันถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกเลยจริง ๆ และลูกชายของฉันเองก็ชอบเธอด้วยเหมือนกัน แบบนี้เราสองคนคงจะได้เป็นคุณปู่กับคุณตาเร็วๆ นี้แน่” สองหนุ่มใหญ่เอ่ยหยอกล้อกันอย่างอารมณ์ดีราวกับในช่วงสมัยวัยรุ่นใหม่ๆ จากรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่าลูกๆ ของตัวเองจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ จนทั้งสองครอบครัวได้เป็นทองแผ่นเดียวกันในที่สุด

“งั้นฉันว่าเราปล่อยให้เด็ก ๆ ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเถอะ นี่ก็ได้ฤกษ์มงคลแล้ว ผู้ใหญ่อย่างเราก็ไปฉลองกันข้างนอกดีกว่านะ” อย่างเช่น การฉลองงานแต่ง หรือการฉลองที่ราคาหุ้นสูงขึ้นมา ภูวนาถคิดแบบนั้น เพราะตั้งแต่ที่ทั้งคู่ได้ประกาศข่าวดีออกมาก็มีแต่เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาทุกวัน แต่ที่เหนือกว่าความสามารถของเพียงพราวที่เป็นที่ชื่นชม ก็คงเป็นความนอบน้อมของหญิงสาวที่สามารถทำให้ทุกคนเอ็นดูได้ไม่ยาก และเขาเองก็หวังว่าเธอจะสามารถทำให้อาภัสราคิดแบบนั้นได้เช่นเดียวกัน

“งั้นพ่อไปก่อนนะพราว”

“พ่อคะ...” เพียงพราวในชุดเจ้าสาวเดินเข้ามาสวมกอดจารุเดชไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่เธอเองก็ไม่สามารถที่จะบอกกับเขาได้ทั้งหมดในตอนนี้ ยกเว้นแต่คำว่า...

“พราวรักพ่อนะคะ” พ่อต้องอยู่กับพราวนานๆ นะ เพราะพราว...ไม่ต้องการจะเสียใครไปอีกแล้ว

ประโยคหลังเพียงพราวได้แต่เอ่ยมันออกมาในใจและส่งผ่านไปทางอ้อมกอดอบอุ่นนั้นแทน เนื่องจากยังคงมีคนอื่นที่ไม่รู้เกี่ยวกับอาการป่วยของจารุเดชอยู่ เธอจึงไม่สามารถที่จะพูดมันออกมาได้ ว่าที่เธอทำทุกอย่างก็เพื่อต้องการให้เขามีความสุขและอยู่ด้วยกันนานๆ เท่านั้น

“พ่อเองก็รักพราวเหมือนกันนะ”

“คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลพราวอย่างดี” ติณณภพที่เห็นแววตาของจารุเดชก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างรู้งานจนอีกคนสามารถยิ้มออกมาได้ เขาเอื้อมมือไปจับที่ต้นแขนเล็กแล้วค่อย ๆ ประคองตัวเพียงพราวออกมาให้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแทน เป็นเหมือนการ “สร้างภาพ” ที่ทำให้ผู้ใหญ่ได้มั่นใจในคำพูดก่อนหน้า

“แม่คะ พราวฝากดูแลพ่อด้วยนะคะ แล้วพราวจะไปหาบ่อยๆ”

เมื่อทั้งสามคนกล่าวอำลากันเสร็จแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งหมดจึงเดินออกจากห้องนอนที่ใช้เป็นห้องหอไป ทำให้บรรยากาศทุกอย่างกลับมาอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

“คงไม่มีใครยินดีหรอกนะคะที่เห็นว่าแม่ของสามีที่จะมาดูแลลูกสาวของตัวเองต่อรู้สึกยังไง และยิ่งเป็นความรู้สึกไม่ชอบหน้าที่ออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วย” กมลทิพย์เดินเข้าไปหาอาภัสราตอนที่เห็นว่าเธออยู่ตามลำพังแล้ว ทำให้คนที่ถูกตำหนิตวัดสายตามองเธอด้วยความไม่พอใจ

“ก็เพราะว่าไม่ยินดีไงคะ ถึงได้แสดงออกแบบนั้น แต่ต่อไปนี้เธอคงไม่ต้องพยายามอย่างหนักอีกแล้ว เพราะสามารถพาตัวเองมาอยู่ในที่ของคนอื่นได้แบบที่เคยทำ..นอกจากกัลยาภัคแล้ว ครอบครัวของฉันคงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของเธอสินะ”

“คุณจะคิดยังไงฉันก็คงจะห้ามคุณไม่ได้หรอกค่ะ แต่ฉันเลี้ยงดูเพียงพราวมาเป็นอย่างดี และที่ฉันทำไปเพราะเห็นว่าเป็นความสุขของเด็กๆ ทั้งสองคน ซึ่งก็หวังว่าคุณจะเห็นแก่ลูกๆ ด้วยเหมือนกัน”

อาภัสรากรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย หากเธอไม่เห็นแก่ลูกชายของตัวเอง กมลทิพย์คงจะไม่มีโอกาสมายืนตรงหน้าเธอพร้อมกับเงินหลายร้อยล้านอย่างนี้ได้หรอก!

“ฉันแค่อยากจะบอกว่าเพียงพราวคือหัวใจของฉัน และถ้าคุณทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีเมื่อไหร่ ฉันก็จะไม่ยอมเหมือนกัน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 7 [END]

    สองปีต่อมา (บ้านพัชรเทพพิพัฒน์) “ตายจริง น่ารักจังเลยหลานย่า ดูสิปากนิดจมูกหน่อยแถมตายังโตเหมือนแม่อีก ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ” อาภัสราที่ตอนนี้กลายเป็นคุณย่าอย่างเต็มตัวเอ่ยชมหลานสาวคนแรกอย่างไม่หยุดปากระหว่างที่กำลังเลือกชุดที่เข้าเซ็ตให้กับ “เพียงขวัญ” ไปด้วย ตั้งแต่ที่รู้ว่ากำลังมีหลานคนแรกจนถึงตอนนี้เธอก็เห่อหลานของตัวเองไม่หยุด จนไม่ว่าจะทำอะไรตอนนี้ต่างมีแค่เด็กหญิงเพียงขวัญเท่านั้นที่เธอจะนึกถึงเพียงขวัญ...ที่แปลว่าของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับพ่อและแม่“ยา~”“ขาว่ายังไงลูก ชอบหมวกสีนี้เหรอคะ?” คนเป็นย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดีเมื่อหลานรักตอบเสียงใสกลับมา ขณะที่ภูวนาถได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยกับความเห่อหลานของภรรยา“เก็บของตัวเองเสร็จหรือยังถึงได้มาวอแวกับหลานอยู่น่ะ” ชายมากวัยอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหนภรรยาของตัวเอง เพราะวันนี้ทั้งครอบครัววางแผนกันว่าจะพาเพียงขวัญไปทะเลครั้งแรกรวมถึงไปพักผ่อนช่วงวันหยุดของครอบครัวด้วยกัน แต่อาภัสรานี่สิ! ห่วงแต่มาเล่นกับหลานจนเขาต้องเป็นคนจัดกระเป๋าให้เธอ แถมยังไปขโมยลูกของลูกชายและลูกสะใภ้มาที่ชั้นล่างก่อนอีก“ก็ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเรากำลังจัดขอ

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 6

    สองเดือนต่อมา“ทำไมหน้าบวมแบบนี้เนี่ย” เพียงพราวมุ่ยหน้าตอนที่กำลังส่องกระจกและเห็นว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มมีการเปลี่ยนไป ช่วงหลังมานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารที่อาภัสราพยายามทำให้เธอกินทุกวันหรือว่าการที่ติณณภพดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษเลยทำให้หญิงสาวดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมหลังจากวันนั้นเพียงพราวก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของแพรไหมอยู่ตลอดเพื่อคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับเธอและลูกที่อยู่ในท้อง หญิงสาวไม่ได้ตามไปหาหรือพยายามพูดคุยให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญใจ แต่เพียงพราวแค่คอยทำหน้าที่ในส่วนของเธอเงียบๆ เช่น การดูแลความปลอดภัยต่างๆ หากแพรไหมต้องอยู่บ้านคนเดียว หรือการให้แพทย์ที่ดีที่สุดในการดูแลเธอกับลูกซึ่งแพรไหมที่รู้ว่าทุกอย่างมาจากอำนาจของติณณภพที่มีเพียงพราวเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีแบบเมื่อก่อน เพราะทุกอย่างที่เพียงพราวทำให้ล้วนจำเป็นต่อเธอและลูกในท้องทั้งหมด จึงทำให้นานวันแพรไหมเริ่มยอมให้เพียงพราวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดก็มีส่วนมาจากเจษที่เป็น ‘คนรัก’ ของแพรไหมในตอนนี้ที่คอยเป็นคนกลางให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันเจษได้เป็นคนมาดูแลแพรไหม

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 5

    หลายวันต่อมา“เดินไหวไหม?” ติณณภพประคองภรรยาสาวขณะที่เธอกำลังเดินเข้าไปในซอยแคบของหมู่บ้านที่ติดทะเลแห่งหนึ่งที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งทันทีที่กลับมาถึงกรุงเทพ เพียงพราวก็ได้ให้คนของเขาสืบข้อมูลเกี่ยวกับแพรไหมในตอนนี้ทันทีว่าเธอมีความเป็นอยู่อย่างไร รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนที่ทั้งคู่จะมาที่จังหวัดนี้เพื่อมาพบกับหญิงสาว“ไม่ต้องมาทำดีกับพราวเลยค่ะ เฮียทำทุกวันเช้าเย็นแบบนี้จะให้พราวเดินปกติได้ยังไง ขนาดพราวพยายามอ้อนวอนแล้วยังฉุดพราวเข้าไปทำในห้องน้ำเลย”ติณณภพหัวเราะให้กับคำพูดน่าสงสารที่เพียงพราวพูดออกมา ท่าทีของเธอตอนนี้คล้ายกับกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอยู่ที่ถูกเขาเอาเปรียบทุกวัน“ก็พราวตกลงกับเฮียเองว่าเราจะมีลูกด้วยกัน เพราะฉะนั้นเฮียก็ต้องเป็นคนทำสิ”“แต่ทำแบบนี้มันเอาเปรียบพราวนะคะ!”สองสามีภรรยาเดินเถียงกันมาตลอดทางตามประสาโดยมีติณณภพที่คอยจับมือกับเพียงพราวไม่ห่าง ก่อนทั้งคู่จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้แห่งหนึ่ง เธอรู้ดีว่าแพรไหมเป็นคนที่มีฐานะปานกลางและไม่ได้ยากจนเท่าไรนักซึ่งทุกอย่างที่ทำให้หญิงสาวมีวันนี้ได้ก็มาจากเงินและสิ่งของที่ติณณภพมอบใ

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 4

    “อยากให้พราวขึ้นให้เหรอ?” เพียงพราวลูบที่ใบหน้าหล่อในตอนที่ติณณภพนั่งลงบนโซฟาโดยมีเธอนั่งทับแก่นกายใหญ่อยู่ด้านบน ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรแต่เขาเลือกที่จะขยับใบหน้าเข้ามาแนบริมฝีปากอีกครั้ง ขณะที่มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามเอวคอดก่อนจะบังคับให้ร่างบางขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ“อาา...ร้อนแรงจังเลยนะ” ติณณภพยอมผละริมฝีปากออกมาเมื่อคนที่นั่งอยู่เริ่มเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เพียงพราวใช้มือดันไปที่แผงอกแกร่งแล้วหมุนควงสะโพกไปด้วย เขาปล่อยให้เธอเป็นคนคุมเกมเองในรอบนี้ และดูเหมือนว่าเพียงพราวเองจะทำได้ดีเป็นอย่างมาก“อีกหน่อยลูกคงมาแย่งเฮียแล้วสินะ” ฝ่ามือหยาบกอบกุมเต้าใหญ่ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนไหวก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปฉกชิมปลายถันอีกครั้ง“ยังไม่ทันมีลูกก็น้อยใจแล้วเหรอคะ” เพียงพราวไม่ได้ถือสาคนหื่นที่ฉวยโอกาสสัมผัสเธออย่างลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวยังคงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจของตัวเอง เช่นเดียวกับเธอที่ขณะนี้ยังคงปรนเปรอว่าที่พ่อของลูกให้มีความสุขเช่นเดียวกันเพียงพราวจัดการผลักร่างกำยำให้ลงไปนอนราบกับโซฟาจากนั้นจึงควบคุมเกมรักครั้งนี้ด้วยตัวเอง ก่อนหญิงสาวจะเชิ

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 3

    “เฮียชอบนะเวลาที่พราวเรียกชื่อเฮียเวลาเสร็จ” คนหื่นยอมผละริมฝีปากออกหลังจากตักตวงน้ำหวานของภรรยาสาวจนหมด สายตาที่เขามองเธอเต็มไปด้วยความรักและความเสน่หาจนเพียงพราวรู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งเรือนร่าง ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าติณณภพกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่แต่เพียงพราวก็ไม่สามารถที่จะห้ามหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองได้เลย ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาล้วนมีผลต่อหัวใจดวงน้อยเป็นอย่างมาก“หยุดแกล้งพราวได้แล้วค่ะ”“ไม่ได้แกล้งแต่ชอบจริงๆ”“วันนี้สดนะ จะทำลูกสาว”“มั่นใจเหรอคะว่าจะได้?”“ก็พ่อกับแม่ตั้งใจขนาดนี้ ยังไงลูกก็คงไม่ใจร้ายกับเราหรอก”เพียงพราวมองท่าทางจริงจังของติณณภพด้วยความเอ็นดู เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวของชายหนุ่มเบาๆ ในจังหวะที่เขาโน้มใบหน้าลงมาหยอกเย้ากับหน้าอกใหญ่ ยอดปทุมถันถูกขบเม้มสลับกับดูดดุนจนคนโดนกระทำเบ้หน้าในบางจังหวะทว่ามันกลับปลุกเร้าอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี“อึก...อย่าดูดแรงค่ะ”“อืม~” ติณณภพไม่ได้สนใจคำห้ามปรามของคนด้านบน เขายังคงหยอกล้อกับร่างกายสาวตามอารมณ์ดิบของตัวเอง ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องเต็มที่ที่สุด! เพื่อให้ได้ในสิ่งที่หวังไว้“อ๊าาาา...ค่อยๆ ดันเข้ามานะคะ...อึก...อื้อ!” นิ้วเรี

  • พอกันทีกับบทภรรยาผู้แสนดี   ตอนพิเศษ 2

    ติณณภพวางตัวของเพียงพราวลงบนพื้นด้วยความแผ่วเบาเมื่อเข้ามาที่ด้านในแล้ว ก่อนจะดันร่างของหญิงสาวให้แนบชิดกับผนังโดยที่ริมฝีปากยังคงบดขยี้กันอย่างดูดดื่มฝ่ามือใหญ่ลูบไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความหลงใหลก่อนที่ชุดนอนสายเดี่ยวจะถูกกระตุกให้ร่วงลงกับพื้นอย่างง่ายดาย“เฮีย! ทำไมต้องกระชากด้วย สายมันขาดหมดแล้ว” เพียงพราวต่อว่าคนป่าเถื่อนในตอนที่เขาฉีกกระชากชุดของเธออย่างแรงจนมันขาดแบบที่ไม่สามารถจะใส่ต่อได้ เธอรู้ว่าเขามีเงินจนสามารถซื้อชุดใหม่มาให้ได้อีกมากมาย แต่ชุดนี้เพียงพราวเพิ่งจะใส่ได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ! ทำไมติณณภพถึงได้เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้“เฮียอยากเห็นตอนที่ชุดมันหลุดออกจากตัวของพราวไง” ภาพที่ชุดตัวบางกำลังร่วงหล่นลงไปจนเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าปลุกเร้าอารมณ์ของติณณภพได้เป็นอย่างมาก และมันมากกว่าการถอดแบบธรรมดาเสียอีก ซึ่งเพียงพราวเองถ้าดูจากช่วงล่างของเขาตอนนี้ก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเขามีอารมณ์มากขนาดไหน“ถ้าอยากได้ลูกสาวก็ต้องแลกหน่อย”“เฮียอยากมีลูกสาวเหรอคะ”“เปล่า มีหลานผู้หญิงคนแรกแม่จะได้หลงแล้วเอาสมบัติให้” ติณณภพพูดหยอกล้อทำให้โดนเพียงพราวหยิกไปหนึ่งทีกับความคิดชั่วร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status