LOGINไม่ได้ขอให้มารัก จะไปมีใครเธอก็ไม่สน ขอแค่เขาทำตาม‘ข้อตกลง’ที่ให้ไว้ก็พอ…แต่ถ้าจะขนาดนี้มันก็เกินไปหน่อยไหม! ในเมื่อเป็นคนที่แสนดีแต่ยังโดนหาเรื่องไม่เลิก งั้นเธอก็จะขอทำตามใจตัวเองบ้างก็แล้วกัน! เพราะทั้งคู่ต่างเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของกันและกัน ระหว่าง "เขา" ที่ทำเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ กับ "เธอ" ที่ทำเพื่อความสบายใจของพ่อตัวเองระหว่างการรักษา 'โรคมะเร็งระยะสุดท้าย' "ฉันต้องการผู้หญิงที่เป็นภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจของฉันได้ ไม่สร้างความวุ่นวายและไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว ถ้าเธอเป็นประโยชน์แบบที่ฉันต้องการ ฉันจะยอมเล่นบทคนรักต่อหน้าพ่อของเธอ" "คุณไม่ต้องกังวล เพราะฉันจะเป็นภรรยาที่แสนดีทุกอย่างแบบที่คุณต้องการ” . . . แต่ใครจะคิดว่านอกจากผลประโยชน์แล้ว การแต่งงานครั้งนี้ยังทำให้เธอได้รู้เรื่องราวบางอย่างที่ถูกปิดบังมาหลายสิบปี "ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" "ต่อให้ฉันไม่เหลืออะไรแล้วอย่างนั้นเหรอคะ?" "ใช่...เพราะสำหรับฉันแล้ว เธอเป็นภรรยาที่ดีที่สุดเสมอ"
View Moreความรู้สึกของการถูกหักหลัง
การสูญเสียทุกสิ่งที่มีค่า ความเจ็บปวดทรมานเจียนตายจนอยากจะหายไปจากโลกนี้ เธอจะต้องได้รับมัน... “ให้ฉันปลอบเธอได้ไหม?” น้ำเสียงทุ้มนิ่งแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยบอกกับหญิงสาวร่างบอบบางที่นั่งอยู่ตรงหน้า บนใบหน้าหวานที่ไร้เครื่องสำอางยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจากการร้องไห้อย่างหนัก เช่นเดียวกับร่างกายของเธอที่ซูบผอมลงเป็นอย่างมากจากเมื่อหนึ่งเดือนก่อน นิ้วหัวแม่มือใหญ่ของชายหนุ่มค่อยๆ ซับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างอ่อนโยน และเป็นความอ่อนโยนแรกที่เขาเคยทำให้กับคนอื่น ‘ซึ่งจะมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ได้รับมัน’ ในขณะที่คนที่นั่งอยู่ค่อยๆ หลับตาลงแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจ เพราะในตอนนี้เธอเองก็ต้องการจะมีคนอยู่เคียงข้างและได้รับการปลอบโยนจากใครสักคนเช่นเดียวกัน ไม่นานสัมผัสอุ่นก็ถูกประทับลงบนริมฝีปากบางด้วยความนุ่มนวลราวกับเป็นการปลอบประโลม เรียวลิ้นสากค่อยๆ ดันเข้ามาด้านในโพรงปากบางแล้วตวัดเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กด้านในอย่างละเมียดละไม เช่นเดียวกับมือของเขาที่ลูบไล้ยังบริเวณเอวคอดขึ้นมาจนถึงช่วงบนเพื่อหลอกล่อให้คนตัวเล็กติดกับและลืมความเสียใจทั้งหมด ก่อนร่างอรชรจะถูกอุ้มขึ้นแล้วพาไปยังเตียงนอนที่เขาและเธอได้ใช้ร่วมกันตั้งแต่วันแรกอย่างทะนุถนอม... @ร้านอาหาร (แปดเดือนก่อน) “ฉันอยากขอให้คุณทำเหมือนว่าเรารักกันต่อหน้าครอบครัวของฉันค่ะ” หญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกที่ดูเซ็กซี่และน่ารักน่าทะนุถนอมในเวลาเดียวกันเปล่งเสียงเอ่ยบอกทำลายความเงียบออกมา ดวงตาสวยใต้ขนตางอนเหลือบมองคนตรงหน้าเป็นระยะราวกับไม่กล้าที่จะสบตา แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคอยสังเกตและประเมินเกี่ยวกับคนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างละเอียดเงียบๆ อยู่ ถึงแม้จะมีเรื่องราวมากมายที่ประเดประดังเข้ามาในช่วงเวลาแบบนี้แต่หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะหาตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองไปด้วย และเขาเองก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน “ตัวเลือก” ที่ค่อนข้างน่าสนใจพอสมควร ติณณภพเป็นลูกชายคนโตของตระกูลดังที่ทำธุรกิจโรงแรมมาหลายสิบปี อีกทั้งตอนนี้เขายังลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเพิ่มเติม แต่นั่นยังไม่น่าสนใจเท่ากับการที่พ่อของติณณภพเคยเป็นรุ่นพี่ของพ่อเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเธอและเขาในตอนนี้ “ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้ประโยชน์อะไรจากการต้องพยายามทำแบบนั้น” ไร้ความอ่อนโยนและความเป็นสุภาพบุรุษจากน้ำเสียงนั้น สาบานเลยว่าถ้าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ทำให้ปวดหัวน้อยที่สุดที่เธอเคยเจอมา เธอจะไม่มีทางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย! หญิงสาวได้แต่ก่นด่าในใจพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อพยายามจะเจรจาข้อตกลงต่อ “การแต่งงานครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณแน่นอนค่ะ” “ดูเธออยากจะแต่งงานกับฉันมากเลยนะ ทั้งๆ ที่ก็เกิดจากผู้ใหญ่เลือกให้ทั้งนั้น...แบบนี้ฉันควรจะตีความว่ายังไงดี?” “มันเป็นเพราะคุณไม่ได้สนใจฉันยังไงคะ” เพราะติณณภพเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยมาตั้งแต่กำเนิดเลยไม่ได้หวังในทรัพย์สมบัติของพ่อเธอที่กำลังป่วยหนัก เขาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องงานของตัวเองเป็นอย่างแรกและเป็นสิ่งสำคัญ ชายหนุ่มจึงไม่ได้เป็นคนฉวยโอกาสและเป็นเสือผู้หญิงที่ล่าแต้มไปทั่ว นั่นเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่สามารถจะหาได้จากผู้ชายคนอื่นหรือคนที่เธอจ้างมาเพื่อแสดงเป็นคนรักปลอม ๆ ได้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โลภมาก และหวังร่างกายของเธอเพื่อใช้ระบายความใคร่เพียงอย่างเดียว “เราอยู่ในฐานะของคนที่กำลังจะใช้ชีวิตร่วมกันนะคะ ถ้ายังมีระยะห่างต่อกันแบบนี้หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พยายามเลย ฉันคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก” “ฉันมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกงานแต่งครั้งนี้ได้นะ เผื่อเธอจะไม่รู้ และที่ฉันยอมมาดูตัวก็เพราะเป็นหน้าที่แค่นั้น” “เธอกับฉันแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม และเธอเองก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธเรื่องนั้น แบบนี้มันจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับเธอได้ยังไง?” “เรื่องแต่งงานฉันไม่ปฏิเสธเพราะเป็นความต้องการของคนที่ฉันรัก แต่ครอบครัวของฉันคงจะสบายใจกว่าถ้าได้เห็นว่าคนที่จะมาเป็นลูกเขยสามารถดูแลลูกสาวของท่านได้ แล้วคุณจะเย็นชากับฉันแบบนี้ต่อหน้าทุกคนจริงๆ เหรอคะ?” “ฉันไม่ชอบอะไรที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และต้องพยายามไปอย่างสูญเปล่า แค่เห็นว่าพ่อของฉันชอบเธอ ก็อย่าคิดว่าจะมาเรียกร้องอะไรก็ได้” “แต่สิ่งที่คุณพยายามมาหลายเดือน ฉันสามารถทำให้มันเป็นของคุณได้นะคะ” ริมฝีปากบางที่เคลือบด้วยลิปสติกตัดสินใจเอ่ยออกไปในจังหวะที่อีกฝ่ายตั้งท่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรู ทำให้ติณณภพหันกลับมามองเธออีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในเรื่องที่หญิงสาวพูดออกมา “คุณกรหลานของคุณเฉลิมชัยเป็นคนรักของเพื่อนฉันเองค่ะ เราเคยเรียนด้วยกันตอนอยู่ที่อเมริกา” “แฟนเพื่อน?” “ค่ะ เพราะฉะนั้นฉันสามารถช่วยคุณเรื่องนั้นได้ เพื่อแลกกับสิ่งที่ฉันขอให้คุณทำตั้งแต่วันนี้จนกว่าเราจะหย่ากัน” “...คุณจะได้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในธุรกิจนำเข้าที่เพิ่งเริ่มทำ และผลประโยชน์ทุกอย่างจากการแต่งงานครั้งนี้ แต่ฉันขอแค่การเล่นละครที่เหมาะสมจากคุณแค่อย่างเดียว” “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โง่สินะ” ติณณภพหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อได้ฟังข้อต่อรองจากคนตรงหน้า ตอนแรกเขาคิดว่าหญิงสาวจะเป็นคนหัวอ่อนที่ยอมทำตามคำสั่งของพ่อแม่อย่างเดียว แต่จากความใจกล้าของเธอเมื่อสักครู่มันก็ทำให้เขาต้องมองเธอเปลี่ยนไป “ฉันไม่ชอบคนที่ทำตัวมีปัญหา...” นิ้วเรียวยาวลูบที่แก้วไวน์ตรงหน้าเล็กน้อยคล้ายกับกำลังให้เวลาเธอได้ตัดสินใจ "ฉันต้องการผู้หญิงที่เป็นภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจของฉันได้ ไม่สร้างความวุ่นวายและไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว ถ้าเธอเป็นประโยชน์แบบที่ฉันต้องการ ฉันจะยอมเล่นบทคนรักต่อหน้าพ่อของเธอ" แปลว่าเธอต้องเป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย และไม่มีปากมีเสียงในเรื่องส่วนตัวของเขาใช่หรือไม่? ถ้าเธอทำแบบนั้น...ทำตัวให้เพรียบพร้อมสมกับเป็นลูกสะใภ้คนโตของตระกูล อยู่ในที่ของตัวเองอย่างรู้สถานะ เขาก็จะยอมทำตามที่เธอต้องการ รวมถึงพ่อของเธอก็จะได้สบายใจในการเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่มีคนคอยดูแล สายตาของติณณภพดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขาได้บอกประโยคเหล่านั้นกับเธอทั้งหมดแล้ว ถึงจะดูเผด็จการแต่เธอไม่สนใจเรื่องพรรณนั้นหรอก! เพราะเรื่องแค่นี้เธอสามารถทำมันได้อย่างสบายมากๆ โดยที่ไม่ต้องฝืนอะไรเลย ทรัพย์สินของเขาเธอก็ไม่อยากได้ เรื่องส่วนตัวก็ไม่อยากยุ่ง จะบริหารธุรกิจจนร่ำรวยหรือล้มละลาย หรือจะไปมีใครสักกี่คนเธอก็ไม่สนใจ ขอแค่เขาทำตามข้อตกลงที่เธอต้องการทุกครั้งก็เพียงพอ เราต่างแลกเปลี่ยนสิ่งที่’ เป็นประโยชน์’ ซึ่งกันและกัน แบบนี้ก็ถือว่าวินๆ ทั้งคู่ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว "คุณไม่ต้องกังวล เพราะฉันจะเป็นภรรยาที่แสนดีทุกอย่าง..แบบที่คุณต้องการ” “ไม่คิดเลยนะว่าเรื่องแค่นี้ จะทำให้เธอยอมแลกทุกอย่างได้” “ความสำคัญในชีวิตของคนเราต่างกันค่ะ ฉันมีธุรกิจจากพ่อให้บริหารต่อ มีเงินที่ใช้จ่ายยังไงก็ไม่หมด แต่สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว ซึ่งฉันก็ได้บอกคุณไปหมดแล้ว” “ถ้าเธอหวังแค่นั้นจริงๆ ฉันก็ไม่ติดอะไร แต่ฉันอยากเลื่อนงานแต่งเข้ามาให้ทันกลางปีนี้ และเพื่อความแนบเนียนของเรื่องทั้งหมด เราจะต้องแถลงข่าวว่าเราสองคนคบหากันมานานแล้วตั้งแต่เธอเรียนอยู่ที่อเมริกา ส่วนเรื่องของคุณเฉลิมชัยถ้าเธอทำให้ฉันได้ก่อนแต่งงาน ฉันจะยอมจ่ายค่าสินสอดที่ไม่ให้เธอต้องน้อยหน้าใครเป็นการตอบแทน”สองปีต่อมา (บ้านพัชรเทพพิพัฒน์) “ตายจริง น่ารักจังเลยหลานย่า ดูสิปากนิดจมูกหน่อยแถมตายังโตเหมือนแม่อีก ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ” อาภัสราที่ตอนนี้กลายเป็นคุณย่าอย่างเต็มตัวเอ่ยชมหลานสาวคนแรกอย่างไม่หยุดปากระหว่างที่กำลังเลือกชุดที่เข้าเซ็ตให้กับ “เพียงขวัญ” ไปด้วย ตั้งแต่ที่รู้ว่ากำลังมีหลานคนแรกจนถึงตอนนี้เธอก็เห่อหลานของตัวเองไม่หยุด จนไม่ว่าจะทำอะไรตอนนี้ต่างมีแค่เด็กหญิงเพียงขวัญเท่านั้นที่เธอจะนึกถึงเพียงขวัญ...ที่แปลว่าของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับพ่อและแม่“ยา~”“ขาว่ายังไงลูก ชอบหมวกสีนี้เหรอคะ?” คนเป็นย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดีเมื่อหลานรักตอบเสียงใสกลับมา ขณะที่ภูวนาถได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยกับความเห่อหลานของภรรยา“เก็บของตัวเองเสร็จหรือยังถึงได้มาวอแวกับหลานอยู่น่ะ” ชายมากวัยอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหนภรรยาของตัวเอง เพราะวันนี้ทั้งครอบครัววางแผนกันว่าจะพาเพียงขวัญไปทะเลครั้งแรกรวมถึงไปพักผ่อนช่วงวันหยุดของครอบครัวด้วยกัน แต่อาภัสรานี่สิ! ห่วงแต่มาเล่นกับหลานจนเขาต้องเป็นคนจัดกระเป๋าให้เธอ แถมยังไปขโมยลูกของลูกชายและลูกสะใภ้มาที่ชั้นล่างก่อนอีก“ก็ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเรากำลังจัดขอ
สองเดือนต่อมา“ทำไมหน้าบวมแบบนี้เนี่ย” เพียงพราวมุ่ยหน้าตอนที่กำลังส่องกระจกและเห็นว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มมีการเปลี่ยนไป ช่วงหลังมานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารที่อาภัสราพยายามทำให้เธอกินทุกวันหรือว่าการที่ติณณภพดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษเลยทำให้หญิงสาวดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมหลังจากวันนั้นเพียงพราวก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของแพรไหมอยู่ตลอดเพื่อคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับเธอและลูกที่อยู่ในท้อง หญิงสาวไม่ได้ตามไปหาหรือพยายามพูดคุยให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญใจ แต่เพียงพราวแค่คอยทำหน้าที่ในส่วนของเธอเงียบๆ เช่น การดูแลความปลอดภัยต่างๆ หากแพรไหมต้องอยู่บ้านคนเดียว หรือการให้แพทย์ที่ดีที่สุดในการดูแลเธอกับลูกซึ่งแพรไหมที่รู้ว่าทุกอย่างมาจากอำนาจของติณณภพที่มีเพียงพราวเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีแบบเมื่อก่อน เพราะทุกอย่างที่เพียงพราวทำให้ล้วนจำเป็นต่อเธอและลูกในท้องทั้งหมด จึงทำให้นานวันแพรไหมเริ่มยอมให้เพียงพราวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดก็มีส่วนมาจากเจษที่เป็น ‘คนรัก’ ของแพรไหมในตอนนี้ที่คอยเป็นคนกลางให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันเจษได้เป็นคนมาดูแลแพรไหม
หลายวันต่อมา“เดินไหวไหม?” ติณณภพประคองภรรยาสาวขณะที่เธอกำลังเดินเข้าไปในซอยแคบของหมู่บ้านที่ติดทะเลแห่งหนึ่งที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งทันทีที่กลับมาถึงกรุงเทพ เพียงพราวก็ได้ให้คนของเขาสืบข้อมูลเกี่ยวกับแพรไหมในตอนนี้ทันทีว่าเธอมีความเป็นอยู่อย่างไร รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนที่ทั้งคู่จะมาที่จังหวัดนี้เพื่อมาพบกับหญิงสาว“ไม่ต้องมาทำดีกับพราวเลยค่ะ เฮียทำทุกวันเช้าเย็นแบบนี้จะให้พราวเดินปกติได้ยังไง ขนาดพราวพยายามอ้อนวอนแล้วยังฉุดพราวเข้าไปทำในห้องน้ำเลย”ติณณภพหัวเราะให้กับคำพูดน่าสงสารที่เพียงพราวพูดออกมา ท่าทีของเธอตอนนี้คล้ายกับกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอยู่ที่ถูกเขาเอาเปรียบทุกวัน“ก็พราวตกลงกับเฮียเองว่าเราจะมีลูกด้วยกัน เพราะฉะนั้นเฮียก็ต้องเป็นคนทำสิ”“แต่ทำแบบนี้มันเอาเปรียบพราวนะคะ!”สองสามีภรรยาเดินเถียงกันมาตลอดทางตามประสาโดยมีติณณภพที่คอยจับมือกับเพียงพราวไม่ห่าง ก่อนทั้งคู่จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้แห่งหนึ่ง เธอรู้ดีว่าแพรไหมเป็นคนที่มีฐานะปานกลางและไม่ได้ยากจนเท่าไรนักซึ่งทุกอย่างที่ทำให้หญิงสาวมีวันนี้ได้ก็มาจากเงินและสิ่งของที่ติณณภพมอบใ
“อยากให้พราวขึ้นให้เหรอ?” เพียงพราวลูบที่ใบหน้าหล่อในตอนที่ติณณภพนั่งลงบนโซฟาโดยมีเธอนั่งทับแก่นกายใหญ่อยู่ด้านบน ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรแต่เขาเลือกที่จะขยับใบหน้าเข้ามาแนบริมฝีปากอีกครั้ง ขณะที่มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามเอวคอดก่อนจะบังคับให้ร่างบางขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ“อาา...ร้อนแรงจังเลยนะ” ติณณภพยอมผละริมฝีปากออกมาเมื่อคนที่นั่งอยู่เริ่มเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เพียงพราวใช้มือดันไปที่แผงอกแกร่งแล้วหมุนควงสะโพกไปด้วย เขาปล่อยให้เธอเป็นคนคุมเกมเองในรอบนี้ และดูเหมือนว่าเพียงพราวเองจะทำได้ดีเป็นอย่างมาก“อีกหน่อยลูกคงมาแย่งเฮียแล้วสินะ” ฝ่ามือหยาบกอบกุมเต้าใหญ่ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนไหวก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปฉกชิมปลายถันอีกครั้ง“ยังไม่ทันมีลูกก็น้อยใจแล้วเหรอคะ” เพียงพราวไม่ได้ถือสาคนหื่นที่ฉวยโอกาสสัมผัสเธออย่างลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวยังคงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจของตัวเอง เช่นเดียวกับเธอที่ขณะนี้ยังคงปรนเปรอว่าที่พ่อของลูกให้มีความสุขเช่นเดียวกันเพียงพราวจัดการผลักร่างกำยำให้ลงไปนอนราบกับโซฟาจากนั้นจึงควบคุมเกมรักครั้งนี้ด้วยตัวเอง ก่อนหญิงสาวจะเชิ
“เฮียชอบนะเวลาที่พราวเรียกชื่อเฮียเวลาเสร็จ” คนหื่นยอมผละริมฝีปากออกหลังจากตักตวงน้ำหวานของภรรยาสาวจนหมด สายตาที่เขามองเธอเต็มไปด้วยความรักและความเสน่หาจนเพียงพราวรู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งเรือนร่าง ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าติณณภพกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่แต่เพียงพราวก็ไม่สามารถที่จะห้ามหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองได้เลย ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาล้วนมีผลต่อหัวใจดวงน้อยเป็นอย่างมาก“หยุดแกล้งพราวได้แล้วค่ะ”“ไม่ได้แกล้งแต่ชอบจริงๆ”“วันนี้สดนะ จะทำลูกสาว”“มั่นใจเหรอคะว่าจะได้?”“ก็พ่อกับแม่ตั้งใจขนาดนี้ ยังไงลูกก็คงไม่ใจร้ายกับเราหรอก”เพียงพราวมองท่าทางจริงจังของติณณภพด้วยความเอ็นดู เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวของชายหนุ่มเบาๆ ในจังหวะที่เขาโน้มใบหน้าลงมาหยอกเย้ากับหน้าอกใหญ่ ยอดปทุมถันถูกขบเม้มสลับกับดูดดุนจนคนโดนกระทำเบ้หน้าในบางจังหวะทว่ามันกลับปลุกเร้าอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี“อึก...อย่าดูดแรงค่ะ”“อืม~” ติณณภพไม่ได้สนใจคำห้ามปรามของคนด้านบน เขายังคงหยอกล้อกับร่างกายสาวตามอารมณ์ดิบของตัวเอง ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องเต็มที่ที่สุด! เพื่อให้ได้ในสิ่งที่หวังไว้“อ๊าาาา...ค่อยๆ ดันเข้ามานะคะ...อึก...อื้อ!” นิ้วเรี
ติณณภพวางตัวของเพียงพราวลงบนพื้นด้วยความแผ่วเบาเมื่อเข้ามาที่ด้านในแล้ว ก่อนจะดันร่างของหญิงสาวให้แนบชิดกับผนังโดยที่ริมฝีปากยังคงบดขยี้กันอย่างดูดดื่มฝ่ามือใหญ่ลูบไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความหลงใหลก่อนที่ชุดนอนสายเดี่ยวจะถูกกระตุกให้ร่วงลงกับพื้นอย่างง่ายดาย“เฮีย! ทำไมต้องกระชากด้วย สายมันขาดหมดแล้ว” เพียงพราวต่อว่าคนป่าเถื่อนในตอนที่เขาฉีกกระชากชุดของเธออย่างแรงจนมันขาดแบบที่ไม่สามารถจะใส่ต่อได้ เธอรู้ว่าเขามีเงินจนสามารถซื้อชุดใหม่มาให้ได้อีกมากมาย แต่ชุดนี้เพียงพราวเพิ่งจะใส่ได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ! ทำไมติณณภพถึงได้เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้“เฮียอยากเห็นตอนที่ชุดมันหลุดออกจากตัวของพราวไง” ภาพที่ชุดตัวบางกำลังร่วงหล่นลงไปจนเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าปลุกเร้าอารมณ์ของติณณภพได้เป็นอย่างมาก และมันมากกว่าการถอดแบบธรรมดาเสียอีก ซึ่งเพียงพราวเองถ้าดูจากช่วงล่างของเขาตอนนี้ก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเขามีอารมณ์มากขนาดไหน“ถ้าอยากได้ลูกสาวก็ต้องแลกหน่อย”“เฮียอยากมีลูกสาวเหรอคะ”“เปล่า มีหลานผู้หญิงคนแรกแม่จะได้หลงแล้วเอาสมบัติให้” ติณณภพพูดหยอกล้อทำให้โดนเพียงพราวหยิกไปหนึ่งทีกับความคิดชั่วร
Comments