เมื่อโทรศัพท์หามารดาเรียบร้อยแล้วณพิชชาตั้งอกตั้งใจดูข่าว จบรายการข่าว พีทษรุทก็เปิดช่องเคเบิ้ลดูรายการกีฬาโปรด สักพักแอบสังเกตเห็นณพิชชาหาวตาปรือแล้วสัปหงก พีทษรุทโอบหญิงสาวมาข้าง ๆ ตัวพร้อมแอบ ดมผมณพิชชาพร้อมกับเอน กายครึ่งนั่งครึ่งนอนบนโซหาตัวยาวเนื้อนุ่ม จนนาฬิกาบอกว่าห้าทุ่มพีทษรุทก็เขย่าตัวณพิชชาแต่หญิงสาวหาได้รู้ตัวไม่ พีทษรุทจึงตัดสินใจอุ้มณพิชชาขึ้นไปชั้นบน
 ‘หนักไม่ใช่เล่นเห็นผอมเพรียวอย่างงี้ก็เหอะ’ พีทษรุทคิดในใจ
 พีทษรุทวางณพิชชาบนเตียงเก่าของนายแม่ ห่มผ้า แล้วนั่งข้างเตียง อีกมือก็ลูบไล้ณพิชชาไปทั่วใบหน้าพร้อมแอบจูบปากณพิชชาบางเบา ณพิชชาร้องอือแล้วตะแคงนอนต่อ พีทษรุทส่ายหัวแล้วเดินไปปิดไฟ พร้อมเดินออกจากห้องนี้ไป ก่อนที่จะหยุดความต้องการที่จะไปนอนเคียงข้างหญิงสาววันนี้ ณพิชชาคงตื่นตระหนกพอสมควรแล้วถ้าทำ แบบที่คิดสงสัยจะกรี๊ดหนักยิ่งกว่าเมื่อเช้า
 เช้าวันใหม่ณพิชชาตื่นมา
 ‘นี่ไม่ใช่บ้านสวนเหรอเนี่ย แล้วนี่ที่ไหนเราขึ้นมานอนได้ไงเนี่ย’ ลุกขึ้นมานั่งสักครู่ก่อนจะลำดับความคิดแล้วเดินเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวแอบได้ยินเสียงอาบน้ำของห้อง ข้าง ๆ หญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าก็เห็นเสื้อผ้าที่พีทษรุทซื้อให้เรียงรายอยู่ในตู้ เต็มไปหมดณพิชชาเลือกแบบที่เรียบ พร้อมกับเกล้าผมให้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น พีทษรุทเงยหน้ามาได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ มาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึง พีทษรุทเลิกคิ้วกับลุคใหม่ของหญิงสาวพร้อมกับขัดใจทรงผมแม่แก่ที่เจ้าตัวพยายามจะสร้างภาพออกมา
 “ คุณแพมขา ทานอะไรดีคะ ข้าวต้มหรือไข่ดาวไส้กรอกคะ”
 แม่ชม้าย เอ่ยถามน้ำเสียงเจือความเอ็นดู
 “ ข้าวต้มดีกว่าค่ะ จะได้อยู่ท้อง” หญิงสาวตอบกลับไป
 “ เจ้านายดื่มแต่กาแฟไม่ดีสำหรับกระเพาะนะคะ อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญนะคะ”
 ณพิชชาตักข้าวต้มแล้วยื่นตรงหน้าให้พีทษรุท แล้วตัวเองตักกินด้วยความอร่อย
 พีทษรุทซึ่งตอนแรกเหมือนจะปฏิเสธ แต่ก็เปลี่ยนใจตักใส่ปาก จากหนึ่งคำสองคำ จนหมดถ้วยไปโดยไม่รู้ตัว
 ทานเสร็จชายหนุ่มก็มายืนรอรถอยู่หน้าบ้าน หญิงสาววิ่งออกมารอตาม ๆ กัน รถจอดเทียบ ชายหนุ่มเปิดประตูออกพร้อมกับเสียงที่คมเข้ม
 “ เชิญ”
 ณพิชชาก้าวเข้าไปนั่งจนลึกสุด พีทษรุทเขยิบตามประกบพร้อมกับวาดแขนไปข้างหลัง ณพิชชาสะดุ้งพร้อมขยับหนีแต่ขยับไปไหนก็ติดไปหมด
 “ เจ้านายคะเขยิบไปหน่อย ดิฉันอึดอัดจัง” ณพิชชาส่งเสียงบ่นเป็นระยะ
 ชายหนุ่มเขยิบออกไปแค่เซ็นหนึ่ง แต่แขนก็วาดไว้ที่เดิม หญิงสาวลอบถอนใจแต่ไม่รู้จะทำอะไรต่อ
 ลุงแช่มแอบลอบมองเจ้านายหนุ่มกับสาวน้อย แล้วอมยิ้มพลางนึกในใจสาวน้อยข้างหลังคงเป็นเจ้านายหญิงของตนในอนาคตอันใกล้นี้
 “ กลางวันนี้ไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมด้วย”
 เจ้านายหนุ่มสั่งเสร็จก็เดินจากไปโดยไม่รับฟังคำตอบของหญิงสาวสักนิด ทำเอาณพิชชาหงุดหงิดในความเอาแต่ใจตัวเองของพีทษรุทไม่น้อย
 “ สวัสดีค่ะพี่ดม” หญิงสาวเอ่ยทักรุ่นพี่หนุ่ม พร้อมกับวางกระเป๋า และเริ่มงานที่คั่งค้างจากเมื่อวาน
 “ เป็นไงบ้าง ยัยแพม ฉันล่ะเป็นห่วงเธอทั้งคืนเลยนะ” รุ่นพี่หนุ่มจีบปากเมาท์ด้วยความเป็นห่วง
 “ ก็ ไม่มีไรนี่คะ ยังไม่มีสัญญาณอะไรแย่ แพมคิดว่าเค้าคงแกล้งแพมสักพักแล้วคงไล่แพมกลับบ้านแทบไม่ทัน” พลางนึกขำเพราะมีแต่คนใกล้ตัวจะทราบว่าสาวน้อยไม่ได้เรียบร้อยเหมือนบุคลิกข้างนอกแต่แอบแสบมิใช่น้อย อาจเป็นเพราะมีพี่ชายที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กจึงออกแก่นแก้วมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวคิดพลางแอบวางแผนอะไรในใจ
 เวลาล่วงเลยผ่านไปชั่วโมงต่อชั่วโมง ประตูห้องท่านประธานก็เปิดออก พร้อมพีทษรุทมาหยุดยืนหน้าโต๊ะณพิชชาที่สาละวนกับจอคอมพิวเตอร์อย่างใจจดจ่อ
 “ไปทานข้าวกันเหอะใกล้เที่ยงแล้วผมหิว เช้านี้ลุยงานรวดเดียวพลังหมดแล้ว”
 พีทษรุทเล่าพลางจ้องมาที่หญิงสาวที่ยังไม่หยุดพิมพ์ข้อความ แล้วไม่สนใจจะมอง เค้าสักนิด พีทษรุทกระแอมทำให้ณพิชชาละสายตาจากหน้าจอ
 “ ขอสิบนาทีนะคะเจ้านาย ฉันต้องส่งงานให้แผนกการตลาดด่วนค่ะ”
 ณพิชชาหันมาพูด แต่ไม่มองหน้าพีทษรุทที่กำลังเปลี่ยนอารมณ์ในอีกไม่กี่วินาทีนี้
 “ นั่งก่อนค่ะเจ้านาย อีกสิบนาที” ณพิชชาพูดพลางมือก็จิ้มแป้นพิมพ์ โดยไม่สนใจพีทษรุทที่ควันออกหูไม่เคยมีใครทำอาการอย่างนี้กับเค้ามาก่อนในชีวิต มีแต่หญิงสาว ตรงหน้าสินะ เลขาหนุ่มเห็นท่าจะไม่ดีก็มาขัดตาทัพ ด้วยว่าอยู่กับพีทษรุทมานานจนรู้อารมณ์ของชายหนุ่มดี
 “ แพมไปเหอะ เดี๋ยวพี่ทำต่อให้อีกนิดเดียวเอง” อุดมส่งสายตาไล่ทางอ้อม หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับ คลิกบันทึกเอกสาร กดเครื่องพักไว้แล้วหันมามองพีทษรุทอย่างเต็มตาพร้อมกับประชดว่า
 “ ไปค่ะเจ้านายก่อนที่คุณจะเป็นลมตายด้วยความหิวซะก่อน” ว่าแล้วก็เดินจากไป ทำเอาเลขาหนุ่มยกมือทาบอก
 “ เดี๋ยวณพิชชา เมื่อกี้คุณพูดแดกดันผมใช่ไหม” พีทษรุทไล่บี้อย่างคนชอบหาเรื่อง
 ณพิชชาถอนหายใจเฮือกแล้วตอบว่า
 “ ฉันจะบังอาจไปแดกดันท่านประธานได้อย่างไรเล่าคะ ท่านอยากให้ดิฉันทำอะไร ก็สั่งมาเลยค่ะ”
 ณพิชชาเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆชัด ๆ
 พีทษรุทหันไปคว้ามือณพิชชาพร้อมกับทั้งจูงทั้งลากจนไปถึงลานจอดรถ พีทษรุทเดินลากณพิชชามาถึงรถสปอร์ตเปิดประทุนคันเดิมที่เค้าขับเมื่อวันก่อน
 “ อ้าวขึ้นสิ รออะไรอยู่” ชายหนุ่มตะโกนมาจากอีกฟากของรถ
 หญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งพร้อมกับทำปากยื่นก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป
 รถมาจอดหน้าโรงแรมห้าดาวชื่อดังแห่งหนึ่ง พีทษรุทเดินเข้าไปห้องอาหารอย่างคุ้นเคยพร้อมกับทั้งลากทั้งจูงณพิชชา ไม่ว่าหญิงสาวพยายามจะบิดมือออกอย่างไรก็ต้านทานทาน แรงมหาศาลของชายหนุ่มไม่ไหว
 “ คุณอยากทานอะไร” พีทษรุทเอ่ยถามขณะที่สายตาก็ไล่เรียงมองไปที่รายการอาหารต่างๆ
 “ คุณเลือกเถอะ อะไรก็ได้ ง่าย ๆ เร็ว ๆ ฉันมีงานคั่งค้างอีกเยอะ” ณพิชชากล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
 พีทษรุทตวัดสายตาขึ้นมองณพิชชา พลางนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ พีทษรุทเลือกอาหารที่คิดว่ามันต้องมีกรรมวิธีนานเป็นพิเศษ ชีวิตเค้าเริ่มมีสีสันตั้งแต่มีณพิชชาก้าวเข้ามาในชีวิต
 “ เจ้านายคะ จริง ๆ ฉันอยากขอรับประทานอาหารที่ฟู๊ดเซ็นเตอร์เหมือนพนักงานทั่วไปน่ะค่ะ ได้ไหมคะ” ณพิชชาเอ่ยถาม
 “ คุณต้องทานเป็นเพื่อนผมทุกมื้อ ก็คุณเสนอตัวมาดูแลความเรียบร้อยเป็นระเบียบในชีวิตผมเอง คุณก็ต้องทำตามคำพูด”ชายหนุ่มเอ่ยเหมือนมีชัยชนะเหนือกว่า
 ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ณพิชชาเริ่มกระสับกระส่าย เพราะงานที่กองบนโต๊ะที่รุ่นพี่ เตรียมไว้ให้มันยังไม่พร่องไปเลยตั้งแต่เช้า หันไปถามพีทษรุทที่เอาแต่อ่านอีเมล์ที่มือถือ อย่างไม่ทุกข์ร้อน
 “ โฮ๊ย อีกนานไหมค้าเจ้านาย ไหนจะกินไหนจะขับรถกลับอีก ไม่ทันแน่ ๆ คราวหลังเราหาทานใกล้ ๆ บริษัทดีกว่านะคะ หรือทานที่บริษัทก็ได้ ฟู๊ดเซ็นเตอร์ก็มีอาหารให้เลือกตั้งมากมาย”
 ณพิชชาบ่นระงมทำเอาพีทษรุทที่วางแผนแกล้งหญิงสาวอดขำปนเอ็นดูไม่ได้
 ผ่านไปอีกยี่สิบนาที สลัดก็ถูกเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย
 ‘โฮ๊ย จะบ่ายโมงแล้ว อาหารจานหลักยังไม่ออกอีก’
 ณพิชชากวักเรียกบริกรพร้อมเอ่ยถาม
 “ อาหารโต๊ะนี้อีกนานไหมคะ ดิฉันรีบค่ะมีงานต้องกลับไปเคลียร์”
 บริกรใช้วิทยุสื่อสารถามไปที่ครัว แล้วตอบกลับมาว่า
 “ อีกประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ”
 บริกร กล่าวตอบอย่างอ่อนน้อม
 “ เจ้านาย ขา ได้ยินไหม อีกตั้งครึ่งชมรับรองฉันทำงานเสร็จไม่ทันที่พี่ดม มอบหมาย แน่ ๆ เป็นเพราะคุณเชียว อาหารกลางวันหาทานง่าย ๆ ที่บริษัทก็ได้ นี่ถ่อมาถึงโรงแรมแม่น้ำ อีกชั่วโมงจะได้กลับไปไหมนี่ ฉันต้องโดนพี่ดมด่าแน่ ๆ”หญิงสาวบ่นยาวทำเอาชายหนุ่มยิ้มขำ
 “ มากับผมคุณจะกลัวอะไร ไม่มีใครกล้าดุคุณหรอกเชื่อผม” พีทษรุทพูดไปพลาง กดตอบอีเมล์ไปพลาง
 “ฉันไม่อยากมีอภิสิทธิ์เกินพนักงานคนอื่นเข้าใจไหมคะเจ้านาย ดิฉันไม่อยากโดนนินทาว่าเอาเปรียบเพื่อนพนักงานคนอื่น”
 หญิงสาว ยังคงบ่นไม่เลิก
 ระหว่างนั้นหญิงสาวก็ส่งแมสเสจบอกรุ่นพี่หนุ่ม
 ‘พี่ดมแพมคงกลับช้าสักนิดเจ้านายลากมาไกลจากบริษัทค่อนข้างมาก ขอโทษนะคะ’
 แล้วกดส่ง อีกสักพักก็ได้รับคำตอบจากอุดมมาว่า
 ‘ ได้ สบายมากไม่ต้องห่วง’ หญิงสาวได้รับแมสเสจแล้วค่อยหายใจสะดวกขึ้น
 อีกสักพักอาหารก็ถูกเสิร์ฟ ‘อืม หอมจัง’ หญิงสาวลงมือทานพร้อมกับลอบมองเจ้านายหนุ่มที่ดูท่าทางคงหิวจัด
 ผ่านไปสามวันในอาณาจักรอาณาวรรตด้วยความราบรื่นพอสมควร ณพิชชาปรับตัวเข้าไปทุกคนในบ้านจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน เพราะหลังเลิกงานณพิชชาจะเข้าไปขลุกอยู่ในครัวกับป้าชม้ายกับเด็กสาว แล้วพีทษรุทก็จะได้ยินเสียงหัวเราะประสานออกมาเป็นระยะๆ แต่เมื่อใดพีทษรุทก้าวเข้าไปเมียงมองเสียงหัวเราะก็จะหยุด
 “ ณพิชชาคุณได้เตรียมชุดให้ผมหรือยัง พรุ่งนี้ผมมีประชุมสำคัญ”
 พีทษรุทเอ่ยขึ้นถามในขณะที่ณพิชชาที่กำลังหั่นคะน้าเงยหน้ามองแล้วตอบว่า
 “ เดี๋ยวเสร็จจะขึ้นไปดูให้นะคะ” แล้วหันไปสนใจคะน้าตรงหน้าต่อ
 พีทษรุทเดินออกไปเสมือนเป็นบุคคลภายนอก
 ชม้ายเอ่ยกับณพิชชา “ คุณแพมขา ป้าว่าคุณแพมไปจัดการให้คุณพีทเธอเถอะค่ะ มาขลุกกับป้าตั้งแต่เย็นละ อีกเดี๋ยวป้าก็เสร็จแล้วค่ะ” หญิงชรากล่าวแนะนำอย่างผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาก่อน หญิงสาววางมือพร้อมเอ๋ยกับหญิงชราเสียงหวานว่า
 “ คุณป้าคะให้ใครพาแพมไปห้องคุณพีททีสิค้า แพมอยากได้ผู้ช่วยสักคน”
 “ แจ่มไงคะคุณแพม เค้าดูแลเสื้อผ้าคุณพีทอยู่ค่ะ”
 แจ่มยืนยิ้มรอหญิงสาวอยู่แล้ว ณพิชชาจึงเดินตามแจ่มไปอย่างว่าง่าย แจ่มเปิดประตูห้องชายหนุ่ม ทำเอาหญิงสาวตะลึงในความโอ่อ่าและกว้างขวางห้องเค้าคงจะใหญ่กว่าห้องเธอสักห้าหกเท่าละมั้ง เหมือนห้องสามห้องต่อกันห้องข้างๆคงเป็นห้องแต่งตัวอย่างแน่แท้ ณพิชชาเดินตามแจ่มแล้วมองบรรยากาศรอบ ๆ ไปด้วยความใคร่รู้
 “ปกติพี่แจ่มดูแลเสื้อผ้าให้คุณพีทเหรอคะ”