พอก้าวพ้นห้องเจ้านายหนุ่ม หญิงสาวก็ปล่อยโฮจนเลขาหนุ่มรุ่นพี่ตกใจก้าวเข้ามากอดปลอบประโลมหญิงสาวรุ่นน้อง
“ เป็นไร ยัยแพม ถูกไล่ออกเหรอ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปยุ่ง”
หญิงสาวสะอื้นแรง พร้อมส่ายหัว
“ อ้าว ไม่ได้โดนไล่ออกเหรอ แปลก ปกติโดนทุกคนเลยนะ” เลขาหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงงุนงง
“เค้าไม่ไล่ หนูออก แต่ให้ หนูย้าย เข้าไปอยู่ที่บ้านเค้า เพื่อช่วยจัดระเบียบในชีวิต เค้า”
หญิงสาวอธิบายด้วยน้ำเสียงเศร้าปนโกรธไม่หาย
“หา ย้ายไปไหน ย้ายไปคฤหาสถ์อนาวรรตเหรอ โอมายก้อด” เลขาหนุ่มเอามือ ทาบอก
หญิงสาวร้องไห้ไม่หยุด เลขาหนุ่มรุ่นพี่ก็ส่งทิชชู่ให้ไม่ขาดระยะเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที หญิงสาวก็ยังร้องไม่หยุด จนกระทั่งมือถือของหญิงสาวดังขึ้น
“เบอร์ใครเนี่ย ฮัลโหล” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ นี่คุณ ยังไม่กลับไปอีกเหรอ ลุงแช่มมาจอดรถหน้าบริษัทเกือบสิบนาทีแล้ว หมดเวลาร้องไห้แล้วสาวน้อย เก่งให้ตลอดสิ อยากมาจัดระเบียบชีวิตผมไม่ใช่เหรอ ผมยอมให้คุณจัดการด้วยความเต็มใจไง ลงไปได้แล้วหรือคุณจะให้ผมไปเป็นเพื่อน” ชายหนุ่มยังกล่าวคุกคามมาตามสาย
“ ไม่ต้อง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” หญิงสาวตัดบทสนทนาปิดเครื่องไปเลย
“ ไปนะพี่ดม”หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก ลงไปชั้นล่างสุดเจอ ลุงแช่ม เปิดประตูด้านหลังรอด้วยความนอบน้อม หญิงสาวยกมือไหว้
“ ขอบคุณค่า ลุงแช่ม” พร้อมกับน้ำตาไหลพรากด้วยความคิดว่าจะต้องห่างอกแม่ และยายไปอยู่อีกบ้านซึ่งแทบไม่รู้จักเจ้าของบ้านเลยสักนิด พูดกันดี ๆ สักครั้งยังแทบไม่เคย แล้วไหนจะกริยาคุกคามตอนเช้าอีก ทำเอาหญิงสาวว้าวุ่นใจจนรู้สึกปวดหัวแทบระเบิดเช็ดน้ำตาเพราะกลัวแม่กาบสังเกตได้ พร้อมกับหาเหตุผลจะไปบอกให้แม่ฟัง
“ แม่จ๋า แม่กาบแพมกลับมาแล้วจ้า” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ แม่อยู่นี่จ้า” แม่กาบตะโกนออกมาจากในครัว
“ อืม แม่จัดของให้แล้วนะลูก” แม่กาบเอ่ย ออกมาก่อน
“ ของอะไรค้า แม่” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความงุนงง
“ อ้าว ก็เจ้านายลูกเค้าโทรมาขออนุญาตให้ลูกไปทำงานพิเศษที่บ้านท่านชั่วคราวนี่ บอกให้แม่จัดของเตรียมไว้ให้ลูก”
แม่กาบอธิบายเพิ่มเติมน้ำเสียงแม่ดูเหมือนมันธรรมดามาก หญิงสาวน้ำตาร่วงเผาะ เข้ามากอดแม่กาบ
“แม่จ๋า แพมคงคิดถึงแม่มาก”หญิงสาวอ้อนพร้อมกับน้ำเสียงสั่นเครือ
“ โต แล้วนะเรานะ ไม่ใช่เด็กสิบขวบแล้ว คิดถึงก็มาหาสิ หรือไม่ก็โทรมา
สิลูก” แม่กาบพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา พร้อมกับสาละวนทำอาหารให้คุณยายต่อ
“ ไปลา คุณยายหน่อย ไป” แม่กาบกล่าวเสียงนุ่ม
“ ค่ะแม่” ว่าแล้วหญิงสาวก็ไปลาคุณยายที่อายุย่างแปดสิบสี่เข้าปีนี้
“ แพมมาลาไปทำงานพิเศษค่ะยาย” หญิงสาวกราบลา ยายกรวยลูบศีรษะหลานสาวสุดที่รักพร้อมทั้งกอดทั้งหอม หญิงสาวสะอื้นไห้ด้วยความอาลัย
แม่กาบมาส่งหญิงสาวขึ้นรถเบนซ์ด้วยลางสังหรณ์ว่าการจากของลูกสาวครั้งนี้ เหมือนการออกเรือนไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่แล้วก็สะบัดหัว แล้วเดินเข้าครัวไปทำอาหาร เหมือนเดิม
ทางด้านชายหนุ่มได้โทรบอกให้แม่ชม้ายจัดห้องเก่านายแม่ให้หญิงสาว
แม่ชม้ายส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ เมื่อชายหนุ่มบอกว่าจะพาหญิงสาวเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนสักพักโดยไม่บอกเหตุผลทั้งหมด เพียงแค่บอกว่าจะมาดูแลเรื่องชีวิตประจำวัน แต่คิดว่าแม่ชม้าย คงเดาออกไม่ยาก ชายหนุ่มแอบนึกครึ้ม นึกอยากกลับบ้านเดี๋ยวนั้น แต่ กลัวเสียฟอร์ม ว่าไปดักรอหญิงสาวก็เลยเดินไปมาในห้องทำงานด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น
รถคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาในอาณาจักรอนาวรรต ความรู้สึกตอนนี้ของหญิงสาวช่างเงียบเหงาโดดเดี่ยว เหมือนหนูเล็กถูกปล่อยให้อยู่ในถ้ำเสือเพียงตัวเดียว ป้าชม้ายมายืนรอหญิงสาว ณพิชชาก้าวลงจากรถ หญิงชราแอบลอบมอง
‘สงสัยร้องไห้มาอย่างหนักตาบวมเลยแม่คุณของป้า นี่คงโดนเจ้านายหนุ่มซัดอะไรมาแน่ ๆ’
หญิงชราแอบสงสารเพราะรู้จักชายหนุ่มดีว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน แล้วเอาแต่ใจแค่ไหนเนื่องจากเป็นบุตรชายคนเดียวในตระกูลที่ว่าคาบช้อนทองคำมาตั้งแต่เกิด พอเกิดมาทั้งพ่อแม่ก็ตามใจมากเพราะมีลูกคนเดียว ชายหนุ่มจึงมีนิสัยชอบเอาชนะและเอาแต่ใจมาตั้งแต่เกิด
“ไปค่ะคุณแพม ป้าจะพาไปดูห้อง” หญิงชราจูงมือหญิงสาวขึ้นไปชั้นบน
“ นี่ห้องคุณแพมนะคะ ห้องนี้เป็นห้องเก่าของคุณผู้หญิงคนก่อนค้า แม่คุณพีท”
หญิงชราพาชมห้องที่จัดแต่งเรียบหวาน ระเบียงหน้าห้องติดกับสระว่ายน้ำด้านล่างวิวเห็นสวนดอกไม้นานาชนิดด้านหลังบ้านอย่างชัดเจน
“ จริง ๆ ให้หนูไปอยู่รวมกับ ป้าที่เรือนหลังเล็กจะดีกว่าไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยถาม
“ ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าโดนคุณพีทดุ คุณแพมอาบน้ำ ล้างหน้าก่อนก็ได้นะค้า ป้าจะไปเตรียมอาหารอีกชั่วโมงกว่า ๆ ก็ได้เวลาตั้งโต๊ะพอดีป้าขอไปดูความเรียบร้อยก่อนนะค่ะ”
ว่าแล้วหญิงชราก็เดินจากไป
ณพิชชาเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำก็ดีเหมือนกัน เผื่อสมองจะปลอดโปร่งจะได้เตรียมไว้รับมือกับนายยักษ์วัดแจ้ง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแหงนมองนาฬิกาทุ่มตรงพอดี หญิงสาวในชุดอยู่บ้านก็เดินลงไปด้านล่างพร้อมกับเดินตามหากลิ่นอาหาร จนกระทั่งมาเจอห้องกว้างที่มี หญิงชราพร้อมเด็กสาวอีกสามคนกำลังสาละวนจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำ
“ มีอะไรให้แพมช่วยไหมคะ” หญิงสาวขันอาสาพร้อมกับไปยืนข้าง ๆ หญิงชรา
“ ไม่ต้องหรอกค่าทูนหัว เดี๋ยวเสื้อผ้าเหม็นหมด ออกไปนั่งคอยข้างนอกเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณพีทก็กลับแล้ว”
“ แพมอยากช่วยนี่คะ มันเบื่อ” หญิงสาวกล่าวออกไปอย่างเซ็ง ๆ
“ งั้นก็ได้ค่ะ” หญิงชรายกถ้วยหมูบดให้กับหญิงสาว
“ ต้มจืดเต้าหู้ไข่กับแตงกวายัดไส้หมูสับของโปรดคุณพีทค่ะ”หญิงชราอธิบายต่อ
“ แล้วก็มีน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ผัดถั่วฝักยาวพริกแกง ของหวานมีกล้วยบวชชี ทานได้ไหมคะ ต่อไปคุณแพมอยากทานอะไรบอกป้าได้นะคะถ้าป้าพอทำได้ ป้าจะได้ทำให้ค่ะ” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงใจดี
“แพมทานอะไรก็ได้ค่ะ “ แล้วหญิงสาวก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดพร้อมกับเสียงฝีเท้าคงเป็นชายหนุ่ม ชายหนุ่มหายขึ้นไปข้างบนคงไปอาบน้ำเพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่เค้านัดว่า เป็นเวลาอาหารแล้ว
หญิงสาวช่วยจัดเรียงอาหารจนครบห้าอย่างพร้อมกับนั่งรอชายหนุ่ม ทุ่มสามสิบห้าชายหนุ่มก็มานั่งลงตรงหน้า พร้อมเอ่ยปาก
“ ขอโทษที่ทำให้รอ ทานกันเถอะผมหิว เนี่ยเพราะคุณทำให้ผมไม่ได้ทานอาหารกลางวัน”
ชายหนุ่มตักอาหารวางไว้บนจานหญิงสาวพร้อมกับลอบมองหญิงสาวที่ตัวเองแอบหลงรัก พร้อมกับพึมพำในใจ
‘ขอโทษนะจ๊ะที่รักที่ทำให้คุณร้องไห้หนักในวันนี้ ผมพร้อมจะชดใช้ให้คุณ
ทั้งชีวิต’
พีทษรุทตักอาหารรับประทานพร้อมลอบมองใบหน้าของณพิชชาเป็นระยะโดยที่เจ้าตัวไม่สนใจ แม่ชม้ายเห็นแล้วอมยิ้มแล้วเดินแยกออกไปเพื่อให้เจ้านายหนุ่มกับหญิงสาวได้มีเวลาเป็นส่วนตัวตามลำพัง
” เดี๋ยวคุณเข้าไปดูทีวีเป็นเพื่อนผมด้วย” หลังจากทานอาหารผมชอบดูข่าว คุณต้องดูแลผมจนกว่าจะขึ้นนอนเข้าใจไหม”
‘สั่ง ๆๆๆๆ ชีวิตนี้เค้ามีแต่สั่งหรือไง’ แต่หญิงสาวก็ตอบกลับไปว่า
“ เข้าใจแล้วค่ะเจ้านาย”
‘ชีวิตหนูในป่าใหญ่ก็คงเหมือนเราในตอนนี้สินะ’ หญิงสาวคิดกลับไปกลับมาด้วยความว้าวุ่นใจเป็นที่สุด
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จชายหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวตรงหน้า
“ ยังมีเวลาเหลือ ไปเดินย่อยอาหารกันเหอะ ผมคงหิวมากกินซะรู้สึกอึดอัด ผมจะพาคุณชมบ้าน “ พิทษรุททั้งจูงทั้งลากณพิชชาให้เดินตามเค้าไป
เดินอ้อมไปสวนด้านหลัง เห็นบ่อปลาคราฟหลากสีว่ายลอยไปมา ชายหนุ่มหันไปเปิดกล่องสี่เหลี่ยมที่บรรจุอาหารปลาพร้อม เหวี่ยงไปถ้วนทั่วด้วยความเคยชิน หญิงสาวมองอย่างทึ่ง ๆ
‘นักธุรกิจพันล้านมีเวลาเลี้ยงสัตว์ด้วยเหรอเนี่ย’
“ปลาของพ่อผม ท่านตายไปผมเลยเลี้ยงต่อ” ชายหนุ่มกล่าวเรื่อย ๆ เหมือนรู้ใจว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่
แล้วชายหนุ่มก็ก้าวผ่านบ่อปลา ก้าวไปเรื่อย ๆ จนถึงหลังบ้านซึ่งเป็นสวนดอกไม้นานาพรรณ ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย และสดชื่นไม่น้อย
“แม่ผมชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้ ท่านตาย ผมก็ดูแลต่อ ไปนั่งที่ศาลากันเหอะ”
ชายหนุ่มเอ่ยชวน พร้อมกับจูงมือเธอเดินไปที่ศาลากลางสวน พีทษรุทนั่งลงบนศาลาพร้อมกับลากให้ณพิชชานั่งลงใกล้ ๆ
“ผมไม่ได้มานั่งศาลานี้นานแล้ว เป็นปี ๆแล้วมั้ง นึกถึงสมัยเด็ก ทุกอาทิตย์เราจะมานั่งเล่นที่นี่เป็นประจำ” ชายหนุ่มเล่าไปเรื่อยๆ หญิงสาวก็เพลิดเพลินไปด้วย
นั่งไปเงียบ ๆ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ ผ่านไปสักยี่สิบนาที พีทษรุทชวนณพิชชา
“ ไปดูข่าวกันเถอะ”
พีทษรุทก็เดินนำไปห้องสันทนาการชั้นสอง
‘ นี่ละมั้ง ที่เขาเรียกว่าบ้านเศรษฐี มีพร้อมสรรพไปทุกสิ่ง’
หญิงสาวกวาดตาไปรอบ ๆห้องที่จัดเหมือนโรงภาพยนตร์เล็ก ๆ ทีวีจอหนึ่งร้อยยี่สิบกว่านิ้ว พร้อมโซฟาสีดำ แล้วชายหนุ่มก็ลากหญิงสาวไปนั่งข้าง ๆ ดูรายการข่าวด้วยกัน ชายหนุ่มหูฟังข่าว มือหนึ่งจับมือหญิงสาวไว้ไม่ปล่อย อีกมือก็กดโทรศัพท์เช็คข่าวหุ้นตาม สไตล์นักธุรกิจที่ทุกวินาทีมีความหมาย หญิงสาวมองนาฬิกาพร้อมกับคิดถึงแม่กาบ ป่านนี้ ปกติเธอต้องนอนหนุนตักแม่ดูละครกันจนเพลินไปแล้ว ว่าแล้วก็ปลดมือแต่ชายหนุ่มก็ดึงมือหญิงสาวไว้
“ เจ้านายคะ ฉันขอตัวไปโทรหาแม่สักครู่นะคะ” หญิงสาวขออนุญาต
”คุณจะโทรหาแม่หรือโทรหาใคร” น้ำเสียงชวนหาเรื่องอยู่ในที
‘อีตาบ้า พูดกันดี ๆ ได้ไม่เกินชั่วโมงสิน่า’หญิงสาวบ่นอยู่ในหัว หน้างอบอกอารมณ์ หงุดหงิดในที
“ ฉันจะโทรหาแม่ ไม่เชื่อก็แล้วไป”ว่าแล้วหญิงสาวก็สะบัดมือ เตรียมชิ่งออกนอกห้อง
“ ถ้าคุณจะโทรหาแม่ก็โทรในห้องนี้ได้ ผมไม่แอบฟังหรอก ถ้าคุณจะโทรก็โทรตรงนี้”
น้ำเสียงของคนเอาแต่ใจคุกคามอยู่ในที
“ แม่กาบขา หลับหรือยัง คิดถึงแม่จัง” หญิงสาวเบี่ยงตัวพลางกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เจ้าตัวพยายามกระซิบเบาๆ ชายหนุ่มอดขำไม่ได้ หญิงสาวคงไม่รู้ว่าห้องนี้ติดสัญญาณเซอร์ราว ทำให้เสียงมันก้องโดยไม่รู้ตัว
“ แพมสบายดีค่ะ แม่ขาเอาแก้มมาแนบโทรศัพท์ทีสิคะแพมอยากหอมแก้มแม่”
ว่าแล้วเสียงจูบโทรศัพท์ทำเอาชายหนุ่มเงยหน้าจากไอโฟนมองด้วยสายตาเอ็นดูอยู่ลึก ๆ