บ้านบดินทร์นุกูล
และแล้วก็ถึงวันออกเดินทางตามนัดหมายที่ได้นัดกันเอาไว้ นายแพทย์สีหราชหรือหมอสิงห์สูตินารีแพทย์หนุ่มที่อายุอานามจะสามสิบอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะพาแฟนสาวมาแน่นำให้ผู้เป็นพ่อและแม่ได้รู้จักดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าและรีบรุดมาที่หน้าห้องของพี่ชายฝาแฝดด้วยใบหน้าที่พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อถ้ามีคนเบี้ยวนัดในวันนี้
“นี่แกกลัวฉันเบี้ยวนัดขนาดนั้นเลยเหรอ” ศารทูลหรือเสือนายตำรวจหนุ่มปราบปรามยาเสพติดที่มักจะเบี้ยวนัดการพบปะรวมรุ่นอยู่เป็นประจำเอ่ยถามแฝดผู้น้องที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องนอนหลังจากที่เคาะประตูปึงปังปลุกจนเขาต้องตื่นมาเปิดให้ทันทีที่เขาเปิดประตูออกจากห้อง หึ...คงกลัวเขาเบี้ยวทริปไปเที่ยวภูเก็ตครั้งนี้เหมือนที่เขาเคยบอกว่าจะไปร่วมทริปกับเดอะแก็งแต่เบี้ยวนัดทุกครั้งละสินะ
“แหง่ละ แกเบี้ยวมาสี่ห้าครั้งแล้วยังไงครั้งนี้ฉันต้องเอาแกไปด้วยให้ได้ ให้เวลาอาบน้ำครึ่งชั่วโมงเร็วๆ” นายแพทย์สีหราชเอ่ยบอก ให้ตายเถอะไอ้พี่ชายคนนี้เข้าไม่ถึงความตื่นเต้นที่จะได้เจอใครบางคนของเขาไม่ได้หรือไง ถึงได้ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเอาซะเลย
“ที่อยากให้รีบเนี่ยเพราะจะได้ไปหายัยคะนิ้งละสิ ชอบก็บอกๆไปดิวะฉันเห็นแกชอบยัยคะนิ้งตั้งแต่ม.ต้นจนตอนนี้ยังไม่เคยบอกเขาเลย” ศารทูลเอ่ยอย่างเอือมระอา เขารู้ว่าน้องชายชอบเพื่อนสาวในกลุ่มแต่ไม่เคยบอกให้เธอคนนั้นรู้ รู้ก่อนที่เจ้าบ้านี่จะรู้ใจตัวเองเสียอีก แต่ก็นึกรำคาญเช่นกันที่เรียนจบมาก็หลายปีแล้วมันก็ยังไม่ได้สารภาพความในใจเลยสักครั้ง...ถ้ากล้ากว่านี้ไม่ใช่ว่าเขามีหลานไปสามสี่คนแล้วเหรอ
“สะเออะ ไปอาบน้ำเลยไปจะได้กินข้าว แม่กับพ่อและก็หมอทรายรออยู่...อย่า-ชัก-ช้า อืดอาดอยู่ได้” หมอหนุ่มเอ่ยบอกก่อนดันหลังพี่ชายเข้าไปในห้องแล้วมุ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้โดนคนรู้แกวมาล้อกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสองพี่น้องฝาแฝดแห่งบ้านบดินทร์นุกูลก็ปรากฏตัวที่ห้องอาหารของบ้าน ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นสบายๆไม่ติดกระดุมด้านบนกับกางเกงสีเทาของศารทูลเดินลงบันไดมาพร้อมกับสีหราชที่ใส่เหมือนกันแค่เปลี่ยนเป็นเสื้อสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสีขาวทำให้สัตวแพทย์หญิงสิรินทราหรือหมอทรายผู้เป็นน้องสาวถึงกับมองตาเป็นมัน ดูหน้าอกล่ำ ๆ ของคุณพี่ชายทั้งสองของเธอสิ บึกบึนไม่เกรงใจใคร ใส่เสื้อเชิ้ตไม่มีเสื้อตัวในแบบนี้ยิ่งเห็นชัด
“กล้ามก็ใหญ่ อกก็บึกบึน เห็นแล้วใจละลายทั้งพี่เสือพี่สิงห์เลยค่ะ ทำไมหล่อ ๆ แบบนี้เกิดมาเป็นพี่ชายของทรายด้วยเนี่ย...เกิดเป็นสามีไม่ได้รึไง” สิรินทราเอ่ยบอกพร้อมทำหน้าแสนเสียดายพี่ชายของเธอหล่อเหลาเป็นที่ต้องการของตลาดเสียเหลือเกิน...เธอไม่ได้คิดไปเองดาราบางคนยังต้องชิดซ้าย ไหนจะติดโพลTop 5 สองหนุ่มหล่อที่สาวๆอยากกอดมาแล้วทั้งคู่
“อย่าเว่อร์ยัยน้องทราย แก่แดดจริง ๆ เราเนี่ย” ศารทูลเอ่ยปรามน้องสาวที่ออกอาการโอเว่อร์จนเกินเหตุ ไม่น่าเป็นสัตวแพทย์เลยจริง ๆ ยัยคนนี้ ควรไปเป็นนักแสดงมากกว่าโอเว่อร์แอตติ่งกินขาด ไม่รู้รับบทคลั่งรักพี่ชายหรือไง ถึงได้มองพี่ชายสองคนยิ่งกว่าโอปป้าเกาหลี
“แก่แดดที่ไหนน้องยี่สิบหกแล้วไม่ใช่สิบหก โตพอจะพูดเรื่องนี้ได้แล้ว” สิรินทราว่าอย่างมั่นใจว่าตัวเองโตพอก่อนจะโดนสีหราชใช้นิ้วดีดหน้าผากขณะที่เดินไปนั่งยังที่นั่งประจำ
“เจ็บนะพี่สิงห์น้องจะฟ้องพ่อ พ่อขาดูพี่สิงห์สิคะรังแกทรายอ่ะ” สิรินทราไม่ขู่เปล่า ๆ ยังหันมาฟ้องผู้เป็นพ่อจริง ๆ ก่อนจะต้องกินแห้วเมื่อบิดาเข้าข้างพี่ชาย
“ก็เราเถียงพี่ ๆ เค้าก่อนนี่หมอทราย...ไงเจ้าเสือได้ยินว่าเมื่อคืนสาหัสเลยนี่” พลตำรวจโทสัตยาเอ่ยบอกก่อนจะหันไปพูดกับศารทูล เช้านี้เขาได้รับรายงานจากลูกน้องเกี่ยวกับการบุกจับแก็งค้ายาเสพติดเมื่อคืนที่บุตรชายคนโตเป็นหัวหน้าทีมว่าผู้ต้องหามีอาการบาดเจ็บสาหัสหลังจากต่อสู้กับศารทูล เรื่องนี้ไม่หยิบยกมาพูดก่อนที่ลูกชายจะลาพักร้อนเห็นทีจะไม่ได้ “กับคนร้ายน่ะเบา ๆ หน่อย”
“มันกวนตีนผมก่อนนะพ่อ มาหาว่าหน้าหล่อ ๆ แบบนี้คงกระจอกให้ไปเป็นดาราดีกว่าตำรวจ ก็เลยจัดให้มันรู้ว่าผมเหมาะจะเป็นตำรวจไม่ใช่ดารา” ศารทูลเอ่ยบอกอย่างโมโหระดับตัวเด่นในชุดปฏิบัติการพิเศษแบบเขาถูกไอ้ลูกน้องปลายแถวพ่อค้ายาสบประมาทมันสมควรโดนแล้ว
“หล่อแต่โหด เถื่อน ซาดิสม์ สาวๆยิ่งชอบ โอ๊ย พี่ชายของน้อง” สิรินทราเอ่ยขึ้นก่อนจะโดนหล่อแต่โหดใช้ซ้อมป้อนไส้กรอกเข้าเต็มปาก
“แค่ก ๆ”
“กินไปเลยเรานะ แกด้วยสิงห์ ถ้ารีบก็ทำเวลา”
“โหดจริง ๆ อารมณ์เสียอะไรวะ ไม่ดีใจรึไงจะได้เจอคู่ปรับตลอดกาลในรอบหลายปีเชียวนะ” สีหราชเอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบดีว่าเพราะชื่อคู่ปรับนี่แหละพี่ชายจึงอารมณ์เสีย
“หึ แค่นึกถึงก็อารมณ์เสียแล้ว” ศารทูลบ่น หึ...จะไปพักทำใจถึงถิ่นเขาแล้วยังมาว่าเขาอีกยัยเอเลี่ยนนั่น อกหักให้ตายเขาก็ไม่สงสาร ยัยผู้หญิงปากจัดนั่นแฟนทิ้งน่ะสมแล้ว
“เกลียดหนูอลินมาก ๆ ระวังจะได้หนูอลินมาเป็นสะใภ้แม่ล่ะ โบราณยิ่งว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นเคยได้ยินมั้ย” แพทย์หญิงกานต์รวีผู้เป็นแม่แทรกขึ้นด้วยใบหน้าหมั่นไส้
“ไม่มีทางครับแม่ ผมไม่เชื่อคำโบราณอะไรนั่นหรอก” ศารทูลยังคงยืนยันความคิดและคำพูดที่เขาพูดมาแล้วกับใครหลายคนที่บอกว่าคำโบราณเขาว่าไว้ก่อนจะลงมือทานอาหารต่อแต่ประโยคต่อไปของมารดาก็ทำให้เขาถึงกับติดคอ
“แต่แม่ฟันธงได้เลยเรากับหนูอลินนะหนีกันไม่พ้นได้กันชัวร์ หมอกานต์คอนเฟิร์ม หมอกานต์ฟันธง” แพทย์หญิงกานต์รวีเอ่ยพลางทำท่าคล้ายๆหมอดูชื่อดังที่เห็นตามหน้าจอทีวี
“แค่ก ๆ”
“สำลักไปเถอะ แม่มั่นใจ”
“แม่คอยดูผมจะทำให้เห็นว่าแม่แค่หมอเดา มั่วมากไม่มีทางเป็นจริง ผมไม่มีทางเอายัยเอเลี่ยนนั้นเป็นเมียต่อให้โลกนี้เหลือผู้หญิงคนเดียวบนโลกเป็นยัยนั้นผมยอมบวชเป็นพระหรือเป็นเกย์ดีกว่า อิ่มแล้ว...ฉันไปรอที่รถนะไอ้สิงห์รีบๆ” ศารทูลเอ่ยบอกด้วยความโมโหก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ทั้งสามส่ายหน้าอย่างเอือมระอา อะไรกันนักหนานะอริสากับศารทูลเนี่ย ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เบื่อบ้างรึไงกัน
ท่าอากาศยานดอนเมือง
“อลินทางนี้”
เสียงเรียกท่ามกลางฝูงคนที่พลุกพล่านทำให้อริสาที่เดินหากลุ่มเพื่อนอยู่ยกมือขึ้นโบกทักทายก่อนที่จะเดินเข้าไปหาต้นเสียงทันทีด้วยใบหน้าดีใจ
“คิดถึงพวกแกจัง มาให้กอดหน่อย” อริสาเอ่ยบอกก่อนจะเข้าไปสวมกอดแพทย์หญิงสัตวแพทย์ปริมาหรือหมอปริมสัตวแพทย์คนสวยที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดทริปในทุก ๆ ครั้งตามด้วยอารตีหรือครูอุ้มครูสอนนาฏศิลป์สาวสุดเรียบร้อยและอาริตาหรือครูแอ้มครูพละสุดห้าวแฝดผู้พี่ของอารตีจากนั้นจึงโผลเข้าหานลินญาหรือคะนิ้งมัณฑนากรสาวแว่นที่ดูเซ่อซ่าที่สุดของกลุ่มและตบท้ายด้วยการกอดแพนธีรา
“พวกแกสบายดีกันมั้ยโจ เต้ย ป็อบ แบงค์” หลังจากสวมกอดเพื่อนสาวจนพอใจแล้วอริสาก็หันมาถามเพื่อนชายที่ยืนยิ้มอยู่ ซึ่งประกอบไปด้วยบรมรัตน์หรือแบงค์วิศวกรหนุ่มตี๋ลูกชายเจ้าของห้างทอง เตชินทร์หรือเต้ยเจ้าของโรงแรมหรูที่เป็นที่พักในครั้งนี้ของทริปนี้ ปุริมปรัชญ์หรือป๊อบอัยการหนุ่มที่ป๊อบปูล่าไม่ด้อยไปกว่าใครในกลุ่ม และเรืออากาศเอกเจตรินหรือโจทหารอากาศหนุ่มนักบินมาดนิ่งแต่ความจริงไม่นิ่งเวลาอยู่กับเพื่อน
“ก็ดีนะถ้าคุณนายไม่หาเมียให้” บรมรัตน์เป็นคนแรกที่ตอบอริสา แต่ก็เป็นการตอบที่แฝงความเหนื่อยใจเกี่ยวกับเรื่องของตนตามด้วยเตชินทร์ที่ตอบอย่างมั่นใจ
“ฉันก็ดี..แค่ต้องคอยสับรางให้สาวๆ”
“สับราง...เชอะคอยดูจะโดนสับ...นะไอ้เต้ยเจ้าชูนักน่ะ” ปุริมปรัชญ์แทรกขึ้นพร้อมกับใช้สายตามองไปที่เป้ากางเกงของเพื่อนแทนคำบางคำที่เขาเว้นไว้ก่อนที่เจตรินจะเสริมอย่างเห็นด้วย
“นั่นดิวะฉันห่วงหนอนน้อยแกว่ะ ไอ้เต้ย”
“หนอนน้อยเหรองั้นแกก็ลูกหนอนเพิ่งเกิดแหละไอ้โจ” เตชินทร์เอ่ยสวนกลับอย่างโมโห แต่คนที่อายจนหน้าแดงระเรื่อกลับเป็นสาว ๆ ที่ยืนฟังอยู่
คุณครูนาฏศิลป์สาวกระแอมทั้งที่หน้าแดงระเรื่อก่อนจะว่าเข้าให้ “นี่พวกแกพวกเรายืนอยู่นี่ตั้ง6คนเกรงใจกันบ้างหนอนนงหนอนน้อยอะไร”
“เออ โทษ ๆ ลืม ๆ ไปเหอะนะสาว ๆ” เตชินทร์บอกก่อนที่จะค้อนสายตาของอาริตาที่แอบมองมาอย่างพิจารณา ยัยคนนี้ห้าวจนจะเหมือนผู้ชายแต่ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิง จะมามองเป้าเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน
“แฮ้ม...ว่าแต่สองแฝดนรกคงไม่เบี้ยวนะ” อาริตาที่โดนค้อนกระแอบก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่ายังมากันไม่ครบทีมแต่แล้วปริมาก็ร้องกรี๊ดขึ้นให้พอได้ยินกันทำให้ทุกคนต้องหันมองไปมอง
“กรี๊ด!”
“ใครเหยียบหางแกวะปริม” อาริตาถาม ปริมาไม่ตอบแต่ชี้ไม้ชี้มือไปที่ชายหนุ่มสองคนที่เหมือนจะธรรมดาแต่ออร่าไม่ธรรมดา ทุกสายตามองตามปลายนิ้วของปริมาแม้แต่อริสาก็ต้องหันไปมอง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าอาจละลายใจสาวเกือบครึ่งสนามบินที่มองกันเหลียวหลังแต่อริสากลับไม่อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นแน่นอน
“เหอะ...ทำเป็นเท่ น่าหมั่นไส้ ไอ้แมวบ้าเอ้ย”
“มันหนักหัวเธอนักรึไงวะยัยเอเลี่ยนถูกทิ้ง” ศารทูลที่ได้ยินถึงกับต้องตอกกลับ หึ แค่นี้ก็ยืนยันได้แล้วว่ามารดาเขามั่วสิ้นดีการเจอกันครั้งแรกในรอบหลายปียัยคนนี้ยังด่าเขาอยู่เลย สิบชาติก็ดูจะไม่เปลี่ยน
“เรื่องอะไรต้องง้อ” อริสาบอกพร้อมกับทำท่างุนงง ศารทูลหัน ขวับมามองก่อนจะส่งเสียงชิชะขัดใจในลำคอ“ไม่ง้อก็ไม่ง้อ อยากไปหอมแก้มให้รางวัลหรือจะไปจูบหน้าผากให้รางวัลไอ้กล้าก็ไปเลย”“จูบแน่” อริสาตอบกลับก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบริมฝีปากชายหนุ่มที่ยังคงมึนงง มือบางยกขึ้นคล้องคอชายหนุ่มไว้ด้วยและจูบอย่างชำนาญ...ขึ้นมาหน่อยศารทูลทั้งงุนงงและใบ้กินไปชั่วขณะแต่ก็จูบตอบในเวลาต่อมา“ที่บอกจะหอมแก้มสักฟอดหรือดีมาก ๆ เลยนะหมายถึงนายต่างหากเล่าตาทึ่มเอ้ย” หญิงสาวเอ่ยหลังจากที่ผละจูบ “เป็นแมวบ้าสมองสล็อตยังไม่พอยังทึ่มอีก”“ทึ่ม?”“ก็ทึ่มสิ ที่ฉันยิ้มมาตลอดน่ะเพราะนายหึงฉันต่างหากเล่า ตัวเองเคยแกล้งเค้าแบบนี้เหมือนกันจำไม่ได้เหรอ?”“นี่...”“เอาคืนนิดหน่อยเอง”“ยัยเอเลี่ยน ร้ายนักนะ” คนที่ถูกแกล้งให้งอนให้หึงว่าให้เมื่อรู้ความจริงทุกอย่างจากจะงอนให้ง้อตอนนี้เริ่มชักจะงอนจริง ๆ แล้วนะ“ยัยผู้หญิงขี้แกล้ง”
การได้มาดูนักชกขวัญใจทำให้อริสาเอาแต่สนใจบนเวทีตั้งแต่นักมวยหนุ่มยังคงไหว้ครูจนศารทูลได้กลิ่นเน่าของหัวตัวเอง รู้สึกหัวเน่ายังไงไม่รู้สิ ไม่น่าปั้นไอ้เจ้าต้นกล้านี่ให้เก่งเล้ย“ไม่คิดว่าวันนี้เจ้าของค่ายจะมาดูด้วยนะ” น้ำเสียงคล้ายทักทายกันดังขึ้นทำให้ศารทูลต้องละสายตามามองคนทัก“ผมก็มาดูต้นกล้ากับเด็กในค่ายบ่อย เสี่ยไม่เคยเห็นเหรอ?” ชายหนุ่มตอบกลับในเชิงกวนประสาทอีกฝ่ายก่อนจะหันไปดูบนเวที คู่สนทนาไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเจ้าของค่ายมวยของคู่ชกที่ต้นกล้าต้องชกด้วยในวันนี้นั่นเอง“ก็เห็น แต่ระวังวันนี้ต้นกล้าจะถูกกระชากเข็มขัดแชมป์ล่ะเพราะวันนี้เด็กของอั๊วเตรียมตัวมาดี”“ผมมาดูมวยไม่ได้มาฟังใครวิเคราะห์มวย ผลออกมาค่อยว่ากันดีกว่านะเสี่ย”“หึ อวดดี”ศารทูลไม่ว่าอะไรทำเพียงยักไหล่ยิ่งทำให้ถูกมองอย่างไม่ชอบใจ แต่ถามว่าเขาแคร์มั้ย บอกเลยว่าไม่ ไอ้คนชอบเล่นนอกกติกาแบบนี้ทำไมเขาต้องแคร์หลายครั้งที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเล่นตุกติกจนนักชกในค่ายชนะมาแล้วหลายสนามแค่ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ไม่อยาก
“ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว” ในที่สุดสิรานนท์ก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าอย่างคนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ “ผมขอโทษพวกคุณด้วยที่ผมคิดจะทำร้ายชื่อเสียงพวกคุณ ผมเชื่อทุกหลักฐานในวันนี้นอกจากขอโทษแล้วยังขอบคุณด้วยที่ทำให้ผมได้รู้ความจริง”“มันสบายใจขึ้นนะ โล่งมาก ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลยตั้งแต่เริ่มสะสมความโกรธแค้นชิงชัง ผมไม่รู้จะพูดยังไงจริง ๆ” เขาพูดต่อก่อนจะยกมือไหว้ท่านอาทิตย์ “ผมขอโทษครับ ที่ผ่านมาผมคิดร้ายกับท่านมาโดยตลอด คิดจะทำร้ายลูกสาวท่านเพื่อให้ท่านเสียใจผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ”“มันไม่สายไปหรอกนะที่จะเริ่มต้นใหม่และเป็นมิตรต่อกัน” ท่านอาทิตย์บอกก่อนจะเดินมาตบไหล่ “ฉันไม่โกรธหรอก เพราะนายยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด โชคดีแล้วล่ะที่ยังไม่ได้ทำอะไร แต่คนที่ทำก็ต้องได้รับโทษของการกระทำ”ท่านอาทิตย์หมายถึงวิภาวีที่ตอนนี้นอกจากจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทและทำให้เสียชื่อเสียงแล้วยังมีคดีเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคดีเพราะชาวเน็ตช่วยกันขุดคุ้นคนที่ทำร้ายคนอื่นก็ต้องรับกรรมไป ทั้งโดนประณามในโลกออนไลน์และมีคดีความ นอกจากนี
อริสาปล่อยให้นักสืบโซเชียลตามสืบกันเอง เรื่องราวต่อจากนั้นเป็นยังไงอริสาขอไม่รับรู้ขอปล่อยให้เป็นไปตามเวรกรรมของแต่ละคนแม้ดูเหมือนเรื่องจะจบด้วยดีแต่ก็ยังมีเรื่องที่อริสาต้องจบอีกเรื่องนั่นก็คือเรื่องของสิรานนท์และตฤณกันต์เธออยากให้เลิกแล้วต่อกันด้วยดีไม่อยากให้ผูกใจแค้นกันต่อไป ถ้าฝั่งเธอผิดเธอก็จะเป็นฝ่ายขอโทษแทนผู้เป็นพ่อแต่ถ้าไม่ใช่เธอก็จะแก้ไขความเข้าใจผิดให้ทุกอย่างจบลง“เหลือเรื่องสิรานนท์กับตฤณกันต์ เรื่องตรวจDNAยังจะตรวจมั้ย?” สีหราชเอ่ยถามหลังจากที่ดูเหตุการณ์ในโลกโซเชียลว่าควบคุมเรื่องราวได้แล้ว“ไม่ต้องแล้วมั้ง เหมือนสองคนนั้นจะถอดใจแล้วนี่” นลินญาแสดงความคิดเห็น“ได้ไง สิงห์อุตส่าห์เสี่ยงไปเอาเส้นผมนายสิรานนท์มาอย่างยากลำบาก”“คือมันก็ไม่ยากมั้ย ทุกอย่างเป็นไปตามแผนแกเข้าถึงตัวสิรานนท์ได้แบบง่ายมากอะ” อริสาท้วงพ่อคนบอกว่าเสี่ยงอย่างลำบาก ทั้งที่จริง ๆ ทุกอย่างได้มีการวางแผนไว้แล้วตั้งแต่ต้น ตั้งแต่นัดเจอโดยมีศารทูล นลินญาและสีหราชซุ่มดูอยู่ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดคนใดคนนึงจะได้โผล่มา
อริสารอศารทูลอยู่ที่รถไม่ได้เข้าไปเยี่ยมลูกน้องของชายหนุ่มด้วยเพราะไม่อยากให้มีคนถ่ายรูป คงจะมีคนให้พิกัดโรงพยาบาลที่นภิตรารักษาตัวอยู่แล้วต้องมีคนมาจับตาดูแน่ เธอไม่อยากจะเข้าไปให้เป็นเป้าสายตาหรอกนะ รอให้เธอได้เรื่องคนปล่อยข่าวก่อนเถอะ เธอไปโชว์ตัวแน่อริสาไม่คิดจะเช็คสถานการณ์ในโลกออนไลน์แต่เธอก็พอเดาได้ว่าคนอย่างนภิตราไม่มีทางพูดให้ตัวเองดูแย่ มีแต่จะบอกว่าตัวเองถูกกระทำเท่านั้นล่ะ และอาจจะพูดว่าเธอท้องกับตฤณกันต์ด้วยแต่ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ เธอไม่ได้เป็นอย่างที่นภิตราป่าวประกาศ ยังไงซะเธอก็ย่อมคงอยู่ไม่ถูกทำลายง่าย ๆ หรอกศารทูลไปเข้าไปเยี่ยมพิมพ์นาราไม่นานก็กลับออกมาด้วยใบหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ข้อเสียของโลกออนไลน์คือเมื่อมีหนึ่งข่าวโผล่ขึ้นมามันจะต้องมีคนเกาะกระแสสร้างข่าวปลอมขึ้นมา และก็จะมีคนพวกนึงที่ไม่กรองก่อนเชื่อทุกข่าวที่เห็น บางคนอ่านแค่พาดหัวด้วยซ้ำ มันน่ากลัวโลกออนไลน์เนี่ย”“แต่ยังไงทองแท้ก็ยังเป็นทองแท้ หรือนายคิดว่าฉันเป็นทองปลอม?”“ม้าของป๊านาะของแท้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ &ldq
แม้เช้าวันใหม่บรรยากาศในโลกโซเชียลจะยิ่งรุนแรงแต่อริสาก็ยังคงยิ้มแย้มและตอบรับการทานอาการเช้ากับครอบครัวของนลินญาด้วยใบหน้าที่ไร้วี่แววความเศร้าหรือเครียด“คุณแม่คะ พี่นนท์ล่ะคะ?” นปภาเอ่ยถามขึ้นเมื่อทุกคนมานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกันเกือบจะครบแล้ว ความจริงเธออยากจะถามอริสาเรื่องที่เกิดขึ้นแต่พอเห็นอริสายังคงยิ้มแย้มก็พูดไม่ออกจึงต้องเปลี่ยนไปถามเรื่องพี่ชายที่เธอไม่เห็นตั้งแต่เมื่อวาน“เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง เห็นว่าจะไปทำธุระที่ภูเก็ตสักพักน่ะ” คุณแสงรวีตอบ แม้ว่าตัวเธอพอจะรู้ว่าเป็นธุระอะไรแต่ก็ไม่อยากจะพูดออกมา เธอไม่อยากให้พี่น้องต้องระแวงสงสัยกันเพียงเพราะพี่ชายไปเกี่ยวพันกับพ่อค้ายาเสพติด และไม่อยากจะพูดเรื่องนี้“ผมรู้มาว่านายหัวธีระมาที่นี่ในฐานะแขกของคุณสิรานนท์ บางทีอาจจะต้องสอบถามคุณแสงรวี คุณอาอนาคินทร์และตัวคุณสิรานนท์สักหน่อย หวังว่าจะให้ความร่วมมือนะครับ” ราวกับศารทูลรู้ความคิดคนชรากว่าจึงเอ่ยดักขึ้น คนที่พอจะให้ข้อมูลดี ๆ ได้คงมีแต่คุณแสงรวีนี่ล่ะ“เราให้ความร่วมมืออยู่แล้ว” คุณอนาคินทร์