Home / มาเฟีย / พันธะร้ายขังรัก / บทที่ 4 ยื่นคำขาด

Share

บทที่ 4 ยื่นคำขาด

last update Last Updated: 2025-08-25 13:51:17

ปัจจุบัน..

 หลังจากฟังแฟนสาวเล่าจบอลินดาก็มีสีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด จิตใจเหม่อลอยราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง 

ใช่เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็นึกสงสารตัวเองและแฟนสาวที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

 เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนดึงสติตัวเองกลับมา แล้วเอื้อนเอ่ยกับแฟนสาวอย่างตัดพ้อ 

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไม่เธอไม่บอกเค้าเลย ทำไมต้องเก็บความเครียดเอาไว้คนเดียว นี่ถ้าเค้าไม่เค้นเอาคำตอบเธอก็คงปิดไปเรื่อย ๆ ใช่ไหม”

 “เค้าขอโทษ ที่ไม่บอกเพราะเค้าไม่อยากให้เธอเครียดไปด้วยไง อย่างอนเค้าเลยนะ” เห็นสายตาเศร้าและได้ยินคำตัดพ้อของสาวคนรักโยษิตาพลันรู้สึกผิดขึ้นมาทันใด รีบขอโทษยกใหญ่พร้อมกับยื่นมือไปกอบกุมมือคนรักไว้แน่น “อย่างอนเค้าเลยนะที่เค้าทำไปเพราะรักเธอ ไม่อยากให้เธอเครียด”

 “เค้าไม่งอนหรอกแค่น้อยใจนิดหน่อย ทีหลังมีอะไรต้องรีบบอกเลยนะเราเป็นคนรักกันมีอะไรก็ต้องช่วยกันสิ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ” อลินดารีบเปลี่ยนอารมณ์เมื่อเห็นสีหน้าสลดของแฟนสาวลำพังแฟนสาวแบกรับเรื่องที่บ้านมันก็หนักมากแล้วไม่อยากเพิ่มเรื่องไม่สบายใจให้แฟนสาวอีก 

ในเวลานี้เธอต้องจับมือแฟนสาวให้แน่นแล้วคิดแก้ปัญหาต่างหาก

 “ขอบคุณที่ไม่งอนเค้า และอยู่เคียงข้างเค้ามาตลอดนะ” โยษิตาส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้สาวคนรักจากที่เครียด ๆ ก็รู้สึกเบาลงบ้าง อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าไม่ได้สู้คนเดียว แต่ยังมีคนที่รักสู้เคียงข้าง 

ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีอารมณ์ของเธอก็กลับมาหม่นหมองอีกครั้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะเอ่ยกับสาวคนรักอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเศร้า

 “แต่หลังจากนี้เราคงจะใช้ชีวิตกันลำบากมากขึ้น เพราะด้วยนิสัยของแด๊ดแล้วเค้าคิดว่าแด๊ดคงให้คนตามสืบแน่ ๆ ว่าแฟนเค้าเป็นใคร”

 “หรือเราบอกความจริงกับทุกคนดี บอกว่าเรารักกัน” สิ้นเสียงแฟนสาวอลินดาก็โพลงขึ้นมา ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ จึงได้เอ่ยประโยคสิ้นคิดนี้ออกมาทั้งที่รู้เต็มอกว่าทั้งครอบครัวเธอกับแฟนสาวไม่มีทางยอมรับ 

เธอกับแฟนสาวต่างเคยพูดเกริ่น ๆ เรื่องรักร่วมเพศกับครอบครัวแล้วปฏิกิริยาตอบกลับคือทุกคนรับไม่ได้

 “ข้อนี้ไม่ได้แน่ ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าแด๊ดกับพี่แทนโหดขนาดไหน พวกเขามีอำนาจมากพอที่จะทำให้คนคนหนึ่งหายสาบสูญไปได้ตลอดกาลเลยนะ ทุกอย่างมันแย่กว่าที่เธอคิดอีกนะ” 

โยษิตารีบห้ามความคิดสาวคนรักเพราะเธอรู้ถึงผลที่จะตามมาดี ตระกูลของเธอเป็นตระกูลมาเฟียเรื่องอำนาจและอิทธิพลไม่ต้องพูดถึง อย่างที่เธอบอกสาวคนรักไป 

 ยิ่งเรื่องความโหดเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเธอมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนพ่อ และพี่ชายของเธอสามารถฆ่าคนได้เหมือนผักเหมือนปลาเพียงแค่คนคนนั้นขัดผลประโยชน์ หรือทำอะไรให้ไม่พอใจ

 “โอเคเค้าจะไม่บอกใคร เรื่องระหว่างเราจะเป็นความลับตลอดไป แค่เค้าได้อยู่กับเธอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็มีความสุขมากแล้ว” 

อลินดาเข้าใจโดยง่ายเพราะเธอก็พอรู้ถึงความเป็นมาของครอบครัวแฟนสาวอยู่บ้างว่าพ่อของแฟนสาวเป็นมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลของประเทศเลยก็ว่าได้ และพี่ชายของแฟนสาวก็กำลังจะขึ้นมารับตำแหน่งต่อจากผู้เป็นพ่อในอีกไม่นาน

 “ขอบคุณที่เธอเข้าใจเค้า เค้ารักเธอมากนะ” โยษิตาระบายยิ้มให้สาวคนรักบาง ๆ สายตาจ้องมองใบหน้าเรียวด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง 

หลังจากนี้เธอคงแสดงความรักต่อคนรักได้ไม่เต็มที่แล้วเพราะต้องป้องกันไว้ก่อน “หลังจากนี้เราคงแสดงอะไรออกไปมากไม่ได้แล้วเดี๋ยวคนอื่นจะจับพิรุธได้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อน”

 “ไม่เป็นไรหรอกเค้าเข้าใจ ช่วงนี้พวกเราห่าง ๆ กันก่อนก็ได้ จะได้ไม่ต้องเป็นที่จับตามองของคนที่บ้านเธอมากนัก” แน่นอนว่าอลินดาเข้าใจดีพยักหน้ารับคำแฟนสาวอย่างว่าง่ายแม้ในใจจะไม่อยากทำก็ตาม

 ทั้งสองต่างมองสบสายตากันนิ่ง ๆ ส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่ท่วมท้นอยู่ในอก ก่อนอลินดาจะเอ่ยปลอบใจแฟนสาว 

“ถอยครั้งนี้ก็เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเรานะ ปิดมาได้ตั้งเก้าปีปิดต่อไปก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร เราเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ต่อให้เก่งขนาดไหนก็ไม่มีทางรู้ความจริงได้ง่ายขนาดนั้นหรอก ถ้าเราสองคนต่างก็ไม่มีใครปริปากพูดออกไป” 

 “เอาแบบนั้นก็ได้...แต่ว่าเค้าก็ไม่อยากให้มันต้องหลบ ๆ ซ่อน จนเราไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่ดี เอาเป็นว่าแค่มาเจอกันให้น้อยลงหน่อย แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม โอเคไหม?” 

 ทั้งสองตกลงปลงใจกันอยู่สักพักว่าควรจะทำอย่างไรกับปัญหานี้ดี ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าพวกเธอจำเป็นที่จะต้องออกมาเจอกันให้น้อยลงกว่าเดิม เพราะต้องทำให้ที่บ้านของโยษิตาตายใจเสียก่อนว่าเธอไม่ได้มีความสัมผัสที่ลึกซึ้งกับใคร 

ไม่อย่างนั้นอลินดาอาจจะเดือดร้อนเอาได้ อีกอย่างโยษิตาก็จำเป็นที่จะต้องต่อกรกับผู้เป็นพ่อเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานอะไรนั่นก่อน เมื่อไหร่ที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติจึงจะค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง...

 วันนี้เป็นวันที่ทั้งสองร่ำลากันนานกว่าปกติ อาจเป็นเพราะรู้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันแบบนี้อีกสักพักใหญ่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็เข้าใจในเหตุผลดี ต่างฝ่ายก็ต่างเต็มใจที่จะหาทางออกของปัญหานี้ร่วมกัน

 โยษิตากลับมาที่บ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทว่าวินาทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังสวนขึ้นมาจนสามารถดึงความสนใจของเธอได้ในทันที

 “ไปไหนมา?” 

นั่นเป็นเสียงของแทนไท เขายืนกอดอกรอน้องสาวกลับบ้านมาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมง ซึ่งผ่านมาหลายชั่วโมงจนน่าสงสัย แค่ออกไปทานข้าวกับเพื่อน ไม่น่าจะนานได้ถึงขนาดนี้

 “ก็ไปกินข้าวกับเพื่อนไงคะ เมื่อเช้าพี่แทนก็ถามหยกแล้วไม่ใช่รึไง”

 “ที่มากกว่าไปกินข้าวกับเพื่อนน่ะ ไปไหนมาเหรอ?”

 “ก็ไม่มีนี่คะ ไปกินข้าวเฉย ๆ ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นค่ะ” โยษิตายังคงยืนยันคำเดิม แม้ว่าพี่ชายจะตั้งคำถามกลับมาอย่างไม่หยุดหย่อน 

เธอรู้อยู่แก่ใจว่าการที่พี่ชายหันมาสนใจเรื่องของเธอ ต้องเป็นคำสั่งของคนเป็นพ่ออย่างแน่นอน

 “แล้วเพื่อนนี่คนไหน พี่รู้จักหรือเปล่า”

 “ก็อลินไงคะ คนที่หยกเคยพามาที่บ้าน”

 “คนนั้นน่ะเหรอ สนิทกันมากเลยใช่ไหม?” คำถามดังกล่าวทำเอาผู้ฟังถึงกับชะงักงันด้วยกลัวว่าพี่ชายจะรู้ความจริงแล้วเอาไปรายงานพ่อจนเกิดเป็นปัญหาใหญ่เข้า 

เธอกลัวเหลือเกิน...

 “ก็ในระดับหนึ่งแหละค่ะ พี่แทนมีอะไรหรือเปล่าคะปกติไม่เห็นจะสนใจเรื่องเพื่อนหยกเลย ตอนนี้ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้อยากรู้นู่นอย่างรู้นี่ไปหมดเลยล่ะคะ”

 “พี่แค่แปลกใจว่าทำไมหยกถึงกล้าปฏิเสธความต้องการของพ่อได้อย่างเต็มปากเต็มคำขนาดนั้น ทีแรกแค่ปฏิเสธก็ไม่ได้แปลกใจเท่ากับเหตุผลที่หยกบอกไว้หรอกนะ ผู้ชายคนนั้นเป็นใครบอกพี่มาดี ๆ แล้วพี่จะไม่มายุ่มย่ามอะไรกับเราอีก”

 “หยกไม่เชื่อหรอกค่ะว่าถ้าหยอกบอกพี่แทนไปแล้วพี่แทนจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องนี้ หยกไม่อยากให้เขาต้องมาเหนื่อยใจกับบ้านเรา ลำพังแค่หยกคนเดียวก็มากพอแล้วค่ะ” 

โยษิตาเริ่มรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าพี่ชายพยายามจะถามถึงคนรัก เธอจำได้ดีว่าวันนั้นบอกไปอย่างชัดเจนแล้วว่าเมื่อไรที่พร้อมเธอจะบอกเอง ไม่ได้ต้องการให้ใครมาคาดคั้นเอาคำตอบจากของเธอแบบนี้เลย

 ใช่ว่าโยษิตาจะรู้สึกไม่พอใจอยู่คนเดียวมาเฟียหนุ่มเองก็เริ่มไม่สบอารมณ์กับน้องสาวแล้วกับความปากแข็งของเธอ 

เมื่อพูดกันดี ๆ ไม่ได้เขาจึงยื่นคำขาดไปหวังว่าจะใช้ได้ผลกับน้องสาว “งั้นหยกก็เลือกเอาก็แล้วกันนะว่าจะบอกพี่มาดี ๆ หรือว่าจะให้พี่ตามสืบแล้วรู้เรื่องด้วยตัวเอง ถึงวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหยกคงรู้ดี ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้เก็บเอาไปคิด แล้วเลือกให้ได้ว่าจะเอายังไง หวังว่าจะได้คำตอบเร็ว ๆ นี้นะ พี่ไม่อยากเสียเวลารอนาน”

 โยษิตาถึงกับน้ำตาคลอเบ้านึกผิดหวังในตัวคนเป็นพี่ชายยิ่งนักเพราะที่ผ่านมาเขาเป็นคนที่คอยปกป้องเธอมาตลอด ทว่าวันนี้เขากับเป็นที่กำลังจะพังความรักของเธอลงกับมือ

 “พี่แทนใจร้าย!” เธอตะเบ็งเสียงต่อว่าคนเป็นพี่ชายดังลั่น ก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งขึ้นห้องนอนตัวเองไปทิ้งให้คนเป็นพี่ชายอย่างมาเฟียหนุ่มมองตามหลังด้วยความอ่อนใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะร้ายขังรัก   บทที่ 4 ยื่นคำขาด

    ปัจจุบัน.. หลังจากฟังแฟนสาวเล่าจบอลินดาก็มีสีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด จิตใจเหม่อลอยราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง ใช่เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็นึกสงสารตัวเองและแฟนสาวที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนดึงสติตัวเองกลับมา แล้วเอื้อนเอ่ยกับแฟนสาวอย่างตัดพ้อ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไม่เธอไม่บอกเค้าเลย ทำไมต้องเก็บความเครียดเอาไว้คนเดียว นี่ถ้าเค้าไม่เค้นเอาคำตอบเธอก็คงปิดไปเรื่อย ๆ ใช่ไหม” “เค้าขอโทษ ที่ไม่บอกเพราะเค้าไม่อยากให้เธอเครียดไปด้วยไง อย่างอนเค้าเลยนะ” เห็นสายตาเศร้าและได้ยินคำตัดพ้อของสาวคนรักโยษิตาพลันรู้สึกผิดขึ้นมาทันใด รีบขอโทษยกใหญ่พร้อมกับยื่นมือไปกอบกุมมือคนรักไว้แน่น “อย่างอนเค้าเลยนะที่เค้าทำไปเพราะรักเธอ ไม่อยากให้เธอเครียด” “เค้าไม่งอนหรอกแค่น้อยใจนิดหน่อย ทีหลังมีอะไรต้องรีบบอกเลยนะเราเป็นคนรักกันมีอะไรก็ต้องช่วยกันสิ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ” อลินดารีบเปลี่ยนอารมณ์เมื่อเห็นสีหน้าสลดของแฟนสาวลำพังแฟนสาวแบกรับเรื่องที่บ้านมันก็หนักมากแล้วไม่อยากเพิ่มเรื่องไม่สบายใจให้แฟนสาวอีก ในเวลานี้เธอต้องจับมือแฟนสาวใ

  • พันธะร้ายขังรัก   บทที่ 3 บังคับแต่งงาน

    สองวันก่อนหน้านี้... ก๊อก! ก๊อก! “คุณหยกคะ คุณผู้ชายเรียกพบที่ห้องทำงานค่ะบอกว่าให้ไปพบท่านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงสาวใช้ที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้เป็นนายดังขึ้นที่บริเวณหน้าห้องของโยษิตา “ค่ะ เดี๋ยวหยกตามลงไปค่ะ” โยษิตาขานรับ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วรีบออกไปหาพ่อที่ห้องทำงานอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงห้องทำงานของผู้เป็นพ่อเธอก็พบกับแทนไทผู้เป็นพี่ชายนั่งอยู่ด้วยที่โซฟา ส่วนผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียด และอึมครึมกว่าทุกครั้งที่เธอเข้ามาราวกับว่ากำลังมีเรื่องเครียดกันอยู่ยังไงยังงั้น “แด๊ดมีอะไรจะคุยกับหยกเหรอคะถึงได้เรียกพบด่วนขนาดนี้” เธอมองหน้าพี่ชายกับพ่อสลับไปมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามไป ในใจก็ภาวนาขอให้การที่ผู้เป็นพ่อเรียกมาพบในครั้งนี้เป็นเรื่องดี ๆ ไม่ใช่เรื่องร้าย “นั่งลงก่อนสิ” มาคัลมาเฟียรุ่นใหญ่ไม่ได้ตอบคำถามบุตรสาว แต่ส่งสายตาบอกให้เธอมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานแทน ซึ่งโยษิตาทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งลงอย่างว่าง่าย “เมื่อวันก่อนฉันไปเจอเจคมาเขาเป็นมาเฟียเบอร์ต้น ๆ ที่อิตาลี แต่แกคงไม่รู้จักเห็นว่าเขา

  • พันธะร้ายขังรัก   บทที่ 2 คาดคั้น

    ทั้งสองหยอกล้อกันตามประสาคู่รักอยู่พักใหญ่ เมื่ออาหารมาเสิร์ฟอลินดาก็ทานมันอย่างเอร็ดอร่อย ผิดกับโยษิตาที่เอาแต่นั่งมองอาหารที่แฟนสาวตักใส่ในจานให้เธอทานมันไม่ลงจริง ๆ เพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ ซึ่งท่าทางของเธอทำให้คนรักอย่างอลินดาอดสงสัยไม่ได้ รับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากแฟนสาวจึงถามไถ่ไปด้วยความเป็นห่วง“ทำไมเธอไม่กินล่ะ ไม่หิวเหรอหรือมีอะไรรึเปล่าบอกเค้าได้นะ” “อ๋อ เปล่า ๆ แค่เห็นเธอกินแล้วมีความสุขน่ะ เลยลืมกินของตัวเองเลย” โยษิตาเลือกพูดโกหกเพราะไม่อยากทำให้คนรักเครียดไปด้วย ทว่าสีหน้าและแววตาของเธอกลับสวนทางกับคำพูด อลินดาไม่เชื่อคำพูดของแฟนสาวสักนิด เซ็นส์ของเธอมันบอกว่าแฟนสาวไม่ปกติดูจากสีหน้าหม่น ๆ ถึงแม้จะมีรอยยิ้มบาง ๆ เคลือบบนใบหน้าก็ตาม ไหนจะแววตาที่ฉายด้วยความเศร้านั่นอีก “ตอนนี้เธอมีความสุขจริงเหรอ แต่ทำไมเค้าสัมผัสความสุขจากเธอไม่ได้เลย เธอมีอะไรปิดบังเค้าอยู่รึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ” “เค้า..” โยษิตาถึงกับอึกอักเมื่อถูกสายตาคนรักจ้องอย่างคาดคั้นให้โกหกก็คงทำไม่ได้เพราะดูท่าแล้วคนรักคงจะไม่เชื่อเธออุตส่าห์พยายามข่มความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในใจแล้วเชียว

  • พันธะร้ายขังรัก   บทที่ 1 อลินดา

    ภายในห้องนอนใหญ่เผยให้เห็นร่างของ ‘อลิน หรืออลินดา’ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซส์ ก่อนเธอจะค่อย ๆ ลืมตาตื่นในวินาทีต่อมาด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนเธอนอนดึกไปเสียหน่อย แต่ทว่าเช้าวันนี้ดันมีนัดกับใครบางคนเอาไว้ที่ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมือง นั่นจึงทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องตื่นเร็วกว่าปกติ ครั้นตื่นดีแล้วเธอก็รีบตรงดิ่งเข้าไปให้ห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำทันที ใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำสระผมจนเสร็จสรรพ และใช้เวลาในการแต่งตัวอีกเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ ไม่แปลกเลยว่าทำไมเธอถึงต้องตื่นเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นคงจะไปไม่ทันเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายเอาไว้เป็นแน่ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยครบถ้วนแล้วเธอก็เหลือบสายตาไปดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมงครึ่งแล้วเวลาที่นัดแนะกับอีกคนเอาไว้ คือ สิบโมงตรงดูท่าแล้วคงจะได้ไปสายแน่ ๆ เพราะรถราบนท้องถนนไม่เป็นใจแหง ๆ คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องทันที และทันทีที่เปิดประตูออกจากห้องเธอก็เจอเข้ากับอคินคนเป็นน้องชาย เธอไม่คิดจะสนใจเพราะเร่งรีบจะออกไปข้างนอกเพียงเหลือบมองน้องชายเล็กน้อยแล้วสาวเท้าเด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status