สองวันก่อนหน้านี้...
ก๊อก! ก๊อก!
“คุณหยกคะ คุณผู้ชายเรียกพบที่ห้องทำงานค่ะบอกว่าให้ไปพบท่านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงสาวใช้ที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้เป็นนายดังขึ้นที่บริเวณหน้าห้องของโยษิตา
“ค่ะ เดี๋ยวหยกตามลงไปค่ะ” โยษิตาขานรับ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วรีบออกไปหาพ่อที่ห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงห้องทำงานของผู้เป็นพ่อเธอก็พบกับแทนไทผู้เป็นพี่ชายนั่งอยู่ด้วยที่โซฟา ส่วนผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียด และอึมครึมกว่าทุกครั้งที่เธอเข้ามาราวกับว่ากำลังมีเรื่องเครียดกันอยู่ยังไงยังงั้น
“แด๊ดมีอะไรจะคุยกับหยกเหรอคะถึงได้เรียกพบด่วนขนาดนี้” เธอมองหน้าพี่ชายกับพ่อสลับไปมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามไป ในใจก็ภาวนาขอให้การที่ผู้เป็นพ่อเรียกมาพบในครั้งนี้เป็นเรื่องดี ๆ ไม่ใช่เรื่องร้าย
“นั่งลงก่อนสิ” มาคัลมาเฟียรุ่นใหญ่ไม่ได้ตอบคำถามบุตรสาว แต่ส่งสายตาบอกให้เธอมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานแทน ซึ่งโยษิตาทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งลงอย่างว่าง่าย
“เมื่อวันก่อนฉันไปเจอเจคมาเขาเป็นมาเฟียเบอร์ต้น ๆ ที่อิตาลี แต่แกคงไม่รู้จักเห็นว่าเขามีลูกชายด้วยหน้าตาหล่อเหลาเอาเรื่อง แถมยังการศึกษาดี ทำงานเก่งที่สำคัญกำลังขึ้นรับตำแหน่งประมุขของแก็งค์พยัคฆ์ดำในอีกไม่กี่วันถ้าหากได้เขามาร่วมมือกับเราคงดีไม่น้อย”
ทันทีที่บุตรสาวนั่งลงมาคัลก็เริ่มเกริ่นไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปโดยไร้ประโยชน์
ขณะที่คนฟังอย่างโยษิตาขมวดคิ้วเป็นปม สายตาจ้องมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ เธอยังไม่เข้าใจว่าที่ท่านพูดอยู่ตอนนี้กำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่รู้ซึ้งถึงเจตนาของมาคัลได้ในทันทีนั่นก็คือ แทนไท พี่ชายของโยษิตา ทว่าถึงจะรู้เขาก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะรู้นิสัยผู้เป็นพ่อดีทำได้เพียงนั่งดูสถานการณ์ไปเงียบ ๆ
“แล้วพ่อจะมาเล่าให้หยกฟังทำไมคะ ยังไงหยกก็ไม่รู้จักพวกเขาอยู่แล้ว” โยษิตาเอ่ยถามไปทันทีที่ผู้เป็นพ่อพูดจบ เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าท่านต้องการสื่ออะไร
ในขณะที่แทนไทถอนหายใจทิ้งไปไม่รู้กี่ทีเพราะถึงขนาดนี้แล้วน้องสาวกลับยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อปรารถนาอีก
“ฉันต้องการให้แกแต่งกับลูกชายเจค อีกอย่างแกก็เคยเจอกับพี่เขาแล้ว คนที่เข้าไปประคองตอนแกกำลังสะดุดชายกระโปรงตัวเองล้มไงจำได้ไหม คนนั้นแหละเควินลูกชายเจค”
“อะไรนะคะ” สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อโยษิตาถึงกับเบิกตากว้างลุกขึ้นยืนพรวดด้วยตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ผู้เป็นพ่อจะบังคับให้เธอแต่งงานอย่างนั้นเหรอ คำถามนี้ลอยวนอยู่ในโสตประสาทซ้ำ ๆ
“ไม่ค่ะ หยกไม่มีทางแต่งงานกับเขา และไม่ว่าจะกับใครหยกก็จะไม่แต่ง” ครั้นตั้งสติได้เธอก็ปฏิเสธออกไปทันทีโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรสักนิด หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่แต่งเด็ดขาดต่อให้ต้องขัดกับผู้เป็นพ่อก็ตาม
“ทำไม?” แน่นอนว่ามาคัลไม่พอใจกับคำตอบของบุตรสาวมากกดเสียงถามออกไปด้วยสีหน้าแววตาดุดันเชิงบอกให้บุตรสาวรู้ว่ากำลังทำให้เขาไม่พอใจอยู่
“หยกแค่ไม่อยากแต่งกับใครก็แค่นั้นเองค่ะ หยกไม่พร้อม...” โยษิตารู้ว่าผู้เป็นพ่อโกรธแน่ ๆ บอกตามตรงว่ารู้สึกหวั่นใจอยู่เหมือนกันเพราะรู้ดีว่าตอนท่านโกรธน่ากลัวแค่ไหน
แต่ถ้าเธอยอมแล้วความรักระหว่างเธอกับอลินดาล่ะจึงทำใจดีสู้เสือยืนยันคำเดิมว่าไม่แต่งโดยอ้างว่าไม่พร้อมได้แต่หวังว่าผู้เป็นพ่อจะเข้าใจ
“ฉันไม่สนว่าแกพร้อมไม่พร้อมยังไงแกก็ต้องแต่งกับเควิน เพราะฉันกับเจคได้คุยกันแล้วว่าจะให้ลูก ๆ แต่งงานกัน และดูเหมือนเควินเขาจะชอบแกด้วยแต่ง ๆ แล้วอยู่ ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักเอง”
“แด๊ด..” ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับทำให้เธอพูดไม่ออกน้ำตาพลันคลอเบ้าอย่างห้ามไม่ได้ ท่านพูดออกมาได้อย่างง่ายดายว่าแต่ง ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองโดยไม่สนใจถึงความรู้สึกของเธอสักนิด
ที่ผ่านมาเธอเชื่อฟังผู้เป็นพ่อมาตลอดแต่ครั้งนี้เธอยอมไม่ได้จริง ๆ แม้รู้สึกผิดหวังในตัวผู้เป็นพ่อแค่ไหนเธอก็พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้
สูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่เรียกความมั่นใจให้ตัวเองแล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเชิงบอกให้ผู้เป็นพ่อรู้ว่าเธอจะไม่ยอมทำตามคำสั่งท่านเด็ดขาด
“หยกจะไม่มีวันแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ที่หยกไม่ได้รัก นิสัยใจคอเป็นยังไงหยกยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ”
“ความรักมันกินไม่ได้ แกอย่าโลกสวยหน่อยเลย แกเป็นลูกสาวมาเฟียจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จำไว้ว่าผลประโยชน์ต้องมาก่อน”
แต่ดูเหมอนพ่อของเธอจะไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรเลยดึงดันจะให้เธอแต่งงานกับเควินให้ได้ เมื่อจนปัญญาเธอจึงเอ่ยในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะเอ่ยให้คนในครอบครัวรู้ออกไป หวังว่ารู้แบบนี้แล้วผู้เป็นพ่อจะยอมหยุด
“แล้วถ้าหยกบอกว่าหยกมีคนรักอยู่แล้วล่ะคะ แด๊ดยังจะบังคับหยกไหม”
“ใคร ทำไมพี่ไม่เคยรู้มาก่อน” แทนไทที่ฟังสองพ่อลูกคุยกันเงียบ ๆ ถึงกับต้องร่วมวงสนทนาด้วยทันทีที่น้องสาวบอกเหตุผลที่ทำให้เธอแต่งงานคนอื่นไม่ได้ออกมา
มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากทำไมเรื่องน้องสาวมีแฟนเขากับมาคัลถึงไม่เคยรู้เลยทั้งที่คอยให้คนตามสอดส่องพฤติกรรมน้องสาวอยู่ตลอดเพราะมาคัลค่อนข้างหวงบุตรสาวมากไม่ว่าจะทำอะไร หรือสนิทกับใครคนในครอบครัวก็ต้องรับรู้
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็น หรือได้ยินลูกน้องที่คอยตามสอดส่องน้องสาวบอกเลยว่ามีผู้ชายเข้ามาป้วนเปี้ยนกับน้องสาวจะมีก็แต่เพื่อนผู้หญิงที่ชื่อว่าอลินดา ซึ่งน้องสาวของเขาก็เคยพามาเที่ยวที่บ้านแล้ว
“ไว้ถ้าหยกพร้อมจะบอกนะคะ” โยษิตาเลือกไม่ตอบคำถามพี่ชายจะให้เธอบอกได้ยังไงกันว่าแฟนเธอคืออลินดาซึ่งเป็นผู้หญิง
หากพ่อกับพี่ชายรู้เข้าเกรงว่าเรื่องมันจะแย่ลงกว่าเดิมเพราะทั้งสองคงไม่ให้เธอคบกับเพศเดียวกัน เอ่ยกับพี่ชายจบเธอก็หันไปเอ่ยกับผู้เป็นพ่อต่อ “นี่คือเหตุผลที่หยกทำตามความต้องการของแด๊ดไม่ได้ หวังว่าแด๊ดคงเข้าใจ และไม่บังคับหยกให้ทำอะไรแบบนั้นอีกนะคะ”
“ก็ได้ แด๊ดจะไม่บังคับ แต่แกต้องบอกมาก่อนว่าแฟนแกเป็นใคร มาจากไหน และเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” มาคัลทำท่าทีอ่อนลงเหมือนยอมแต่ความจริงต้องการหลอกถามเท่านั้นว่าแฟนบุตรสาวเป็นใครเพื่อที่เขาจะได้กำจัดไปให้พ้นทาง
“แฟนหยกอยู่ต่างประเทศค่ะ ไว้เขากลับไทยเมื่อไรหยกจะพามาไหว้แด๊ดแล้วกันนะคะ ยังไงหยกขอตัวก่อน” โยษิตาพูดโกหกไปเพราะไม่ต้องการให้พ่อกับพี่ชายรู้ว่าแฟนจริง ๆ ของเธอเป็นใคร
ว่าจบก็รีบเดินหนีออกจากห้องทำงานของผู้เป็นพ่อไปทันที กลัวว่าอยู่ต่อไปจะถูกกดดันให้พูดความจริง แล้วสุดท้ายก็ไม่มีใครยอมรับความจริงในสิ่งที่เธอเป็นได้
เธอยังไม่อยากมีปัญหาใหญ่ไปกว่านี้..
“ส่งคนไปตามสืบมาให้แด๊ดหน่อยแทนว่าแฟนของน้องสาวแกเป็นใคร ยิ่งรู้เร็วเท่าไรยิ่งดี” หลังจากบุตรสาวหายหลังไปมาคัลก็หันไปเอ่ยกับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขากำลังจะยกตำแหน่งประมุขของแก็งค์มังกรทองให้ในอีกไม้กี่วันข้างหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับ” แทนไทชายหนุ่มวัยสามสิบพยักหน้ารับคำสั่งของผู้เป็นพ่อด้วยท่าทางนิ่งสงบ สวนทางกลับสมองที่คิดหนักไม่น้อยกับเรื่องที่ได้รับมอบหมาย
คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้ว่าแฟนน้องสาวเป็นใครเพราะน้องสาวปกปิดเรื่องแฟนจากสายตาของลูกน้องที่เขาคอยให้ตามสอดส่องได้อย่างไม่มีพิรุธอะไรเลย แล้วคิดเหรอว่าเธอจะยอมให้ใครล้วงรู้ง่าย ๆ ยิ่งในตอนนี้แล้วด้วยน้องสาวเขาระวังยิ่งกว่าเก่า
ปัจจุบัน.. หลังจากฟังแฟนสาวเล่าจบอลินดาก็มีสีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด จิตใจเหม่อลอยราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง ใช่เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็นึกสงสารตัวเองและแฟนสาวที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนดึงสติตัวเองกลับมา แล้วเอื้อนเอ่ยกับแฟนสาวอย่างตัดพ้อ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไม่เธอไม่บอกเค้าเลย ทำไมต้องเก็บความเครียดเอาไว้คนเดียว นี่ถ้าเค้าไม่เค้นเอาคำตอบเธอก็คงปิดไปเรื่อย ๆ ใช่ไหม” “เค้าขอโทษ ที่ไม่บอกเพราะเค้าไม่อยากให้เธอเครียดไปด้วยไง อย่างอนเค้าเลยนะ” เห็นสายตาเศร้าและได้ยินคำตัดพ้อของสาวคนรักโยษิตาพลันรู้สึกผิดขึ้นมาทันใด รีบขอโทษยกใหญ่พร้อมกับยื่นมือไปกอบกุมมือคนรักไว้แน่น “อย่างอนเค้าเลยนะที่เค้าทำไปเพราะรักเธอ ไม่อยากให้เธอเครียด” “เค้าไม่งอนหรอกแค่น้อยใจนิดหน่อย ทีหลังมีอะไรต้องรีบบอกเลยนะเราเป็นคนรักกันมีอะไรก็ต้องช่วยกันสิ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ” อลินดารีบเปลี่ยนอารมณ์เมื่อเห็นสีหน้าสลดของแฟนสาวลำพังแฟนสาวแบกรับเรื่องที่บ้านมันก็หนักมากแล้วไม่อยากเพิ่มเรื่องไม่สบายใจให้แฟนสาวอีก ในเวลานี้เธอต้องจับมือแฟนสาวใ
สองวันก่อนหน้านี้... ก๊อก! ก๊อก! “คุณหยกคะ คุณผู้ชายเรียกพบที่ห้องทำงานค่ะบอกว่าให้ไปพบท่านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงสาวใช้ที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้เป็นนายดังขึ้นที่บริเวณหน้าห้องของโยษิตา “ค่ะ เดี๋ยวหยกตามลงไปค่ะ” โยษิตาขานรับ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วรีบออกไปหาพ่อที่ห้องทำงานอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงห้องทำงานของผู้เป็นพ่อเธอก็พบกับแทนไทผู้เป็นพี่ชายนั่งอยู่ด้วยที่โซฟา ส่วนผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียด และอึมครึมกว่าทุกครั้งที่เธอเข้ามาราวกับว่ากำลังมีเรื่องเครียดกันอยู่ยังไงยังงั้น “แด๊ดมีอะไรจะคุยกับหยกเหรอคะถึงได้เรียกพบด่วนขนาดนี้” เธอมองหน้าพี่ชายกับพ่อสลับไปมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามไป ในใจก็ภาวนาขอให้การที่ผู้เป็นพ่อเรียกมาพบในครั้งนี้เป็นเรื่องดี ๆ ไม่ใช่เรื่องร้าย “นั่งลงก่อนสิ” มาคัลมาเฟียรุ่นใหญ่ไม่ได้ตอบคำถามบุตรสาว แต่ส่งสายตาบอกให้เธอมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานแทน ซึ่งโยษิตาทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งลงอย่างว่าง่าย “เมื่อวันก่อนฉันไปเจอเจคมาเขาเป็นมาเฟียเบอร์ต้น ๆ ที่อิตาลี แต่แกคงไม่รู้จักเห็นว่าเขา
ทั้งสองหยอกล้อกันตามประสาคู่รักอยู่พักใหญ่ เมื่ออาหารมาเสิร์ฟอลินดาก็ทานมันอย่างเอร็ดอร่อย ผิดกับโยษิตาที่เอาแต่นั่งมองอาหารที่แฟนสาวตักใส่ในจานให้เธอทานมันไม่ลงจริง ๆ เพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ ซึ่งท่าทางของเธอทำให้คนรักอย่างอลินดาอดสงสัยไม่ได้ รับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากแฟนสาวจึงถามไถ่ไปด้วยความเป็นห่วง“ทำไมเธอไม่กินล่ะ ไม่หิวเหรอหรือมีอะไรรึเปล่าบอกเค้าได้นะ” “อ๋อ เปล่า ๆ แค่เห็นเธอกินแล้วมีความสุขน่ะ เลยลืมกินของตัวเองเลย” โยษิตาเลือกพูดโกหกเพราะไม่อยากทำให้คนรักเครียดไปด้วย ทว่าสีหน้าและแววตาของเธอกลับสวนทางกับคำพูด อลินดาไม่เชื่อคำพูดของแฟนสาวสักนิด เซ็นส์ของเธอมันบอกว่าแฟนสาวไม่ปกติดูจากสีหน้าหม่น ๆ ถึงแม้จะมีรอยยิ้มบาง ๆ เคลือบบนใบหน้าก็ตาม ไหนจะแววตาที่ฉายด้วยความเศร้านั่นอีก “ตอนนี้เธอมีความสุขจริงเหรอ แต่ทำไมเค้าสัมผัสความสุขจากเธอไม่ได้เลย เธอมีอะไรปิดบังเค้าอยู่รึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ” “เค้า..” โยษิตาถึงกับอึกอักเมื่อถูกสายตาคนรักจ้องอย่างคาดคั้นให้โกหกก็คงทำไม่ได้เพราะดูท่าแล้วคนรักคงจะไม่เชื่อเธออุตส่าห์พยายามข่มความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในใจแล้วเชียว
ภายในห้องนอนใหญ่เผยให้เห็นร่างของ ‘อลิน หรืออลินดา’ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซส์ ก่อนเธอจะค่อย ๆ ลืมตาตื่นในวินาทีต่อมาด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนเธอนอนดึกไปเสียหน่อย แต่ทว่าเช้าวันนี้ดันมีนัดกับใครบางคนเอาไว้ที่ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมือง นั่นจึงทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องตื่นเร็วกว่าปกติ ครั้นตื่นดีแล้วเธอก็รีบตรงดิ่งเข้าไปให้ห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำทันที ใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำสระผมจนเสร็จสรรพ และใช้เวลาในการแต่งตัวอีกเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ ไม่แปลกเลยว่าทำไมเธอถึงต้องตื่นเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นคงจะไปไม่ทันเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายเอาไว้เป็นแน่ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยครบถ้วนแล้วเธอก็เหลือบสายตาไปดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมงครึ่งแล้วเวลาที่นัดแนะกับอีกคนเอาไว้ คือ สิบโมงตรงดูท่าแล้วคงจะได้ไปสายแน่ ๆ เพราะรถราบนท้องถนนไม่เป็นใจแหง ๆ คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องทันที และทันทีที่เปิดประตูออกจากห้องเธอก็เจอเข้ากับอคินคนเป็นน้องชาย เธอไม่คิดจะสนใจเพราะเร่งรีบจะออกไปข้างนอกเพียงเหลือบมองน้องชายเล็กน้อยแล้วสาวเท้าเด