LOGINสองวันก่อนหน้านี้...
ก๊อก! ก๊อก!
“คุณหยกคะ คุณผู้ชายเรียกพบที่ห้องทำงานค่ะบอกว่าให้ไปพบท่านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงสาวใช้ที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้เป็นนายดังขึ้นที่บริเวณหน้าห้องของโยษิตา
“ค่ะ เดี๋ยวหยกตามลงไปค่ะ” โยษิตาขานรับ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วรีบออกไปหาพ่อที่ห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงห้องทำงานของผู้เป็นพ่อเธอก็พบกับแทนไทผู้เป็นพี่ชายนั่งอยู่ด้วยที่โซฟา ส่วนผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียด และอึมครึมกว่าทุกครั้งที่เธอเข้ามาราวกับว่ากำลังมีเรื่องเครียดกันอยู่ยังไงยังงั้น
“แด๊ดมีอะไรจะคุยกับหยกเหรอคะถึงได้เรียกพบด่วนขนาดนี้” เธอมองหน้าพี่ชายกับพ่อสลับไปมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามไป ในใจก็ภาวนาขอให้การที่ผู้เป็นพ่อเรียกมาพบในครั้งนี้เป็นเรื่องดี ๆ ไม่ใช่เรื่องร้าย
“นั่งลงก่อนสิ” มาคัลมาเฟียรุ่นใหญ่ไม่ได้ตอบคำถามบุตรสาว แต่ส่งสายตาบอกให้เธอมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานแทน ซึ่งโยษิตาทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งลงอย่างว่าง่าย
“เมื่อวันก่อนฉันไปเจอเจคมาเขาเป็นมาเฟียเบอร์ต้น ๆ ที่อิตาลี แต่แกคงไม่รู้จักเห็นว่าเขามีลูกชายด้วยหน้าตาหล่อเหลาเอาเรื่อง แถมยังการศึกษาดี ทำงานเก่งที่สำคัญกำลังขึ้นรับตำแหน่งประมุขของแก็งค์พยัคฆ์ดำในอีกไม่กี่วันถ้าหากได้เขามาร่วมมือกับเราคงดีไม่น้อย”
ทันทีที่บุตรสาวนั่งลงมาคัลก็เริ่มเกริ่นไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปโดยไร้ประโยชน์
ขณะที่คนฟังอย่างโยษิตาขมวดคิ้วเป็นปม สายตาจ้องมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ เธอยังไม่เข้าใจว่าที่ท่านพูดอยู่ตอนนี้กำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่รู้ซึ้งถึงเจตนาของมาคัลได้ในทันทีนั่นก็คือ แทนไท พี่ชายของโยษิตา ทว่าถึงจะรู้เขาก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะรู้นิสัยผู้เป็นพ่อดีทำได้เพียงนั่งดูสถานการณ์ไปเงียบ ๆ
“แล้วพ่อจะมาเล่าให้หยกฟังทำไมคะ ยังไงหยกก็ไม่รู้จักพวกเขาอยู่แล้ว” โยษิตาเอ่ยถามไปทันทีที่ผู้เป็นพ่อพูดจบ เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าท่านต้องการสื่ออะไร
ในขณะที่แทนไทถอนหายใจทิ้งไปไม่รู้กี่ทีเพราะถึงขนาดนี้แล้วน้องสาวกลับยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อปรารถนาอีก
“ฉันต้องการให้แกแต่งกับลูกชายเจค อีกอย่างแกก็เคยเจอกับพี่เขาแล้ว คนที่เข้าไปประคองตอนแกกำลังสะดุดชายกระโปรงตัวเองล้มไงจำได้ไหม คนนั้นแหละเควินลูกชายเจค”
“อะไรนะคะ” สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อโยษิตาถึงกับเบิกตากว้างลุกขึ้นยืนพรวดด้วยตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ผู้เป็นพ่อจะบังคับให้เธอแต่งงานอย่างนั้นเหรอ คำถามนี้ลอยวนอยู่ในโสตประสาทซ้ำ ๆ
“ไม่ค่ะ หยกไม่มีทางแต่งงานกับเขา และไม่ว่าจะกับใครหยกก็จะไม่แต่ง” ครั้นตั้งสติได้เธอก็ปฏิเสธออกไปทันทีโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรสักนิด หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่แต่งเด็ดขาดต่อให้ต้องขัดกับผู้เป็นพ่อก็ตาม
“ทำไม?” แน่นอนว่ามาคัลไม่พอใจกับคำตอบของบุตรสาวมากกดเสียงถามออกไปด้วยสีหน้าแววตาดุดันเชิงบอกให้บุตรสาวรู้ว่ากำลังทำให้เขาไม่พอใจอยู่
“หยกแค่ไม่อยากแต่งกับใครก็แค่นั้นเองค่ะ หยกไม่พร้อม...” โยษิตารู้ว่าผู้เป็นพ่อโกรธแน่ ๆ บอกตามตรงว่ารู้สึกหวั่นใจอยู่เหมือนกันเพราะรู้ดีว่าตอนท่านโกรธน่ากลัวแค่ไหน
แต่ถ้าเธอยอมแล้วความรักระหว่างเธอกับอลินดาล่ะจึงทำใจดีสู้เสือยืนยันคำเดิมว่าไม่แต่งโดยอ้างว่าไม่พร้อมได้แต่หวังว่าผู้เป็นพ่อจะเข้าใจ
“ฉันไม่สนว่าแกพร้อมไม่พร้อมยังไงแกก็ต้องแต่งกับเควิน เพราะฉันกับเจคได้คุยกันแล้วว่าจะให้ลูก ๆ แต่งงานกัน และดูเหมือนเควินเขาจะชอบแกด้วยแต่ง ๆ แล้วอยู่ ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักเอง”
“แด๊ด..” ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับทำให้เธอพูดไม่ออกน้ำตาพลันคลอเบ้าอย่างห้ามไม่ได้ ท่านพูดออกมาได้อย่างง่ายดายว่าแต่ง ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองโดยไม่สนใจถึงความรู้สึกของเธอสักนิด
ที่ผ่านมาเธอเชื่อฟังผู้เป็นพ่อมาตลอดแต่ครั้งนี้เธอยอมไม่ได้จริง ๆ แม้รู้สึกผิดหวังในตัวผู้เป็นพ่อแค่ไหนเธอก็พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้
สูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่เรียกความมั่นใจให้ตัวเองแล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเชิงบอกให้ผู้เป็นพ่อรู้ว่าเธอจะไม่ยอมทำตามคำสั่งท่านเด็ดขาด
“หยกจะไม่มีวันแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ที่หยกไม่ได้รัก นิสัยใจคอเป็นยังไงหยกยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ”
“ความรักมันกินไม่ได้ แกอย่าโลกสวยหน่อยเลย แกเป็นลูกสาวมาเฟียจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จำไว้ว่าผลประโยชน์ต้องมาก่อน”
แต่ดูเหมอนพ่อของเธอจะไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรเลยดึงดันจะให้เธอแต่งงานกับเควินให้ได้ เมื่อจนปัญญาเธอจึงเอ่ยในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะเอ่ยให้คนในครอบครัวรู้ออกไป หวังว่ารู้แบบนี้แล้วผู้เป็นพ่อจะยอมหยุด
“แล้วถ้าหยกบอกว่าหยกมีคนรักอยู่แล้วล่ะคะ แด๊ดยังจะบังคับหยกไหม”
“ใคร ทำไมพี่ไม่เคยรู้มาก่อน” แทนไทที่ฟังสองพ่อลูกคุยกันเงียบ ๆ ถึงกับต้องร่วมวงสนทนาด้วยทันทีที่น้องสาวบอกเหตุผลที่ทำให้เธอแต่งงานคนอื่นไม่ได้ออกมา
มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากทำไมเรื่องน้องสาวมีแฟนเขากับมาคัลถึงไม่เคยรู้เลยทั้งที่คอยให้คนตามสอดส่องพฤติกรรมน้องสาวอยู่ตลอดเพราะมาคัลค่อนข้างหวงบุตรสาวมากไม่ว่าจะทำอะไร หรือสนิทกับใครคนในครอบครัวก็ต้องรับรู้
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็น หรือได้ยินลูกน้องที่คอยตามสอดส่องน้องสาวบอกเลยว่ามีผู้ชายเข้ามาป้วนเปี้ยนกับน้องสาวจะมีก็แต่เพื่อนผู้หญิงที่ชื่อว่าอลินดา ซึ่งน้องสาวของเขาก็เคยพามาเที่ยวที่บ้านแล้ว
“ไว้ถ้าหยกพร้อมจะบอกนะคะ” โยษิตาเลือกไม่ตอบคำถามพี่ชายจะให้เธอบอกได้ยังไงกันว่าแฟนเธอคืออลินดาซึ่งเป็นผู้หญิง
หากพ่อกับพี่ชายรู้เข้าเกรงว่าเรื่องมันจะแย่ลงกว่าเดิมเพราะทั้งสองคงไม่ให้เธอคบกับเพศเดียวกัน เอ่ยกับพี่ชายจบเธอก็หันไปเอ่ยกับผู้เป็นพ่อต่อ “นี่คือเหตุผลที่หยกทำตามความต้องการของแด๊ดไม่ได้ หวังว่าแด๊ดคงเข้าใจ และไม่บังคับหยกให้ทำอะไรแบบนั้นอีกนะคะ”
“ก็ได้ แด๊ดจะไม่บังคับ แต่แกต้องบอกมาก่อนว่าแฟนแกเป็นใคร มาจากไหน และเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” มาคัลทำท่าทีอ่อนลงเหมือนยอมแต่ความจริงต้องการหลอกถามเท่านั้นว่าแฟนบุตรสาวเป็นใครเพื่อที่เขาจะได้กำจัดไปให้พ้นทาง
“แฟนหยกอยู่ต่างประเทศค่ะ ไว้เขากลับไทยเมื่อไรหยกจะพามาไหว้แด๊ดแล้วกันนะคะ ยังไงหยกขอตัวก่อน” โยษิตาพูดโกหกไปเพราะไม่ต้องการให้พ่อกับพี่ชายรู้ว่าแฟนจริง ๆ ของเธอเป็นใคร
ว่าจบก็รีบเดินหนีออกจากห้องทำงานของผู้เป็นพ่อไปทันที กลัวว่าอยู่ต่อไปจะถูกกดดันให้พูดความจริง แล้วสุดท้ายก็ไม่มีใครยอมรับความจริงในสิ่งที่เธอเป็นได้
เธอยังไม่อยากมีปัญหาใหญ่ไปกว่านี้..
“ส่งคนไปตามสืบมาให้แด๊ดหน่อยแทนว่าแฟนของน้องสาวแกเป็นใคร ยิ่งรู้เร็วเท่าไรยิ่งดี” หลังจากบุตรสาวหายหลังไปมาคัลก็หันไปเอ่ยกับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขากำลังจะยกตำแหน่งประมุขของแก็งค์มังกรทองให้ในอีกไม้กี่วันข้างหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับ” แทนไทชายหนุ่มวัยสามสิบพยักหน้ารับคำสั่งของผู้เป็นพ่อด้วยท่าทางนิ่งสงบ สวนทางกลับสมองที่คิดหนักไม่น้อยกับเรื่องที่ได้รับมอบหมาย
คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้ว่าแฟนน้องสาวเป็นใครเพราะน้องสาวปกปิดเรื่องแฟนจากสายตาของลูกน้องที่เขาคอยให้ตามสอดส่องได้อย่างไม่มีพิรุธอะไรเลย แล้วคิดเหรอว่าเธอจะยอมให้ใครล้วงรู้ง่าย ๆ ยิ่งในตอนนี้แล้วด้วยน้องสาวเขาระวังยิ่งกว่าเก่า
วันต่อมา ทั้งสองก็พากันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แล้วไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานทะเบียนต่อ"เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะ ต่อจากนี้ห้ามชายตามองผู้ชายคนไหนแม้แต่นิดเดียว" ทันทีที่ใบทะเบียนสมรสที่มีลายลักษณ์อักษรของหญิงสาวกับตัวเองอยู่ในมือมาเฟียหนุ่มก็ยืดออกแสดงความความเป็นเจ้าของอย่างเต็มภาคภูมิ"แค่ดูเป็นอาหารตาก็ไม่ได้เหรอคะสามี" อลินดาพูดหยอกสามีป้ายแดงด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ ขณะกำลังจูงมือกันเดินออกจากสำนักงานทะเบียน"มีผัวหล่อขนาดนี้แล้วจะไปมองผู้ชายคนอื่นทำไม มองผัวนี่แหละครับเป็นอาหารตาชั้นดี" เธอได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ พอได้ยินคำพูดจาหลงตัวเองของคนเป็นสามีเธอเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาก็หลงตัวเองเหมือนกัน ต่อให้ที่เขาพูดมาจะจริงก็เถอะ ด้วยความมันเขี้ยวอดพูดแกล้งเขาไปไม่ได้ "พี่หล่อก็จริง แค่มองทุกวันมันก็เบื่อเหมือนกันนะ"คำพูดจากริมฝีปากอิ่มทำคนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่ชอบใจ พลันหยุดเดินอัตโนมัติแล้วหันไปมองหน้าร่างบางพร้อมพ่นคำพูดออกไประรัว"อย่าแม้แต่จะคิด ห้ามเบื่อ ห้ามเลิกรัก ห้ามมองผู้ชายคนอื่น ห้ามทิ้งกัน ห.."อลินดาฟังแทบไม่ทันจนเธอต้องรีบยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก
เมื่อกลับมาถึงคอนโดเธอยังคงทำตัวปกติรอจนมาเฟียหนุ่มหลับจึงแอบเอาที่ตรวจครรภ์ไปตรวจในห้องน้ำ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นแรงแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกระหว่างที่กำลังรอผลตรวจ มันลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นเสียอีก หากถามว่าเธอพร้อมมีลูกในตอนนี้ไหมตอบเลยว่าไม่ แต่หากว่าลูกมาแล้วจริง ๆ เธอก็คงต้องพร้อมให้ได้ "อึก.." เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ ก่อนจะยื่นมือที่สั่นเพราะความตื่นเต้นไปหยิบที่ตรวจครรภ์ที่วางบนอ่างล้างหน้าขึ้นมาดู "อ่า..ทำไมรีบมาจังลูกแม่ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลย" พอเห็นผลตรวจที่ขึ้นสีแดงสองขีดเธอถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด ใจหนึ่งเธอก็ดีใจแต่อีกใจก็นึกกังวลอะไรหลาย ๆ อย่าง เธอหลับตาลงพยายามตั้งสติ ขจัดความรู้สึกไม่ดีออกไป จากนั้นก็กำที่ตรวจครรภ์ไว้ในมือแน่นแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ เดินไปหย่อนก้นนั่งบนเตียงข้าง ๆ ร่างสูงที่นอนหลับอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวที่เธอท้องคงจะสมใจเขาแล้วสิ นิ้วเรียวยื่นไปกรีดกรายตามแนวคิ้วโก้งทั้งสอง แล้วค่อย ๆ ลากลงตามจมูกโด่งเป็นสันมาหยุดที่ริมฝีปากหยักสีชมพูพลางครุ่นคิดในใจว่าหากเป็นล
เป็นเพราะเธอที่เข้ามาทำให้โลกอันดำมืดของเขาสว่างไสว เธอเป็นคนที่เข้ามาเติมทุกอย่างที่เขาขาดหายให้เต็มแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารัก และขอบคุณเธอได้ยังไงกันสองสายตามองสบประสานกันอย่างลึกซึ้งส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนทั้งสองจะละสายตาจากกันเมื่อหมอวัยกลางคนเดินเข้ามา มีแค่มีที่ยังกอบกุมกันไว้แน่นด้วยลุ้นระทึกกับผลตรวจที่อยู่ในมือหมอ"ผลตรวจร่างกายของคนไข้ปกติทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล" พอได้ฟังผลตรวจทั้งมาเฟียหนุ่มกับอลินดาก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยรู้สึกโล่งอกที่ผลออกมาปกติ ทว่าอีกใจก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีกับอาการที่เป็นอยู่"แล้วอาการที่ผมเป็นอยู่นี่ล่ะครับ" มาเฟียหนุ่มถามไถ่ไป"จากอาการที่คนไข้บอกมาถ้าร่างกายปกติก็มีเพียงอย่างเดียวครับ" หมอวัยกลางคนกล่าวยิ้ม ๆ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ "แพ้ท้องแทนภรรยา""ห๊ะ!!"สิ้นคำบอกกล่าวจากหมอมาเฟียหนุ่มกับอลินดาถึงกับตาเบิกกว้างร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนฉงน พลันหันมองหน้ากันอัตโนมัติ"ประจำเดือนน้องอลินมารึยังเดือนนี้" มาเฟียหนุ่มรีบถามไถ่ด้วยความตื่นเต้นพลางก้มมองหน้าท้องของคนรัก ลึก ๆ ในใจเขาอยากให
หนึ่งเดือนต่อมา.."พี่แทนลุกขึ้นมากินข้าวอย่าเอาแต่นอนแบบนี้" อลินดาเขย่าเรียกคนตัวโตที่เอาแต่นอนตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงข้าวปลาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาทานด้วยความเป็นห่วงช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้เขาเอาแต่นอน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยทานบอกว่าเบื่อจนน้ำหนักลดลงไปหนึ่งกิโลแล้ว หนำซ้ำยังมีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้องปวดหลังราวกับผู้หญิงมีประจำเดือนยังไงยังงั้น แต่พอพาไปหาหมอหมอกลับบอกว่าปกติทุกอย่างถามว่าเขามีความเครียดหรือเปล่าเขาก็บอกว่าไม่เลย เขามีความสุขที่สุดด้วยซ้ำเพราะได้อยู่กับเธอแทบทุกวันทุกคืนตั้งแต่วันที่ไปหาพ่อแม่ของเธอด้วยกัน ได้พูดคุยจนเข้าใจเธอกับเขาก็ไปมาหาสู่ และอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นซึ่งมาเฟียหนุ่มจะมาอยู่ที่คอนโดของเธอเรียกได้ว่าตอนนี้เขาครองห้องเธอไปแล้ว ส่วนเธอก็มีบางคืนที่กลับไปนอนที่บ้านบ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่ว่าเอาได้ว่าอยู่แต่กับผู้ชายจนลืมบ้านลืมช่อง "พี่แทนลุกขึ้นมากินอะไรสักนิดก่อน แล้วค่อยนอนต่อ" เธอเขย่าคนตัวโตแรงกว่าเดิมเมื่อเขายังคงนอนหลับต่อ "ตื่นแล้วครับ" ในที่สุดคนถูกปลุกก็ต้องลืมตาตื่นด้วยความจำใจ เขายกมือทั้งสองขยี้ตาไล่อาการงัวเงียออก ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่
ภายในห้องน้ำเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรักของคนทั้งสองไปแล้วน้ำที่ว่าเย็นก็ดับความร้อนแรงนี้ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มเดินหน้ากระแทกไม่หยั่ง อีกคนก็รอรับด้วยความกระสันเสียวและสุขสม กว่าจะอิ่มหนำก็ใช้เวลาไปไม่น้อยอลินดาถึงกับขาอ่อนยืนไม่ไหวเป็นมาเฟียหนุ่มที่ต้องคอยดูแลจัดการอาบน้ำถูสบู่ และสระผมให้ แล้วอุ้มออกมาวางบนเตียง"หึ" มาเฟียหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดูคนตัวเล็กที่นั่งตาปอยอยู่ริมเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ แล้วเดินไปเอาผ้าขนหนูอีกผืน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างหลังเธอจัดการเช็ดผมให้อลินดายกยิ้มออกมาน้อย ๆ กับการกระทำแสนอ่อนโยนของคนตัวโตใครจะคิดว่ามาเฟียหนุ่มอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนด้วย เขาอ่อนโยนจนบางทีเธอก็คิดไม่ถึง"ขอบคุณค่ะ" ครั้นเขาเช็ดผมให้เสร็จเธอก็เอี้ยวหน้าไปขอบคุณพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เขาจนตายี มาเฟียหนุ่มจึงใช้จังหวะนั้นจุบปากเธอไปหนึ่งทีถือเป็นค่าเช็ดผม แล้วจึงลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อให้เธอใส่ เขายืนเลือกอยู่สักพักโดยมีอลินดานั่งมองที่เตียง เมื่อเลือกได้ก็พาไปยื่นให้ "ใส่ไปก่อนครับ เดี๋ยวชุดน้องอลินพี่ให้แม่บ้านเอาไปซักให้"อลินดามองเสื
ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงค่ำ ๆ หลังจากนอนพักเอาแรงกันจนอิ่มแล้วมาเฟียหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดหน้าจอดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้สองทุ่มแล้วจึงบอกกล่าวกับร่างบางในอ้อมกอด "ลุกขึ้นไปอาบน้ำครับจะได้ไปหาอะไรกินกัน""ขอนอนนิ่ง ๆ แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" อลินดาแสดงท่าทีงอแงเพราะรู้สึกง่วง ๆ และขี้เกียจน้อย ๆ ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดขัดใจปล่อยให้เธอนอนกอดเขาต่อไปไม่คิดจะลุกหนีผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีจึงเรียกเธออีกครั้ง "พี่ว่าลุกขึ้นได้แล้วครับน้องอลิน""หือ.." อลินดาถึงกับตาโตหูผึ่ง ผงกหน้าขึ้นมองคนตัวโตด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคำเรียกที่เขาเรียกแทนตัวเองและเธอ มันฟังดูละมุนจนรู้สึกจักกะจี้ในหัวใจ ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย"หืออะไรครับ ต่อไปนี้เราจะเรียกกันแบบนี้โอเคไหมครับ" "โอเคก็ได้ค่ะ" อลินดาพยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายแม้จะรู้สึกเขอะเขิน และไม่ชินหูก็ตาม"น่ารักที่สุด" มาเฟียหนุ่มก้มลงหอมหน้ามนฟอดใหญ่ ก่อนจะเคลื่อนลงหอมแก้มซ้ายขวาของเธอต่อด้วยความรักใคร่เอ็นดู ขณะที่คนถูกหอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากเธอตัดสินใจวางทิ้งความรู้ไม่ดีต่อมาเฟียหนุ่มเกี่ยวกับเรื่องในอดีต และท







