Mag-log inตกเย็นในวันเดียวกันหลังจากที่สนทนากับน้องสาวอยู่สักพักมาเฟียหนุ่มก็ตัดสินใจเดินทางไปหาเพื่อนสนิทของน้องสาวอย่างอลินดาเพื่อถามไถ่ถึงคนรักของน้องสาว
เขาคิดว่าอลินดาเป็นเพื่อนที่น้องสาวสนิทด้วยที่สุดเพราะเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกวัน บางครั้งก็อยู่ด้วยกันที่คอนโดจึงน่าจะรู้เรื่องส่วนตัวของน้องสาวแน่นอนดีไม่ดีน้องสาวของเขาอาจจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้วด้วยซ้ำไป
เห็นวันนี้ลูกน้องที่เขาให้เฝ้าติดตามน้องสาวก็บอกว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน
@บ้านอลินดา
ก๊อก! ก๊อก!
“พี่อลินมีคนมาหา ตอนนี้เขารออยู่ที่ห้องรับแขก”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงพูดของอคินทำให้อลินดาที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงหยุดชะงัก
คิ้วสวยขมวดชนกันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจว่าใครกันที่มาหาเธอเพราะปกติไม่ค่อยมีใครมาหาเธอถึงที่บ้านหรอก
“เดี๋ยวพี่ลงไป” เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วตะเบ็งเสียงตอบน้องชายไป จากนั้นก็ดีดตัวลงจากเตียงเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
“พี่แทนไท”
เท้าเล็กพลันหยุดชะงักกึกครั้นเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเป็นใคร หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างห้ามไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดของแฟนสาวที่บอกว่าพี่ชายของเธอโหดมาก
อีกใจก็นึกสงสัยว่าเขามาบ้านเธอถูกได้ยังไงกันในเมื่อเขาไม่เคยรู้ หรือไม่เคยมาบ้านเธอเลยสักครั้งแฟนสาวของเธอบอกงั้นเหรอก็ไม่น่าจะใช่
เธอได้แต่เก็บความรู้สึกและคำถามมากมายที่ผุดในสมองไว้ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้าท่าทางปกติ “พี่แทนไทสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” มาเฟียหนุ่มรับไหว้เพื่อนสนิทของน้องสาวด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ทว่าภายในใจกลับไม่ได้ยิ้มเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาจ้องมองหน้าร่างบางที่นั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างพินิศ
“พี่แทนไทมาบ้านอลินถูกได้ยังไงคะ หยกบอกเหรอ” อลินดาเห็นสายตาของมาเฟียหนุ่มที่มองมาแต่เธอก็เลือกจะปล่อยผ่านแล้วถามถึงสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่แทน
“หยกไม่ได้บอกหรอก พี่รู้เอง” มาเฟียหนุ่มตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่ง สำหรับเขาแค่เรื่องหาที่อยู่ของใครสักคนมันใช่เรื่องยากเลยไม่ต้องไปถามน้องสาวให้เมื่อยปากเพราะรู้ดีน้องสาวคงไม่บอกแน่ ๆ เขาก็แค่สั่งให้ลูกน้องสืบแป๊บเดียวก็รู้แล้ว
อลินดาพอเข้าใจได้ไม่ต้องให้มาเฟียหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมเขาเป็นถึงลูกมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลเรื่องหาบ้านคนคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เธอเลิกสนใจเรื่องที่ถามไปแล้วเริ่มพูดเข้าจุดประสงค์ที่เขามาหาเธอในวันนี้ทันทีทั้ง ๆ ที่พอจะเดาได้ว่าเขามาหาเธอถึงที่บ้านด้วยเรื่องอะไร “แล้วพี่แทนไทมาหาอลินถึงที่บ้านมีธุระอะไรรึเปล่าคะ”
“น้องอลินรู้รึเปล่าว่าแฟนหยกเป็นใคร” เมื่อหญิงสาวยิงคำถามตรง ๆ มาเฟียหนุ่มก็ไม่อ้อมค้อมเอ่ยถามไปตรง สายตาก็จับจ้องใบหน้าเรียวตลอดเวลาเพื่อจับปฏิกิริยาของเธอว่ามีพิรุธอะไรหรือเปล่า
ทั้งที่พยายามเตรียมใจในการตอบคำถามแล้ว แต่พอเห็นสายตาดุดันของคนตรงข้ามอลินดาก็อดอึกอักไม่ได้ หัวใจที่เพิ่งสงบนิ่งพลันสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งจนเธอต้องเลื่อนมือที่วางข้างตัวไปประสานกันบนหน้าตักเพื่อข่มความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะพูดโกหกไป
“อลินก็ไม่รู้อะไรมากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าแฟนหยกชื่อฟาตินทำงานอยู่ต่างประเทศแค่นั้นค่ะ”
“แล้วน้องอลินรู้รึเปล่าว่าแฟนหยกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” มาเฟียหนุ่มยังคงถามต่อเพราะข้อมูลที่หญิงสาวบอกมามันยังไม่เพียงพอที่เขาจะรู้ได้ว่าแฟนของน้องสาวคือใคร
“ไม่รู้ค่ะ”
“แล้วน้องอลินมีช่องทางติดต่อแฟนหยกหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วน้องอลินรู้ชื่อจริง หรือนามสกุลแฟนหยกไหมครับ”
“ไม่รู้ค่ะ บอกแล้วไงคะว่าอลินไม่ค่อยรู้เรื่องแฟนหยก” อลินดาเริ่มรำคาญที่มาเฟียหนุ่มซักไซ้ไม่เลิกจึงเผลอแสดงสีหน้าท่าทางไม่ดีออกไป พอนึกได้ก็รีบปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ ทว่ามีหรือมาเฟียหนุ่มจะไม่เห็นในเมื่อเขาจับจ้องปฏิกิริยาของเธอตลอดเวลา
เขาเห็นว่าตอนแรกที่เขาถามถึงแฟนโยษิตาหญิงสาวมีอาการเลิ่กลักอย่างเห็นได้ชัดจนต้องเลื่อนมือมาประสานกันบนหน้าตักเพื่อข่มอาการเอาไว้
แล้วแบบนี้หรือที่เธอบอกว่าไม่ค่อยรู้อะไร เขาคิดว่าเธอคงรู้เรื่องราวจากน้องสาวเขาแล้วจึงพยายามช่วยปกปิด
บอกตามตรงว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาก็เริ่มไม่ดีแล้วเหมือนกันกับการตอบคำถามของหญิงสาวที่ถามอะไรไปก็บอกว่าไม่รู้ ๆ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ หนึ่งทีเพื่อสงบจิตใจให้เย็นลง ก่อนกดเสียงเอ่ยออกไปอย่างใจเย็นที่สุดแต่คำพูดที่เปล่งออกไปกับแฝงด้วยความกดดัน
“เหรอครับ ไม่ใช่ว่าน้องอลินกำลังช่วยน้องสาวพี่ปกปิดอยู่เหรอ”
คำพูดมาเฟียหนุ่มยิ่งทำให้อลินดาหวั่นใจมากกว่าเดิม แต่เธอก็พยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้ตีหน้าซื่อเอ่ยไปราวกับว่าไม่รู้เรื่องราวอะไร
“ทำไมอลินต้องช่วยหยกปกปิดด้วยล่ะคะ อลินรู้เท่าที่บอกพี่ไปจริง ๆ หากพี่อยากรู้มากนักทำไมไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะคะ”
“อย่าทำเป็นไขสืออลิน ฉันรู้ว่าเธอรู้แต่ไม่ยอมบอก” ในที่สุดมาเฟียหนุ่มก็หมดความอดทนกับคนตรงหน้า สรรพนามใช้เรียกที่เปลี่ยนไปบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขารู้สึกโมโหมากแค่ไหน
เขาอุตส่าห์พยายามปั้นมามาพูดคุยกับเธออย่างเป็นมิตรแต่กลับไม่ได้อะไรเลย
“อลินว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะคะ เชิญพี่กลับไปเถอะ” อลินดาเองก็ไม่ทนเช่นกันตัดปัญหาด้วยการเชิญเขาออกไปจากบ้านแม้มันจะเป็นการกระทำที่เสียมารยาทก็ตาม ว่าจบก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเติมความสูงก่อนจะเดินก้าวเดินออกไป
“อ๊ะ!”
ทว่าก้าวเท้าเดินได้ไม่ทันไรเธอก็ต้องหลุดอุทานออกเมื่อถูกมือของคนที่เธอกำลังเดินหนึจับหมับเข้าที่แขน ก่อนจะถูกดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
“ฉันยังพูดไม่จบเธอไม่มีสิทธิ์เดินหนี” มาเฟียหนุ่มกดเสียงเอ่ยอย่างไม่พอใจ สายตาจ้องมองใบหน้าเรียวเขม็ง ขณะที่มือก็ออกแรงบีบแขนเล็กหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุอยู่ในร่างกาย
“อลินเจ็บปล่อยนะคะ” อลินดาร้องท้วงออกมาด้วยใบหน้าเหยเกพลางพยายามใช้อีกมือแกะมือหนาที่กำลังออกแรงบีบแขนเธอออก แต่ดูเหมือนยิ่งเธอพยายามแกะ มือหนาก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบมากขึ้นจนรู้สึกเหมือนกระดูกแขนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ทำไมเขาถึงได้ป่าเถื่อนขนาดนี้กัน เพียงเพราะต้องการรู้ว่าแฟนน้องสาวเป็นใครถึงกับต้องทำกันขนาดนี้เชียวหรือ ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
ตอนแรกเธอก็รู้เฉย ๆ กับเขาแต่ตอนี้บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเริ่มรู้สึกเกลียด หากไม่ติดว่าจะเป็นการทำลายความรักระหว่างเธอกับคนรักอยากจะตะโกนใส่หน้าเขาเหลือเกินว่าเธอนี่แหละคือแฟนของน้องสาวเขาดูสิเขาจะทำหน้ายังไง
“เจ็บก็บอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฟนหยกมา แล้วฉันจะปล่อย” มาเฟียหนุ่มไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะเจ็บแค่ไหนกดเสียงถามอย่างเยือกเย็น ใบหน้าดุดันจนดูน่ากลัว
“ก็อลินบอกไปหมดแล้วจะให้อลินบอกอะไรอีก พี่ควรปล่อยอลินก่อนที่อลินจะตะโกนให้คนในบ้านช่วย”
แม้จะรู้เจ็บกับการกระทำของอีกคนมากแค่ไหนแต่อลินดาก็ยังยืนกร้านเสียงแข็งว่าไม่รู้ และไม่ลืมจะพูดขู่ทิ้งท้ายด้วยหวังให้เขาหยุดการกระทำห่าม ๆ นี้
“คำขู่แค่นี้คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ?” แต่เปล่าเลยเขากลับตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย หนำซ้ำยังออกแรงบีบมากกว่าเดิมทำเอาอลินดาถึงกับน้ำตาคลอเบ้านึกเกลียดอีกคนเข้าไปอีก
ในเมื่อเขากล้าทำขนาดนี้แถมยังอวดเบ่งอำนาจอย่างไม่รู้สึกรู้สาทั้งที่อยู่ในบ้านเธอแท้ ๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเคารพเขาในฐานะพี่ชายของแฟนอีกต่อไป จึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน “ใครอยู่แถวนี้มาชะ..”
ยังไม่ทันจะได้ตะโกนจบประโยคเสียงของอลินดาก็ถูกกลืนหายไปในลำคอเพราะถูกมาเฟียหนุ่มประกบจูบปิดปากเอาไว้
เธอถึงกับเบิกตากว้างช็อคไปชั่วขณะกับสิ่งที่เกิดขึ้นครั้นตั้งสติได้ก็ใช้มือผลักไสอกร่างสูงที่ยืนประชิดตัวพัลวันพลางพาหน้าหนี “อื้อ ๆ อ่อยอั้น”
มาเฟียหนุ่มยอมผละปากออกอย่าง่ายดาย เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะจูบหญิงสาวสักนิดเพียงแต่ตอนที่เธอตะโกนเขาต้องการให้เธอเงียบเสียงเท่านั้นเพราะไม่ต้องการให้ใครกรู่กันมาดูจึงฉวยหน้าเธอมาจูบด้วยคิดหาวิธีไม่ทัน
“คนเลว!” ทันทีที่ปากเป็นอิสระอลินดาก็ก่นด่าร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับง้างมือหมายจะตบหน้าของเขาด้วยความโกรธจัด แต่อีกคนเร็วกว่าเขาดันจับมือเธอได้ก่อนที่จะถึงหน้าเพียงนิดเดียวกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาจับมือเธอไว้แทน
“เธอไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอรวมหัวกับหยกช่วยกันปกปิดเราจะได้เห็นดีกัน” มาเฟียหนุ่มกดเสียงเอ่ยอย่างเย็นเยียบพร้อมกับออกแรงบีบข้อมือเล็กแรง ๆ เพื่อเป็นการเตือนว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอจะมาลองดีด้วยได้
จากนั้นก็สะบัดมือออกจากข้อมือเล็กแล้วหันหลังเดินออกจากห้องรับแขกไปทิ้งให้อีกคนยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ
“อ๊ายย! คนเลว” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มหายหลังไปอลินดาก็หวีดร้องในลำคอเบา ๆ เพื่อระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในกาย ขณะที่มือก็ถูไถริมฝีปากไปมาแรง ๆ นึกรังเกียจและขยะแขยงสัมผัสจากผู้ชายสารเลวยิ่งนัก
เธอถูไถริมฝีปากไปมาจนแดงเถือก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องนอนตัวเองแล้วจัดการใช้น้ำยาบ้วนปากล้างปากเพื่อขจัดสัมผัสน่ารังเกียจออกไปให้หมด
หากเป็นผู้หญิงที่จูบเธอคงจะไม่รู้สึกขยะแขยงมากขนาดนี้ บอกตามตรงเลยว่านอกจากจูบกับแฟนสาวแล้วเธอก็ไม่เคยจูบกับใครเลยไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นอะไรที่ช็อคสุด ๆ เพราะนอกจากเธอจะถูกผู้ชายจูบครั้งแรกแล้ว หนำซ้ำผู้ชายที่จูบยังเป็นพี่ชายคนแฟนสาว และเป็นคนที่เธอพูดได้เต็มปากว่าเกลียด
มันเป็นเรื่องเฮงซวยที่สุด…
วันต่อมา ทั้งสองก็พากันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แล้วไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานทะเบียนต่อ"เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะ ต่อจากนี้ห้ามชายตามองผู้ชายคนไหนแม้แต่นิดเดียว" ทันทีที่ใบทะเบียนสมรสที่มีลายลักษณ์อักษรของหญิงสาวกับตัวเองอยู่ในมือมาเฟียหนุ่มก็ยืดออกแสดงความความเป็นเจ้าของอย่างเต็มภาคภูมิ"แค่ดูเป็นอาหารตาก็ไม่ได้เหรอคะสามี" อลินดาพูดหยอกสามีป้ายแดงด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ ขณะกำลังจูงมือกันเดินออกจากสำนักงานทะเบียน"มีผัวหล่อขนาดนี้แล้วจะไปมองผู้ชายคนอื่นทำไม มองผัวนี่แหละครับเป็นอาหารตาชั้นดี" เธอได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ พอได้ยินคำพูดจาหลงตัวเองของคนเป็นสามีเธอเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาก็หลงตัวเองเหมือนกัน ต่อให้ที่เขาพูดมาจะจริงก็เถอะ ด้วยความมันเขี้ยวอดพูดแกล้งเขาไปไม่ได้ "พี่หล่อก็จริง แค่มองทุกวันมันก็เบื่อเหมือนกันนะ"คำพูดจากริมฝีปากอิ่มทำคนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่ชอบใจ พลันหยุดเดินอัตโนมัติแล้วหันไปมองหน้าร่างบางพร้อมพ่นคำพูดออกไประรัว"อย่าแม้แต่จะคิด ห้ามเบื่อ ห้ามเลิกรัก ห้ามมองผู้ชายคนอื่น ห้ามทิ้งกัน ห.."อลินดาฟังแทบไม่ทันจนเธอต้องรีบยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก
เมื่อกลับมาถึงคอนโดเธอยังคงทำตัวปกติรอจนมาเฟียหนุ่มหลับจึงแอบเอาที่ตรวจครรภ์ไปตรวจในห้องน้ำ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นแรงแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกระหว่างที่กำลังรอผลตรวจ มันลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นเสียอีก หากถามว่าเธอพร้อมมีลูกในตอนนี้ไหมตอบเลยว่าไม่ แต่หากว่าลูกมาแล้วจริง ๆ เธอก็คงต้องพร้อมให้ได้ "อึก.." เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ ก่อนจะยื่นมือที่สั่นเพราะความตื่นเต้นไปหยิบที่ตรวจครรภ์ที่วางบนอ่างล้างหน้าขึ้นมาดู "อ่า..ทำไมรีบมาจังลูกแม่ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลย" พอเห็นผลตรวจที่ขึ้นสีแดงสองขีดเธอถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด ใจหนึ่งเธอก็ดีใจแต่อีกใจก็นึกกังวลอะไรหลาย ๆ อย่าง เธอหลับตาลงพยายามตั้งสติ ขจัดความรู้สึกไม่ดีออกไป จากนั้นก็กำที่ตรวจครรภ์ไว้ในมือแน่นแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ เดินไปหย่อนก้นนั่งบนเตียงข้าง ๆ ร่างสูงที่นอนหลับอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวที่เธอท้องคงจะสมใจเขาแล้วสิ นิ้วเรียวยื่นไปกรีดกรายตามแนวคิ้วโก้งทั้งสอง แล้วค่อย ๆ ลากลงตามจมูกโด่งเป็นสันมาหยุดที่ริมฝีปากหยักสีชมพูพลางครุ่นคิดในใจว่าหากเป็นล
เป็นเพราะเธอที่เข้ามาทำให้โลกอันดำมืดของเขาสว่างไสว เธอเป็นคนที่เข้ามาเติมทุกอย่างที่เขาขาดหายให้เต็มแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารัก และขอบคุณเธอได้ยังไงกันสองสายตามองสบประสานกันอย่างลึกซึ้งส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนทั้งสองจะละสายตาจากกันเมื่อหมอวัยกลางคนเดินเข้ามา มีแค่มีที่ยังกอบกุมกันไว้แน่นด้วยลุ้นระทึกกับผลตรวจที่อยู่ในมือหมอ"ผลตรวจร่างกายของคนไข้ปกติทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล" พอได้ฟังผลตรวจทั้งมาเฟียหนุ่มกับอลินดาก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยรู้สึกโล่งอกที่ผลออกมาปกติ ทว่าอีกใจก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีกับอาการที่เป็นอยู่"แล้วอาการที่ผมเป็นอยู่นี่ล่ะครับ" มาเฟียหนุ่มถามไถ่ไป"จากอาการที่คนไข้บอกมาถ้าร่างกายปกติก็มีเพียงอย่างเดียวครับ" หมอวัยกลางคนกล่าวยิ้ม ๆ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ "แพ้ท้องแทนภรรยา""ห๊ะ!!"สิ้นคำบอกกล่าวจากหมอมาเฟียหนุ่มกับอลินดาถึงกับตาเบิกกว้างร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนฉงน พลันหันมองหน้ากันอัตโนมัติ"ประจำเดือนน้องอลินมารึยังเดือนนี้" มาเฟียหนุ่มรีบถามไถ่ด้วยความตื่นเต้นพลางก้มมองหน้าท้องของคนรัก ลึก ๆ ในใจเขาอยากให
หนึ่งเดือนต่อมา.."พี่แทนลุกขึ้นมากินข้าวอย่าเอาแต่นอนแบบนี้" อลินดาเขย่าเรียกคนตัวโตที่เอาแต่นอนตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงข้าวปลาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาทานด้วยความเป็นห่วงช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้เขาเอาแต่นอน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยทานบอกว่าเบื่อจนน้ำหนักลดลงไปหนึ่งกิโลแล้ว หนำซ้ำยังมีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้องปวดหลังราวกับผู้หญิงมีประจำเดือนยังไงยังงั้น แต่พอพาไปหาหมอหมอกลับบอกว่าปกติทุกอย่างถามว่าเขามีความเครียดหรือเปล่าเขาก็บอกว่าไม่เลย เขามีความสุขที่สุดด้วยซ้ำเพราะได้อยู่กับเธอแทบทุกวันทุกคืนตั้งแต่วันที่ไปหาพ่อแม่ของเธอด้วยกัน ได้พูดคุยจนเข้าใจเธอกับเขาก็ไปมาหาสู่ และอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นซึ่งมาเฟียหนุ่มจะมาอยู่ที่คอนโดของเธอเรียกได้ว่าตอนนี้เขาครองห้องเธอไปแล้ว ส่วนเธอก็มีบางคืนที่กลับไปนอนที่บ้านบ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่ว่าเอาได้ว่าอยู่แต่กับผู้ชายจนลืมบ้านลืมช่อง "พี่แทนลุกขึ้นมากินอะไรสักนิดก่อน แล้วค่อยนอนต่อ" เธอเขย่าคนตัวโตแรงกว่าเดิมเมื่อเขายังคงนอนหลับต่อ "ตื่นแล้วครับ" ในที่สุดคนถูกปลุกก็ต้องลืมตาตื่นด้วยความจำใจ เขายกมือทั้งสองขยี้ตาไล่อาการงัวเงียออก ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่
ภายในห้องน้ำเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรักของคนทั้งสองไปแล้วน้ำที่ว่าเย็นก็ดับความร้อนแรงนี้ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มเดินหน้ากระแทกไม่หยั่ง อีกคนก็รอรับด้วยความกระสันเสียวและสุขสม กว่าจะอิ่มหนำก็ใช้เวลาไปไม่น้อยอลินดาถึงกับขาอ่อนยืนไม่ไหวเป็นมาเฟียหนุ่มที่ต้องคอยดูแลจัดการอาบน้ำถูสบู่ และสระผมให้ แล้วอุ้มออกมาวางบนเตียง"หึ" มาเฟียหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดูคนตัวเล็กที่นั่งตาปอยอยู่ริมเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ แล้วเดินไปเอาผ้าขนหนูอีกผืน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างหลังเธอจัดการเช็ดผมให้อลินดายกยิ้มออกมาน้อย ๆ กับการกระทำแสนอ่อนโยนของคนตัวโตใครจะคิดว่ามาเฟียหนุ่มอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนด้วย เขาอ่อนโยนจนบางทีเธอก็คิดไม่ถึง"ขอบคุณค่ะ" ครั้นเขาเช็ดผมให้เสร็จเธอก็เอี้ยวหน้าไปขอบคุณพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เขาจนตายี มาเฟียหนุ่มจึงใช้จังหวะนั้นจุบปากเธอไปหนึ่งทีถือเป็นค่าเช็ดผม แล้วจึงลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อให้เธอใส่ เขายืนเลือกอยู่สักพักโดยมีอลินดานั่งมองที่เตียง เมื่อเลือกได้ก็พาไปยื่นให้ "ใส่ไปก่อนครับ เดี๋ยวชุดน้องอลินพี่ให้แม่บ้านเอาไปซักให้"อลินดามองเสื
ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงค่ำ ๆ หลังจากนอนพักเอาแรงกันจนอิ่มแล้วมาเฟียหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดหน้าจอดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้สองทุ่มแล้วจึงบอกกล่าวกับร่างบางในอ้อมกอด "ลุกขึ้นไปอาบน้ำครับจะได้ไปหาอะไรกินกัน""ขอนอนนิ่ง ๆ แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" อลินดาแสดงท่าทีงอแงเพราะรู้สึกง่วง ๆ และขี้เกียจน้อย ๆ ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดขัดใจปล่อยให้เธอนอนกอดเขาต่อไปไม่คิดจะลุกหนีผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีจึงเรียกเธออีกครั้ง "พี่ว่าลุกขึ้นได้แล้วครับน้องอลิน""หือ.." อลินดาถึงกับตาโตหูผึ่ง ผงกหน้าขึ้นมองคนตัวโตด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคำเรียกที่เขาเรียกแทนตัวเองและเธอ มันฟังดูละมุนจนรู้สึกจักกะจี้ในหัวใจ ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย"หืออะไรครับ ต่อไปนี้เราจะเรียกกันแบบนี้โอเคไหมครับ" "โอเคก็ได้ค่ะ" อลินดาพยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายแม้จะรู้สึกเขอะเขิน และไม่ชินหูก็ตาม"น่ารักที่สุด" มาเฟียหนุ่มก้มลงหอมหน้ามนฟอดใหญ่ ก่อนจะเคลื่อนลงหอมแก้มซ้ายขวาของเธอต่อด้วยความรักใคร่เอ็นดู ขณะที่คนถูกหอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากเธอตัดสินใจวางทิ้งความรู้ไม่ดีต่อมาเฟียหนุ่มเกี่ยวกับเรื่องในอดีต และท







