ตกเย็นในวันเดียวกันหลังจากที่สนทนากับน้องสาวอยู่สักพักมาเฟียหนุ่มก็ตัดสินใจเดินทางไปหาเพื่อนสนิทของน้องสาวอย่างอลินดาเพื่อถามไถ่ถึงคนรักของน้องสาว
เขาคิดว่าอลินดาเป็นเพื่อนที่น้องสาวสนิทด้วยที่สุดเพราะเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกวัน บางครั้งก็อยู่ด้วยกันที่คอนโดจึงน่าจะรู้เรื่องส่วนตัวของน้องสาวแน่นอนดีไม่ดีน้องสาวของเขาอาจจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้วด้วยซ้ำไป
เห็นวันนี้ลูกน้องที่เขาให้เฝ้าติดตามน้องสาวก็บอกว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน
@บ้านอลินดา
ก๊อก! ก๊อก!
“พี่อลินมีคนมาหา ตอนนี้เขารออยู่ที่ห้องรับแขก”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงพูดของอคินทำให้อลินดาที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงหยุดชะงัก
คิ้วสวยขมวดชนกันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจว่าใครกันที่มาหาเธอเพราะปกติไม่ค่อยมีใครมาหาเธอถึงที่บ้านหรอก
“เดี๋ยวพี่ลงไป” เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วตะเบ็งเสียงตอบน้องชายไป จากนั้นก็ดีดตัวลงจากเตียงเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
“พี่แทนไท”
เท้าเล็กพลันหยุดชะงักกึกครั้นเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเป็นใคร หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างห้ามไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดของแฟนสาวที่บอกว่าพี่ชายของเธอโหดมาก
อีกใจก็นึกสงสัยว่าเขามาบ้านเธอถูกได้ยังไงกันในเมื่อเขาไม่เคยรู้ หรือไม่เคยมาบ้านเธอเลยสักครั้งแฟนสาวของเธอบอกงั้นเหรอก็ไม่น่าจะใช่
เธอได้แต่เก็บความรู้สึกและคำถามมากมายที่ผุดในสมองไว้ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้าท่าทางปกติ “พี่แทนไทสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” มาเฟียหนุ่มรับไหว้เพื่อนสนิทของน้องสาวด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ทว่าภายในใจกลับไม่ได้ยิ้มเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาจ้องมองหน้าร่างบางที่นั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างพินิศ
“พี่แทนไทมาบ้านอลินถูกได้ยังไงคะ หยกบอกเหรอ” อลินดาเห็นสายตาของมาเฟียหนุ่มที่มองมาแต่เธอก็เลือกจะปล่อยผ่านแล้วถามถึงสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่แทน
“หยกไม่ได้บอกหรอก พี่รู้เอง” มาเฟียหนุ่มตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่ง สำหรับเขาแค่เรื่องหาที่อยู่ของใครสักคนมันใช่เรื่องยากเลยไม่ต้องไปถามน้องสาวให้เมื่อยปากเพราะรู้ดีน้องสาวคงไม่บอกแน่ ๆ เขาก็แค่สั่งให้ลูกน้องสืบแป๊บเดียวก็รู้แล้ว
อลินดาพอเข้าใจได้ไม่ต้องให้มาเฟียหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมเขาเป็นถึงลูกมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลเรื่องหาบ้านคนคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เธอเลิกสนใจเรื่องที่ถามไปแล้วเริ่มพูดเข้าจุดประสงค์ที่เขามาหาเธอในวันนี้ทันทีทั้ง ๆ ที่พอจะเดาได้ว่าเขามาหาเธอถึงที่บ้านด้วยเรื่องอะไร “แล้วพี่แทนไทมาหาอลินถึงที่บ้านมีธุระอะไรรึเปล่าคะ”
“น้องอลินรู้รึเปล่าว่าแฟนหยกเป็นใคร” เมื่อหญิงสาวยิงคำถามตรง ๆ มาเฟียหนุ่มก็ไม่อ้อมค้อมเอ่ยถามไปตรง สายตาก็จับจ้องใบหน้าเรียวตลอดเวลาเพื่อจับปฏิกิริยาของเธอว่ามีพิรุธอะไรหรือเปล่า
ทั้งที่พยายามเตรียมใจในการตอบคำถามแล้ว แต่พอเห็นสายตาดุดันของคนตรงข้ามอลินดาก็อดอึกอักไม่ได้ หัวใจที่เพิ่งสงบนิ่งพลันสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งจนเธอต้องเลื่อนมือที่วางข้างตัวไปประสานกันบนหน้าตักเพื่อข่มความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะพูดโกหกไป
“อลินก็ไม่รู้อะไรมากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าแฟนหยกชื่อฟาตินทำงานอยู่ต่างประเทศแค่นั้นค่ะ”
“แล้วน้องอลินรู้รึเปล่าว่าแฟนหยกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” มาเฟียหนุ่มยังคงถามต่อเพราะข้อมูลที่หญิงสาวบอกมามันยังไม่เพียงพอที่เขาจะรู้ได้ว่าแฟนของน้องสาวคือใคร
“ไม่รู้ค่ะ”
“แล้วน้องอลินมีช่องทางติดต่อแฟนหยกหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วน้องอลินรู้ชื่อจริง หรือนามสกุลแฟนหยกไหมครับ”
“ไม่รู้ค่ะ บอกแล้วไงคะว่าอลินไม่ค่อยรู้เรื่องแฟนหยก” อลินดาเริ่มรำคาญที่มาเฟียหนุ่มซักไซ้ไม่เลิกจึงเผลอแสดงสีหน้าท่าทางไม่ดีออกไป พอนึกได้ก็รีบปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ ทว่ามีหรือมาเฟียหนุ่มจะไม่เห็นในเมื่อเขาจับจ้องปฏิกิริยาของเธอตลอดเวลา
เขาเห็นว่าตอนแรกที่เขาถามถึงแฟนโยษิตาหญิงสาวมีอาการเลิ่กลักอย่างเห็นได้ชัดจนต้องเลื่อนมือมาประสานกันบนหน้าตักเพื่อข่มอาการเอาไว้
แล้วแบบนี้หรือที่เธอบอกว่าไม่ค่อยรู้อะไร เขาคิดว่าเธอคงรู้เรื่องราวจากน้องสาวเขาแล้วจึงพยายามช่วยปกปิด
บอกตามตรงว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาก็เริ่มไม่ดีแล้วเหมือนกันกับการตอบคำถามของหญิงสาวที่ถามอะไรไปก็บอกว่าไม่รู้ ๆ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ หนึ่งทีเพื่อสงบจิตใจให้เย็นลง ก่อนกดเสียงเอ่ยออกไปอย่างใจเย็นที่สุดแต่คำพูดที่เปล่งออกไปกับแฝงด้วยความกดดัน
“เหรอครับ ไม่ใช่ว่าน้องอลินกำลังช่วยน้องสาวพี่ปกปิดอยู่เหรอ”
คำพูดมาเฟียหนุ่มยิ่งทำให้อลินดาหวั่นใจมากกว่าเดิม แต่เธอก็พยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้ตีหน้าซื่อเอ่ยไปราวกับว่าไม่รู้เรื่องราวอะไร
“ทำไมอลินต้องช่วยหยกปกปิดด้วยล่ะคะ อลินรู้เท่าที่บอกพี่ไปจริง ๆ หากพี่อยากรู้มากนักทำไมไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะคะ”
“อย่าทำเป็นไขสืออลิน ฉันรู้ว่าเธอรู้แต่ไม่ยอมบอก” ในที่สุดมาเฟียหนุ่มก็หมดความอดทนกับคนตรงหน้า สรรพนามใช้เรียกที่เปลี่ยนไปบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขารู้สึกโมโหมากแค่ไหน
เขาอุตส่าห์พยายามปั้นมามาพูดคุยกับเธออย่างเป็นมิตรแต่กลับไม่ได้อะไรเลย
“อลินว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะคะ เชิญพี่กลับไปเถอะ” อลินดาเองก็ไม่ทนเช่นกันตัดปัญหาด้วยการเชิญเขาออกไปจากบ้านแม้มันจะเป็นการกระทำที่เสียมารยาทก็ตาม ว่าจบก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเติมความสูงก่อนจะเดินก้าวเดินออกไป
“อ๊ะ!”
ทว่าก้าวเท้าเดินได้ไม่ทันไรเธอก็ต้องหลุดอุทานออกเมื่อถูกมือของคนที่เธอกำลังเดินหนึจับหมับเข้าที่แขน ก่อนจะถูกดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
“ฉันยังพูดไม่จบเธอไม่มีสิทธิ์เดินหนี” มาเฟียหนุ่มกดเสียงเอ่ยอย่างไม่พอใจ สายตาจ้องมองใบหน้าเรียวเขม็ง ขณะที่มือก็ออกแรงบีบแขนเล็กหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุอยู่ในร่างกาย
“อลินเจ็บปล่อยนะคะ” อลินดาร้องท้วงออกมาด้วยใบหน้าเหยเกพลางพยายามใช้อีกมือแกะมือหนาที่กำลังออกแรงบีบแขนเธอออก แต่ดูเหมือนยิ่งเธอพยายามแกะ มือหนาก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบมากขึ้นจนรู้สึกเหมือนกระดูกแขนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ทำไมเขาถึงได้ป่าเถื่อนขนาดนี้กัน เพียงเพราะต้องการรู้ว่าแฟนน้องสาวเป็นใครถึงกับต้องทำกันขนาดนี้เชียวหรือ ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
ตอนแรกเธอก็รู้เฉย ๆ กับเขาแต่ตอนี้บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเริ่มรู้สึกเกลียด หากไม่ติดว่าจะเป็นการทำลายความรักระหว่างเธอกับคนรักอยากจะตะโกนใส่หน้าเขาเหลือเกินว่าเธอนี่แหละคือแฟนของน้องสาวเขาดูสิเขาจะทำหน้ายังไง
“เจ็บก็บอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฟนหยกมา แล้วฉันจะปล่อย” มาเฟียหนุ่มไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะเจ็บแค่ไหนกดเสียงถามอย่างเยือกเย็น ใบหน้าดุดันจนดูน่ากลัว
“ก็อลินบอกไปหมดแล้วจะให้อลินบอกอะไรอีก พี่ควรปล่อยอลินก่อนที่อลินจะตะโกนให้คนในบ้านช่วย”
แม้จะรู้เจ็บกับการกระทำของอีกคนมากแค่ไหนแต่อลินดาก็ยังยืนกร้านเสียงแข็งว่าไม่รู้ และไม่ลืมจะพูดขู่ทิ้งท้ายด้วยหวังให้เขาหยุดการกระทำห่าม ๆ นี้
“คำขู่แค่นี้คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ?” แต่เปล่าเลยเขากลับตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย หนำซ้ำยังออกแรงบีบมากกว่าเดิมทำเอาอลินดาถึงกับน้ำตาคลอเบ้านึกเกลียดอีกคนเข้าไปอีก
ในเมื่อเขากล้าทำขนาดนี้แถมยังอวดเบ่งอำนาจอย่างไม่รู้สึกรู้สาทั้งที่อยู่ในบ้านเธอแท้ ๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเคารพเขาในฐานะพี่ชายของแฟนอีกต่อไป จึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน “ใครอยู่แถวนี้มาชะ..”
ยังไม่ทันจะได้ตะโกนจบประโยคเสียงของอลินดาก็ถูกกลืนหายไปในลำคอเพราะถูกมาเฟียหนุ่มประกบจูบปิดปากเอาไว้
เธอถึงกับเบิกตากว้างช็อคไปชั่วขณะกับสิ่งที่เกิดขึ้นครั้นตั้งสติได้ก็ใช้มือผลักไสอกร่างสูงที่ยืนประชิดตัวพัลวันพลางพาหน้าหนี “อื้อ ๆ อ่อยอั้น”
มาเฟียหนุ่มยอมผละปากออกอย่าง่ายดาย เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะจูบหญิงสาวสักนิดเพียงแต่ตอนที่เธอตะโกนเขาต้องการให้เธอเงียบเสียงเท่านั้นเพราะไม่ต้องการให้ใครกรู่กันมาดูจึงฉวยหน้าเธอมาจูบด้วยคิดหาวิธีไม่ทัน
“คนเลว!” ทันทีที่ปากเป็นอิสระอลินดาก็ก่นด่าร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับง้างมือหมายจะตบหน้าของเขาด้วยความโกรธจัด แต่อีกคนเร็วกว่าเขาดันจับมือเธอได้ก่อนที่จะถึงหน้าเพียงนิดเดียวกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาจับมือเธอไว้แทน
“เธอไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอรวมหัวกับหยกช่วยกันปกปิดเราจะได้เห็นดีกัน” มาเฟียหนุ่มกดเสียงเอ่ยอย่างเย็นเยียบพร้อมกับออกแรงบีบข้อมือเล็กแรง ๆ เพื่อเป็นการเตือนว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอจะมาลองดีด้วยได้
จากนั้นก็สะบัดมือออกจากข้อมือเล็กแล้วหันหลังเดินออกจากห้องรับแขกไปทิ้งให้อีกคนยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ
“อ๊ายย! คนเลว” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มหายหลังไปอลินดาก็หวีดร้องในลำคอเบา ๆ เพื่อระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในกาย ขณะที่มือก็ถูไถริมฝีปากไปมาแรง ๆ นึกรังเกียจและขยะแขยงสัมผัสจากผู้ชายสารเลวยิ่งนัก
เธอถูไถริมฝีปากไปมาจนแดงเถือก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องนอนตัวเองแล้วจัดการใช้น้ำยาบ้วนปากล้างปากเพื่อขจัดสัมผัสน่ารังเกียจออกไปให้หมด
หากเป็นผู้หญิงที่จูบเธอคงจะไม่รู้สึกขยะแขยงมากขนาดนี้ บอกตามตรงเลยว่านอกจากจูบกับแฟนสาวแล้วเธอก็ไม่เคยจูบกับใครเลยไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นอะไรที่ช็อคสุด ๆ เพราะนอกจากเธอจะถูกผู้ชายจูบครั้งแรกแล้ว หนำซ้ำผู้ชายที่จูบยังเป็นพี่ชายคนแฟนสาว และเป็นคนที่เธอพูดได้เต็มปากว่าเกลียด
มันเป็นเรื่องเฮงซวยที่สุด…
"หยก..เธอไปอยู่ที่ไหนกัน" อลินดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟาแม้มาเฟียหนุ่มกับลูกน้องจะออกจากห้องไปหมดแล้วก็ตามเรื่องที่ได้รู้มันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงจริง ๆ เพราะโยษิตาเป็นเสมือนหัวใจของเธอ ทว่าตอนนี้หัวใจดวงนั้นกลับหายไปแล้วโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าหายไปไหน น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากดวงตาคมไม่หยุด ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่แบบนั้นกระทั่งตระหนักได้ว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้สู้เอาเวลาไปสืบเสาะว่าแฟนสาวอยู่ที่ไหนดีกว่าคิดได้ดังนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจนแห้ง ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาแต่งหน้าแต่งตัว จากนั้นจึงเดินทางออกจากคอนโดตรงไปสนามบินทันทีเพื่อสืบหาว่าโยษิตาบินไปประเทศไหน โดยเธอไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตัวเองมีคนของมาเฟียหนุ่มแอบติดตามเมื่อมาถึงสนามบินเธอก็ใช้เส้นสายของผู้เป็นพ่อขอดูข้อมูลการเดินทางเข้าออกของสนามบิน ทว่าเธอกลับต้องผิดหวังเพราะข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศไม่มีชื่อแฟนสาวเลยสักไฟล์อดทำให้คิดไม่ได้ว่ามาเฟียหนุ่มพูดโกหก ความจริงแล้วแฟนสาวอาจยังอยู่ในประเทศไทย"คนเลว! คุณหลอกฉัน" เธอสบถออกมาด้วยความโกรธมือทั้งสองกำ
วันต่อมา…กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมปลุกให้อลินดาเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ“โอ๊ย! ใครมาตั้งแต่เช้าเนี่ย” เธอสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ใช้มือยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิง ก่อนจะพาตัวลงจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูด้วยความไม่พอใจหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างแรงว่าหากคนที่มากดกริ่งปลุกมีเรื่องไม่สำคัญพอเธอจะด่าเข้าให้โทษฐานที่มากวนเวลานอนแกร็ก!วินาทีที่เปิดประตูออกไปเธอก็ต้องตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือผู้ชายสารเลว และด้านหลังของเขามีลูกน้องสองคนยืนประกอบอยู่ในมือถือถุงใส่ชุดแต่งงานไม่ต่ำกว่าห้าชุด เธออุตส่าห์หนีมาอยู่ที่คอนโดแล้วเขาก็ยังพาชุดแต่งงานตามมาอีกเหรอแต่แล้วยังไงเธอจะไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการเด็ดขาด คิดได้ดังนั้นก็รีบผลักประตูให้ปิดลง ทว่าเหมือนอีกคนจะเร็วกว่าเพราะเขาดันใช้เท้าดักไว้ก่อนที่ประตูจะปิดลง จากนั้นก็ใช้มือผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างหน้าตาเฉย ตามด้วยลูกน้องอีกสองคน“พวกคุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอรีบวิ่งไปขวางร่างสูงเอาไว้พร้อมกับไล่ตะเพิ
“แด๊ดดี๊กับมามี๊รู้จักเขาดีแล้วเหรอคะถึงยอมให้อลินแต่งงานกับเขาง่าย ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นคนไม่ดีก็ได้นะคะ อีกอย่างอลินก็ไม่ได้รักเขาเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาด และเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากนะคะในสมัยนี้” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มจากไปอลินดาก็รีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาที่เขาเคยนั่งแล้วพูดคุยกับพ่อแม่ พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดพวกท่านได้“รู้จักสิ” ภาคินตอบเสียงเรียบสายตาจับจ้องหน้าบุตรสาวนิ่ง ๆ “แทนไทเป็นลูกมาคัล แอคคาร์โดผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจของไทยเพียบพร้อมทั้งครอบครัว ฐานะ การศึกษา และหน้าตาดี แล้วมีตรงไหนที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับลูก” “อลินหมายถึงนิสัยค่ะแด๊ดดี๊” อลินดามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ“ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับเขา ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้นเพราะแด๊ดได้ตกลงไปแล้ว” ภาคินยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเขาต้องการให้บุตรสาวเลิกคบผู้หญิงด้วยกัน ว่าจบก็ลุกเดินขึ้นห้องไปทันทีไม่ฟังเสียงทักท้วงของบุตรสาวที่ดังตามหลังมาสักนิด“มามี๊ช่วยอลินด้วยนะคะ อลินไม่อยากแต่งงานกับเขา มามี๊ช่วยไปพูดกับแด๊ดดี๊ให้หน่อยนะคะ” เมื่อพูดเปลี่ยนใจผู้เป็นพ่อไม่สำเร็
ในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลยการที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่
หัวใจดวงน้อย ๆ ของอลินดากระหน่ำเต้นขึ้นมาฉับพลันในตอนที่รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่รั้วบ้านของเธอ รีบหันไปถามร่างสูงข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณมาบ้านฉันทำไม คิดจะทำอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”“หึ” คนถูกถามหันไปแสยะยิ้มร้ายมุมปากให้หญิงสาวแทนคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกเหมือนเดิม กระทั่งรถจอดสนิทลงหน้าบ้านหญิงสาวจึงหันกลับไปออกคำสั่งกับร่างบางข้าง ๆ “ลงไปสิถึงบ้านเธอแล้ว”“คุณมีแผนอะไรกันแน่ คงไม่ใช่ใจดีมาส่งฉันที่บ้านอย่างเดียวใช่ไหม” อลินดาเลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าคมคายอย่างหวาดระแวงเพราะเธอไม่เชื่อสักนิดว่าเขาจะใจดีมาส่งเธอแค่อย่างเดียว แต่กลับได้รับความเงียบแทนคำตอบ หนำซ้ำเขายังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่ายิ่งทำให้เธอไม่ไว้ใจเข้าไปอีก พยายามอ่านสายตาของเขาแต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยมาเฟียหนุ่มมองสบสายตาหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูลงจาจรถไปเมื่อเธอยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงสักทีทำให้อลินดาต้องรีบเปิดประตูลงตามไป แล้วรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าร่างสูงที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านของเธอ “คุณจะไปไหน”“…”มาเฟียหนุ่มไม่ตอบเหมือนเดิมเลือกจะเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง ซึ่
วันต่อมา…หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน วันนี้อลินดาก็ตัดสินใจว่าจะไปเฝ้าดูลาดเลาแถว ๆ หน้าบ้านแฟนสาวก่อนเผื่อจะมีโอกาสเข้าไป ให้เธอทนอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวของแฟนสาวเลยเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขใจมันพะหว้าพะวงตลอดเวลา โดยเธอได้กลับไปยืมรถของน้องชายที่บ้านแล้วขับไปยังบ้านแฟนสาวเพราะหากขับรถของตัวเองไปก็เกรงว่ามาเฟียหนุ่ม และคนอื่น ๆ ในบ้านนั้นจะจำได้เธอนั่งดูลาดเลาอยู่ภายในรถบริเวณริมกำแพงบ้านแฟนสาว ทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าคนในบ้านหลังนี้จะออกไปไหนเลย“บ้าเอ๊ย! ใจคอไม่คิดจะออกไปไหนกันเลยเหรอ” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิงเพื่อระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ด้วยสิ ในวินาทีที่เธอตัดสินใจจะกลับก็มีรถลีมูซีนแล่นออกมาจากบ้าน เธอพยายามใช้สายตาเพ่งมองผ่านกระจกมืดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นมาเฟียหนุ่มกับพ่อของเขานี่แหละเป็นโอกาสดีของเธอที่จะเข้าไปหาแฟนสาว ทันทีที่รถลีมูซีนแล่นออกไปไกลเธอก็รีบขับรถเข้าไปยังบ้านแฟนสาวด้วยความเร็วหัวใจของเธออดสั่นไหวไม่ได้ในตอนที่จอดรถลงหน้าบ้านแฟนสาว แล้วเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำหน้าตาดุดันเดินต