หน้าหลัก / โรแมนติก / พันธะลวง / 4.หนุ่มเนื้อหอม (2)

แชร์

4.หนุ่มเนื้อหอม (2)

ผู้เขียน: rasita_suin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-09 16:24:39

มาธาวีนั่งเงียบอยู่ที่เบาะด้านหลังรถของปัฐวิกรอย่างอึดอัด เธอไม่ได้อยากติดสอยห้อยตามมากับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพราะวันพรุ่งนี้โรงเรียนหยุดและกัญญานันเองก็ไปนอนบนภูหมอก เธอจึงกลับบ้านก่อนจะมาที่งานพร้อมบิดามารดาและจะกลับไปนอนกับพวกท่าน

ทว่าเมื่อพี่สาวเอ่ยปากเรื่องไปต่อกับกลุ่มเพื่อน เพราะพรชิตาเอ่ยปากชวน เธอจึงถูกยัดเยียดให้มาเป็นเพื่อนพี่สาว แถมพี่เธอยังชวนปัฐวิกรมาอีกด้วย ในคราแรกชายหนุ่มปฏิเสธแต่เพราะมาลินีอ้างว่าอยากให้มีคนที่ไว้ใจได้ไปด้วยเพื่อความสบายใจของพ่อกับแม่ นั่นทำให้ได้แรงสนับสนุนจากพวกท่านในทันที ยิ่งแม่ของเธอถึงกับฝากฝังลูกสาวสองคนกับชายหนุ่มเลยทีเดียว

ปัฐวิกรขับรถมาตามสถานที่ที่มาลินีบอก แล้วก็ได้รู้ว่าอยู่ไม่ไกลคอนโดของตนนัก เมื่อก่อนชายหนุ่มพักกับน้องชาย แต่เมื่ออีกฝ่ายมีครอบครัวแล้วเขาจึงซื้อคอนโดของตนเองแยกออกมา แม้จะนอนโรงแรมก็ได้ทว่าชายหนุ่มคิดว่าหากบิดามารดาต้องการมาเยี่ยมกิตติกรหรือกัญญานัน น่าจะสะดวกมากกว่า

“นึกว่าคุณอธิปจะไม่มาเสียอีกค่ะ”

มาธาวีพูดขึ้นเมื่อเห็นอธิปเดินตามกลุ่มของพวกเธอเข้าไปข้างใน

“จะพลาดได้ไงล่ะครับ”

อธิปยิ้มกว้างตาพราว

“สาวๆ เยอะใช่ไหมล่ะ”

มาลินีเหล่ตาพร้อมเอ่ยขึ้น

คนถูกทักยักไหล่ ไม่อยากบอกว่าความจริงเขาตามน้องสาวของเธอมาต่างหาก เพราะแม้อธิปดูเหมือนสนิทสนมกับผู้หญิงในที่ทำงานหลายคนแต่เขาก็ไม่ได้หมาหยอกไก่ ชายหนุ่มเพียงแค่อัธยาศัยดี ทว่ามาลินีคงคิดว่าเขาเจ้าชู้ไม่เบา และเธอก็ค่อนข้างวางตัวกับเขาอย่างมีช่องว่าง ซึ่งอธิปไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดจะคบหาเขาแบบเพื่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องพยายามทำให้หญิงสาวรู้ว่าตัวตนจริงๆ ของเขาเป็นอย่างไร

มาลินีเดินนำปัฐวิกรและน้องสาวมานั่งร่วมโต๊ะกับพรชิตาที่รออยู่คนเดียว ส่วนอธิปแยกไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนของเขา

มาธาวีมองทุกคนในนี้แล้วก็รู้สึกว่าแต่มีรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเธอหลายปีและมีหน้าที่การงานมั่นคงแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครรุ่นราวคราวเดียวกับเธอสักคน อาจเป็นเพราะพรชิตาเองก็ทำงานราชการเช่นกัน ทำให้เพื่อนที่รู้จักส่วนใหญ่อยู่ในวงการนี้

“คุณปัฐคงไม่เคยเที่ยวกลางคืนที่เชียงใหม่ใช่ไหมคะ”

พรชิตาถามขึ้น เห็นชัดว่าความสนใจอยู่ที่เขาเต็มๆ

“ครับ”

“งั้นก็สนุกให้เต็มที่นะคะ คิดเสียว่านานๆ จะได้ผ่อนคลายสักที”

หญิงสาวบอกพร้อมกับยื่นแก้วของตนมาเพื่อจะชนกับชายหนุ่ม

“สองด้วยนะ กลับมาอยู่เชียงใหม่ตั้งนานไม่ได้สังสรรค์กันเลย ตามสบายนะจ๊ะ”

พรชิตาหันไปทางคนที่อายุน้อยที่สุด

ปัฐวิกรชนแก้วกับพรชิตา ทว่าสายตาคมเหลือบมองคนร่างอรชรที่มีแก้วอยู่ในมือเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงคอกเทลที่แอลกอฮอล์ไม่แรงก็วางใจได้เปลาะหนึ่ง แม้จะไม่รู้ว่าทำไมตนต้องคอยสังเกตเธอก็ตาม พอมาลินียื่นแก้วมาชนด้วยเขาก็ชนแล้วดื่มราวไม่ได้ใส่ใจมาธาวี

“คุณปัฐเต้นรำกับตานะคะ”

เวลานี้เพลงเปลี่ยนเป็นจังหวะช้าและมีหลายคู่ออกไปวาดลวดลายในพื้นที่ตรงกลางใกล้หน้าเวทีที่มีดีเจอยู่

ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดขึ้นมาดื้อๆ แต่เมื่อสังเกตจากการดื่มของเธอแล้วก็ไม่แปลกใจนัก ไม่พูดเปล่า มือบางยังวางลงบนมือเขาลูบเบาๆ อีกต่างหาก

ปัฐวิกรอดคิดไม่ได้ว่าเขาดูใจดีและง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็มักจะแตะตัวเขาก่อน แม้แต่มาธาวีเองก็เช่นกัน คิดมาตรงแล้วเขาก็เหลือบมองไปทางหญิงสาวก็เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจมองเขาด้วยซ้ำ มาธาวีสนใจมือถือของตนเองมากกว่า เมื่อมองไปทางมาลินีก็เห็นว่าสีหน้าลำบากใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“นะคะ ยังไงวันนี้ตาก็เป็นเจ้ามือ ให้เกียรติตาหน่อยนะคะ”

“คุณตาเป็นฝ่ายให้เกียรติผมต่างหากล่ะครับ”

เขาบอกอย่างอ่อนใจ

“งั้นก็หมายความว่าตกลง”

สาวสวยร่างอิ่มสมส่วนลุกขึ้นทันทีพร้อมจับมือเขาให้ลุกตาม สุดท้ายปัฐวิกรก็จำต้องไปกับเธอ

เสียงจิ๊กจั๊กที่ดังใกล้ๆ ตัวหลังคนสองคนไปแล้วทำให้มาธาวีเหลือบตามองพี่สาวที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ

“ขัดอกขัดใจอะไรนักหนาคะ”

“เธอก็เห็น แทนที่ฉันจะได้คุยกับคุณปัฐบ้าง กลายเป็นว่ายายตาเหมาเขาไปคนเดียวเลย”

มาลินีระบายด้วยความเซ็ง เห็นชัดว่าเป็นเพียงการบ่นไม่ได้คิดจะปรึกษา มาธาวีจึงแค่ยักไหล่ เธอเองก็ไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูมาดดี สุขุม เป็นผู้ใหญ่อย่างปัฐวิกรจะเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ที่หน้าที่การงานมั่นคงขนาดนี้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่พี่สาวเธอกับพรชิตาหรอก หญิงสาวรับรู้ถึงสายตาสนอกสนใจมองมาไม่ขนาดสาย ใครกล้าหน่อยก็เข้ามาทักทายและถามไถ่ว่าเขาเป็นใคร

ไม่เพียงเท่านั้น สาวใหญ่มีอายุเองก็ยังติดบ่วงหนุ่มเนี้ยบอย่างปัฐวิกรจนเขาต้องเอาเธอไปอ้างมาแล้ว

ไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายมีอะไรดึงดูดใจสาววัยผู้ใหญ่นักหนา

“คุณสอง ไปเต้นรำกันไหมครับ”

อยู่ๆ อธิปก็เดินเข้ามาพูดกับเธอ

สองสาวพี่น้องเงยหน้ามองชายหนุ่มราวกับเขาเป็นตัวประหลาด ก่อนมาลินีจะสะบัดหน้าหนีไม่ใส่ใจ ปล่อยให้น้องสาวตัดสินใจเอง

มาธาวียิ้มแหยแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ไหวหรอกค่ะ”

“ยายสองรำเป็นแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ”

เสียงพี่สาวเอ่ยลอยขึ้นมาบ่งบอกความหมั่นไส้

“อย่างที่พี่หนึ่งบอกแหละค่ะ คุณอธิปไปกับพี่หนึ่งสิคะ เธอเต้นรำเก่งมาก นี่นั่งรอให้คนมาขอก็ไม่มีใครสนใจเลยสักคน”

“ยายสอง”

มาลินีหันมาแว้ดใส่น้องสาวทันที

ชายหนุ่มที่มองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะขึ้นมากับความเป็นธรรมชาติของสองพี่น้อง ที่ไม่มีใครคีบลุคกับเขาเลยสักคน เห็นชัดว่าเขาไม่อยู่ในสายตาพวกเธอ

ความจริงชายหนุ่มก็พอจะเดาได้ว่ามาลินีหมายตาใครเอาไว้จนอุตส่าห์ชวนมาด้วย แต่ตอนนี้เหมือนคนคนนั้นจะโดนยึดไปแล้ว

“นั่งเฉยๆ เบื่อแย่ ไปเถอะครับคุณหนึ่ง”

มาลินีแปลกใจที่เขาก็เปลี่ยนมาชวนเธอแทน และนั่นกลับยิ่งทำให้หญิงสาวชักสีหน้าใส่อีกฝ่าย

“ก็คุณสองบอกว่าคุณเก่ง ผมเลยอยากรู้ว่าจะสักแค่ไหนกันเชียว”

อธิปจงใจท้าทาย เพราะดูจากสถานการณ์แล้วยังไงมาธาวีก็คงไม่ออกไปเต้นรำกับเขาแน่ ส่วนมาลินีชะเง้อชะแง้ไปที่ด้านหน้าอยู่ตลอดเวลา

“ไปเถอะคุณ อยู่ตรงนี้ยังไงก็ไม่ได้ยินหรอกว่าเขาคุยอะไรกัน เข้าไปใกล้ๆ ดีกว่า”

ร่างสูงเพรียวโน้มลงมากระซิบอย่างรู้ทัน มาลินีสบตาคมนิ่ง เห็นด้วยกับชายหนุ่ม เพราะเธออยากเข้าไปฟังใกล้ๆ จะแย่อยู่แล้ว ว่าร่างสองร่างที่กำลังกอดและซุกซบกันอยู่ท่ามกลางคู่เต้นอื่นๆ นั้นคุยอะไรกัน ทำไมต้องคุยกันในระยะประชิดขนาดนี้

=====

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พันธะลวง   8.รถไฟชนกัน (2)

    มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส“พี่ปัฐ”ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับรอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้“ครับ”มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”ตาคู่กลมโตเหล

  • พันธะลวง   8.รถไฟชนกัน (1)

    เป็นเช้าที่มาธาวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย ทั้งที่บ้านเธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ปกติมานอนที่บ้านเมื่อไรหญิงสาวจะลุกขึ้นไปยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นหน้าระเบียงห้องนอนตอนเช้า ทว่าวันนี้แม้แสงแดดส่องผ่านกระจกที่ผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้เจ้าของร่างอรชรก็ไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือจึงหยิบขึ้นมาดู‘พี่ปัฐบอกให้ส่งเบอร์เขาให้สองน่ะ แล้วเขาก็ขอเบอร์สองไปด้วย เห็นว่ารับปากพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเอาไว้ตอนท่านชวนไปทานข้าวที่บ้าน เลยขอเบอร์สอง’เห็นข้อความของกัญญานันแล้วก็ได้แต่ทิ้งมือถือลงอย่างอ่อนแรง ไม่นึกอยากให้ปัฐวิกรมาที่บ้านของเธอเลยสักนิด สังหรณ์ในใจบอกเธอว่าเรื่องราวคู่หมั้นจอมปลอมจะไม่จบลงแค่ที่พี่สาวของเธอแม้แทบไม่อยากลุกจากเตียงนอนไปเผชิญหน้ากับมาลินีในเวลาอาหารเช้า แต่มาธาวีก็ต้องขยับตัวเพราะไม่อยากทำตัวให้ผิดปกติจนอีกฝ่ายหาเรื่องค่อนขอดได้อีก จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจร่างโปร่งระหงในชุดข้าราชการเรียบร้อยเดินลงจากบันไดไปก่อน มาธาวีที่ก้าวออกมาเห็นอีกฝ่ายหยุดกึกรอให้

  • พันธะลวง   7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (2)

    ‘จะเอาให้ครางเอาอีกๆ ไม่หยุดเลย คอยดูสิ’‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’มาธาวีตะโกนด่าเสียงดังอย่างรังเกียจสุดจิตสุดใจ ทั้งยังวาดมือใส่หน้าที่ซุกไซ้แก้มกับลำคอไม่หยุดสุดกำลังเท่าที่มือจะใช้แรงได้‘โอ๊ะ...’ได้ยินเสียงเข้มดังก่อนชายหนุ่มจะเข่นเขี้ยว‘ตบเหรอหา!’เพี้ยะ!!แรงกระทบหน้าหนักหน่วงทำเอามาธาวีถึงกับชาไปทั้งข้างแก้ม รู้สึกได้ถึงความเจ็บจี๊ดตรงมุมปาก เธอชะงักไปอึดใจหนึ่งเลยเดียว‘ไง หมดฤทธิ์แล้วสินะ’น้ำเสียงเยาะหยันอย่างพอใจก่อนคุณากรจะถอยออกไปถอดเสื้อของตัวเอง คงเพราะเห็นว่าเธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์แล้ว นั่นทำให้มาธาวีรีบปัดป่ายมือควานหาของใกล้มือตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็เจอไอแพดกับมือถือของตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบมือถือปาใส่อีกฝ่าย‘โอ๊ย!’คุณากรสะดุ้ง มาธาวีรีบถอยกรูดให้ห่างอีกฝ่ายมากที่สุดทั้งยังถีบเขาไม่ยั้ง มือหนาคว้าขาเธอเอาไว้ คราวนี้หญิงสาวจึงเอาไอแพดปาใส่ซ้ำไปอีก‘โธ้เว้ย!’อีกฝ่ายสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด ขณะที่ร่างอรชรรีบเผ่นลงจากเตียงวิ่งไปยังประตูห้องด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงกำยำก้าวตามมา ทว่าเธอก็เปิดประตูได้พอดี กำลังจะพุ่งตัวออกไปอีกฝ่ายก็ดึงกลับมา แต่เธอทันได้สบตากับคนที่อยู่ห้

  • พันธะลวง   7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (1)

    น้ำร้อนๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่กลมโต ความอึดอัดขัดใจแน่นอยู่ในอก มาธาวีรู้ว่าที่พี่สาวโวยวายเพราะกำลังเจ็บ ไม่ใช่เจ็บเพราะโกรธ แต่เจ็บที่โดนน้องอย่างเธอหักหลังมาลินีเป็นคนขี้บ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เธอโดนตำหนิบ่อยจนเคยชินแต่รู้ว่าที่พี่สาวมักจะเคือง ไม่พอใจ หรือบ่นเธอก็เพราะหวังดี พอมารู้ว่าถูกหลอกเรื่องผู้ชายก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะปรี๊ดขึ้นมาเธอรู้ว่าพี่สาวเสียใจกับความแห้วของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งเปรมินทร์แล้ว แถมยังมีกิตติกรอีก แต่เพราะเป็นคนสวย เริด เชิด การศึกษาหน้าที่การงานดี มาลินีจึงมั่นใจในตัวเองว่าต้องมีคนที่ดีเหมาะสมเข้ามาในชีวิต การได้เจอปัฐวิกรในเวลาใกล้เคียงกับที่ต้องถอยห่างจากกิตติกร มาธาวีจึงไม่แปลกใจว่าหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อโปรไฟล์หรูย่อมต้องเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่สาวเธออย่างไม่ต้องสงสัยอีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือกับปัฐวิกรพอสมควร เพียงแค่ยังไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่เชียงใหม่เท่านั้น นั่นทำให้คนเป็นน้องสะเทือนใจเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อสั่นเครือของพี่สาว จนสุดท้ายก็ต้องเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อาจฝืนทนเห็นอีกฝ่ายเสียใจได้ ทว่าน้ำเสียงก็เจือความสั่นไม่แพ้

  • พันธะลวง   6.เราคบกันจริงๆ (2)

    “นี่หมายความว่า...”มาลินีพึมพำเสียงเบา แววตาและสีหน้ามองเขาอย่างว่างเปล่า“ใช่ครับ ผมกับสองคบกัน”ปัฐวิกรยืนยันซ้ำอีก เขาไม่อยากให้ความหวังกับมาลินีเพราะดูออกว่าหญิงสาวสนใจเขาเหมือนกับเพื่อนของเธอ“หนึ่งไม่เห็นรู้เลย”เธอถามออกไปอย่างอ่อนล้าราวกับคนพ่ายแพ้ หากน้องสาวตนเองเป็นคนพูด เธอยังเชื่อน้อยกว่าผู้ชายตรงหน้า เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาต้องโกหกเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเธอไม่เคยระแคะระคายมาก่อน ช่วงที่ชายหนุ่มมาในตอนมีปัญหาของกิตติกรครั้งก่อน น้องสาวของเธอกับปัฐวิกรก็แทบจะไม่คุยกันเลยแล้วทั้งสองคนไปคบหากันตอนไหน“ตั้งแต่สองไปงานแต่งนายกลางเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันก็เถอะ สองเขายังไม่กล้าจริงจัง ก็เลยยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมจริงจังเพราะอายุมากแล้ว”คำพูดของปัฐวิกรดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่มาธาวีเองก็คงหลงเชื่อไปด้วย หากคนที่เขาเอามาอ้างไม่ใช่เธอเอง“เหรอคะ”มาลินีเหมือนจะถามแต่กลับพยักหน้าเบาๆ ราวกับยอมรับส่วนปัฐวิกรเหลือบไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งเงียบ แต่แววตาคู่กลมโตกลับมองเขาอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากได้รูปสวยยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเจ้าของร่างอรชรแบบบาง“อย่าม

  • พันธะลวง   6.เราคบกันจริงๆ (1)

    ‘ตาถูกชะตาคุณจังเลย อยากลองคบคุณ ได้ไหมคะ’สาวร่างอิ่มขยับขึ้นไปพูดใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่โดยการเกาะไหล่เขาทั้งสองข้าง แล้วเขย่งตัวขึ้นนี่คือภาพที่มาลินีแอบตามเพื่อนที่ดึงปัฐวิกรออกมาแล้วเห็นเข้า เธอบอกอธิปว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชายหนุ่มมีสายโทรศัพท์เข้ามาพอดีเขาจึงออกไปคุยด้านหน้า เพราะข้างในค่อนข้างเสียงดังแต่ถึงจะดังยังไง พรชิตาก็ไม่เห็นต้องขยับไปพูดใกล้ๆ ชายหนุ่มขนาดนั้น เพราะเธอยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย หญิงสาวค่อนขอดเพื่อนตัวเองในใจ‘เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ’ปัฐวิกรแย้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักพรชิตาออก คิดว่าเขาคงไม่อยากเสียมารยาท เพราะแขนกำยำแนบข้างลำตัว ไม่โอบหรือกอดอีกฝ่ายแต่อย่างใด‘นั่นสิคะ ตาถึงได้บอกว่าถูกชะตา’พรชิตาถอยออกมาเงยหน้ามองชายหนุ่มไม่ห่างนัก ตาคู่สวยพราวหยาดเยิ้ม‘ผม...’‘อย่าบอกนะคะ ว่าคุณไม่ถูกใจตา ของแบบนี้ต้องลองก่อนสิคะ ถึงจะรู้’สาวสวยยิ้มอย่างขี้เล่นขณะพูดคนแอบฟังอย่างมาลินีได้ยินคำนี้ของเพื่อนยังถึงกับอึ้ง เธอไม่ค่อยแปลกใจหรอก เพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่ แต่พรชิตาเพิ่งเจอปัฐวิกรวันนี้เอง อ่อยหนักขนาดนี้หมายความว่าอยากให้เขากลับไปด้วยคืนนี้แน่ๆคิดมาถึงตรงนี้มาลินีก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status