มาธาวีนั่งเงียบอยู่ที่เบาะด้านหลังรถของปัฐวิกรอย่างอึดอัด เธอไม่ได้อยากติดสอยห้อยตามมากับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพราะวันพรุ่งนี้โรงเรียนหยุดและกัญญานันเองก็ไปนอนบนภูหมอก เธอจึงกลับบ้านก่อนจะมาที่งานพร้อมบิดามารดาและจะกลับไปนอนกับพวกท่าน
ทว่าเมื่อพี่สาวเอ่ยปากเรื่องไปต่อกับกลุ่มเพื่อน เพราะพรชิตาเอ่ยปากชวน เธอจึงถูกยัดเยียดให้มาเป็นเพื่อนพี่สาว แถมพี่เธอยังชวนปัฐวิกรมาอีกด้วย ในคราแรกชายหนุ่มปฏิเสธแต่เพราะมาลินีอ้างว่าอยากให้มีคนที่ไว้ใจได้ไปด้วยเพื่อความสบายใจของพ่อกับแม่ นั่นทำให้ได้แรงสนับสนุนจากพวกท่านในทันที ยิ่งแม่ของเธอถึงกับฝากฝังลูกสาวสองคนกับชายหนุ่มเลยทีเดียว
ปัฐวิกรขับรถมาตามสถานที่ที่มาลินีบอก แล้วก็ได้รู้ว่าอยู่ไม่ไกลคอนโดของตนนัก เมื่อก่อนชายหนุ่มพักกับน้องชาย แต่เมื่ออีกฝ่ายมีครอบครัวแล้วเขาจึงซื้อคอนโดของตนเองแยกออกมา แม้จะนอนโรงแรมก็ได้ทว่าชายหนุ่มคิดว่าหากบิดามารดาต้องการมาเยี่ยมกิตติกรหรือกัญญานัน น่าจะสะดวกมากกว่า
“นึกว่าคุณอธิปจะไม่มาเสียอีกค่ะ”
มาธาวีพูดขึ้นเมื่อเห็นอธิปเดินตามกลุ่มของพวกเธอเข้าไปข้างใน
“จะพลาดได้ไงล่ะครับ”
อธิปยิ้มกว้างตาพราว
“สาวๆ เยอะใช่ไหมล่ะ”
มาลินีเหล่ตาพร้อมเอ่ยขึ้น
คนถูกทักยักไหล่ ไม่อยากบอกว่าความจริงเขาตามน้องสาวของเธอมาต่างหาก เพราะแม้อธิปดูเหมือนสนิทสนมกับผู้หญิงในที่ทำงานหลายคนแต่เขาก็ไม่ได้หมาหยอกไก่ ชายหนุ่มเพียงแค่อัธยาศัยดี ทว่ามาลินีคงคิดว่าเขาเจ้าชู้ไม่เบา และเธอก็ค่อนข้างวางตัวกับเขาอย่างมีช่องว่าง ซึ่งอธิปไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดจะคบหาเขาแบบเพื่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องพยายามทำให้หญิงสาวรู้ว่าตัวตนจริงๆ ของเขาเป็นอย่างไร
มาลินีเดินนำปัฐวิกรและน้องสาวมานั่งร่วมโต๊ะกับพรชิตาที่รออยู่คนเดียว ส่วนอธิปแยกไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนของเขา
มาธาวีมองทุกคนในนี้แล้วก็รู้สึกว่าแต่มีรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเธอหลายปีและมีหน้าที่การงานมั่นคงแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครรุ่นราวคราวเดียวกับเธอสักคน อาจเป็นเพราะพรชิตาเองก็ทำงานราชการเช่นกัน ทำให้เพื่อนที่รู้จักส่วนใหญ่อยู่ในวงการนี้
“คุณปัฐคงไม่เคยเที่ยวกลางคืนที่เชียงใหม่ใช่ไหมคะ”
พรชิตาถามขึ้น เห็นชัดว่าความสนใจอยู่ที่เขาเต็มๆ
“ครับ”
“งั้นก็สนุกให้เต็มที่นะคะ คิดเสียว่านานๆ จะได้ผ่อนคลายสักที”
หญิงสาวบอกพร้อมกับยื่นแก้วของตนมาเพื่อจะชนกับชายหนุ่ม
“สองด้วยนะ กลับมาอยู่เชียงใหม่ตั้งนานไม่ได้สังสรรค์กันเลย ตามสบายนะจ๊ะ”
พรชิตาหันไปทางคนที่อายุน้อยที่สุด
ปัฐวิกรชนแก้วกับพรชิตา ทว่าสายตาคมเหลือบมองคนร่างอรชรที่มีแก้วอยู่ในมือเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงคอกเทลที่แอลกอฮอล์ไม่แรงก็วางใจได้เปลาะหนึ่ง แม้จะไม่รู้ว่าทำไมตนต้องคอยสังเกตเธอก็ตาม พอมาลินียื่นแก้วมาชนด้วยเขาก็ชนแล้วดื่มราวไม่ได้ใส่ใจมาธาวี
“คุณปัฐเต้นรำกับตานะคะ”
เวลานี้เพลงเปลี่ยนเป็นจังหวะช้าและมีหลายคู่ออกไปวาดลวดลายในพื้นที่ตรงกลางใกล้หน้าเวทีที่มีดีเจอยู่
ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดขึ้นมาดื้อๆ แต่เมื่อสังเกตจากการดื่มของเธอแล้วก็ไม่แปลกใจนัก ไม่พูดเปล่า มือบางยังวางลงบนมือเขาลูบเบาๆ อีกต่างหาก
ปัฐวิกรอดคิดไม่ได้ว่าเขาดูใจดีและง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็มักจะแตะตัวเขาก่อน แม้แต่มาธาวีเองก็เช่นกัน คิดมาตรงแล้วเขาก็เหลือบมองไปทางหญิงสาวก็เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจมองเขาด้วยซ้ำ มาธาวีสนใจมือถือของตนเองมากกว่า เมื่อมองไปทางมาลินีก็เห็นว่าสีหน้าลำบากใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นะคะ ยังไงวันนี้ตาก็เป็นเจ้ามือ ให้เกียรติตาหน่อยนะคะ”
“คุณตาเป็นฝ่ายให้เกียรติผมต่างหากล่ะครับ”
เขาบอกอย่างอ่อนใจ
“งั้นก็หมายความว่าตกลง”
สาวสวยร่างอิ่มสมส่วนลุกขึ้นทันทีพร้อมจับมือเขาให้ลุกตาม สุดท้ายปัฐวิกรก็จำต้องไปกับเธอ
เสียงจิ๊กจั๊กที่ดังใกล้ๆ ตัวหลังคนสองคนไปแล้วทำให้มาธาวีเหลือบตามองพี่สาวที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ
“ขัดอกขัดใจอะไรนักหนาคะ”
“เธอก็เห็น แทนที่ฉันจะได้คุยกับคุณปัฐบ้าง กลายเป็นว่ายายตาเหมาเขาไปคนเดียวเลย”
มาลินีระบายด้วยความเซ็ง เห็นชัดว่าเป็นเพียงการบ่นไม่ได้คิดจะปรึกษา มาธาวีจึงแค่ยักไหล่ เธอเองก็ไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูมาดดี สุขุม เป็นผู้ใหญ่อย่างปัฐวิกรจะเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ที่หน้าที่การงานมั่นคงขนาดนี้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่พี่สาวเธอกับพรชิตาหรอก หญิงสาวรับรู้ถึงสายตาสนอกสนใจมองมาไม่ขนาดสาย ใครกล้าหน่อยก็เข้ามาทักทายและถามไถ่ว่าเขาเป็นใคร
ไม่เพียงเท่านั้น สาวใหญ่มีอายุเองก็ยังติดบ่วงหนุ่มเนี้ยบอย่างปัฐวิกรจนเขาต้องเอาเธอไปอ้างมาแล้ว
ไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายมีอะไรดึงดูดใจสาววัยผู้ใหญ่นักหนา
“คุณสอง ไปเต้นรำกันไหมครับ”
อยู่ๆ อธิปก็เดินเข้ามาพูดกับเธอ
สองสาวพี่น้องเงยหน้ามองชายหนุ่มราวกับเขาเป็นตัวประหลาด ก่อนมาลินีจะสะบัดหน้าหนีไม่ใส่ใจ ปล่อยให้น้องสาวตัดสินใจเอง
มาธาวียิ้มแหยแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ไหวหรอกค่ะ”
“ยายสองรำเป็นแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ”
เสียงพี่สาวเอ่ยลอยขึ้นมาบ่งบอกความหมั่นไส้
“อย่างที่พี่หนึ่งบอกแหละค่ะ คุณอธิปไปกับพี่หนึ่งสิคะ เธอเต้นรำเก่งมาก นี่นั่งรอให้คนมาขอก็ไม่มีใครสนใจเลยสักคน”
“ยายสอง”
มาลินีหันมาแว้ดใส่น้องสาวทันที
ชายหนุ่มที่มองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะขึ้นมากับความเป็นธรรมชาติของสองพี่น้อง ที่ไม่มีใครคีบลุคกับเขาเลยสักคน เห็นชัดว่าเขาไม่อยู่ในสายตาพวกเธอ
ความจริงชายหนุ่มก็พอจะเดาได้ว่ามาลินีหมายตาใครเอาไว้จนอุตส่าห์ชวนมาด้วย แต่ตอนนี้เหมือนคนคนนั้นจะโดนยึดไปแล้ว
“นั่งเฉยๆ เบื่อแย่ ไปเถอะครับคุณหนึ่ง”
มาลินีแปลกใจที่เขาก็เปลี่ยนมาชวนเธอแทน และนั่นกลับยิ่งทำให้หญิงสาวชักสีหน้าใส่อีกฝ่าย
“ก็คุณสองบอกว่าคุณเก่ง ผมเลยอยากรู้ว่าจะสักแค่ไหนกันเชียว”
อธิปจงใจท้าทาย เพราะดูจากสถานการณ์แล้วยังไงมาธาวีก็คงไม่ออกไปเต้นรำกับเขาแน่ ส่วนมาลินีชะเง้อชะแง้ไปที่ด้านหน้าอยู่ตลอดเวลา
“ไปเถอะคุณ อยู่ตรงนี้ยังไงก็ไม่ได้ยินหรอกว่าเขาคุยอะไรกัน เข้าไปใกล้ๆ ดีกว่า”
ร่างสูงเพรียวโน้มลงมากระซิบอย่างรู้ทัน มาลินีสบตาคมนิ่ง เห็นด้วยกับชายหนุ่ม เพราะเธออยากเข้าไปฟังใกล้ๆ จะแย่อยู่แล้ว ว่าร่างสองร่างที่กำลังกอดและซุกซบกันอยู่ท่ามกลางคู่เต้นอื่นๆ นั้นคุยอะไรกัน ทำไมต้องคุยกันในระยะประชิดขนาดนี้
=====
หลังทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของปัฐวิกรกับมาธาวีที่ราวเป็นการรวมญาติเล็กๆ แล้วช่วงเย็นก็มีเลี้ยงภายในครอบครัว ครอบครัวอรรถพันธ์พงศ์มาครบเช่นเคย โดยคืนนี้ก็จะค้างที่บ้านหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงศราเช่นเดิม ซึ่งลัลนาเพียงนั่งเงียบๆ ข้างมารดาหากก็ไม่เย็นชาจนเกินงาม แม้จะมีโจทก์เก่าอยู่ถึงสองคนก็ตาม เพราะอย่างไรก็ต่างคนต่างอยู่กันแล้ว ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปบ้านที่เชียงใหม่เสร็จก่อนเพราะปัฐวิกรเห็นว่ามาธาวีอยู่ที่นี่ ส่วนที่บ้านอรรถพันธ์พงศ์ก็ค่อยเป็นค่อยไป ไว้ใช้ตอนเขาพาหญิงสาวไปเยี่ยมครอบครัว หรือเวลาที่จำเป็นต้องไปทำธุระ ส่วนงานชายหนุ่มให้กิตติกรดูแลทางกรุงเทพฯ เป็นหลักแล้วในตอนนี้ ทว่าทั้งสองคนก็ยังคุยกันทุกวันและปัฐวิกรบินไปมาแต่ไม่ทุกอาทิตย์เหมือนเมื่อก่อนทว่านั่นทำให้ปัญหาเกิดขึ้นกับทางโรงเรียน ‘นาฏช่างฟ้อน’ ของสามสาว“ปรางขอโทษนะคะคุณก้อย สอง”พิมพ์ปรางบอกเพื่อนหน้าละห้อยขณะพาลูกเข้ามากล่อมนอนในห้อง โดยมีสองสาวเพื่อนซี้ตามมาด้วย“ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็ช่วยกันไปก่อน แต่ถ้าก้อยคลอด สองก็จัดการได้อยู่ดี”มาธาวียักไหล่ยิ้มๆ รู้ว่าพิมพ์ปรางไม่สบายใจ เพราะจนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถกลับมาช่วยเพื่อนที่โรงเร
“มาสิครับ”ปัฐวิกรเอ่ยด้วยเสียงเย้ายวนใจ เมื่อหญิงสาวกล้าที่จะเริ่มต่อจากนั้นเขาก็เป็นคนช่วยเธอ แล้วร่างสองร่างก็แนบสนิทอย่างที่สุดพร้อมเสียงครวญยาวในลำคอของคนตัวเล็กเพราะเธอเกร็งและกลัวจนเขาต้องลูบหลังปลอบใจเธอก้มหน้าลงซบซอกคอแกร่งเมื่อถูกกระแสรัญจวนครอบงำ ตัวสั่นเบาๆ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เพราะเพียงแค่นี้ทั้งร่างของเธอก็แทบจะระเบิดแล้ว แต่แล้วมือหนาก็วางลงบนเอวเธอชักนำพร้อมเอ่ยเสียงทุ้มพร่า“ทำให้ผมละลายเพราะคุณสิสอง”ไม่รู้เพราะเสียงบอกกระตุ้นหรือเพราะแรงรั้งจากมือหนาทำให้สะโพกเธอเริ่มขยับตาม แล้วก็ต้องปล่อยเสียงของความอัดอั้นออกมาเพราะรู้สึกถึงความทรมานแสนหวานที่มากยิ่งกว่า“ดีที่รัก”ปัฐวิกรยังให้กำลังใจขณะที่เขาเองก็เดินหน้าเช่นกันเพราะกำลังของคนตัวเล็กบางเบาเกินกว่าจะนำพาเขาได้ ทว่าก็สร้างความหวามในอกอย่างสุดแสนไม่น้อยเลย แต่เขารู้ว่ามาธาวีอายเกินกว่าจะก้าวไปไกลกว่านี้เขาจึงจัดการทุกอย่างเอง หากร่างทั้งสองก็เป็นท่วงทำนองเดียวกัน จนเขาได้ยินเสียงหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ จากหญิงสาว ไม่นานร่างอรชรก็สะดุ้ง แขนเรียวกอดเขาฝังหน้าเล็กร้องในลำคอ นั่นทำให้เขาเร่งร้อนสะโพกแกร่งเพื่อจะตามคนตั
“แป๊บนะครับ”ปัฐวิกรถอนจูบแสนหวามออกมากระซิบเสียงพร่าแล้วถอดเสื้อยืดของตนออกอย่างรวดเร็วหญิงสาวกวาดตามองเรือนร่างกำยำของคนที่ตนนั่งอยู่บนตักเขาเร็วๆ แล้วก็เขินจนหน้าแดง เธอไม่ค่อยสนใจอีกฝ่ายเวลาใกล้ชิดกันก่อนหน้านี้เลยเพราะถูกฝืนใจ แต่เวลานี้ร่างกายและใจสาวกำลังรอคอยทำให้อดอายความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อยู่ๆ ชายหนุ่มก็จับเอวเธอยกขึ้นทำให้มาธาวีตกใจนิดๆ จนตัวเกร็ง“อะ...อะไรคะ”แล้วเขาก็จับกางเกงขาสั้นของเธอ คราวนี้มาธาวีรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มตั้งใจจะถอดท่อนล่างที่เหลืออยู่“อื้อ”หญิงสาวประท้วงอีกฝ่ายพร้อมจับมือเขาอย่างไม่ยินยอม เธอเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว ตรงนี้เป็นห้องรับแขก แถมไฟสว่างจ้า ประสบการณ์รักของเธอก็น้อยนิด ทุกครั้งแทบจะหลับตาตลอดเพราะไม่พอใจและกลัว แต่เขาจะมาให้เธอถอดโชว์เผยสัดส่วนทั้งตรงนี้ ตอนนี้เลยได้อย่างไรปัฐวิกรสบตาเธอครู่หนึ่ง แววลุ่มลึกในนั้นคมเข้มจนหญิงสาวหวั่นใจ แต่เขาก็ไม่ได้บังคับ เมื่อยอมละมือจากกางเกงของเธอเขาก็เปลี่ยนมาเกาะกุมอกอวบที่ยังมีเสื้อชั้นในโอบรั้งไว้ เคล้าคลึงเบามือ จนคนที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ทั้งที่จับมือเขาอยู่ถึงกับแอ่นเข้าหาชายหนุ่ม มือหนา
สามเดือนผ่านไป...ปัฐวิกรพามาธาวีมาทำบุญตามที่คุยกันเอาไว้ ร่างกายของหญิงสาวดีขึ้นมาก ส่วนที่มีปัญหามากที่สุดคือแขนข้างที่กระดูกร้าว แต่ก็ดีขึ้นมากแม้จะยังขยับไม่ค่อยคล่องก็ตาม เขาจึงไม่ให้อีกฝ่ายถือหรือยกอะไรหนักนอกจากทำกายภาพ แต่ปัญหาหลักๆ ก็คือ มาธาวียังรำไม่ได้ และนั่นคือเรื่องใหญ่สำหรับหญิงสาวเขาจำได้ว่าตอนที่รู้สึกตัวได้เต็มที่แล้วพยายามจะขยับแขนแต่ทำไม่ได้มาธาวีร้องไห้ออกมาเงียบๆ เขาต้องคอยถามคอยปลอบอยู่ตั้งนานกว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวรำไม่ได้อีกตอนนี้โรงเรียนเป็นหน้าที่ของกัญญานันเป็นหลัก นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับมาธาวีเลยก็ว่าได้“ไปที่ไหนต่ออีกไหม”หลังออกมาจากวัดแล้วชายหนุ่มก็ถามขึ้น“สองห่วงก้อยค่ะ รีบกลับไปช่วยก้อยดูเด็กๆ ดีกว่า”มาธาวีรู้ว่าเพื่อนท้องก็ดีใจอย่างมาก หลังออกจากโรงพยาบาลก็ไปอยู่กับกัญญานันที่คลาสตลอด แม้จะไม่ได้ช่วยอะไรมากก็ตาม ส่วนตอนไปดูแลเด็กแสดงที่ร้านเป็นเปรมินทร์ไปกับภรรยาของเขา เพราะปัฐวิกรเห็นว่าร่างกายของมาธาวียังไม่เหมาะจะไปไหนมาไหนในเวลากลางคืนและต้องรีบพักผ่อน“หวังว่าคุณแน็ตคงยกโทษให้สอง”หญิงสาวพึมพำเสียงเบาขณะอยู่บนรถ“สองตั้งใจทำบุญให้
ขณะที่คุณากรยืนมองนิ่ง เขาพอมองออกว่าอะไรเป็นอะไร ดูออกตั้งแต่วันที่นันทิยาแอบนัดให้ปัฐวิกรมารับที่ผับตอนอ้างกับเขาว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เห็นหายไปนานเขาก็ไปตามแต่กลับไม่เจอตามหาจนออกมาข้างนอก ก็เห็นหญิงสาวเดินไปกับผู้ชายคนอื่น ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ตอนเห็นปัฐวิกรมาช่วยมาธาวีแล้วพาเดินไปด้วยกันเขาก็จำด้านหลังอีกฝ่ายได้“บังเอิญยังไง”ปัฐวิกรถามออกไป ยังมีความคิดว่า อาจจะเป็นการเข้าใจผิดอยู่เพียงเล็กน้อย“นุ๊ก...พี่สองเขาหึงนุ๊ก เขาเรียกนุ๊กไปคุยด้วย ซักไซ้นุ๊กเรื่องพี่ปัฐนุ๊กบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่เชื่อ เราเลยยื้อยุดกัน แล้วมันก็...”นันทิยาหยุดพูดแล้วร้องไห้ออกมาไม่หยุดคุณากรถึงกับถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเพราะไม่มีวันเชื่อ ทว่าก็เพียงยืนมองเงียบๆ อยากรู้ว่าปัฐวิกรจะคิดอย่างไรปัฐวิกรถึงกับไม่รู้จะตีสีหน้าอย่างไรเลยทีเดียว เขาอึ้งกับคำพูดของอีกฝ่าย เป็นไปได้ยากที่มาธาวีจะหึงเขาในเมื่อรู้แล้วว่าเขาดูแลนันทิยากับครอบครัวแทนพี่สาว และหญิงสาวเองก็ยังรู้สึกผิดอยู่ไม่น่าจะทำร้ายน้องสาวของณัฐวราได้ เศษเสี้ยวหนึ่งของใจชายหนุ่มอยากจะเชื่อนันทิยาแต่เพราะการพูดออกมาได้โดยไม่หยุดคิดของอีกฝ่ายทำให้เ
สิ่งที่ได้ยินจากหมอทำให้ปัฐวิกรถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ร่างกายของมาธาวีกระแทกหลายจุด แต่ที่หนักคือไหล่กับแขนข้างหนึ่งกระดูกแตกร้าว ยังดีที่ไม่ถึงกับหัก หัวที่แตกไม่ได้รับการกระทบกระเทือนถึงสมอง คนไข้หายใจได้เองปกติ ไม่มีภาวะหยุดหายใจ นั่นทำให้ชายหนุ่มโล่งอกไปส่วนหนึ่ง หากก็ยังเคร่งเครียดอยู่เพราะหญิงสาวยังไม่รู้สึกตัว“สองต้องไม่เป็นอะไรค่ะพี่ปัฐ”กัญญานันเข้ามาเกาะแขนเขาพร้อมน้ำตาคลอแต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายพยายามกะพริบตาและกลั้นน้ำตาของตัวเอง ชายหนุ่มจึงดึงร่างน้องสาวมากอด อีกฝ่ายก็แนบหน้าลงซบอกเขา ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเบาๆระหว่างนั้นเปรมินทร์ที่ออกไปคุยโทรศัพท์กับทางไร่เพราะดิสกลส่งสายให้ก็กลับเข้ามา สีหน้าค่อนข้างเรียบสนิทเดาอารมณ์ไม่ถูก“ตำรวจสอบปากคำทุกคนที่บ้านครบแล้วครับ”พวกเขาที่อยู่โรงพยาบาลได้ให้ปากคำกับตำรวจเรียบร้อยไปก่อนหน้านั้นแล้ว“แล้วก็บอกว่ามีคนที่น่าสงสัย ตอนนี้กักตัวอยู่ครับ รอผลพิสูจน์ลายนิ้วมือจากก้อนหิน ที่คนร้ายอาจจะจับใช้ตีหัวน้องสอง”กัญญานันหน้าเสีย ยกมือปิดปากเพราะในหัวเธอมีภาพนั้นลอยเข้ามาแล้วก็นึกสงสารเพื่อนจับใจ“ดีนะที่ให้ดูคุณากรไว้ตั้งแต่เมื่อคืน”ปัฐวิกรพูดขึ