กิตติทัศน์มาหาจริงๆ แต่กะเวลาไว้พอดีคือตอนที่งานเลี้ยงเลิกแล้ว เพราะตั้งใจจะอาสาไปส่งสามสาวที่บ้าน อมาวสีที่ทนมองหน้ารุ่นพี่คนที่เคยนอกใจเพื่อนของเธอไม่ได้ จึงขอตัวนั่งรถเมล์กลับก่อนกันตายอมขึ้นรถกิตติทัศน์เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นญาติ มีศักดิ์เป็นพี่ชาย และเขาบอกว่าจะแวะไปหาพ่อกับแม่ของเธอด้วย"ลูกอม ไปเถอะ พี่ไปส่ง ฝนทำท่าจะตกแล้ว ขึ้นแท็กซี่ถ้าฝนไปตกกลางทาง รถติดอีก"ชายหนุ่มเอ่ยเป็นการเป็นงาน กันตามองหน้าเพื่อนตาปรอยๆ สุดท้ายลลิตราจึงจำใจยอมขึ้นรถไปด้วยแต่เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยและรถเคลื่อนตัวแล้ว เธอก็พูดออกมาตรงๆ"เกี๊ยวบอกว่าพี่ติจะมาขอโทษ?"กิตติทัศน์หันหน้ามาแวบนึง ท่าทางตกใจและแปลกใจ กันตาที่นั่งเบาะหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำไม่รู้ไม่ชี้อึกอักอยู่ครู่ ชายหนุ่มจึงยอมรับ"ใช่...ใช่ครับ""ก็ขอโทษไปแล้ว จะขอโทษอะไรกันบ่อย ๆ คะ"น้ำเสียงไม่ถึงกับกระด้าง แต่คนฟังก็ย่อมรู้ตัวว่าคนพูดไม่พึงพอใจนักกิตติทัศน์กลืนน้ำลาย"ที่จริง พี่อยากคุยกับลูกอมสองคน"กันตาหันขวับมาทันที หน้าเหวอ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลลิตราก็พูดขึ้นมาก่อน"เกี๊ยวมันก็เพื่อนหนู น้องสาวพี่ ไม่มีอะไรที่พี่ติพูดกับลูก
พายุยังไม่เคลื่อนผ่าน พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนยังจะตกหนักอีกหลายวัน แต่ในความมืดมนของท้องฟ้านั้น ครอบครัววรเศรษฐกุลกลับสว่างไสวด้วยข่าวดีเพราะชลธิชาให้กำเนิดบุตรสาวคนแรกอย่างปลอดภัยในโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง"เป็นตาคนแล้วนะ แถมยังได้หลานสาวด้วย เลิกเจ้าชู้ได้แล้ว"วิภาเอ่ยลอยๆ ชาญหัวเราะเบาๆ ไม่ตอบว่ากระไร อาจเพราะมัวแต่ปลื้มอกปลื้มใจหลานตาคนแรกนี้คนนี้กิตติทัศน์ก็ดีใจไม่น้อย ความรู้สึกของการเป็นพ่อคนที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัส ทว่าเพราะลูกสาวของเขาเกิดในตระกูลมหาเศรษฐี แทบจะมีพี่เลี้ยงคอยรับใช้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก ไหนจะแม่ยายอย่างวิภาที่คอยประกบทั้งลูกและหลานไม่ห่าง จนเหมือนทุกคนลืมเว้นพื้นที่ให้กิตติทัศน์ได้แสดงบทบาทความเป็นพ่อและสามี...ชายหนุ่มออกมาหากาแฟดื่มแก้เซ็ง ชลธิชาเพิ่งให้นมลูกและหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย อีกหลายชั่วโมงกว่าเธอจะตื่น แม่ยายเขาไล่ให้เขากลับไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านทั้งที่เขาก็อยากอยู่ใกล้ๆ ยัยหนูลูกสาวของเขาเหมือนกัน..."เฮ้อ..."เซลล์หนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว อดคิดไม่ได้ว่าในเมื่อชลธิชาก็ไม่จำเป็นต้องมีเขาอยู่ข้างๆ เธอก็ได้...ถ้าในอนาคตจะหย
ณ ประเทศสิงคโปร์โชติรสสวมแว่นตาดำปิดบังเกือบครึ่งของใบหน้า เดินมาที่ห้องพักชั้นบนของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านมารีน่าเบย์ แม้ค่อนข้างแน่ใจว่าจะไม่เจอคนรู้จักที่นี่ แต่เธอก็อดใจเต้นแรงไม่ได้อยู่ดี...เมื่อกดกริ่งเรียกคนด้านใน อึดใจเดียวประตูก็แง้มออก หญิงสาวก้าวเข้าไปเพียงสองก้าว ประตูก็ปิดตามหลังและโดยไม่ทันตั้งตัวใครที่รออยู่ก็ผลักเธอเข้ากับผนังห้องแล้วระดมจูบอย่างหิวกระหายโชติรสชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที แต่วินาทีต่อมาเธอก็ยกแขนโอบรอบคอเขาแล้วจูบตอบอย่างร้อนแรงพอกัน...ก็ทั้งคู่นัดกันเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง...จังหวะหนึ่งที่บานกระจกในห้องสะท้อนเงาสองร่าง เผยให้เห็นว่าผู้ชายที่กำลังโรมรันพันตูอยู่กับโชติรสนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เขาคือซีอีโอคนใหม่ของสยามเจ็ต...ภพธร...* * * * "พ่อจะไม่อยู่ตั้งสามอาทิตย์ แกแวะมาดูบ้านบ้างสิอาร์ต"อรรถเอ่ยกับลูกชายคนโตทางโทรศัพท์ เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ไม่เห็นหน้าอธิปเลย อีกไม่กี่วันเขาจะเดินทางไปยุโรปกับลินดา จึงโทรไปบอกลูกชายให้รับทราบไว้"ให้ป้าอ้อมดูแลไปสิฮะ หรือไม่ก็...ลูกสาวของพ่อไง หรือว่ายัยลูกอมก็ไปด้วย""เปล่า ลูกอมไม่ได้ไป พ่อกับน้าลินดาไปก
"โอม! กูมึงชอบมึงไงเข้าใจปะ กูชอบมึงตั้งแต่วันรับน้องแล้ว กูไม่สนแล้วว่ามึงจะคิดยังไงเพราะกูแค่อยากบอกว่ากูชอบมึง กูโคตรชอบมึงเลย จบนะ!"พูดจบก็ลุกพรวดจะเดินหนีไป แต่โอมคว้าแขนไว้ก่อน และเขาหัวเราะออกมาจริงๆ เป็นเสียงหัวเราะแบบที่น้ำแข็งจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นเขาหัวเราะแบบนี้เธอหันไปมองเขาอย่างโกรธๆ แต่สีหน้าของโอมตอนนี้กลับยิ้มเต็มหน้าและดวงตา"นี่ถึงกับพูดมึงกูเลยเหรอ นี่ชอบจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย""เออ! ชอบ! และกูก็จะไม่พูดเพราะๆ กับมึงแล้ว กูเหนื่อย กูขี้เกียจเก๊ก""ก็ไม่เห็นต้องเก๊กเลย น่าจะพูดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว""พูดแบบไหน?""ก็แบบที่เป็นตัวของตัวเอง แล้วก็..."โอมปล่อยมือ กระแอมแล้วมองไปทางอื่น เหมือนหูเขาจะแดงขึ้นมาเล็กน้อย"แล้วก็อะไร?""แล้วก็...น่าจะบอกออกมาตั้งนานแล้วปะ""อ้าว...แล้วแกไม่รู้รึไง?""รู้ ใครจะไม่รู้วะ แต่แค่อยากได้ยินปะ"โอมพูดออกไปแล้วก็กระแอมอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แค่หูที่แดงแต่ลามมาที่หน้าและคอ เขาเหลือบมองหน้าน้ำแข็งนิดๆ น้ำแข็งอ้าปากเหมือนจะพูดแต่พูดไม่ออก หน้าตายังงงมากกว่าจะเขิน "เออ ความรู้สึกช้าแบบนี้นี่ไง ถึงได้ไม่รู้อะไรสักที"พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าโรงยิม
พนักงานสยามเจ็ตตื่นเต้นกับว่าที่ซีอีโอคนใหม่มาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้เลยว่าใครจะมานั่งเก้าอี้นี้แทนอรรถ...หนึ่งในคนที่ตื่นเต้นและแปลกใจที่สุดคงไม่พ้นโชติรสและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เคยได้ให้บริการ "คุณเจย์" ภพธร มาก่อนโดยที่ตอนนั้น"เจอกันอีกแล้วนะครับ"บรรดาแอร์โฮสเตสสาวยิ้มปลื้มที่ซีอีโอคนใหม่จดจำพวกเธอได้"เสียดายเนาะที่มีเมียแล้ว" อีกคนพูดเพราะไปสืบมาแล้วว่าภพธรหรือคุณเจย์แต่งงานแล้ว แม้ไม่รู้ว่าใครคือผู้หญิงหรือผุ้ชายผู้โชคดีคนนั้นก็ตามโชติรสก็เผลอนึกเสียดายเหมือนกัน ทั้งที่เธอไม่มีเหตุผลให้คิดแบบนั้นเลย แต่ไม่ว่าจะรู้สึกกับซีอีโอคนใหม่อย่างไร หญิงสาวก็เก็บมันไว้ในใจอย่างแนบเนียน* * * * *"โอม ช่วงนี้ได้เจอพี่อาร์ตเขาบ้างหรือเปล่า"อรรถถามลูกชายระหว่างกินอาหารเช้าด้วยกันก่อนที่โอมจะไปมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มส่ายหน้า"ไม่เลยครับ""อืม เห็นช่วงก่อนกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อยๆ จู่ๆ ก็หายไปอีก...คงแล้วแต่อารมณ์เขาล่ะมั้ง"อรรถถามเองตอบเอง เขาเข้าใจว่าลูกชายคนโตเป็นคนอารมณ์แปรปรวน นึกจะมาจะไปก็คงเอาแน่เอานอนไม่ได้...นี่ถ้าฝากฝังให้ดูแลบริษัทจริงๆ จะทำปั่นป่วนไหมนะ..."โอม...
"นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าแฟนเก่าฉันหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน และก็...ตอแยฉันไม่เลิกเหมือนกัน""ฉันไม่ได้..."อธิปนึกอยากจะเถียง แต่จำนนด้วยหลักฐาน เขายอมปล่อยมือออกจากเอวบางอย่างเสียดายแต่ยังไม่ยอมก้าวห่างไปไหน "ฉันไม่เหมือนแฟนเก่าเธอ เพราะฉันยังไม่มีพันธะอะไรกับใคร""คุณโชติรสได้ยินแบบนี้เธอคงยิ้มดีใจสินะ""ฉันกับโช เราไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น"อธิปแก้ตัว แล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมานิดๆ ทันทียังไม่นับว่าตอนนี้ลลิตราก็มองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน...เขามันทุเรศจริงๆ"ช่างฉันเถอะ ฉันมาคุยเรื่องของเรา...อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับฉันเลยสักครั้ง..."อธิปยังดื้อดึง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากคนตรงหน้ารวดเร็วจนเธอผงะหนีแทบไม่ทัน"เธอรู้สึก ฉันดูออก... ไม่ต้องอายหรอกเพราะฉันก็รู้สึก ฉันแทบบ้าที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้...และฉันไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป เธอ...ลูกอม...แฟนเก่าเธอมันแต่งงานไปแล้ว แต่ฉันยังว่าง ฉันให้เธอได้ทุกอย่างขอแค่เธอ..."อธิปละไว้ในฐานที่เข้าใจ ลลิตราแค่นหัวเราะ "นายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ""แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ เยส หรือ โน""แป