“ มินครับ ตื่นมากินข้าวก่อนนะ ” ภวิชนั่งข้างเตียงพยุงคนที่หลับ คนที่แทบไม่รู้สึกตัวให้ลุกขึ้นคนถูกกวนการนอนร้องอื้ออึงผ่านลำคอที่แห้งผาก
“ อือ คนใจร้าย ” เธอพรึมพรำละเมอต่อว่าเขา “ นี่ขนาดไม่รู้สึกตัวนะ เดี๋ยวพี่ก็ใจร้ายลักหลับซะหรอก ” เขาประครองให้เธอนอนพิงแนบหน้าอกของเขา เขาพยายามจะป้อนข้าวให้ร่างบางพอได้ยินเธอว่าเขาใจร้าย ก็สลดอยู่หรอกนะ แต่ก็ขอโทษแล้วไง คนอุตส่าห์ดูแลยังจะมาต่อว่าเขาอีก “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ภวิชชะเง้อไปมองเขาใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงสามส่วนสบายๆ คนย่างกายเข้าห้องคือแม่นมเขานั่นเอง “ แม่นิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ ” เมื่อเห็นเป็นคนคุ้นเคยเขาก็ส่งเสียงถามทักทายก่อนจะหันหน้าไปสนใจป้อนข้าวคนไข้ของเขาต่อ “ เอ่อ คุณชายค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่มาหาค่ะ ” ภวิชเงยหน้าขึ้นมองแม่นมของเขา พลางสงสัยว่าพ่อกับแม่มาหาเขาทำไมบ้านหลังนี้เขาปลูกไว้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปบริษัท พ่อกับแม่แทบไม่เคยมาพักที่นี่ด้วยซ้ำเพราะท่านชอบบรรยากาศทางเหนือมากกว่า “ ครับ เดี๋ยวผมตามลงไป ” “ ค่ะ ” เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือแค่เขากับมิน ภวิชป้อนข้าวมินตราอีกคำเพราะเธอทำท่ารำคาญเต็มทนแล้วเดี๋ยวเถอะไอ้ท่าทางกระเง้ากระงอดที่ดูทั้งน่ารักน่าแกล้งนั้นทำให้เขาคาดโทษหวังกำไรกับเธอ “ อืม ฟอด ชื่นใจจัง ” มินตราที่ถูกริมฝีปากหนากดลงบนแก้มนวลทำให้เธอพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก เธอจ้องภวิชแต่ไม่มีคำพูดใดๆ ใช่สิเธอโกรธเขาอยู่ แต่คนหน้ามึนทำเป็นไม่สนใจยักไหล่กลับแล้วหันไปหยิบยาแล้วแก้วน้ำให้คนไข้ที่มีอิทธิต่อจิตใจเขามากขึ้นทุกวัน ก่อนจะหันกลับมาตีหน้านิ่งใส่คนที่พยายามดันตัวเองให้นั่งพิงหัวเตียงมองเขานิ่ง ภวิชบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกเช่นไร แววตานิ่งๆ ไม่มีคำพูดคำถามใดๆจากปากของเธอ.......จะหุบปากไม่คุยกับเขาได้ก็ให้รู้ไป “ ตื่นก็ดีแล้ว อ่ะกินยาซะ ” เขาเคาะกระปุ๊กยาลดไข้สองสามครั้งพอให้เม็ดยากระเด็นออกมาสองเม็ดเขาก็ส่งยื่นให้เธอ มินตราเอื้อมมือไปหวังจะหยิบยาในมือเขา “ อือ อึก ฟึ่บ ” คนเจ้าเล่ห์ดึงมือที่กำยาไว้เข้าหาตัวเมื่อมินตราจะคว้ามันที่ตอนนี้เขาทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เขาจะยกแก้วน้ำแล้วกรอกยาเข้าปากตัวเองตามด้วยน้ำที่จะให้เธอ ใบหน้าคมหล่อเหลาไม่เปิดโอกาสให้ได้ถามเขาคว้าต้นคอมินตรา ดันให้แหงนเงยมองหน้ารับสัมผัสการป้อนยาแบบพิเศษด้วยปากของเขา ภวิชป้อนยาให้เธอด้วยปากเขาที่บรรจงเต็มใจบริการอย่างถึงที่สุด และไม่ลืมสำรวจความหอมหวานจากกลีบปากบางของเธอ เขาจูบเธอเนิ่นนานทั้งอ่อนหวานและเรียกร้อง ไม่อยากลงไปพบพ่อกับแม่เลยอยากทำอย่างอื่นมากกว่า.....มินตราหอบหายใจเสียงหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอทำให้ภวิชยอมถอนจูบปล่อยออกอย่างเสียดาย “ หลับไปซะแล้ว ว้า แย่จัง ” เขามองคนสวยที่หลับหนีเขาไป ภวิชเกลี่ยผมที่ปรกหน้าคนสวยของเขา นิ้วหัวแม่มือสัมผัสที่มุมปากเธอที่มีรอยช้ำเพราะเขา ผิดจริงๆไอ้วิชเอ้ยจะง้อเขายังไงว่ะคราวนี้ เล่นไม่พูดอะไรกับเขาเลยตั้งแต่ลืมตามา เล่นสงครามกับเขาด้วยการนิ่งเธอขู่เขาแบบนี้ รู้ไหมว่าเขาหวั่นแค่ไหน “ อย่างอนพี่นานนักนะมิน พี่อยากกอดมินด้วยรอยยิ้มมากกว่ารู้ไหม ” แม้รู้ว่าพูดออกไปเธอคงไม่ได้ยินเขากระชับกอดแน่นขึ้น กดริมฝีปากหยักหนาลงบนหน้าผากอีกครั้งก่อนจะค่อยๆวางเธอลงแล้วลงไปพบพ่อกับแม่ของเขาเอง ...........เสียงประตูปิดลงเปลือกตาที่ปิดค่อยๆเปิดขึ้น มินตราแอบลอบยิ้มสะใจ เธอปวดหัวตัวร้อนไม่สบายก็จริงแต่ไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ที่จำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง เธอจำมันได้หมดทุกคำ เธอแกล้งคนหื่นไม่เลิกขนาดเธอไม่สบายยังขโมยจูบเธอเลย เธอเลยแกล้งหลับหนีมันซะดื้อๆ “ คนอะไรหื่นเป็นบ้า! ไม่หายง่ายๆหรอกพี่วิช ฝันไปเถอะ ” มินตราทำหน้าบึ้งๆออกมาเมื่อนึกถึงสีหน้าและรอยยิ้มคนหื่นและบ้าพลังยามทำหน้าทะเล้นใส่เธอ มิหน้าเขาจึงเปรียบเทียบสุภาสิตที่ว่ามารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน แต่รู้ไหมว่าที่ใช้สุภาษิตนี้ก็เพราะว่าตอนนี้เธอคิดสำนวนที่เหมาะสมกันได้แล้ว ........มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนฤาจะเท่า...... ........ชายหนุ่มที่เจนสังเวียนเจ้าเล่ห์เช่น.....พี่วิชของเธอ.. “ ไง เจ้าวิช กว่าจะลงมาได้นะ เรา ” “ ขอโทษที่ให้รอนานครับ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วนั่นคุณแม่กำลังมองหาใครหรอครับ ” ภวิชกวาดสายตามองตามแววตาของผู้เป็นแม่ก่อนจะตั้งคำถามเมื่อไม่รู้ว่าท่านหาใครกันแน่ “ แล้วน้องกับเจ้าวัตต์หล่ะวิช ” “ แล้วนี่พี่ชายตัวดีไม่ได้ไปรายงานตัวกับพ่อแล้วก็แม่ที่ลำปางหรอครับ ส่วนใยวาวก็ไปมหาลัยมั้งครับวันนี้วันพุธนี่นา ” ไม่แปลกที่บ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีใครอยู่เพราะภัสสรเองก็มีคอนโดที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยจะได้สะดวกเวลาที่มีกิจกรรม ตอนแรกก็ไม่มีใครอนุญาตด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กของบ้านแต่น้องสาวตัวแสบก็มีข้ออ้างจนทุกคนต้องใจอ่อนจนได้ “ เฮ้อ มีลูกชายก็บ้าแต่งาน คนนึงก็เพิ่งกลับจากต่างประเทศนี่ตาวัตต์หนีแม่กลับมาแม่เจอตัวนะจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู ” ภวิชยักไหล่ไม่ยีระกับคำพิพากษาลงโทษของผู้ให้กำเนิด หญิงสูงวัยที่ยังคงมีความสง่างามไม่แพ้สาวแรกรุ่นเลยทีเดียว ภวิชล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับพ่อและแม่ของเขา “ แม่แกเขากำลังยุ่งๆหน่ะเลยยังไม่ได้คุยอะไรกับเจ้าวัตต์มันมากมาย ส่วนน้องสาวเราช่วงนี้ไม่ค่อยเจอเลยสงสัยกำลังเจอของเล่นหรือสนุกกับอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ” นั่นเป็นนิสัยที่คนเป็นพ่อรู้ดีสำหรับลูกสาวคนเล็กที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ เวลาลูกสาวคนเล็กเงียบหายไม่พบหน้าใคร แวบๆ หายๆ นั่นเป็นอาการเวลาเจอของที่ถูกใจหรือเจออะไรที่กำลังสนุกและท้าทาย นักบริหารชั้นแพลตตินัมที่เมื่อต้นปีเพิ่งได้รับรางวัลเกียรติยศมาประดับเสริมบารมีในฐานะนักธุรกิจที่มีรายได้มากที่สุดในอันดับต้นๆ ไม่อยากจะคุยเขาก็มีส่วนนะทำให้รายได้เยอะขนาดนั้น “ ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่มีอะไรรึเปล่าครับทำไมถึงมาหาผมได้ถึงที่นี่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ ” “ พอดีพ่อพาแม่เขามาดูเครื่องเพชรที่ส่งมาตกแต่งเมื่อเดือนก่อนหน่ะ ไหนๆ ก็ผ่านมาพ่อจะแวะมาหาลูกชายบ้างไม่ได้หรือไง! บ้ะ ไอ้นี่ ” ชายสูงวัยอธิบายถึงสาเหตุที่มาในตอนแรกก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงดุดันในตอนท้ายเป็นอันรู้กันในครอบครัวว่า นี่คือการคุยแบบหนึ่งที่หยอกล้อเล่นกันฉันท์พ่อลูก “ จริงสิคุณบอกเรื่องที่เราคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นให้ลูกรับรู้หรือยังค่ะ ” “ นั่นสิ ผมเกือบลืม ” “ เห็นไหมล่ะ ฉันคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องลืม ” หน้าง้ำงอใส่ผู้เป็นสามีก่อนจะหันมาพูดกับลูกชาย “ เออนี่ ตาวิช แม่ว่าถึงเวลาแล้วหล่ะลูกที่ต้องจัดงานหมั้นสักทีหมั้นตอนเช้าแต่งตอนเย็น ลูกสาวท่านรัฐมนตรีน่าจะกลับมาเมืองไทยแล้วใช่ไหมค่ะคุณ? ” ประโยคสุดท้ายถามสามีเพื่อความแน่ใจ หญิงสูงวัยลืมเรื่องที่ลูกสาวคนเล็กของบ้านเคยเปรยถึงผู้หญิงอีกคนไปเลย เมื่อพูดถึงอนาคตครอบครัวของลูกชายเธออยากอุ้มหลานจะขาดใจอยู่แล้ว “ อืม พ่อเห็นด้วยกับแม่เขานะ ” ผู้เป็นพ่อสนับสนุนภรรยาสุดที่รักทันที ภวิชเริ่มมีสีหน้ากลัดกลุ้ม เวลาแห่งความสุขมันสั้นอะไรขนาดนี้ “ ขอเวลาผมคิดหน่อยได้ไหมครับ ชีวิตผมทั้งชีวิตนะครับพ่อ นะครับแม่ ” ผู้เป็นพ่อกับแม่เริ่มทำหน้าลำบากใจก็ตลอดเวลาที่บอกว่าลูกชายมีคู่หมั้น ภวิชไม่ได้พูดอะไร แต่คราวนี้ดูลูกชายเขาเริ่มกังวลหรือจะมีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน การพูดคุยกันระหว่างสามคนพ่อแม่ลูกยังดำเนินไปนานพอสมควรกว่าจะสิ้นสุดลง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น บอดี้การ์ดรูปงามกำลังรับสายและสนทนา “ อืมๆ ฉันรู้ ” เสียงเรียกของสายชลทำให้ทัชที่คุยโทรศัพท์อยู่หันไปมอง “ ทัช ” สายชลเดินเข้าไปหาเพื่อนที่เพิ่งวางโทรศัพท์ไป “ ว่าไง ” “ คุณวิชเรียก สงสัยมีงานให้นายทำ ” “ อืม ” เมื่อทัชพยักหน้ารับรู้และเดินจากไปสายชลมองตามหลังเพื่อนที่ร่วมทำงานมานานพอตัว จนรู้นิสัยกันไปเสียแล้ว “ เฮ้อ! ” เขาถอนหายใจหนักๆ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์ของสายชลดังขึ้นชายหนุ่มกดรับสายอย่างสุภาพอาจเป็นงานของเจ้านายก็ได้ “ สวัสดีครับ ” ( สวัสดีค่ะ โทรจากโรงพยาบาล...............นะคะ ดิฉันจะโทรมาแจ้งอาการของผู้ป่วย...ตอนนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ ) การรายงานและรายละเอียดของพยาบาลและข้อมูลของผู้ป่วยทำสายชลจดรายละเอียดทุกอย่างตามความเคยชินที่เป็นเลขาให้กับเจ้านาย สายชลเป็นคนที่สุภาพที่สุด นิ่งที่สุด และจริงจังกับงานทุกอย่างทำให้ภวิชรู้สึกมีทั้งแขนและขาที่สามารถทำให้การทำงานของเขาราบเรียบขึ้น หลังจากวางสายจากโรงพยาบาลสายชลก็นึกถึงคำพูดที่เจ้านายหนุ่มสั่งเขา “ ทำให้เงียบที่สุด อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเข้าใจไหม....” “ ครับเจ้านาย ” เขาขับรถออกไปจัดการงานที่ภวิชสั่ง คำสั่งที่ได้รับมันคือสิ่งที่สายชลต้องทำให้สำเร็จ การมาเยือนของใครบางคนที่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอยู่ดี “ ถึงเมืองไทยสักที รฎา เฮ้อ เหนื่อยจะแย่ กว่าจะจบได้ ” สาวร่างสูงโปร่งผิวขาวอมชมพู ตากลมโต ผมยาวตรงถึงเอวคอดกิ่ว สูงสง่าโฉบเฉี่ยว ริมฝีปากสีแดงสด ดวงตากลมถูกซ่อนไว้ภายใต้แว่นสีชา ชุดเดรสสีแดงสดทำให้ภาพลักษณ์เธอโด่ดเด่นมากกว่าเดิม หายไปนานหลายปีที่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นเธอแค่อยากลืมมันมินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ
“ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที
ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา
ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้
- แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง